Mushroom Travel

ญี่ปุ่น 10 วัน (TOKYO – OSAKA – NARA) ก็ไม่หลงนี่นา!

รีวิวนี้เป็นการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรก ที่ได้เดินทางเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเพิ่งจะมีเวลาและโอกาสเขียนรีวิวสักที ซึ่งจะเน้นภาพซะมากกว่า 5555+ ย้ำว่าเดินทางเอง ไม่มีใครพาเที่ยว ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อมูลดีๆ สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกแบบผม

ผมเชื่อว่าถ้าอ่านดีๆ ศึกษาดีๆ อยากไปไหนก็หาข้อมูลเอาไว้ก่อน ไม่หลงหรอกครับ ( มีแต่ไม่มั่นใจตัวเองในบางครั้ง)

! ! ! ว่าแล้วก็ไป ญี่ปุ่น กันเถอะ ! ! !

การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ถือว่าทำการบ้านพอสมควรครับ เรียกได้ว่ากระทู้ไหนน่าสนใจ กระทู้ไหนมีที่ที่เราอยากจะไป ผมจะกด Favorite เอาไว้เลยครับ เพื่อเอามาทำ PLAN ซึ่ง ผมถือว่าสำคัญมาก เพราะสำหรับผมหรือบางคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย “เวลา” เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะเสียไปเปล่าๆ ไม่ได้หรอกครับ (หมายถึงเวลาที่เราจะมัวหลงทาง หรือไม่รู้จะไปไหนดี)

— ค่าใช้จ่าย–

คือการไปต่างประเทศค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่ถูกๆ แหละครับ แต่เราก็สามารถจัดการชีวิตเราได้คร่าวๆ ว่าเราจะ Limit ไว้ที่มากน้อยแค่ไหน เราจะไปไหนบ้าง การกินการใช้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแหละครับ เอาเป็นว่าในส่วนตัวผมเองก็พยายามไม่ใช้ฟุ่มเฟือยอะไรมากหรอกครับ

— ตั๋วเครื่องบิน —

อันนี้ผมขอข้ามไปแล้วกันนะครับ เพราะว่าอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา หรือใครจองได้ถูกได้แพง จุดนี้ผมอยากให้คิดว่าเราพึงพอใจกับราคาที่จ่ายไปแล้วเหมาะสมกับวัน รวมถึงช่วงเวลาในการเดินทาง อย่างผมเดินทางไปถึงที่ญี่ปุ่นเช้า / วันกลับก็กลับกลางคืน นี่ถือว่าได้เที่ยวอย่างเต็ม MAX วันที่เราเลือกเลย

— ที่พัก —

ทริปนี้เดินทางข้ามโซน คือ TOKYO – OSAKA – TOKYO ดังนั้นที่พักเราก็จะจองทั้งสิ้น 3 ที่ครับ แค่นี้ก็เหนื่อยจะลากกระเป๋ากันจะแย่แล้วแหละ อย่าไปคิดเลยครับ จะนอนนั่นคืนนึง นอนนี่สองคืน (ก็แล้วแต่ Life Style นะ ^^)
ที่แรกผมเลือกจองกับ Airbnb ที่ Tokyo ครับ สามารถเลือกได้ตามความชอบเลย และนี่คือวิวจากห้องพักที่ TOKYO ที่ราคาถูกกว่าบางโรงแรมอีก

ที่ที่ 2 OSAKA ผมจอง APA NAMBA SHINSAIBASHI ครับอันนี้ใกล้ย่านท่องเที่ยวเลยหาไม่ยาก แต่เดินลากกระเป๋ามาเหนื่อยพอสมควรครับ แต่ถ้าไม่ค่อยได้ย้ายไปไหนผมก็แนะนำครับ เพราะห้องพักดีอยู่เหมือนกัน
ที่ที่ 3 ตอนขากลับมาที่ TOKYO อีกครั้ง ผมเลือกจองที่ Hotel Mystays Asakusabashi อันนี้เดินทางง่ายอยู่ครับลงรถไฟปุ๊ปออกจากสถานีถึงเลย

— Pass ต่างๆ / ตั๋วที่ใช้เดินทางในญี่ปุ่น —

เอาจริงๆ เรื่อง Pass นี่ผมว่ามือใหม่นี่ งงเป็นไก่ตาแตกเลยล่ะครับ โอ้โฮ ประเทศนี้จะมีรถไฟอะไรกันมากมายหลายเส้นทาง ยังไม่วายมีหลายเจ้าอีก!!! บอกเลยว่ามึนมาก แต่ผมเดินทางข้ามโซน ทางออกที่ดีที่สุดก็คงเป็น JR PASS ตัวหลักเลยครับผมซื้อสำหรับ 7 วัน ก็คือจะเปิดใช้ได้ 7 วัน โดยวันก่อนหน้านั้น ผมก็เลือกซื้อเป็น Keisei Skyliner + Tokyo Subway Ticket ที่ซื้อจากสนามบินนาริตะ เพื่อเดินทางเข้ามาที่เมือง Tokyo ครับ ผมเลือกนั่งมาลงที่ UENO ก็จะออกมาตรงทางขวามือของภาพนั่นล่ะครับ ที่เป็นต้นไม้ๆ

หลังจากหมด JR PASS ผมก็เลือกที่จะหยอดเงินซื้อตั๋วเป็นรอบๆ เอาครับ ไปหลายที่ก็หยอดมากหน่อย ไปที่นึงนานๆ ก็ประหยัดการเดินทางไป การเดินทางจะไปไหนมาไหนเราก็เปิดเว็บ www.hyperdia.com/ หรือที่สะดวกกว่านั้นก็ใช้ Google MAP บนมือถือนี่แหละครับ

มาวันแรกก็สลับ PLAN เลยครับ เพราะว่าที่พักไม่สามารถฝากกระเป๋าไว้ก่อนได้ เพราะเป็น Airbnb นี่นา ก็เลยเอาไปฝาก Locker ที่ Ueno ก่อนแล้วก็ลุยยาวๆ กับที่แรกวัด Sensoji

แน่นอนว่าไม่ลืมที่จะจุดธูปไหว้พระก่อน พร้อมกับการกวักธูปเข้าหาตัว เข้ากระเป๋าสตางค์

มีเด็กนักเรียนมาทัศนะศึกษากันด้วย

จากนั้นก็เดินเล่น หาอะไรทานกันสักหน่อย ของขายเพียบ นี่คือแหล่งละลายทรัพย์ชั้นดี

เดินออกมาตรงเยื้องๆ ทางเข้าวัด มุมนี้สวยมากๆ ตั้งใจมาจากบ้านเลยว่าจะขึ้นมาถ่าย มุมนี้จากศูนย์บริการนั่งท่องเที่ยวชั้นบน ขึ้นลิฟท์ไปได้เลย

จากนั้นเรามุ่งสู่ร้าน Ken’s CAFE อันนี้ดูมาจากรายการในยูทูบ ITADAKIMASU ที่มาหาของกินอร่อยๆ ร้านนี้ขายขนมชนิดเดียวเท่านั้น!!!!!!

เค้กชิ้นนี้นี่แหละที่ทำมาจาก Chocolate ล้วนๆๆๆๆๆ ไม่มีแป้งเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยความตั้งใจของผู้ร่วมทริปว่าจะต้องกินให้ได้ แต่ราคาไม่เบาเลยสักนิด

ที่ต่อมาคือศาลเจ้าเมจิ ที่อยู่ตรง Harajuku (อันนี้คืออีกวันแล้วนะครับ ผมขอลงยาวๆ ไปเลย ไม่แยกเป็นวันๆ) มาตอนช่วงเช้าๆ ไปจนถึงสายๆ แสงดีมาก สวยงามมากๆ ร่มรื่นอีกด้วย

เดินต่อจากศาลเจ้าเมจิ ออกมาด้านนอก เที่ยวละแวกนี้เพลินๆ

และก็เดินมาจาก Harajuku ที่ถนนสายแฟชั่นอย่าง Takeshita Street ย่านนี้คนเยอะทั้งวัน เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย และถนนก็ไม่ได้ยาวมากเลยแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเอง แต่จะแตกแขนงเป็นซอยย่อยๆ ทำให้ของขายเยอะหลบไปตามซอย

เรื่องเดินก็สำคัญ แต่เรื่องกินสำคัญกว่า ว่าแล้วก็จัดไป

เมนูมันฝรั่งทอดร้อนๆ ราดด้วย Chocolate เหมือนจะเรียกว่ามันฝรั่งทอดสดอะไรแบบนั้น

ต่อกันที่ร้านเครปสุดฮิตอย่าง Marion ที่พอจะเห็นสาขาที่อื่นอยู่บ้าง แต่มา Harajuku ทั้งที ว่ากันว่านี่คือแหล่งขายเครป!

ทานของหวานเสร็จต่อด้วยของคาว 555 ช่างไม่เข้ากันเลย แต่ทำไงได้ หิว! เดินมากก็ใช้พลังงานมากตามไปด้วย

ตกเย็นเราคิดว่าจะไปเดินที่ Shimokitazawa แต่พอไปถึงฟ้าก็เริ่มมืดๆ แล้ว เลยไม่ได้เก็บภาพมาเท่าไหร่ แต่ก็ได้ซื้อของมือสองมาบ้าง สภาพดีมาก ราคาก็มีทั้งแพงและไม่แพงแล้วแต่ร้าน

วันต่อมาตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อย (แต่ก็เช้าอยู่ดี) เพื่อไปนั่งรถไฟ Shinkansen มุ่งหน้าสู่ OSAKA และก็ซื้อข้าวกล่องกินบนรถไฟสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง Package สวยงาม หน้าตาน่ากิน แต่เสียอย่างเดียวไม่ร้อนแบบที่เราคุ้นเคย 5555

และด้วยความที่เราอยากจะดูวิว Fuji ซัง !~ อุตส่าห์ไปจองล่วงหน้าแต่ก็ยังเต็มอยู่ดี ตอนจองที่นั่งบอกเจ้าหน้าที่ไปเลยว่า ฟูจิซังๆๆ สื่อสารไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร เจ้าหน้าที่เข้าใจได้เพราะคงมีคนมาบอกบ่อยๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้นั่งเก็บภาพ แต่ก็ขอเขามาได้เท่านี้แหละ วันนั้นฟ้าเปิดเป็นใจด้วย ขากลับมองไม่เห็นเลย

เดินทางไม่นาน หลับไปตื่นนึงก็ถึงแล้ว OSAKA !!

พูดคุยไลค์เพจได้ที่ www.facebook.com/relationtripsss

ญี่ปุ่น 10 วัน (TOKYO – OSAKA – NARA) ก็ไม่หลงนี่นา! was last modified: May 19th, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version