Mushroom Travel

Autumn in Kansai Day 6 – Kyoto

Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้เป็น… อีกหนึ่งท่านที่เชี่ยวชาญเส้นทางการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีจุดเด่นคือภาพสวยที่ดึงดูดใจให้เราอยากเข้าไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง โดยวันนี้การเดินทางในคันไซของแขกรับเชิญท่านนี้ได้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วค่ะ จะน่าเที่ยวขนาดไหน ไปดูกันค่ะ

Autumn in Kansai Day 6 – Kyoto

วันที่ 6 ของทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซแล้วนะครับ ใกล้จะจบทริปแล้ว วันนี้ก็ยังคงอยู่กันที่เกียวโต เพื่อชมใบไม้แดงกันต่อครับ วันนี้จะพาไปไหนบ้างลองติดตามดูนะครับ

จุดแรกของวันนี้คือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเมืองเกียวโต เดินทางจากสถานี Kishibe นั่งรถไฟสาย JR Kyoto Line Local for Kyoto ไปลงที่สถานี Kyoto ก่อน แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย JR Nara Line Local for JOYO ไปลงที่สถานี Inari ใช้เวลาเดินทางประมาณ 39 นาที

สถานี Inari ที่เราลงกันจะอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้าฟูชิมิอินาริครับ เดินออกจากสถานีมาก็จะเจอประตูโทริอิสีแดงซึ่งเป็นทางเดินเข้าศาลเจ้าฟูชิมิอินาริครับ ด้านหน้าจะมีป้ายศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ และรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก (Kitsue) คาบฟางข้าวสีทองเป็นที่สังเกตครับ

เวลาเปิด-ปิด 07.00-18.30 น. (สำหรับการกราบไหว้ศาลเจ้า) ส่วนบริเวณรอบๆศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ รวมทั้งอุโมงเสาโทริอิ เปิดให้เข้าชมได้ 24 ชั่วโมง ไม่เสียค่าเข้าชมครับ เดินเข้ามาด้านในจะเจอประตูโทริอิ ถัดไปจะเป็น Two-storied Gate หรือ Romon Gate

Two-storied Gate หรือ Romon Gate สร้างในปี ค.ศ. 1589 โดยโชกุนโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi)

Worship Hall เป็นที่ประกอบศาสนพิธีต่างๆ

ด้านขวามือของ Worship Hall

Main Shrine ศาลเจ้าหลัก

Hall of Shinto music and dance

Worship Hall เป็นที่ประกอบศาสนพิธีจากบน Main Shrine

รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกคาบฟางข้าวสีทอง โดยฟางข้าวจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ นอกจากมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกคาบฟางข้าวสีทองแล้ว ยังจะมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกคาบกุญแจ ซึ่งจะเป็นกุญแจเปิดยุ้งฉางข้าว

ประตูโทริอิสีแดง ที่นักท่องเที่ยวนำเอามาผูกไว้เพื่อเป็นการขอพร

บริเวณด้านหลังของ Main Shrine หรือศาลเจ้าหลัก

ประตูโทริอิสีแดง ด้านข้างๆ จะมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก เป็นทางเดินขึ้นไปอุโมงค์เสาโทริอิ

Tamayama Inarisha

ผ่าน Tamayama Inarisha ไป เป็นศาลเจ้าหรืออะไรสักอย่างไม่แน่ใจครับ

เดินผ่านกลุ่มเสาโทริอิชุดแรก ซึ่งเรียกว่า Site for Shinto rituals ไปก็จะเจอ Senbon Torii ณ ตรงจุดนี้จะเป็นประตูโทริอิ 1,000 ต้น 2 แถวขนานกันไป และจะไปบรรจบกันที่ศาลเจ้า Okusha (Okusha Shrine)

ศาลเจ้า Okusha (Okusha Shrine)

อุโมงค์เสาโทริอิที่เดินขึ้นไปบนเขาจะอยู่ข้างๆ ศาลเจ้า Okusha (Okusha Shrine) พวกเราหยุดกันแค่ศาลเจ้านี้นะครับ ไม่ได้ขึ้นไปต่อ ซึ่งระยะทางจะอีกยาวไกลมาก ถ้าใครมีเวลาลองเดินขึ้นไปนะครับ ข้างบนจะเป็นจุดชมวิวเมืองเกียวโตครับ

เดินย้อนกลับมาทางเดิมครับ จะสังเกตเห็นว่าเสาแต่ละเสาจะมีการสลักชื่อบริษัท ห้างร้าน ที่ถวายเสาโทริอิให้กับศาลเจ้า ซึ่งบริษัท ห้างร้านที่นำมาถวาย ก็เพราะมีการมาบนบานที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ให้กิจการรุ่งเรือง เมื่อสำเร็จแล้ว ก็เลยมาถวายเสาโทริอิเป็นการแก้บน

จุดเชื่อมอุโมงเสาโทริอิ ระหว่าง Site for Shinto rituals กับ Senbon Torii

เสาโทริอิ Site for Shinto rituals

Okumiya จะอยู่ติดกับอุโมงค์เสาโทริอิ Site for Shinto rituals

ผ่าน Tamayama Inarisha อีกครั้ง

ลงมาถึงด้านล่าง บริเวณที่เป็นด้านหลังศาลเจ้าหลัก

ด้านขวามือ จะเป็นส่วนของสำนักงานของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

เดินออกมาทางด้านขวา จะมีร้านค้าขายอาหาร ของฝาก และขายของที่ระลึกต่างๆ

Worship Hall กับ Two-storied Gate หรือ Romon Gate

Two-storied Gate หรือ Romon Gate

ออกจากศาลเจ้าฟูชิมิอินาริครับ ไปกันต่อที่วัดที่สองของวันนี้ครับ

จากศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ไปกันต่อที่จุดที่ 2 ของวันนี้ครับ คือวัดโทฟุคูจิ โดยนั่งรถไฟจากสถานี Inari ไปลงสถานี Tofukuji ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 นาทีเท่านั้นครับ ห่างกันแค่สถานีเดียว แต่เดินไปขาไม่ได้นะครับ ขาลากแน่ๆ ออกจากสถานี Tofukuji ใช้เวลาเดินไปวัดโทฟุคูจิ ประมาณ 15-20 นาที ซึ่งทางเดินไปค่อนข้างไกลพอสมควร

ระหว่างทางเดินไปวัดโทฟุคุจิ จะมีใบไม้แดงเป็นระยะๆ

เดินเข้ามาทางสะพาน Gaunkyo สะพานที่เห็นด้านหน้าจะเป็นสะพานซึเท็นเคียว (Tsuten Kyo) เป็นสะพานทอดข้ามสวนด้านล่างจากพื้นที่ชั้นนอกของวัดไปยังพื้นที่ด้านใน เชื่อมระหว่าง Hondo (Main Hall) และ Hojo ไปจนถึง Kaisando Hall

สวนสวยๆ ใกล้ๆ สะพาน Gaunkyo

พ้นจากสะพาน Gaunkyo แล้ว ต้องเดินต่อไปอีก เพื่อเข้าไปยังตัววัดที่ประตู Nikkamon (Nikkamon Gate)

ประตู Nikkamon (Nikkamon Gate)

เข้ามาแล้ว ด้านขวามือจะเป็น Zendo Hall (หอสำหรับนั่งสมาธิ/สวดมนต์) อาคารด้านหน้าที่เห็นจะเป็น Hondo Hall (Butsuden)

โฮโจ (Hojo) หรือกุฏิเจ้าอาวาส สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1235 โดยรอบๆ จะมีสวนอยู่ทั้ง 4 ทิศ

สวนสวยๆ ภายในวัดโทฟุคุจิ สีสันสวยงามมากครับ

เดินมาตามทางเรื่อยๆ ก็จะมาถึงสะพานซึเท็นเคียว (Tsuten Kyo) สะพานด้านหน้าที่เห็นก็จะเป็น สะพาน Gaunkyo ที่เดินเข้ามาในตอนแรกครับ

Fumon-in

เดินลงจากสะพานมาด้านล่าง ก็จะมีทางเดินต่อไปอีกเรื่อยๆ

ผ่านสวนสวยๆ ใบไม้มีทั้งที่แดงแล้ว และยังไม่แดง ปนๆ กันไป แต่ก็สวยดีครับ

ไคซันโดฮอลล์ (Kaisando Hall) อาคารศิลปะยุคเอโดะ ใช้เป็นที่เก็บอัฐิของเจ้าอาวาสวัดคนแรก

Aizendo Hall

สวนสวยๆ ภายในวัดวัดโทฟุคุจิ

สวนด้านล่างของสะพานซึเท็นเคียว (Tsuten Kyo)

เดินชมสวนสวยๆ ภายในวัดโทฟุคุจิกันต่อครับ

เดินตามทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณทางเข้าตรงประตู Nikkamon ถึง Zendo Hall (หอสำหรับนั่งสมาธิ/สวดมนต์)

Hondo Hall (Butsuden) ถัดจาก Hondo Hall ไปที่เห็นไกลๆ จะเป็นประตูซานม่อน (Sanmon Gate) สร้างเป็นแบบเซ็นโบราณ ความสูง 22 เมตร

วัดโทฟุคุจิ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมใบไม้เปลี่ยนสีกันค่อนข้างเยอะมาก

ระหว่างทางเดินกลับไปสถานี Tofukuji ครับ ค่อนข้างจะไกลพอสมควรครับ ด้านขวาจะเป็น Higashiyama Police Station Tofukuji

ใกล้ถึงแล้วแล้ว หน้าปากซอยหรือถนนที่จะข้ามไปยังสถานี Tofukuji

นั่งรถไฟจากสถานี Tofukuji กลับไปสถานี Kyoto ครับ หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower) ฝั่งตรงข้ามสถานี Kyoto

เข้าคิวเพื่อนั่งรถโดยสารไปจุดที่ 3 คือ วัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera) หรือวัดน้ำใส โดยนั่งรถโดยสารสาย 206 (ป้าย D2) ไปกันครับ

บริเวณจุดจอดรถโดยสาร จะเป็นจุดจอดของรถโดยสายอยู่ด้วยกันหลายๆ สายครับ

นั่งสาย 206 ไปกันครับ บนรถจะมีจอภาพ เพื่อให้ผู้โดยสารดูว่าสถานีต่อไปจะเป็นสถานีอะไร

พวกเราลงกันที่ป้าย Gojo-zaka ข้ามถนน มายังถนน Gojo-zaka แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ

แต่แวะทานอาหารร้านนี้กันก่อนที่จะเดินกันต่อไป ร้านนี้ ขนมอร่อยดีครับ ชอบเลย

ทานเสร็จแล้ว ก็เดินกันต่อไปครับ ทางไปวัดคิโยมิสึเดระ เป็นการเดินขึ้นเขาเล็กๆ ค่อนข้างจะชัน เดินเหนื่อยพอควรเลยครับ

เดินไปจนถึงสามแยก ซึ่งจะเป็นถนน Matsubara Dori เลี้ยวขวาก็จะเป็นทางไปวัดคิโยมิสึเดระครับ ส่วนด้านซ้ายก็จะเป็น ทางขึ้นที่มาจากป้าย Kiyomizu-michi อันนี้แล้วแต่จะเลือกกันนะครับ ว่าจะลงกันป้ายไหนครับ

ทางเดินไปวัดคิโยมิสึเดระ จะมีร้านค้าขายของฝาก ของที่ระลึก อาหาร ขนม เต็มทั้ง 2 ข้างทางเลยครับ ถนนสายนี้เรียกว่า คิโยมิซึซากะ (Kiyomizuzaka)

Deva Gate เป็นประตูทางเข้าสู่วัด เป็นซุ้มประตูไม้ขนาดยักษ์ทาสีส้มสด

ถนนสายคิโยมิซึซากะ (Kiyomizuzaka) ที่เราเดินผ่านขึ้นกันมาครับ

Deva Gate กับวิวเมืองเกียวโต

Zuigu-do Hall ทางด้านขวามือจะเป็นจุดจำหน่ายตั๋ว

ซื้อตั๋วกันเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปด้านในกันต่อ

เดินขึ้นมาด้านบน ลานเวทีน้ำใส (Kiyomizu Stage) ที่เห็นไกลๆ นั้นเป็นเจดีย์โคะยาสุ (Koyasu Pagoda)

ลานเวทีวัดน้ำใส (Kiyomizu Stage) อาคารหลักที่มีระเบียงไม้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1633 ตามคำสั่งของโชกุนโตกุกาวะ อิเอะมิซึ โดยจะสร้างอยู่บนไหล่เขา มีความสูงถึง 12 เมตรจากพื้นดิน มีเสาไม้ซุง 193 ต้น รองรับนำหนักในส่วนที่เป็นระเบียงยื่นออกไป โดยที่ตัวเสากับคานยึดกันด้วยวิธีสอดสลัก ไม่ใช้ตะปูเลยซักตัวเดียว ภายในอาคารจะประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์พันกร ไว้เป็นองค์ประธาน

แผ่นป้ายขอพร ด้านข้างลานเวทีน้ำใส

จากลานเวทีน้ำใส เดินกันทางด้านข้างไปยังจุดถ่ายรูปมุมมหาชนของวัดคิโยมิสึเดระ ใครๆ มาก็จะต้องมีรูปมุมนี้ ซึ่งจะอยู่บริเวณ Okuno-in hall แต่ช่วงที่ไปนี้ ทางวัดปิดซ่อมแซมในส่วนของ Okuno-in hall อยู่ แต่ก็เข้ามาถ่ายรูปลานน้ำใสจากจุดนี้ได้เหมือนเดิมครับ

มุมมหาชน ของลานเวทีน้ำใส (Kiyomizu Stage)

หลังจากได้ถ่ายมุมมหาชนจำนวนหนึ่งแล้ว ก็เดินลงมาด้านล่างกัน มาทาง Otowa Waterfall จะผ่านร้านอาหาร ร้านให้นั่งจิบชาชมบรรยากาศกันแบบชิลล์ๆ

Otowa Waterfall เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 สาย ที่ไหลลงมาจากเขาโอโตวะ (Otowa) การดื่มน้ำแต่ละสายจะได้รับพรดังนี้ สายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา สายที่ 2 จะสมหวังในความรัก สายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง

ด้านล่างของลานเวทีวัดน้ำใส (Kiyomizu Stage)

เดินไปตามทางเพื่อไปทางออกของวัดคิโยมิสึเดระ ผ่านเจดีย์เล็กๆ ณ บริเวณนี้ก็จะมีร้านให้นั่งชมบรรยากาศกันด้วยครับ

West Gate

Deva Gate

ผ่านถนนสายคิโยมิซึซากะ (Kiyomizuzaka) กันอีกครั้ง

ซอยเล็กๆ ก่อนถึงสามแยกตรงนี้ สามารถทะลุไปวัดโคไดจิ (Kodaiji Temple) และเจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) ได้

เดินออกมาทางถนน Matsubara Dori

รอรถโดยสารเพื่อจะไปวัดเออิคันโดะ จุดหมายที่ 4 ที่ป้าย Kiyomizu-michi

นั่งรถโดยสารไปวัดสุดท้ายของวันนี้คือ วัดเออิคันโดะ (Eikando) วัดนี้เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันดับต้นๆ ของเกียวโตครับ นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเยอะมาก พวกเรานั่งรถโดยสารสาย 100 จากป้าย Kiyomizu-michi มาลงที่ป้าย Higashi Tenno-cho แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือถ้ามาจากสถานี Kyoto ให้นั่งสาย 5 มาแล้วมาลงที่ป้าย Nanzenji-Eikando-michi แล้วเดินเข้าไปประมาณ 3 นาที หรือสามารถเดินมาจากเส้นทางสายนักปราชญ์ก็ได้ ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที

ประตูทางเข้าวัดเออิคันโดะ (Main Gate)

สวนสีสันสวยงามด้านหน้าตรงทางเข้าวัดเออิคันโดะ (Main Gate)

เดินเข้าในวัด นักท่องเที่ยวจะเยอะมากๆ แค่บริเวณนี้ก็เจอดงใบไม้แดงที่เล็ดลอดออกมาตามกำแพงเยอะมากๆ บริเวณวัดในส่วนนี้ ยังไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ

ด้านขวามือจะเป็นห้องสมุด (Library)

เดินเข้าด้านในใกล้ๆ ประตูชั้นกลาง (Center Gate) จะเป็นสวนที่อยู่ภายในวัด จะกั้นไม่ให้เข้าไปนะครับ เข้าได้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋ว แต่ก็พอส่องๆ ได้บ้าง

ประตูชั้นกลาง (Center Gate) จะมีจุดจำหน่ายตั๋ว ซื้อตั๋วแล้ว เดินผ่านประตูชั้นกลาง (Center Gate) เข้าไปข้างในวัดเออิคันโดะกันครับ

Kakuju-dai

ทางเข้าไปในส่วนที่เป็น โบสถ์ วิหาร (Main Entrance) จะเห็นเจดีย์ทาโฮโตะ (Tahoto Pagoda) อยู่เป็นฉากหลัง

สวนสวยๆ ใกล้ๆ กับบริเวณทางเข้าส่วนที่เป็น โบสถ์ วิหาร (Main Entrance)

นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในส่วนนี้ จะต้องถอดรองเท้ากันก่อนนะครับ จะมีถุงให้เพื่อใส่รองเท้าแล้วเดินถือเข้าไปครับ

Chokushi Gate

ด้านในครับ จะเป็น Syaka-do, Old Hojo และ Zuishi-den ดูร่มรื่น เชื่อมต่อกันภายในด้วยระเบียงไม้

Karamon เป็นประตูสำหรับเข้าออกของผู้นำสารขององค์จักรพรรดิ

สวนด้านใน

ทางเดินบน Mie-do (Daiden) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของท่าน Honen ผู้ก่อตั้งนิกายโจโด

ด้านหน้า Mie-do (Daiden)

Amida-do เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป

ด้านหน้าของ Amida-do

Bell House หรือหอระฆัง จะอยู่ใกล้ๆ กับ Amida-do

เดินลงจาก Amida-do ไปด้านล่างครับ

รูปปั้น ใกล้ๆ ด้านล่างของบันไดที่ลงมาจาก Amida-do

สวนบริเวณด้านหน้า Mie-do (Daiden)

Mie-do (Daiden)

Gokuraku Bridge สำหรับข้ามสระ Hojo

สระ Hojo (Hojo Pond)

Gasen-do

เดินจนใกล้เวลาปิดช่วงกลางวันแล้ว ก็เดินออกมาขึ้นรถโดยสาร โดยรอรถโดยสารสาย 5 ที่ป้าย Nanzenji-Eikando-michi เพื่อไปลงสถานี Kyoto แต่รถโดยสารสาย 5 วิ่งมาแต่ละคันจะแน่นมากๆ เพราะนักท่องเที่ยวจะกลับช่วงนี้กันเยอะมาก ก็เลยเปลี่ยนใจไปส่องดูที่ป้ายรถว่ามีรถโดยสารสายอะไรไปไหนบ้าง เพื่อหารถที่ว่างหน่อย แล้วค่อยไปต่อรถโดยสารในจุดที่คุ้นเคย แต่จำไม่ได้ล่ะว่าขึ้นสายอะไรมาบ้าง แต่ก็มาถึงสถานี Kyoto กันจนได้

ขากลับมาโอซาก้า ก็นั่งรถไฟสาย JR Kyoto Line Local for Kyoto จากสถานี Kyoto มาลงที่สถานี Kishibe เพื่อกลับเข้าโรงแรมเพื่อเก็บของกันก่อน ภายในสถานี Kishibe จะมีร้านสะดวกซื้อด้วยครับปิดดึกหน่อยครับ

เครื่องปรับราคาตั๋ว ไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษเลย ตู้นี้ไม่เคยใช้ครับ

เก็บของที่โรงแรมเรียบร้อยกันแล้วก็นั่งรถไฟไปลงสถานี Namba เพื่อหาซื้อของฝากที่ร้านของฝากดองกี้ (Don Quijote) แถวๆ Dotonburi แต่ก่อนจะไปหาซื้อของฝาก แวะกินปูกันนิดหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองสักหน่อยว่ารสชาติเป็นยังไง เลือกทานกันที่ร้าน Kani Douraku สาขา Dotombori higashimise (East) ครับ

ซาซิมิปู ไม่ชอบเลยครับ ต้องทนทานให้หมดอีกด้วย

อีก 2 อย่างจำชื่อไม่ได้ล่ะ อันที่เป็นปูแต่ผ่านการย่างหรือเผามาเบาๆ โอเคกว่าซาซิมิปูมากเลยครับ

ทานเสร็จแล้ว เดินข้ามสะพาน มาซื้อของฝากที่ร้านดองกี้ (Don Quijote)

หลังจากได้ของฝากกันแล้ว ก็นั่งรถไฟจากสถานี Namba ไปลงสถานี Kishibe เพื่อกลับเข้าโรงแรมพักผ่อนครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แว่ะเข้ามาเยี่ยมครับ ตอนหน้า วันที่ 7 วันสุดท้าย ของทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ จะพาไปชมปราสาทฮิเมจิ และบรรยากาศริมอ่าวโกเบกันครับ

ประสบการณ์มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย แปะๆๆ !!

ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook

www.facebook.com/mushroomtravel/

Autumn in Kansai Day 6 – Kyoto was last modified: June 2nd, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version