Mushroom Travel

เที่ยวญี่ปุ่น ตามล่าอาหารเกรดบี อิ่ม อร่อย ประหยัด

สวัสดีค่ะ เราเป็นแฟนพันธุ์แท้การ์ตูนยุทธภูมิกระเพาะเหล็ก แล้วก็ชอบดูรายการโกโกริโกะ ทีวีแชมเปี้ยน ชอบเวลาที่เขาแข่งกินอาหาร ตะลุยกินอาหารจานยักษ์ มีความฝันอยากไปตะลุยกินแหลกที่ญี่ปุ่น มีแกลโซเนะกับคุณโอฮาระเป็นไอดอล ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้ค่ะ

ไปญี่ปุ่นรอบนี้ ตระเวนเที่ยวโซนคันไซ อาหารที่กินในทริปนี้ ไม่หรูหราค่ะ เน้นอาหารคุณภาพดี อร่อย และราคาประหยัด ที่ญี่ปุ่นเขาจะเรียกอาหารแบบนี้ว่า อาหารเกรดบีนั่นเองค่ะ ได้เวลาแล้ว ตามไปกินไปเที่ยวด้วยกันนะคะ

วันแรกของการเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่น

ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบินคันไซ ถึงโอซาก้าประมาณห้าทุ่ม ผ่าน ตม. ไปรับกระเป๋า แล้วรีบวิ่งไปชั้น 2 หาเก้าอี้ว่างๆ จับจอง ถ้าช้าอดทำเลดีๆ คนนอนกันเยอะค่ะ วางแผนนอนสนามบิน เหตุผลคืออยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ (จริงๆ แล้วเน้นประหยัดค่ะ 555) นอนหลับๆ ตื่นๆ ตีห้า คนเริ่มลากกระเป๋าเดินไปเดินมา ได้เวลาตื่นไปเที่ยวกันละค่ะ

วันที่ 2 ของการเดินทาง

ออกจากสนามบิน เพื่อความคล่องตัวเอากระเป๋าไปฝากโรงแรมก่อน นั่งรถไฟสาย Nankai ต่อเดียวไปลงสถานี Shinimamiya ระหว่างทางเจอตู้กดน้ำราคาถูกค่ะ ปลื้มมาก

เช้านี้ไป Kaiyukan เป็นอะควาเรี่ยมที่เจ๋งมาก มีปลาเยอะ ทั้งฉลามวาฬ แมนต้าเรย์ โลมา ฯลฯ เยอะค่ะ ที่ชอบคือเด็กญี่ปุ่นเยอะมากค่ะ น้องๆ เขาจะมาปั๊มตราประทับรูปสัตว์ต่างๆ น่ารักดีเหมือนในการ์ตูนเลย มีโซนที่ให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับสัตว์ด้วย

เดินเล่นข้างในจนถึงบ่ายโมง เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าหิว มัวแต่ตื่นเต้นกับการเดินทางจนลืมกินข้าวเช้าเลย พอรู้สึกหิวก็เลยเดินไปที่เท็มโปซังมาร์เกตที่อยู่ติดๆ กับอะควาเรี่ยมนั่นแหละค่ะ อยากกินของร้อนๆ เลยเลือกอูด้งกุ้งเทมปุระ เส้นเหนียวหนึบหนับ น้ำซุปหอมหวานอร่อยๆ มื้อแรกของญี่ปุ่น กินไม่หมดชามค่ะ เห็นอย่างนี้ชามใหญ่มากเลยนะ เรียกว่ากะละมังจะดีกว่า เส้นอูด้งนี่มาเป็นกระตั๊กเลยค่ะ ฮือๆ รู้สึกเสียใจ ความฝันจะเป็นฟู้ดไฟต์เตอร์นี่แทบพังทลายเลยค่ะ แต่ไม่ยอมแพ้ ขอสู้ต่อในมื้อต่อไป 555 อิ่มแล้วเริ่มง่วงค่ะ อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนพักผ่อนไม่เต็มที่ เลยกลับไปนอนงีบเอาแรงที่โรงแรมดีกว่า

ตื่นมาอีกทีเกือบๆ 2 ทุ่ม ไปเดินเล่นซูเปอร์มาร์เกตแถวโรงแรม ได้มาเซ็ตนึงค่ะ ซูเปอร์มาร์เกตที่ญี่ปุ่นเดินเพลิน ของเยอะ เหมือนในการ์ตูนเลย สนุกมาก ชอบๆ ซูชิปลาไหล หวาน นุ่ม อาหย่อย ผลไม้ล้างปากจ้า สตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่โตมากค่ะ หวานอมเปรี้ยว ฉ่ำมากๆ

วันที่ 3 ของการเดินทาง

 “วันนี้อากาศหนาว ไปแช่ออนเซนกันดีกว่า” ไปเที่ยวเมืองออนเซน เมืองเล็กๆ น่ารักๆ ไม่ไกลจากโอซาก้า เมืองอาริมะออนเซนนั่นเองค่ะ นั่งรถไฟไปกันยาวๆ เลยค่ะ มื้อเช้าฝากท้องไว้ที่ Lawson ข้างๆ สถานี Arimaonsen ข้าวปั้นไส้อะไรก็ไม่รู้ค่ะ อ่านไม่ออก อร่อยค่ะ เคยอ่านเจอมีคนบอกว่าหยิบๆ มาเถอะอร่อยทุกไส้ ส่วนโกโก้เย็นอร่อยใช้ได้จ้า และสุดท้ายขนมกรอบมาก เคี้ยวทีเสียงดังมาก จนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมามองเลยค่ะ 555

อาริมะออนเซนเป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก อยู่ในจังหวัดเฮียวโงะ ใกล้ๆ กับโอซาก้าค่ะ เดินเล่นได้รอบๆ เมืองเลย ที่นี่ติดอันดับ 1 ใน 3 ออนเซนที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นด้วยนะคะ เต็มไปด้วยร้านขายของน่ารักๆ ความรู้สึกเราคิดว่าคล้ายๆ อัมพะวา แต่ที่นี่จะสงบกว่าเยอะค่ะ

ของขึ้นชื่อของที่นี่คือน้ำไซเดอร์ และขนมเซมเบ้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากน้ำแร่ค่ะ

มีบ่อออนเซนให้แช่เท้ากันฟรีๆ ด้วย อากาศหนาวๆ แช่เท้าอุ่นๆ รับประกันความฟินค่ะ

เดินมาเรื่อยๆ เจอร้านนี้ค่ะ ขายโคร็อกเกะเนื้อโกเบ น่ากินเชียว มีสัญลักษณ์วัวทอง ที่หน้าร้านด้วย ดูราคาแล้วไม่แพงเลย ทอดกันใหม่ๆ เพิ่งขึ้นจากเตาเลยค่ะ จัดมา 1 ชิ้น 130 Yen กินตอนร้อนๆ หอม กรอบ อร่อยอีกแล้วค่ะ

กินของทอดแล้วคอแห้ง เดินมาจัดซอฟท์ครีม 1 อัน สีขาวนี้รสคาลพิสค่ะ หวานอมเปรี้ยว อร่อย ชื่นใจสุดๆ

หลังจากเดินชิลล์ๆ ชมเมืองจนทั่ว เมื่อยขากำลังดี ก็ได้เวลาไปออนเซนแล้วค่ะ นี่เป็นครั้งแรกของเราที่ต้องแก้ผ้าอาบน้ำรวมกับคนอื่นค่ะ 555 ตื่นเต้นแต่ก็ทำเนียนๆ ไป มาถึงแล้ว “Arima onsen Taikou no yu” จ่ายเงินเรียบร้อย เค้าจะให้กระเป๋าผ้า ข้างในมีชุดยูกาตะ (เลือกสีได้นะคะ) เราก็เดินเข้าไปข้างใน (แยกหญิงชาย) เปลี่ยนชุด เก็บของในล็อกเกอร์ ข้างในห้ามเอากล้องถ่ายรูปเข้าไปค่ะ ออนเซนที่นี่ครบวงจร มีบ่อออนเซน มีอาหารขาย แถมมีที่ให้นอนหลับด้วยค่ะ ชิลล์มาก เพลินเลยค่ะ ออกมาจากออนเซน เกือบทุ่มนึง นั่งรถมินิบัสฟรีที่หน้าออนเซนไปลงที่สถานีรถไฟอาริมะออนเซน

ก่อนกลับโรงแรมแวะสถานีอูเมดะ หาข้าวเย็นกินค่ะ ร้านอาหารเยอะมากจนเลือกไม่ถูก เดินวนไปวนมาซะหลายรอบ สุดท้ายลงเอยที่ข้าวแกงกะหรี่ร้านนี้ค่ะ Coco ichibanya เลือกท็อปปิ้งเป็นไก่กรอบ อร่อยมากๆๆ มื้อนี้ไม่ทำให้ชาวไทยผิดหวังค่ะ กินเกลี้ยงแทบเลียจานเลยค่ะ มโนว่าตัวเองเป็นแกลโซเนะ ฟินเว่อร์ค่ะ 555 ข้าวญี่ปุ่นเม็ดสั้นๆ กลมๆ หอมหนึบหนับ อร่อยจริงๆ ค่ะ

กลับถึงโรงแรม นอนกลิ้งไปกลิ้งมา กินเยลลี่ เปิดทีวีดูค่ะ ยี่ห้อนี้อร่อยนะ หอมองุ่น แต่เราว่ามันหวานไปหน่อยอ่ะค่ะ และยาคูลย์ก่อนนอนวันละขวดเพื่อการขับถ่ายที่ดีค่ะ อิอิ

วันที่ 4 ของการเดินทาง

อยากสัมผัสบรรยากาศ Flea market (ตลาดนัดของมือสอง) หาข้อมูลเจอว่าในโอซาก้ามี Flea market วันเสาร์ที่สถานี Shin-Osaka ไปลุยกันเลย รถไฟที่ญี่ปุ่นนี่ที่สุดของความปลอดภัยเลยค่ะ มีโบกี้สำหรับสาวๆ โดยเฉพาะ ป้องกันการลวนลาม แต่เราไม่ขึ้นค่ะ ขึ้นก็อดเหล่หนุ่มๆ สิคะ 555

นั่งรถไฟมาแป๊ปเดียวถึงสถานี Shin-osaka มันใหญ่โตมาก ให้มองหาป้าย East exit ค่ะ เดินตามป้าย เจอตลาดนัด Flea market แน่นอน ความเห็นส่วนตัวนะคะ ที่นี่ของขายน้อยค่ะ ไม่น่าเดินเท่าไหร่ ถ้ามาเอาบรรยากาศพอได้ค่ะ

หิวแล้วค่ะ ไปต่อที่ Sannomiya กันเลย มื้อนี้ควบเช้า+กลางวัน ที่ร้าน Steakland อยู่ติดกับสถานี Sannomiya เราชอบกินเนื้อค่ะ คิวยาวแต่รอแป๊บเดียวก็ได้เข้ามานั่งในร้านแล้ว กลิ่นหอมมาก ร้านนี้ต้องไปกินตอนกลางวันนะคะ ถึงจะได้ราคาไม่แพงค่ะ

ร้านนี้เป็นเมนูเนื้อแบบเทปันยากิ เราสั่งเป็น Kobe Steck lunch Set ในเซ็ตประกอบไปด้วยเนื้อโกเบ ข้าว ซุป สลัด ผักดอง และเครื่องดื่มค่ะ คุ้มมากๆ นั่งหน้าเตาเลย เชฟทำให้ดูกันสดๆ เลยค่ะ เชฟโชว์เนื้อที่เราสั่ง

จำได้ว่า กลิ่นหอมมากกกกกกก กลืนน้ำลายเอื้อกๆ เลยค่ะ เนื้อมาแล้วค่ะ น่ากิน >.< สั่งแบบ Medium เนื้อเหนียวนุ่มพอให้เคี้ยวได้ กำลังดีค่ะ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม มีชา กาแฟ น้ำส้ม เลือกได้ 1 อย่าง อิชั้นนางเอกเก่าเลือกน้ำส้มค่ะ

อืดแล้วไปเดินย่อยกันดีกว่า เดินเล่นที่ห้างไดมารู และต่อด้วย Motomachi ยูนิโคล่ที่นี่ถูกมากเสียดายไม่ได้ซื้อ วันหลังๆ ไปซื้อที่นัมบะ แพงกว่ากันเห็นๆ เลย เดินทะลุยาวๆ ไปเลยค่ะ เจอร้านผักผลไม้ ชอบเดินดูผักผลไม้อะไรแบบนี้ ชอบเล่น Harvest moon มาเจอผักอย่างงี้เหมือนในเกมที่เล่นเลย ฟินค่ะ แต่ผลไม้เมืองร้อนแพงจัดมากค่ะ มะพร้าวนี่อย่างเก่าเลย ส่วนแตงโมนี่แพงมาก

เดินยาวไปถึงไชน่าทาวน์เลย ผ่านร้านนี้น่ากิน ผลไม้ฟรีซเอามาทำเหมือนน้ำแข็งไสราดนมข้นหวาน เลยจัดสตรอว์เบอร์รี่มาถ้วยหนึ่งค่ะ หอม หวาน เย็น อร่อยๆ ซื้อเสร็จแล้วหามุมเหมาะๆ ยืนจกข้างทางตามคนญี่ปุ่นเลย เท่าที่สังเกตเขาไม่เดินกินกันค่ะ

ที่ไชน่าทาวน์ผ่านของน่ากินหลายอย่าง แต่ท้องยังอิ่มมาก เลยอดกิน เดินทางไปต่อที่สถานีโกเบ ไปนั่งชิลล์ชมวิวกันที่อ่าวโกเบ

วิวสวยเทพมาก ถ่ายรูปเพลินยาวๆ เลย โกเบเป็นเมืองที่น่ารักมาก อาหารอร่อย ผู้คนน่ารักยิ้มแย้ม ถ้ามาเที่ยวแถวคันไซ อย่าลืมจัดแพลนมาโกเบด้วยนะคะ เผลอแป๊บเดียวมืดซะแล้ว ได้เวลาบ๊ายบายโกเบ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอนค่ะ

ก่อนนอนซื้อโอเด้งร้อนๆ จากแฟมิลี่มาร์ท ในถ้วยนี้มี ไข่ต้ม ชิกูวะ บุก และหัวไช้เท้าชุมฉ่ำน้ำซุปค่ะ จิ้มมัสตาร์ด ซดน้ำซุปร้อนๆ หลับสบาย

วันที่ 5 ของการเดินทาง

ตื่นมาฝนตกค่ะ! ตอนแรกแพลนจะไปเที่ยวปราสาทฮิเมจิ เลยเปลี่ยนแพลนกะทันหัน เช้านี้ที่แรกมุ่งตรงไปที่ Temma station ไปลุยย่าน Tenjinbashi suji แหล่งของถูกที่โอซาก้า ซูเปอร์มาร์เกตนี้ ถ้าเจอกระโดดเข้าใส่ได้เลยค่ะ ของถูกมาก Tenjinbashi suji ของถูกจริงๆ ค่ะ เครื่องสำอางเอย ขนมเอย ถูกกว่าย่านอื่นมาก รองเท้าถูกจริงอะไรจริง แต่ที่นี่ส่วนใหญ่จะตกรุ่น แบบเชยๆ หน่อยค่ะ

แวะกินข้าวเช้าที่นี่ ร้าน Saizeriya เป็นร้านอาหารแนวครอบครัว ขายอาหารตะวันตก พวกพิซซ่า สปาเกตตี แฮมเบิร์ก ฯลฯ ราคาถูกมาก เมนูน่ากินหลายอย่าง แต่เรามาคนเดียวเลยสั่งแค่อย่างเดียวค่ะ สั่งหลายอย่างเดี๋ยวกินไม่หมด (นี่เป็นข้อเสียของการมาเที่ยวคนเดียวค่ะ)

สั่งเซ็ตนี้เลยค่ะน่ากินๆ มหัศจรรย์มาก ของจริงเหมือนในรูปเด๊ะๆ เลยค่ะ ประทับใจ น้ำตาจะไหล ที่ญี่ปุ่นนิยมกินแฮมเบิร์ก กับข้าวค่ะ

ฝนยังคงตกต่อเนื่องไปทั้งวัน ตัดแผนเที่ยวกลางแจ้ง ไปช้อปต่อที่ Rinkutown Outlet ที่เอ้าท์เล็ตนี่รองเท้ากีฬาถูกมาก ยี่ห้อที่คนไทยนิยมมีครบเลย เดินเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวสองทุ่มเอ้าท์เล็ตจะปิดแล้วค่ะ หิ้วของพะรุงพะรังมาก รู้สึกกระเป๋าตังค์เบาๆ 55

ของเยอะ หิ้วไม่ไหว มื้อเย็นนี้เลยไปไม่ได้ไกล แวะฝากท้องที่แฟมิลี่มาร์ทข้างโรงแรมอีกแล้วค่ะ ข้าวหน้าหมูทอด อร่อยใช้ได้เลย

วันที่ 6 ของการเดินทาง

เช้าวันจันทร์ อากาศแจ่มใส เรารีบตรงดิ่งไปเกียวโตเลยค่ะ

มาถึงที่สถานีเกียวโตแล้ว พลาดไม่ได้ มีคนรีวิวไว้เยอะมาก ร้าน Katsukura ทงคัตสึเทพอยู่ที่สถานีเกียวโต โซน The cube ชั้น 11 ชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่สุดค่ะ สั่งน้ำมาก่อนเลย จิงเจอร์แอล ชอบมาก หอมหวานเย็นซ่าถูกใจ งาบดเองตามใจชอบ หอมๆ ค่ะ น้ำจิ้ม พนักงานเขาบอกว่ามีแบบเผ็ดกับไม่เผ็ด เลยตักผสมๆ กัน และพระเอก สันใน ไม่มีมัน ทอดมากรอบนอกนุ่มใน หมูนุ๊มนุ่มค่ะ ข้าวเสิร์ฟให้เป็นอ่างเลยค่ะ เหมือนผสมข้าวบาร์เล่ย์ กินข้าวหมดเกลี้ยงเลยค่ะ อร่อยมากๆ น้ำสลัดหอมกลิ่นส้มยุสุ ราดบนกะหล่ำปลีซอยแช่เย็น กินแล้วสดชื่น ถูกใจเติมผักสองรอบเลยค่ะ ที่นี่ข้าวกับกะหล่ำซอยเติมได้ไม่อั้นด้วยค่ะ เฮือก น่ากินมากกกก หิวข้าว ขอแว๊บไปกินข้าวเย็นแป๊บนึงนะคะ 555

อิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเที่ยวค่ะ ที่แรกของวันนี้ไปวัดทอง Kinkakuji Temple ค่ะ สวยงามตามท้องเรื่อง คนเยอะมาก ทัวร์ลงเยอะมากจริงๆ ถ้าจะมาเที่ยวแล้วอยากถ่ายรูปให้สวยต้องมาเช้ามากๆ เลยค่ะ

เที่ยววัดทองเสร็จ ไปเดินเล่นต่อที่ย่าน Gion เจอเกอิชาด้วย เดินเร็วมาก คนวิ่งตามถ่ายรูปกันใหญ่เลยค่ะ เราไม่ทัน จะกดชัตเตอร์พี่แกลิ่วๆ ไปไกลแล้วค่ะ

เดินเล่นย่านกิออง เข้าไปที่ถนน Hanami-Koji เจอซากุระค่ะต้นแรกของทริปนี้ฟูลบลูม สวยมาก

เดินไปเดินมา เริ่มหิวของหวานค่ะ เป้าหมายต่อไปคือร้าน Kyoto Gion Kinana เป็นร้านพาเฟ่ต์ชื่อดังของเกียวโตค่ะ หน้าร้านดูเงียบเหงา แต่ข้างในต่อคิวแถวยาว แน่นร้านเลยค่ะ ต้องรอคิวชั่วโมงกว่าๆ เลย แต่ตัดสินใจไม่ผิดที่ยืนรอเลย อร่อย คุ้มค่าสุดๆ เป็นของหวานเบอร์ 1 สำหรับเราเลย ผ้าเช็ดมืออุ่นๆ กับชาร้อนมาเสิร์ฟก่อน เช็ดไม้เช็ดมือ จิบชาร้อนๆ รอไปก่อนค่ะ

 มาแล้วๆ น่ากินๆ … ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกก ก ไก่ ล้านตัวเลยค่ะ พาเฟ่ต์นี้มีไอติม 2 ลูกค่ะ ชาเขียว 1 ลูก สีเทา 1 ลูก แต่สีเทานี่ไม่แน่ใจว่ารสอะไร แต่อร่อยค่ะ เสิร์ฟมาพร้อมถั่วแดงกวน และมีโมจิก้อนกลมๆ สีขาวเหนียวนุ่ม และทีเด็ดสำหรับเราคือวุ้นสี่เหลี่ยมใสๆ อันนี้หนุบหนับ อร่อยมาก…ฮือๆ เพ้อค่ะ อยากกลับไปกินอีก เด็ดจริงๆ ค่ะ แทบจะเลียถ้วยกันเลยทีเดียว

หลังจากได้กินของอร่อย อิ่มแล้วอารมณ์ดีค่ะ อิอิ ออกจากร้านมาก็แดดร่มลมตกแล้วค่ะ เลยเดินเล่นแถวๆ นั้น อากาศดีมาก เดินเล่นริมคลองจนมืดเลย มีไลท์อัพซากุระริมคลองด้วย โรแมนติกสุดๆ ตอนแรกจะไปต่อวัดน้ำใสแต่ขี้เกียจ คิดในใจว่ายังมีเวลาเที่ยวอีกหลายวัน เลยเลื่อนไปก่อน หารู้ไม่ หลังจากนี้วันที่แพลนจะมาเกียวโตฝนตกตลอดเลยค่ะ

นั่งรถเมล์กลับมาที่สถานีเกียวโต หน้าสถานีเกียวโตมีโชว์น้ำพุประกอบเสียงดนตรีด้วย เลยยืนดูอยู่อีกพักใหญ่ ประทับใจมาก รักเกียวโตมากเลยค่ะ

ก่อนกลับโรงแรมแวะไปกินราเมงที่หน้าสถานี JR Teradacho ชื่อร้านอ่านไม่ออกค่ะ แต่ยืนยันว่าหาไม่ยาก มาถึงหน้าร้าน 3 ทุ่มแล้ว คนยังเยอะอยู่เลย สำหรับคนที่ยืนรอหน้าร้าน มีน้ำอุ่นฟรีบริการด้วยค่ะ แก้หนาว ใส่ใจลูกค้าสุดๆ ไปเลย

รอคิวสักพักใหญ่ๆ ก็ได้เข้าร้านแล้วค่ะ ร้านนี้ไม่มีเมนูอังกฤษ พนักงานก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ไม่เป็นปัญหาเพราะเราเซฟรูปจากรีวิวคุณ Skybox เปิดให้พนักงานดูพร้อมยกนิ้วว่าเอาแบบนี้ 1 เป็นอันได้กินค่ะ มาแล้วค่ะราเมงร้อนๆ ชามใหญ่มาก ได้เวลาแปลงร่างเป็นแกลโซเนะอีกแล้ว

ชิมน้ำซุปกันก่อนเลย ราเมงชามนี้น้ำซุปคือทีเด็ดค่ะ คล่องคอ รสชาติดีมาก เป็นน้ำซุปใส ที่ลอยหน้าขาวๆ ไม่ใช่มันหมู แต่เป็นกระเทียมสับค่ะ โออิชิมากๆ เส้นเป็นแบบเส้นใหญ่ นุ่มๆค่ะ เข้ากันดีค่ะ ในร้านเสียงซู้ดเส้นดังมากค่ะ วันนี้ชนะเลิศค่ะ แข่งกับสาวญี่ปุ่นข้างๆ กินหมดเวลาใกล้เคียงกัน ลิ้นพองเลยค่ะ 555 แอบเม้าท์สาวญี่ปุ่นค่ะ เขากินกันเก่งมาก สั่งราเมงแล้วยังสั่งข้าวราดไข่ดิบมากินคู่กันอีก สุดยอดอ่ะ อร่อยค่ะ ราคาไม่แพงเลย อิ่มมาก กลิ้งกลับโรงแรมเลยคืนนี้

วันที่ 7 ของการเดินทาง

วันนี้อากาศแจ่มใส ไปเที่ยวปราสาทฮิเมจิกันค่ะ ก่อนไปแวะ Osaka Eki Marche เป็นตลาดในสถานีรถไฟโอซาก้าเลยค่ะ หาเสบียงไปกินบนรถไฟค่ะ พาไปเดินดูตลาดในสถานีรถไฟโอซาก้าซะหน่อย ของน่ากินเยอะแยะไปหมดเลย

มีอาหารไทยขายด้วยนะ ส้มตำหน้าตาดูไฮโซมาก ข้าวกระเพราะไข่ดาวก็มีค่ะ

ยังรู้สึกอืดจากราเมงเมื่อคืน เลยซื้อไดฟูกุสตรอว์เบอร์รี่มาแค่ 1 ชิ้นค่ะ ชอบญี่ปุ่นตรงที่ร้านค้าตามใจเราค่ะ ซื้อ 1 ชิ้นก็ขาย ดีจังเลย ขึ้นรถไฟไปฮิเมจิกันค่ะ กินขนมไปพลาง จิบชาไปพลาง ชมวิวข้างทางไปพลาง มีความสุขจริงๆ

กินล่ะนะคะ อย่างแรกที่สัมผัสได้คือเย็นค่ะ แป้งไดฟุกุนุ่มนิ่ม แช่เย็น มีถั่วกวนหุ้มสตรอว์เบอร์รี่หวานฉ่ำ เข้ากั๊นเข้ากัน อร่อยอยากเบิ้ลอีก แต่ซื้อมาลูกเดียว

นั่งรถไฟมาถึงสถานีฮิเมจิแล้วค่ะ ออกจากสถานีก็จะเห็นปราสาทฮิเมจิอยู่ไกลลิบๆ สามารถเดินจากหน้าสถานีรถไฟไปปราสาทฮิเมจิได้เลยค่ะไม่ไกล อากาศดีเดินชิลล์ๆ ก่อนจะถึงตัวปราสาท เจอแผงลอยขายอาหาร เริ่มหิวพอดี แวะเลยค่ะ ของน่ากินเยอะแยะเลย

เราเดินตามกลิ่นยากิโซบะไปเป็นร้านแรกเลยค่ะ หอมมาก ผัดกันร้อนๆ สดๆ ใหม่ๆ คนขายน่ารักค่ะ อยากจะกลับไปเหมาอีก 10 กล่อง รสชาติกลมกล่อมพอใช้ได้ ให้เยอะมาก ล้นกล่องเลย

ความตะกละไม่ปราณี ค่ะ ยากิโซบะซื้อมายังไม่ได้กิน ได้กลิ่นหมึกย่างหอมมาก น่ากินเลยจัดมาอีก 1 ตัว ตัวใหญ่มากค่ะ ย่างซีอิ๊วหอมๆ ร้อนๆ อาวุธครบมือแล้ว หาทำเลดีๆ นั่งโซ้ยค่ะ หมึกสดหวาน นุ่มกินง่าย เต็มปากเต็มคำมากค่ะ

ในที่สุดก็ผ่านด่านร้านอาหารมาได้ ถึงแล้วค่ะ ปราสาทฮิเมจิ สีขาวโดดเด่นสุดๆ ปราสาทฮิเมจิมีฉายาว่าปราสาทนกกระสาขาว เป็นปราสาทที่สวยติดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ปิดปรับปรุงมาเป็นเวลา 5 ปี คนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติก็ตื่นเต้นที่จะมาชมความงามของปราสาทแห่งนี้กัน รวมถึงเราด้วยค่ะ เราไปต่อแถวเข้าคิว ชมปราสาทกันก่อนเลยค่ะ เขาจำกัดจำนวนคนเข้าชมด้วยนะคะ

ปราสาทที่แข็งแกร่งกับซากุระที่อ่อนโยน เมื่อมารวมกันแล้วลงตัวสวยงามอย่างเหลือเชื่อ ดอกซากุระบานเต็มที่สวยงามมาก ที่ฮิเมจิต้นซากุระเยอะมากค่ะ วางแผนมาชมซากุระที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน

ก่อนมาเตรียมใจไว้แล้วนะคะว่าคนจะเยอะ เพราะปราสาทปิดซ่อมแซมมานาน และเป็นช่วงซากุระบานด้วย แต่ไม่คิดว่ามากมายขนาดนี้ มองย้อนกลับไปข้างหลังค่ะ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง ฮือๆ ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ นอกจากค่อยๆ กระดึ๊บๆ ไหลตามฝูงชนเข้าไปเรื่อยๆ

และแล้วเราก็สำเร็จการฝึกความอดทน ผ่านมาถึงชั้นบนสุดได้ค่ะ วิวสุดยอดมาก หายเหนื่อย!

เสร็จสิ้นการชมปราสาท ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 4 ชม. รู้สึกน้ำตาลตก ร่างกายต้องการของหวานอย่างด่วน บ่ายนี้ ไปกันที่ ร้านนี้ Plabo cheese tart มีสาขาที่หน้าสถานีฮิเมจิ สาขานี้มีที่ให้นั่งกินด้วยค่ะ เดินเข้ามา หอมนมเนยชีสฟุ้งไปทั้งร้านเลยค่ะ เราสั่งเมนูชีสทาร์ตรสดั้งเดิมขนาดเล็ก เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมวานิลา พนักงานมาเสิร์ฟไปเต้นไป ญี่ปุ่นนี่น่ารักจริงๆ ค่ะ กินแล้วหวาน หอม นุ่ม ชุ่มลิ้นมากๆ อ้อ! เขาเสิร์ฟซอสส้มมาด้วย ราดได้เองตามใจชอบเลย แก้เลี่ยนจากชีสได้ค่ะ ส่วนไอศกรีมมีเม็ดวานิลาดำๆ ผสมอยู่ด้วย หอม อร่อย เคลิ้ม กินเพลินๆ แป๊บเดียวก็หมดแล้วค่ะ ไซส์เล็กแต่เยอะนะแอบจุก 55

อิ่มแล้วเดินย้อนกลับไปที่ปราสาทค่ะ ไปชมไลท์อัพสวยๆ กัน เดินผ่านฝาท่อเมืองฮิเมจิค่ะ ผู้คนเริ่มพากันจับจองพื้นที่กันมากขึ้น สังสรรค์ใต้ต้นซากุระ ดูมีความสุขกันจังเลย มืดแล้ว ปราสาทเริ่มเปิดไฟ สวยงาม ยิ่งใหญ่มากค่ะ

นั่งรถไฟกลับไปหามื้อเย็นกินที่ โอซาก้า ตรงไปที่ห้างโยโดบาชิ อยู่ติดกับสถานีโอซาก้า ชั้นที่มีร้านอาหารเยอะๆ ลืมถ่ายรูปหน้าร้านแต่หาไม่ยากค่ะ แต่ละร้านขายอาหารไม่ซ้ำกัน เมนูๆ เราสั่งเซ็ตซ้ายบนสุด ชุดลิ้นวัวย่าง มีข้าวกับน้ำซุปให้ด้วย มื้อนี้แพงนิดนึง แต่สำหรับอาหารชุดลิ้นวัวที่นี่ก็ถือว่าถูกกว่าร้านอื่นค่ะ

มาแล้วค่ะ ลิ้นวัวย่าง ย่างแบบมีเดียม หั่นมาอย่างหนาเลยค่ะ เคี้ยวกรึบๆ อร่อยมากกกกก กินกับข้าวญี่ปุ่นนุ่มๆ หนึบๆ เท่าไหร่ก็ไม่พอ อิ่มอร่อย กลิ้งกับโรงแรมอีกแล้ว

วันที่ 8 ของการเดินทาง

เช้านี้ฝนตกอีกแล้วค่ะ มาเที่ยวญี่ปุ่นไม่ต้องกลัวฝนค่ะ ฝนตกก็กางร่ม โรงแรมที่ญี่ปุ่นจะมีร่มให้ยืมใช้ฟรีด้วยค่ะ วันนี้ไปเที่ยวย่านชินเซไก อยู่ใกล้ๆ โรงแรมเดินไปได้ค่ะ มาถึงแล้ว หอคอยซือเตนคาคุ เห็นบ่อยตามการ์ตูนญี่ปุ่น ตื่นเต้นๆ

เคยดูรายการ JapanX TV พี่อุ้มพิธีกรเขาบอกว่า 4 สิ่งที่ต้องกินเมื่อมาเที่ยวโอซาก้า คือปู โอโคโนมิยากิ ทาโกะยากิ และคุชิคัทสึ เช้านี้เราจะมาโซโล่ “คุชิคัทสึ” 1 ใน 4 อาหารประจำถิ่นโอซาก้านั่นเอง ร้านนี้ค่ะ Kushikatsu Daruma ร้านนี้เขาดังนะคะ มีสาขาทั่วโอซาก้าเลย ร้านเปิด 11 โมง พอร้านเปิดปากลุงโหดที่เป็นโลโก้หน้าร้านขยับพูดได้ด้วยนะคะ ตลกดีค่ะ

เข้ามาในร้าน ธรรมเนียมของร้านอาหารญี่ปุ่นค่ะ เสริฟผ้าอุ่นๆ เอามาเช็ดไม้เช็ดมือกันก่อน เช้านี้ฝนตก อากาศหนาว สั่ง Calpis chuhai มากิน เมาแต่หัววันเลยค่ะ กะหล่ำปลีของญี่ปุ่น ใบจะแข็งๆ หน่อย กรอบๆ แกล้มของทอด อร่อยดี อาหารที่สั่งชุดแรกมาเสิร์ฟแล้วค่ะ วิธีการกินหลายๆ คนอาจจะรู้แล้ว จิ้มน้ำจิ้มได้แค่ครั้งเดียวนะคะ ถ้าเรากัดแล้วห้ามจิ้มซ้ำมันจะทำให้น้ำจิ้มเขาสกปรก อยากได้น้ำจิ้มเพิ่ม เอากะหล่ำตักราดได้ค่ะ อาจจะเพราะประเดิมร้านเลยหรือเปล่าไม่แน่ใจ สีของทอดออกดำไปหน่อย

ฝนยังไม่หยุดตก ก็เลยเดินเล่นแถวๆ นั้น มีร้านดองกิโฮเต้อยู่ใกล้ๆ เลยค่ะ ขายของสารพัด เครื่องสำอาง ขนม ของที่คนไทยชอบซื้อ มีเกือบครบทุกอย่าง ถ้าซื้อของเยอะๆ (เกิน 5,001 เยน) เราสามารถทำ Tax refund มีเงินเหลือคืนกลับมา เอาไปซื้อขนมกินได้อีกค่ะ

บ่ายนี้ไปตะลุยกินกันต่อ ที่ Shinsaibashi ถนนช้อปปิ้งยาวสุดลูกหูลูกตาของโอซาก้า เขาว่ายาวถึง 2 กม. เลยทีเดียวนะคะ

แวะร้านนี้ก่อนเลย Kani Doraku ร้านปู เขาย่างปูกันสดๆ หน้าร้านเลย หอมเตะจมูกมาก เราไม่ได้กินเซ็ตใหญ่ในร้าน เพราะเกินงบค่ะ TT เลยซื้อปูย่างที่เขาขายแบ่งหน้าร้าน มาลองลิ้มชิมรส ให้พอรู้รสชาติค่ะ 555

เศษปูไม่ระคายกระเพาะเลยค่ะ ไปต่อร้านที่สองกันเลย 555 ร้านเกี๊ยวซ่า ร้านนี้นี่เองค่ะ รูปเกี๊ยวซ่าโดดเด่น เป็นสง่า อยู่ถัดจากร้านปูไปนิดนึงค่ะ เมนูค่ะ 5 ชิ้น 200 เยน เท่านั้นเอง ราคาน่าคบมากๆ ของถูกส่วนใหญ่ต้องยืนกินนะคะ

มาแล้วค่ะ ฝนตกปรอยๆ อากาศหนาวๆ กินเกี๊ยวซ่าร้อนๆ กรอบๆ นุ่มๆ อร่อยถูกใจค่ะ

เดินเล่นตามถนนสายช้อปปิ้งเรื่อยๆ มาเจอร้านนี้ค่ะ 551 Horai เคยอ่านเจอว่าซาลาเปาที่นี่อร่อย แต่อดใจไว้ก่อนค่ะ คืนนี้เรามีเป้าหมายที่เด็ดกว่านี้ ก่อนไปกินมื้อเย็นขอแวะซื้อมันหวานเคลือบน้ำตาลกลับไปกินเล่นที่โรงแรมก่อนค่ะ

มาถึงแล้วค่ะ ร้านอยู่ตรงริมคลองโดทงโบริ แถวๆ ป้ายลุงกูลิโกะ อ่านรีวิวร้านนี้มาเยอะมาก ในที่สุดก็ได้มากินด้วยตัวเองแล้ว ร้าน Ichiran Ramen ราเมงข้อสอบอันลือชื่อนั่นเอง มาถึงหน้าร้านประมาณ 1 ทุ่มค่ะ แถวยาวมากๆ พนักงานมาแจกข้อสอบก่อนเลย

แถวยาวก็จริง แต่รอไม่นานอย่างที่คิดนะคะ ระบบจัดการดีค่ะ เข้าแถวแป๊บเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ได้กินละ ประจำที่ค่ะ มีน้ำฟรี กดเอาจากก๊อกได้เลย เป็นน้ำเย็นนะคะ

มาแล้วค่ะ ราเมงน้ำซุปกระดูกหมูเข้มข้นชามโต ปลื้มปริ่มมาก ณ จุดนี้ เราเป็นมนุษย์กินกับค่ะ ขอเพิ่มหมูชาชูอีก 1 ที่ อิอิ เคยอ่านในการ์ตูน วิธีกินราเมงให้ชิมน้ำซุปก่อนค่ะ … อร่อย กลมกล่อม เข้มข้น คล่องคอมากๆ จากนั้นก็ซู๊ดเส้นตามเลยค่ะ เส้นที่นี่เป็นเส้นเล็ก ลวกมาแบบแข็งๆ กรึบๆ อร่อยๆ ชอบเส้นสไตล์นี้ค่ะ ราเมงสไตล์ฮากาตะ รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน ปลื้มมาก กินหมดเกลี้ยง ไม่เหลือสักหยดเลยค่ะ ราคาไม่แพงเลย เพิ่มหมูด้วย ยังไม่เกิน 1,000 เยน อิ่มมาก

กินอิ่มแล้ว ออกมานอกร้าน แถวยังยาวตลอด ไม่มีตกเลยค่ะ ขายดีจริงๆ อิ่มหนำสำราญ แล้วก็ไปเดินย่อย ชมวิว แอบส่องบรรดาโฮสหนุ่มบนสะพานกูลิโกะ ดึกๆ นี่โฮสออกมาเรียกแขกเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ ไม่กล้าถ่ายรูปไปคนเดียวกลัวโดนรุมกระทืบ 555

กลับถึงโรงแรม วันนี้ยังไม่ได้กินของหวานเลยค่ะ ขอซะหน่อย มันหวานเคลือบน้ำตาลที่ซื้อมาจากร้าน 551 Horai มันญี่ปุ่นมันหวานอยู่แล้ว เคลือบน้ำตาลอย่างหนา กินแล้วแข็งๆ หวานไปหน่อยอ่ะค่ะ

วันที่ 9 ของการเดินทาง

วันนี้ไปเที่ยวสวนสนุก ตะลุย Universal Studio Japan หรือคนญี่ปุ่นเขาเรียกกันสั้นๆ ว่า USJ ค่ะ (ข้างใน USJ อาหารค่อนข้างแพง บางมื้อหลุดคอนเซ็ปต์อาหารเกรดบีนิดนึงนะคะ) เริ่มกันที่สถานี Nishikujo รถไฟสายแฮรี่พอตเตอร์มารับไป USJ ค่ะ คนเยอะมาก เด็กๆ ญี่ปุ่นตื่นเต้นร้องกรี๊ดดีใจกันใหญ่เลยค่ะ เสียงดังมาก ทำให้บรรยากาศโดยรวมตื่นเต้น เราตื่นเต้นตั้งแต่ขึ้นรถไฟเลยค่ะ สนุกแน่ๆ ค่ะวันนี้

ประตูเปิดวิ่งอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ได้ซื้อฟาสพาส ต้องรีบไปจองคิวเข้าโซนแฮรี่ หลงๆ งงๆ วิ่งตามคนเยอะๆ ไป กดบัตรคิวเข้าโซนแฮรี่ พอตเตอร์ ได้รอบบ่ายโมง พอได้บัตรแฮรี่ก็สบายใจล่ะ มื้อเช้าวันนี้กินข้าวปั้นง่ายๆ จาก Lawson ค่ะ ถึงจะเป็นข้าวปั้นร้านสะดวกซื้อ แต่ก็เป็นข้าวปั้นแบบพรีเมี่ยมนะคะ ไส้ปลาแซลม่อนย่างเกลือชิ้นใหญ่เบ้อเริ่มเลย เค็มๆ มันๆ อร่อยดีจัง

ไปต่อกันที่โซนจูราสิคปาร์ค เราแปลงร่างเป็นไดโนเสาร์ค่ะ จัดการขาไก่งวง 1 ขา

ได้เวลาเข้าโซนแฮรี่แล้วค่ะ อันดับแรกขอพุ่งไปร้านไม้กวาดสามอัน จัดอะไรมาก็ได้ค่ะ 1 เซ็ต จุดนี้ขอแค่ได้เข้าไปนั่งฟินในร้านไม้กวาดสามอัน เจ๊ยอมจ่ายไม่อั้น โดนไป 4,000 เยนค่ะ สบายตัวไป ไก่ย่าง ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง มันฝรั่งสไลด์อบ และข้าวโพดต้ม พ่อมดแม่มดเขากินกันแบบนี้สินะ

บัตเตอร์เบียร์ค่ะ แนะนำให้นั่งโซนข้างนอก กินไปชมวิวปราสาทฮอกวอร์ตไป โอ้ย ฟิน! อิ่มแล้วออกไปเดินเล่นดูบรรยากาศรอบๆ คนอื่นซื้อไม้กายสิทธิ์ แต่เราซื้อชูโรสค่ะ เป็นแท่งๆ เหมือนกันเนอะ แต่อันนี้กินได้ อร่อยด้วย 555 ตัดจบ USJ เลยนะคะ จากนี้ไปคือวิ่งเล่นเครื่องเล่นให้คุ้มที่สุดค่ะ แนะนำเครื่องเล่นแฮรี่ พอตเตอร์ในปราสาทค่ะ สนุกมาก ห้ามพลาด

วันที่ 10 ของการเดินทาง

วันนี้ฝนตกอีกแล้วค่ะ แถมพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตกทุกวันจนถึงวันกลับ เลยตัดสินใจจำเป็นต้องไปแล้วค่ะ ลุยฝนเที่ยวที่เกียวโต อาราชิยาม่า สถานีรถไฟอาราชิยาม่าต้อนรับเราด้วยซากุระฟูลบลูม บานสะพรั่ง สวยงามจริงๆ ค่ะ

ซากุระที่อาราชิยาม่า สวยจริงๆ ค่ะ สวยทุกมุมมอง

ยืนกางร่ม ชมวิว ทำอารมณ์ศิลปินอยู่พักใหญ่ เริ่มหิวค่ะ >.< หอมไก่ย่าง สั่งยากิโทริ 1 ไม้ค่ะ ฝนตกไม่หวั่นค่ะ จะกินไก่ย่าง ไม้ใหญ่มาก ใหญ่พอๆ กับข้าวโพดปิ้ง กินไม้เดียวอิ่มเลย รสชาติกลางๆ พอใช้ได้ค่ะ

เดินข้ามสะพาน เดินเลาะตามริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ ฝนตกหนักขึ้น น้ำซึมเข้ามาในรองเท้า หนาวมากเลยค่ะ ยอมแพ้ฝนค่ะ เป็นคนที่ไม่สบายง่าย กลัวจะเป็นหวัด หาเรื่องแวะร้านขนมข้างทางค่ะ ว่าแล้วก็แวะเลยค่ะ ร้านขนมตรงสะพานโทเก็ตสึเคียว สั่งเมนูชาเขียว+โมจิ ซ้ายบนสุดค่ะ

มาแล้วค่ะ มาแล้ว ได้อารมณ์ขนมญี่ปุ่นมากๆ ขนมญี่ปุ่น จากอาราชิยาม่า พร้อมเสิร์ฟค่ะ มาชิมกันเลยค่ะ มีถั่วแดงกวน หวานมาก ไส้ข้างในเป็นแป้งเหนียวๆ จืดๆ อีกส่วนชิ้นเป็นแป้งโมจิห่อด้วยใบซากุระดอง ใบออกรสเค็ม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวค่ะ

กินขนมหวานๆ ซดชาเขียวขมๆ กินแล้วกลมกล่อม บรรยากาศรอบข้างช่วยทำให้อร่อยขึ้นอีกหลายเท่า

มื้อเย็นมากินบุฟเฟ่ต์เนื้อย่าง ร้าน กิวคาคุ Gyu-kaku ที่โดทงโบริค่ะ เป็นร้านบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างราคาไม่แพง มีให้เลือกหลายคอร์ส เริ่มต้นที่ 3,000 เยน มีสาขาทั่วญี่ปุ่นค่ะ

น้ำจิ้มพร้อม ช่องกลาง คือ น้ำมะนาว เอาไว้จิ้มกับลิ้นวัวค่ะ โออิชิมากๆ

ข้าวมีโรยสาหร่ายกับน้ำมันงา หอมอร่อย ต่อไปนี้คือรูปเนื้อจ้า ปิ้งๆ ย่างๆ ไฟแรงดีไม่มีตก จนนาทีสุดท้ายเลยค่ะ ลิ้นวัว จิ้มกับน้ำมะนาว อร่อยมาก

ของทะเล ปลาหมึก และหอยเชลล์ มีเนยเล็กๆ แปะมาให้ด้วย

เนื้ออออออออออ กิมจิร้านนี้เขาเคลมว่ากิมจิเขาอร่อย ถ้ามากินอย่าลืมสั่งนะคะ อร่อยจริงๆ

ข้าวยำเกาหลี ก็อร่อยค่ะ จัดมาแบบมินิๆ ปิดท้ายด้วยของหวาน ฟินสุดๆ ไปเลยค่ะ

วันที่ 11 ของการเดินทาง

วันนี้ไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า พยากรณ์อากาศบอกฝนตก แต่ตื่นมาฟ้าใสปิ๊งเลย ซากุระฟูลบลูมพอดีค่ะ ปราสาทโอซาก้า สวยงาม แต่เราว่าปราสาทฮิเมจิสวยกว่าค่ะ

ซากุระบานสะพรั่งไปทั่วเมือง มองไปทางไหนก็เป็นสีชมพู สวยงามและสดชื่นมาก ชื่นชมธรรมชาติได้สักพัก ก็เริ่มหิวแล้วค่ะ ไปหาของกินกันดีกว่า มุ่งตรงมาที่ตึกนี้เลย Umeda Sky Building เดินเข้าไปในตึกเลยค่ะ อยู่ชั้นใต้ดิน โซนร้านอาหารค่ะ ร้านที่ 17

ไปกันที่ร้าน Kiji Okonomiyaki เป็นร้านดังนะคะ Okonomiyaki เป็นอาหารประจำถิ่นโอซาก้า มาทานร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ มาถึงตอนเที่ยงพอดี ต้องรอคิวสักพักค่ะ บรรยากาศในร้านดีมากเลยค่ะ เป็นกันเองมากๆ หัวเราะเฮฮาปาร์ตี้มากๆ ได้อารมณ์สไตล์คันไซแท้ๆ เลย บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้ในโตเกียวนะคะ คนฝั่งโตเกียวจะเคร่งขรึมกว่าคนฝั่งคันไซ

เมนูมาค่ะ อ่านไม่ออก ญี่ปุ่นล้วนๆ เลย ก่อนจะไปกินของอร่อย ขอเล่าความประทับใจของร้านนี้ให้ฟัง ยาวนิดนึงนะคะ คือเราไปคนเดียว ได้นั่งตรงเคาน์เตอร์ ทีนี้พอสั่งอาหารเสร็จก็เอากล้องขึ้นมาถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย คุณลุงเจ้าของร้านก็พูดญี่ปุ่นใส่ชุดใหญ่ เราก็อึ้งไปค่ะ เขาก็เลยถามว่าเป็นภาษาอังกฤษมาจากไหน เราก็บอกไทย ทีนี้คุณลุงตะโกนทั่วร้านเลยค่ะ บอกทุกคนว่าคนนี้มาจากประเทศไทยนะให้ทักทาย คนในร้านก็ตะโกนสวัสดีเรากันใหญ่เลย แล้วคุณลุงก็ขอกล้องเราไป แล้วก็จัดแจง ให้คนญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ มาถ่ายรูปกับเราค่ะ น่ารัก ประทับใจมาก ได้รูปนี้มาค่ะ เป็นรูปที่ดีที่สุดในทริป ถ่ายโดยคุณลุงคิจิเจ้าของร้านค่ะ เราคนกลางนะคะ มีญี่ปุ่นขนาบ 2 ข้าง

เวิ่นมาเยอะแล้ว ได้เวลาโซ้ยละค่ะ นั่งหน้าเคาน์เตอร์เลยได้ชมวิธีทำโอโคโนมิยากิ เพลินดีค่ะ ดูไปหิวไป

ยากิโซบะ กับโอโคโนมิยากิที่นี่อร่อย อยากสั่ง 2 อย่าง แต่กลัวกินไม่หมด เราขอเอามารวมกันเลย สั่งโอโคโนมิยากิใส่เส้นโซบะแล้วกันค่ะ โรยสาหร่าย แสดงว่าใกล้เสร็จละคร้า มันหอมมาก หิว!

กินกันได้เลยค่ะ เป็นโอโคโนมิยากิที่อร่อยมาก ราคาไม่แพงด้วย ไม่ถึง 1,000 เยน อิ่มตื้อเลยค่ะ

บ่ายๆ ฟ้าครึ้มมาเลย ฝนเริ่มลงเม็ดตามพยากรณ์อากาศ บ่ายนี้ขอไปเดินเล่นชิลล์ๆ ดูดอกไม้ที่สวนสาธารณะชานเมืองโอซาก้าค่ะ ได้ข้อมูลมาจากเว็บนี้ค่ะ www.osaka-info.jp นั่งรถไฟมาที่สถานีในรูปนี้เลยค่ะ เดินออกมาจากสถานี เจอสวนสาธารณะเลย ที่นี่มีทุ่งดอกทิวลิปเยอะพอประมาณ สวยดีค่ะ มีต้นโคลเวอร์ ต้นไม้แห่งความโชคดีด้วย

เดินมาเรื่อยๆ จะเจอต้นซากุระยาวสุดลูกหูลูกตา ถ่ายรูปได้เพลินๆ เลยค่ะ ไม่มีคนเลยค่ะ

วันที่ 12 วันสุดท้ายของการเดินทาง

วันนี้ แพ็กกระเป๋าเตรียมเก็บของกลับบ้านแล้วค่ะ กระเป๋างอกค่ะ แพ็กเสร็จแล้วถึงกับอึ้งว่ามาคนเดียวแล้วฉันจะแบกไปสนามบินยังไง ในที่สุดก็มาถึงชานชาลาสถานีรถไฟจนได้ สภาพตอนลากกระเป๋าสุดๆ อ่ะค่ะ คิดว่าคุณลุงแถวนั้นต้องชื่นชมความแข็งแกร่งของเราเป็นแน่แท้

ไม่ต้องคิดอะไรมาก เยอะขนาดนี้ เอาไปฝากล็อกเกอร์สนามบินก่อนดีกว่าค่ะ ที่สนามบินคันไซ ล็อกเกอร์ขนาดใหญ่ 600 เยน ไม่ค่อยว่าง ต้องไปเสียเวลารอนานเลยทีเดียว พอฝากกระเป๋าเสร็จก็บ่ายแก่ๆ แล้วค่ะ ไปเดินเล่นที่ Rinku town outlet รอเช็คอินตอน 3 ทุ่มค่ะ ถามตัวเองอยากกินอะไรซ้ำก่อนจะกลับบ้าน เพราะอะไรก็ไม่รู้ อยากกินข้าวแกงกะหรี่ มื้อนี้ก็เลยได้กินข้าวแกงกะหรี่ค่ะ รอบนี้ขอจัดเต็ม เพิ่มขนาดข้าวด้วย โหดมาก 555 มีเวลาเหลือเฟือ สั่งสลัดไส้กรอกมากินเล่นๆ อร่อยดีค่ะ

ข้าวมาเสิร์ฟแล้ว ท๊อปปิ้งยังคงติดใจไก่กรอบเหมือนเดิม ไก่ทอดร้อนๆ ราดแกงกะหรี่รสชาติเข้มข้น อร่อยยอมตายค่ะ

มาถึงสนามบินนึกขึ้นได้ Oh My GOD! ยังไม่ได้กินทาโกะยากิ! มาโอซาก้าแล้วไม่ได้กินทาโกะยากิ เหมือนมาไม่ถึงนะ โชคดีที่สนามบินมีร้านขายทาโกะยากิ เลยขอจัดอีกชุดนึงส่งท้ายก่อนกลับบ้านค่ะ (สนามบินคันไซมีร้านอาหารเยอะค่ะ มาเดินเล่นชิลล์ๆ กันได้ก่อนขึ้นเครื่อง)

กินแล้วนะคะ รู้สึกว่ารสชาติมันไม่เหมือนที่ขายในประเทศไทย สัมผัสแรกมันเบากว่า แต่พอกินไปทั้งคำ เนื้อปลาหมึกมันทำให้รสชาติเข้มขึ้นเรื่อยๆ อร่อยค่ะ ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยแล้ว จบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตาม ขอบคุณจากหัวใจจริงๆ ค่ะ

พูดคุยไลค์เพจได้ที่ www.facebook.com/jarawee.preechasin

เที่ยวญี่ปุ่น ตามล่าอาหารเกรดบี อิ่ม อร่อย ประหยัด was last modified: May 18th, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version