Mushroom Travel

Arab Street สิงคโปร์ ถนนฮิปๆ ของเหล่าฮิปสเตอร์

        นับแต่เริ่มศักราช 2558 จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงปลายปี ท่ามกลางของกระแสต่างๆ มากมายที่หลั่งไหลจากนอกประเทศเข้าสู่ไทย “ฮิปสเตอร์ (Hipster)” คือหนึ่งกระแสหลักจากโลกตะวันตกที่ผ่านเข้ามาจนสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งพฤติกรรมที่เรียกว่าวิถีแห่งฮิปสเตอร์ จนเกิดเป็นดราม่าจิกกัด กระทั่งหลายคนปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่ “ฮิปสเตอร์” แม้ว่าจะมีพฤติกรรมและความชอบส่วนตัวที่เข้าข่ายก็ตาม

      สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสงบเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร

ท่ามกลางความศิวิไลซ์ของสิงคโปร์ แต่ Arab Street กลับเดินสวนทางความเจริญนั้นอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมทั้งพื้นที่บริเวณ Bussorah Street ฮาจิเลน บาหลีเลน และ Muscat Street

      พื้นที่ทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมในแบบมาเลย์และอาหรับ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยผืนผ้าและสิ่งทอสีสันสดใส กลิ่นชาที่มีเอกลักษณ์ รวมทั้งหัวใจสำคัญของที่นี่อย่าง Sultan Mosque มัสยิดสีทองอร่ามที่มีประวัติกว่า 200 ปี นอกจากนั้นที่นี่ยังเต็มไปด้วยร้านบูติกอินดี้ที่บูรณะบ้านเรือนเก่าให้เป็นร้านค้าและถนนศิลปะ ซึ่งดึงดูดเหล่าฮิปสเตอร์จากทั่วโลกให้มาเยือนที่นี่ปีละหลายล้านคน

     ทั้งนี้มัชรูมทราเวลขอแนะนำสถานที่ซึ่งเป็นดั่งแลนด์มาร์คของ Arab Street ที่เหล่าฮิปสเตอร์ตัวจริงไม่ควรพลาด

Kampong Glam Cafe 

    ร้าน Kampong Glam Cafe ถือเป็นร้านที่ผู้มาเยือน Arab Street ทุกคนต้องมาให้ได้ ที่นี่ให้บริการอาหารพื้นเมืองที่เรียกว่า Kampong มาตั้งแต่ปี 2004 พ่อครัวแม่ครัวมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษโดยเฉพาะอาหารสิงคโปร์ อาหารอินโดนีเซีย อาหารมาเลเซีย รวมถึงอาหารประจำท้องถิ่นที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน ในสถานที่ที่กว้างขวางและการตกแต่งแบบ Old School นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารค่ำพร้อมเครื่องดื่มสำหรับ 2 ท่านในราคาประมาณ 20 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 500 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มมากหากเทียบกับค่าครองชีพของสิงคโปร์ โดยเมนูแนะนำของร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Mee Siam (เส้นหมี่ผัดกับซอสรสเปรี้ยว เผ็ด และหวาน) หรือ Mee Bandung (เส้นก๋วยเตี๋ยวที่กินกับน้ำซุปที่ทำจากส่วนผสมของพริก หัวหอม เครื่องเทศ กะปิ และกุ้งแห้ง)
Kampong Glam Cafe ตั้งอยู่บนเลขที่ 22 ถนน Baghdad Street เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 02.00 น.

Masjid Sultan Mosque

    มัสยิดสุลต่าน (Masjid Sultan Mosque) เป็นสถานที่พิเศษซึ่งไม่เฉพาะแค่ชุมชนมุสลิมเท่านั้น แต่สำหรับตัวสิงคโปร์เองด้วย โดยที่นี่เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 1800 เมื่อสุลต่านฮุสเซ็น เจ้าผู้ครองเทมาเส็ก (ชื่อเดิมของสิงคโปร์) ได้เสนอให้สร้างมัสยิดแห่งนี้ขึ้น และถือเป็นวันมัสยิดแห่งชาติของสิงคโปร์มาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้ตัวมัสยิดหลังเดิมนั้นได้ถูกทำลายลงไปหลังจากสร้างขึ้นมาได้หนึ่งศตวรรษ เพื่อเปิดทางให้อาคารหลังใหม่ดังที่เห็นในปัจจุบันซึ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1932 อย่างไรก็ดี มันไม่ได้ทำให้ความศรัทธาของผู้คนลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด โดมทองที่สง่างามแห่งนี้ยังคงเป็นดังสัญลักษณ์ของที่นี่ไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังถือเป็นสถานที่ที่คุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมไม่ว่าคุณจะมีความศรัทธาต่อศาสนานี้หรือไม่ก็ตาม โดยผู้ที่จะเข้าไปควรแต่งกายตามแบบมุสลิมให้เรียบร้อย ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ที่นี่ก็มีผ้าคลุมไหล่ให้บริการด้วยเช่นกัน
มัสยิดสุลต่าน ตั้งอยู่บนเลขที่ 3 ถนน Muscat Street เปิดให้บริการวันเสาร์ – วันพฤหัสบดี เวลา 09.30 – 16.00 น. ส่วนวันศุกร์เปิดให้บริการเวลา 14.30-16.00 น.

 The Projector

     กว่า 40 ปีที่ The Projector ให้นิยามตัวเองว่าเป็น ” โรงหนังที่ไม่ใช่โรงหนังแบบดาษดื่นทั่วไป” ด้วยการทำงานอย่างอิสระโดยทีมงานอาสาสมัคร จึงทำให้ The Projector มอบประสบการณ์ใหม่ของการชมภาพยนตร์ทางเลือกที่ไร้ซึ่งการยอมรับและหาชมได้ยากในสิงคโปร์ ซึ่งที่นี่มีทั้งภาพยนตร์ท้องถิ่นและภาพยนตร์ต่างประเทศ รวมถึงสารคดีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่ห่างไกลจากการเห็นชอบของสังคม ซึ่งแน่นอนว่ามันคือการเผยด้านมืดอีกมุมหนึ่งของสังคมสิงคโปร์นั่นเอง โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมข้อมูลของทุกเหตุการณ์ได้ตามตารางเวลากำหนดการฉาย

The Projector ตั้งอยู่บนเลขที่ 6001 ถนน Beach Road เปิดให้บริการวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.30-23.30 น. และวันเสาร์ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 13.00-23.30 น.

Craft Assembly

    Craft Assembly เป็นร้านที่ให้กลิ่นอายของบรรยากาศความเป็นวินเทจแท้ๆ ในสไตล์มาเลย์-สิงคโปร์ นับตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเหยียบย่างผ่านธรณีประตูเข้าไปในร้าน โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องพยายามจัดแต่งร้านให้เป็นแบบวินเทจเลย ภายในร้านล้วนเต็มไปด้วยสินค้าประเภทถุงผ้า หรือที่ชาวฮิปสเตอร์นิยมเรียกว่า “Tote Bag” ไอเท็มคู่กายของผู้ชายสุดคูล นอกจากนั้นก็ยังมีชุดเดรส และเครื่องประดับ โดยทั้งหมดนี้จะมีเพียงแบบละชิ้นเท่านั้น โดยที่ร้านมีคอนเซ็ปต์ให้ดีไซเนอร์มีหน้าที่ออกแบบและแสดงชิ้นงานของพวกเขาด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานหัตถกรรมที่ทำด้วยมือและมีเพียงชิ้นเดียวในโลก นั่นจึงทำให้สินค้าในร้านแห่งนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง
Craft Assembly ตั้งอยู่บนฮาจิเลนเลขที่ 61

Soon Lee

        ความพิเศษของร้าน Soon Lee คือสินค้าของที่นี่จะมาจากทั้งดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์และดีไซเนอร์ต่างชาติ ซึ่งทุกอย่างจะทำขึ้นเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ Soon Lee ไม่ใช่ร้านค้าแฟชั่นทั่วไป แต่เป็นร้านที่แฝงความเป็น Feminine อย่างแท้จริง ด้วยสินค้าประเภทเสื้อผ้า หนังสือ และกระเป๋าจากดีไซเนอร์หลากหลายประเทศ ส่วนเครื่องประดับที่วางขายก็ล้วนมีความสวยงามและถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือของทางร้านเอง โดยเจ้าของร้านซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ได้รับแรงบันดาลใจในการผสมผสานระหว่างความเป็นทางการ ความสบาย และความสนุกสนาน ซึ่งก็หมายความว่านักช้อปสาวจะสามารถค้นหาของทั้งหมดที่ตู้เสื้อผ้าต้องการได้จากร้านนี้เพียงที่เดียว โดยลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมคอลเลกชั่นต่างๆ ของร้านได้ทั้งทางเฟซบุ๊คและบนอินสตราแกรม เพียงแต่ไม่ได้มีการขายออนไลน์เท่านั้น
Soon Lee ตั้งอยู่บนฮาจิเลนเลขที่ 73

Trippies / Children Little Museum

     เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ Trippies ยังคงให้บริการในสิงคโปร์ ซึ่งแน่นอนว่าร้าน Trippies (เดิมมีชื่อว่าคอลเลกชั่นของคุณปู่) และพิพิธภัณฑ์เด็กเล็กใน Bussorah Street จะทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในสิงคโปร์ช่วงปี 1960-1970 เจ้าของร้าน Patrick Neo ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นช่างภาพมืออาชีพ ก่อนจะเกษียณตัวเองออกมาเริ่มต้นใหม่กับพิพิธภัณฑ์รวมถึงร้านค้าของเขา อันมีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงชีวิตวัยเด็กของเขานั่นเอง โดยผู้ที่มาเยือนที่นี่ส่วนใหญ่มักจะสดุดตากับ Chapteh (ลูกขนไก่หลากสี วิธีเล่นคล้ายกับตะกร้อ) หรือ Hacky sack (ลูกบอลผ้า มีวิธีการเล่นคล้ายตะกร้อ) กับไม้แบตตีลูกขนไก่ที่นิยมเล่นโดยคุณลุงคุณป้าในสมัยยังหนุ่มสาว แต่สิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดของที่นี่ก็คงจะเป็นเจ้าหุ่นกระป๋องตัวสูงที่ยืนคอยต้อนรับและส่งแขกผู้มาเยือนที่หน้าประตูร้านนั่นเอง
 Children Little Museum ตั้งอยู่บนเลขที่ 42 ถนน Bussorah Street เปิดให้บริการทุกวันในเวลา 10:30 22.00 น.

Working Title

     ตั้งอยู่ภายใต้ชายคาที่พักของนักเดินทาง ผู้ที่ต้องการมาเยือนคาเฟ่แห่งนี้อาจจะต้องมีการเดาสุ่มอยู่สักหน่อย แต่มันก็ช่างคุ้มค่ากับความพยายามเป็นพิเศษที่คุณจะได้รับจากสถานที่แห่งนี้ โดยร้านเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในเรื่องของพาสต้าและการหมักเบียร์ ในบรรยากาศการตกแต่งร้านที่หลากหลายด้วยเฟอร์นิเจอร์ทั้งพื้นที่ในร่มและกลางแจ้ง ดังนั้น Working Title จึงเหมาะที่สุดสำหรับเดทแรกหรือมาปลดปล่อยความขี้เกียจในช่วงบ่ายระหว่างคุณกับเพื่อนฝูง ด้วยไอศกรีมคุกกี้ถ้วยใหญ่ และชาเอิร์ลเกรย์จากอังกฤษรสชาติเยี่ยม นอกจากนั้นจุดเด่นของที่นี่ก็คือราคาเครื่องดื่มอย่างเช่นเบียร์ที่มีราคาถูกสุดๆ นั่นเอง
Working Title ตั้งอยู่บนเลขที่ 48 ถนน Arab Street เปิดให้บริการวันจันทร์-พฤหัสบดี ในเวลา 11.00-22.00 น. วันศุกร์ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-23.00 น.

BluJaz Cafe

     Blu Jaz Cafe เป็นสถานที่ซึ่งชาวฮิปสเตอร์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เนื่องจากมักจะมีการจัดงานแสดงดนตรีแจ๊สแบบสดๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ภายในร้านที่เป็นตัวบ้าน 3 ชั้นพร้อมลานด้านนอกหลังนี้ โดยวงดนตรีจะเล่นทุกวันพุธ วันศุกร์ และวันเสาร์ ในบรรยากาศสบายๆ และเวลาที่ผ่านไปไวราวกับพริบตา ทั้งนี้ผู้มาเยือนควรแน่ใจว่าได้เลือกที่นั่งซึ่งเหมาะสมสำหรับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด เพราะในแต่ละพื้นที่ก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดังเช่นลานด้านนอกนั้นจะมีกลิ่นอายในแบบ buzzy ด้วยโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ให้ลูกค้าได้นั่งรอบๆ พร้อมกับเสียงเพลงที่รายล้อมอยู่รอบตัว ส่วนภายในร้านชั้นแรกจะเป็นที่นั่งพร้อมวงดนตรี ชั้นต่อมาเป็นบาร์ และชั้นบนสุดคือฟลอร์เต้นรำ ทั้งนี้ไฮไลท์ของร้านจะอยู่ในช่วงเย็นๆ เพราะมีชิชา (บารากุ) ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
Blu Jaz ตั้งอยู่บนเลขที่ 11 บาหลีเลน เปิดให้บริการวันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงเที่ยงคืน วันเสาร์ตั้งแต่เที่ยงวัน – 02.00 น. และวันเสาร์เปิดให้บริการ 16.00-02.00 น.

     หากปีใหม่นี้คุณยังไม่ทราบว่าจะไปแฮงก์เอ้าท์ฉลองกันที่ไหน Arab Street แห่งสิงคโปร์ ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเหล่าฮิปสเตอร์ หรือผู้ที่นิยมสิ่งที่แตกต่างแต่มีเอกลักษณ์และรสนิยมที่ไม่เหมือนใคร

—————
ชม แพ็คเกจทัวร์สิงคโปร์ ทั้งหมด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id: @mushroomtravel

Arab Street สิงคโปร์ ถนนฮิปๆ ของเหล่าฮิปสเตอร์ was last modified: May 17th, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version