Mushroom Travel

นิวซีแลนด์ ..ลุยเดี่ยว เรียน เที่ยว ทำงาน ตอนที่ 3

นิวซีแลนด์ ..ลุยเดี่ยว เรียน เที่ยว ทำงาน ตอนที่ 3 ….Home stay

Home stay เป็นอาชีพอีกอาชีพนึงที่เป็นที่นิยมมากในนิวซีแลนด์ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่แบ่งห้องนอน ให้นักเรียนแล้วก็ทำอาหารเผื่อ ก็ได้แล้ว 190-200 เหรียญฯ ต่ออาทิตย์ เจ้าของบ้านก็มีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับความซวยของแต่ละบุคคล แต่ส่วนมากก็จะใจดี ดูแลเอาใจใส่นักเรียนเหมือนกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว พูดคุยด้วย สอนการบ้าน พาไปเที่ยว ไปโบสถ์ ไปส่งที่โรงเรียน บางบ้านก็ไม่ได้เรื่อง ถ้าเรารู้สึกว่าเจ้าของบ้านดูแลเราไม่ดีเลย ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เราก็สามารถไปบอกกับโรงเรียนขอย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ เพราะว่ามันเป็นสิทธิของเรา อย่าก้มหน้าก้มตารับกรรม มันไม่คุ้มกันน้า

ส่วนการเลือกบ้านนั้น ทางโรงเรียนจะให้เรากรอกแบบฟอร์มก่อนว่าอยากได้บ้านประมาณไหน มีเด็กไหม มีสัตว์เลี้ยงไหม สูบบุหรี่ไหม พอเราติ๊กๆๆ ไป เค้าก็จะติดต่อกลับมาพร้อมกับรายละเอียดของบ้าน 2-3 หลังให้เราตัดสินใจเลือก เราจะจ่ายค่าบ้านพร้อมกับค่าเทอมแค่ 4 อาทิตย์แรกเท่านั้น ถ้าหลังจากนั้นเราตัดสินใจจะอยู่ต่อก็ให้จ่ายค่าเช่าบ้านโดยตรงกับเจ้าของบ้านได้เลย

แต่สิ่งที่จะต้องทำใจเรื่องนึง คือเรื่องอาหาร คนไทยอย่างเราๆ ที่กินข้าวเป็นหลัก พอมาอยู่ที่นี่จะต้องหันมากินขนมปังแทน เช้าขนมปังปิ้ง กลางวันแซนด์วิซ โดยเฉพาะกับนักเรียนที่อยู่โฮมสเตย์แทบจะได้กินแซนด์วิซทุกวัน เพราะว่าทำง่ายมาก จนบางวันก็ต้องแอบทิ้ง ยอมขาดทุน ไปซื้ออย่างอื่นมากินแทน เพราะว่าเบื่อมาก มื้ออาหารที่หวังพึ่งได้จริงๆ คือมื้อเย็น ส่วนมากจะเป็น เนื้อสัตว์กับผักต้มหมุนเวียนกันไป บางวันโชคดีหน่อยอาจจะได้กินข้าว แต่ก็ไม่อร่อยเหมือนบ้านเรา เพราะข้าวสารที่เค้าใช้เป็นแบบ nonstick เวลาหุงเสร็จมันจะร่วนๆ แข็งๆ เหมือนข้าวที่หุงไม่สุก ส่วนห้องนอนเค้าจะจัดให้เราดีพอสมควร ขึ้นอยู่กับฐานะของบ้านนั้นๆ

ป้าบ้านแรกที่ไปอยู่ ป้าให้อยู่ห้องชั้นล่าง มีห้องน้ำในตัว แล้วก็มีเครื่องทำความร้อนอยู่ในห้องนอน ปิดเปิดตามเจ้าของบ้าน แกจะมีแผงควบคุมอยู่ข้างบนบ้าน อย่าหวังเลยว่าจะได้เปิดตามใจชอบ ทุกๆ ก๊อกน้ำที่นี่จะมี ก๊อกน้ำร้อน และ น้ำเย็นคู่กัน

น้ำร้อนก็ร้อนมากพอที่จะละลายกาแฟได้ พอถึงอาหารเย็นบางทีก็ให้เรากินนิดเดียว ไม่อิ่มเลย พอซักสองทุ่มก็เอาแล้ว ท้องร้องหิวบ่อยๆ หาไรกินดีเนี่ย บางทีก็กินขนมขบเคี้ยวไปแต่ก็เอาไม่อยู่ อยากกินอะไรเผ็ดๆ บ้าง อิชั้นต้องซื้อมาม่ากับไข่เก็บไว้ในห้อง แล้วก็เอาอีน้ำร้อนจากก๊อกนี่แหละต้ม แช่เส้นไว้นานมากกว่าเส้นจะสุก ไข่ก็ดิบๆ สุกๆ แล้วก็เอาถ้วย ไปวางไว้บนเครื่องทำความร้อนอีกที กว่าจะได้กิน ซดน้ำซุปทีน้ำตาจะไหล ทำไมถึงอร่อยแบบนี้เนี่ย

และสิ่งนึงที่คล้ายกันของคนที่นี่คือการประหยัดไฟ เพราะว่าค่าไฟแพงมากๆๆ ถ้าเราใช้มาก เค้าก็จะมาบอกให้เราประหยัด หน้าร้อนมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่หน้าหนาวนี่สิ ถ้าไม่ให้เปิด Heater บ้างก็หนาวตายกันพอดี บางบ้านงกสุดๆ ตอนกลางคืนให้ทุกคนมานอนรวมกัน เพื่อที่จะได้เปิด Heater แค่ห้องเดียว เท่านั้นยังไม่พอ แถมนอนกรนอีกตะหาก กรรมจริงๆ แค่หนาวก็จะแย่อยู่แล้ว ยังต้องมาทนฟังเสียงกรนอีก

บางบ้านไม่เปิด Heater ให้ แต่แจกกระเป๋าน้ำร้อนให้คนละใบ เอาไว้กอดเวลานอน งกจริงๆ เวลาซักผ้าเค้าก็จะไม่ซักทุกวันเหมือนบ้านเรา เค้าจะรอให้เยอะก่อนแล้วซักทีเดียว ทีนี้คนที่นี่เค้าจะใส่เสื้อผ้าตัวเดิมๆ ถ้ามันไม่สกปรกมากเค้าจะไม่เปลี่ยน ก็ลองคิดดูกว่าจะเก็บสะสมผ้าที่สกปรกจริงๆ ให้ได้เยอะก็อาทิตย์กว่า ไอ้เราอยากจะซักทุกวันก็เกรงใจเค้า ต้องใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ บ้าง เอาน้ำหอมฉีดๆ หน่อยเป็นอันใช้ได้ เรื่องอาบน้ำคนที่นี่จะอาบกันวันละครั้ง ถ้าหนาวมากๆ อาจจะเป็นสองวันครั้ง ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะอาบตอนเช้าหรือตอนเย็น อาบน้ำนานก็ไม่ได้อีก มายืนรอเลย รอไม่ไหว เคาะประตูเลยก็มี แอบจับเวลาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคร้ายแบบนี้นะ มีอยู่บ้านนึง บ้านนี้ป้าเจ้าของบ้านชื่อเฮเลน ป้าเฮเลนดูแลดีมากๆ อาหารอร่อย อลังการทุกมื้อ เสื้อผ้าแกก็เอาไปซักรีดให้อย่างดี พับเก็บวางบนเตียงให้อย่างเรียบร้อย แถมยังสอนการบ้านให้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง แล้วแกก็จะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังประจำ โดยเฉพาะเรื่องชาวบ้าน ป้าเฮเลนจะใช้เวลาว่างของแกคุยโทรศัพท์ ไม่รู้คุยกับใครนักหนา คุยทีเป็นชั่วโมงๆ ถ้าป้าแกไม่มีสามี มีลูก คงคิดไปแล้วว่าคุยกับหนุ่ม ตอนหลังเริ่มจะรู้แล้วว่าป้าแกคุยกับใคร เพราะว่าแกรู้ความเป็นไปทุกเรื่องใน Timaru โดยเฉพาะเรื่องของเด็กที่โรงเรียน ใครเลิกกับใคร ใครกิ๊กกับใคร ใครโดดเรียน ใครไม่สบาย ใครจะมาจะไป แกรู้หมด ป้าแกสามารถจริงๆ ถามอะไรแกตอบได้หมด

ก็คนที่แกโทรหาก็คือครูที่โรงเรียนและพวกโฮมสเตย์ด้วยกัน ตอนนั้นเราก็เลยเพลิดเพลินกับการฟังเรื่องของชาวบ้านไปเลย แต่เราเองก็คงจะไม่พ้นเป็นหัวข้อสนทนาของป้าเหมือนกันแหละ เห็นบางทีแกคุยโทรศัพท์ไปตาก็มาชำเลืองมองเรา เสียดายแกคุยไกลไปหน่อย ไม่งั้นคงได้ฝึกแอบฟัง เอ๊ย ฝึกการฟังกันมั่งแหละ จากประสบการณ์จากป้าเฮเลน สอนให้รู้ว่าHome Stay ที่ดีเลิศประเสริฐศรีนั้นหายากจริงๆ บางสิ่งถ้ามองข้ามไปได้ก็มองข้ามๆ ไปเถอะจะได้อยู่อย่างมีความสุข

จากการถามไถ่พวกป้าๆ โฮมสเตย์ (Host Mums Pole) เค้าบอกว่าเค้าอยากได้เด็กไทยมาอยู่ที่บ้านมากที่สุด รู้สึกประทับใจ เพราะว่าเด็กไทยมีนิสัยเรียบร้อย ว่าง่าย อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เราโดนสอนมาตั้งแต่เด็กว่าให้มีสัมมาคาราวะ กับผู้ใหญ่ อย่าเถียง ให้ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยพูด แล้วอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ช่วยเค้าตั้งโต๊ะ กินข้าวเสร็จก็ช่วยเค้าเก็บจานนิดนึง บ้านส่วนใหญ่ก็จะมีเครื่องล้างจานด้วยกันทั้งนั้น ไม่ได้ลำบากเลย วันว่างๆ ก็อาจจะช่วยเค้าทำสวน ทำไปคุยไปก็เป็นการฝึกภาษาไปในตัว บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี ก็คุยเรื่องอะไรที่ใกล้ๆ ตัวก็ได้ อยู่ใกล้ต้นไม้ ก็คุยเรื่องต้นไม้ ศัพท์คำไหนคิดไม่ออกก็อธิบายอ้อมๆ ฝรั่งเค้าพยายามที่จะเข้าใจเราอยู่แล้ว

โดยเฉพาะ Host Parents ของเรา และก็ไม่ต้องกลัวที่จะพูดผิดด้วย ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาของเรา ไม่ต้องอาย ถ้าเราไม่พูดผิด เราจะรู้เหรอว่าแบบไหนถูก จริงมั้ย นอกจากคนที่บ้านของเราแล้ว เวลาเจอคนอื่นตามท้องถนนเค้าก็จะยิ้มให้กันและทักทายกันอย่างเป็นมิตร Hi..how are you? แรกๆ อาจจะเขิน แต่ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็จะชินไปเอง บ้านที่ไปอยู่เนี่ยเป็นบ้านสองชั้น บรรยากาศดีมาก มองเห็นทะเลด้วย เวลาไปโรงเรียนตอนเช้าก็จะเดินไป ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เดินผ่านสวนสาธารณะ ผ่านทะเล อากาศดีสุดๆ แต่ถ้าวันไหนตื่นสาย หรือว่าขี้เกียจก็จะขึ้นรถเมล์

รถเมล์ที่นี่ไม่เหมือนกับที่ไทยที่มีวิ่งตลอดเวลา พลาดคันนี้ไป เดี๋ยวรอคันหน้าก็ได้ แต่ที่นี่มี 4 สายและวิ่งแค่ชั่วโมงละคันเท่านั้น ต้องกะเวลาให้ดี ถ้าพลาดละก็ รอไปอีกชั่วโมงนึง

อย่างที่บอกไปแล้วว่าคนที่นี่มนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ เวลาขึ้นจะต้องไปขึ้นข้างหน้า แล้วก็จ่ายเงินให้กับคนขับ ทุกครั้งคนขับรถจะทักทายคุณอย่างเป็นมิตร คนที่คุณเจอบนรถก็จะเป็นคนเดิมๆ ที่คุณเจอทุกวัน พวกเค้าจะยิ้มให้คุณเสมอ แล้วเวลาลงจากรถ เค้าจะพูดคำว่า Thank you ให้กับคนขับรถทุกครั้ง ดูแล้วน่ารักดีจัง คนที่นี่เค้าจะไม่ดูถูกกัน อาชีพทุกอาชีพมีเกียรติ ตอนแรกๆ ก็ไม่กล้าพูด แล้วก็พัฒนามาเป็นการงึมงำ เพราะว่ายังอายอยู่ นานเข้าชักจะชิน พูดเลย Thank you ดังมาก เอาให้ได้ยินกันทั้งรถ

ถ้าไม่อยากอยู่ Home stay จะอยู่ที่ไหนดี

การที่จะมาเรียนที่ New Zealand ถ้าอายุต่ำกว่า 18 แล้วไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่จะมาพักอยู่ด้วยได้ ก็จะต้องไปอยู่ Home Stay เท่านั้น ทางโรงเรียนจะติดต่อสอบถามความเป็นอยู่ของเด็กอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะรายงานให้ผู้ปกครองของเด็กทราบ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีมาก เด็กๆ จะได้ไม่ทำตัวเหลวไหล จะต้องกลับบ้านก่อนเวลาที่กำหนด หรือถ้าจะไปค้างที่อื่นก็ต้องบอกให้เจ้าของบ้านรู้ว่า ไปค้างบ้านใคร ที่ไหน จะติดต่อได้ยังไง

แต่ถ้าอายุเกิน 18 แล้ว สามารถเลือกที่พักได้ตามใจชอบ ยังมีตัวเลือกอื่นๆ นอกจาก Home Stay ที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง $165 ตกประมาณ 4,000 บาทต่ออาทิตย์เลยทีเดียว สามารถเลือกได้จากที่พักดังต่อไปนี้

Hostel ก็เหมือนกับหอพักนักศึกษาบ้านเรานั่นเอง ราคาตกอยู่ประมาณ $70-$100 ต่ออาทิตย์ ขึ้นอยู่กับลักษณะของห้อง แต่ส่วนมากจะเป็นห้องน้ำ และครัวรวม อยู่แบบนี้จะสนุก เพราะจะได้เพื่อนเยอะมาก วันหยุดก็ทำอะไรกินกัน เล่นกีฬา ช่วยกันเรียน แต่อาจจะไม่ได้ฝึกภาษามากเท่าไหร่ เพราะคนส่วนมากที่อยู่จะเป็นคนเอเชียด้วยกัน มีโอกาสได้พูดภาษาอังกฤษก็จริงแต่ก็พูดกันแบบผิดๆ คิดดูแล้วกันนะว่าคุ้มมั้ย ถูกกว่า Home Stay ก็จริง แต่ต้องทำอาหารเอง แล้วโอกาสฝึกภาษาก็น้อย

Motel เหมาะสำหรับการอยู่การหลายคน ลักษณะคล้ายๆ Apartment บ้านเรา เป็นยูนิต มี 2-3 ห้องนอน มีครัว ห้องน้ำราคาตกอยู่ประมาณ $300-$350 ต่ออาทิตย์ หารกันก็ตกประมาณ $90-$100 ดีกว่า Hostel เป็นส่วนตัวกว่าแน่นอน แต่ก็จะต้องหาคนที่ไว้ใจได้จริงๆ มาอยู่ด้วย ระวังหน่อยแล้วกันนะ

Flat ถ้าชอบอยู่แบบส่วนตัว ขอแนะนำเลย แต่ราคาค่อนข้างแพง มีหลายราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะและทำเล แบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ 2 ห้องนอน ราคาตกอยู่ประมาณ $100-$120 ต่ออาทิตย์ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นะ โล่งเลย ถ้าจะเอาแบบมีเฟอร์นิเจอร์ก็ประมาณ $170-$250 ต่ออาทิตย์ เป็นส่วนตัวแล้วก็สบายมากๆ ตอนที่ไปอยู่แฟลตครั้งแรก ด้วยความประหยัดก็เอาแบบที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ คือไม่มีอะไรเลยจริงๆ นะ ต้องค่อยๆ ทยอยซื้อ

สิ่งสำคัญอันดับแรกคือตู้เย็น แล้วก็ดั๊นแพงซะด้วย กว่าจะได้มาก็หลายวันอยู่ ถ้าถามว่าจะเก็บของให้เย็นๆ ได้ยังไง ตอบว่าวางไว้นอกขอบหน้าต่างค่า ฮ่าๆๆ ช่วงนั้นหน้าหนาวพอดี อากาศข้างนอกเย็นเจี๊ยบกว่าในตู้เย็นอีก แล้วต่อมาก็ซื้อฟูกมานอนกับพื้น ผ้าห่ม ซื้อมาเลยสองผืนหนาๆ แต่ก็ยังเอาไม่อยู่ เวลานอนทียังกะจะออกเล่นสกี หมวก ถุงเท้า แจ๊กเกต ถ้าฝรั่งเห็นคงจะงงว่าอีนี่จะไปไหนเนี่ย และสิ่งที่ดีมากในการอยู่แฟลตคือ อยากกินอะไรก็ได้กินค่า ไม่ต้องเกรงใจเจ้าของบ้าน จะตำปูปลาร้า ต้มแซบ ต้มยำก็จัดโลด จากมาม่าที่เคยใช้น้ำร้อนจากก๊อกต้ม ก็ดูดีขึ้นมานิดนึง

ปล. แซลมอนสดไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ ที่เห็นบนจานนี้ตก $16 คูณ 26 ประมาณ 416 บาท ปลาแซลมอนนี่โอเคเลย แต่ที่ทำใจไม่ได้คืออีมะนาวนี่แหละ โลละ $8 -$9 แข็งเป๊ก น้ำก็ไม่ค่อยจะมี

Backpacker ใครอยากอยู่แบบนี้ก็จะต้องเป็นคนลุยๆ หน่อย คนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ ราคาประมาณ $16 ต่อวัน ไม่แนะนำสำหรับผู้หญิงที่เพิ่งไปครั้งแรก เพราะค่อนข้างอันตราย อาจจะมีหนุ่มๆ ฝรั่งมากมายมาทำให้จิตใจอ่อนไหว ฮิ้วววววว เคยไปตอนมาครั้งแรก เจอหนุ่มๆ เดินถอดเสื้อไปกันให้พล่าน โอ้ววว กล้าม ซิกแพค ตาลาย ชั้นจะเป็นลม แกล้งเป็นลมดีไหมเผื่อจะมีคนมาปฐมพยาบาล ฮ่าๆๆ

ตอนต่อไป …..Language school โรงเรียนภาษาที่รัก


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

นิวซีแลนด์ ..ลุยเดี่ยว เรียน เที่ยว ทำงาน ตอนที่ 3 was last modified: May 26th, 2022 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version