อินเดีย เป็นประเทศเต็มไปด้วยสีสันและความหลากหลาย ทั้งในด้านเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีให้เลือกทุกแบบทุกสไตล์ ใครยังไม่เคยมาบอกเลยว่าต้องลองสักครั้งในชีวิต! นอกจากที่เที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ แล้ว อินเดียยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ถือเป็นไฮไลต์เด็ดห้ามพลาดเลยค่ะ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ทาง อินเดียเหนือ บอกเลยว่าวิวสวยงามอลังการไม่แพ้ที่ไหน และการมาเที่ยวในแต่ละฤดูยังให้บรรยากาศที่แตกต่างกันด้วย สำหรับสายรักธรรมชาติที่กำลังวางแผนเดินทาง แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มีพิกัด 10 ที่เที่ยวอินเดีย ธรรมชาติ มาฝาก จะสวยงามขนาดไหน ตามไปดูกัน
1. กุลมาร์ค (Gulmarg) – แคชเมียร์
กุลมาร์ค ตั้งอยู่ห่างจากศรีนาการ์ (Srinagar) เมืองหลวงของรัฐแคชเมียร์ประมาณ 60 กิโลเมตร เป็นเมืองตากอากาศที่มีครบทั้งวิวเทือกเขาหิมาลัย ทะเลสาบ ป่าสนเขียวชอุ่ม ทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าหลากสีในฤดูร้อน และหิมะฉ่ำๆ ในฤดูหนาว นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสกีรีสอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มีกิจกรรมสนุกๆ มากมาย ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายยอดนิยมของคนที่มา เที่ยวอินเดีย ตลอดทั้งปี การเดินทางก็แสนจะง่าย เพราะมีกระเช้ากอนโดลาพาขึ้นไปถึงยอดเขาที่ระดับความสูง 3,747 เมตรเหนือน้ำทะเล แถมยังได้ชมวิวสวยๆ ไปตลอดทางเลย
เวลาเปิด – ปิด : 10.00 -17.00 น.
ค่าเข้าชม : ค่ากระเช้า 2 ช่วง คนละประมาณ 1,800 รูปี
** ราคาแตกต่างกันตามวันและเวลา
เว็บไซต์ : https://www.jammukashmircablecar.com/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/JxPSfj9ezEHig9eP8
2. พาฮาลแกม (Pahalgam) – แคชเมียร์
มาเช็กอิน ที่เที่ยวอินเดีย ธรรมชาติ กันต่อเลยที่ พาฮาลแกม เมืองเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขาอันเงียบสงบที่ได้รับการขนานนามว่า “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอินเดีย” รายล้อมไปด้วยป่าสน ทุ่งหญ้า แม่น้ำ และยอดเขาหิมะที่ทอดตัวยาวเป็นฉากหลัง สะท้อนความงดงามที่เรียบง่ายแต่สมบูรณ์แบบราวกับภาพวาด จุดชมวิวไฮไลต์คือบริเวณ หุบเขาเบตาบ (Betaab Valley) และ หุบเขาอารู (Aru Valley) ที่เคยถูกใช้เป็นโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์บอลลีวูด ในช่วงฤดูร้อนจะมีดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เติมสีสันให้บรรยากาศดูสดใส สามารถมาเดินเล่น ถ่ายรูป ชมวิวริมน้ำ ขี่ม้า ตกปลาเทราต์ และล่องแพได้ ส่วนช่วงฤดูหนาว ก็จะมีหิมะปกคลุมเต็มพื้นที่ สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/SsNiF4SYnKgJ2Lho8
3. โซนามาร์ค (Sonamarg) – แคชเมียร์
อีกหนึ่ง ที่เที่ยวอินเดีย ธรรมชาติ ที่ห้ามพลาดเลยคือ โซนามาร์ค ทุ่งหญ้าผืนใหญ่ที่อยู่บนเส้นทางระหว่างเมืองศรีนาการ์กับเลห์ ที่ความสูง 2,730 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล วิวสวยงามตระการตาจนได้ฉายาว่า “ดินแดนทุ่งหญ้าแห่งทองคำ” นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าหลายระดับที่พาไปสำรวจจุดชมวิวต่างๆ เช่น ทะเลสาบคฤษณซาร์ (Krishansar Lake) ที่สงบนิ่งราวกับกระจก โอบล้อมด้วยป่าสีเขียวชอุ่ม และ ธารน้ำแข็งธาจิวาส (Thajiwas Glacier) ที่ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่เข้าถึงง่าย สามารถเดินเท้า หรือขี่ม้าแคระไปได้ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น แต่หากใครจะขึ้นไปชมวิวบนจุดสูงๆ อย่าลืมเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยนะคะ เพราะมีโอกาสแพ้ความสูงได้ง่าย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/n5TQoV3zXYyPgHei6
4. ทะเลสาบดาล (Dal Lake) – แคชเมียร์
ทะเลสาบดาล เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในรัฐแคชเมียร์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 18 ตร.กม. มา เที่ยวอินเดีย ที่นี่ต้องไม่พลาดการนั่งเรือชิคาราชมวิวรอบๆ โดยเฉพาะในตอนเช้าจะมีตลาดน้ำขนาดย่อมให้ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่นจากชาวบ้าน เช่น ผัก ผลไม้ อาหาร งานหัตถกรรม ของที่ระลึก หากมีเวลามากหน่อย แนะนำให้นอนพักค้างคืนบน “บ้านเรือ (House Boats)” ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดีย เพราะสมัยนั้นมีกฎหมายห้ามชาวต่างชาติซื้อหรือถือครองที่ดิน ชาวอังกฤษจึงสร้างบ้านลอยน้ำแทน ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 350 ลำ เปิดให้บริการเป็นที่พัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นอนชมวิวดูดาวจากระเบียงบ้านได้ชิลๆ เลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/JXZKF73PMW3gnnq98
5. สวนดอกทิวลิปอินทิราคานธี (Indira Gandhi Memorial Tulip Garden) – แคชเมียร์
ใกล้กับทะเลสาบดาลยังมีที่เที่ยวสวยๆ อีกหนึ่งแห่งคือ สวนดอกทิวลิปอินทิราคานธี เป็นสวนทิวลิปที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 300,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาซาบาร์วาน (Zabarwan Range) ที่สามารถมองเห็นทะเลสาบดาลได้อย่างชัดเจน โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนมีนาคม – เมษายน มีดอกทิวลิปหลากสีกว่า 1.7 ดอก จากประมาณ 70 สายพันธุ์ และดอกไม้อีกหลายชนิดให้ชม เช่น ไฮยาซินธ์ แดฟโฟดิล รานังคูลัส เตรียมชุดสวยๆ มาถ่ายรูปกันได้เต็มที่เลย
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชม : 200 รูปี
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/HQbUZw2DwMQYxMhL7
6. ทะเลสาบโมริริ (Tso moriri) – เลห์ ลาดักห์
ทะเลสาบโมริริ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในอินเดีย ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 4,522 เมตรเหนือน้ำทะเล บนที่ราบสูง Changthang Plateau ห่างจากตัวเมืองเลห์ประมาณ 220 กิโลเมตร มีผืนน้ำสีฟ้าครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมวิวภูเขาที่ทอดยาวขนานกันไปจนสุดขอบฟ้า ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกดินท้องฟ้าจะเป็นสีชมพูสวยงามมาก พอเข้าสู่ฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบจะแข็งตัวจนสามารถลงไปเดินได้เลยค่ะ และบริเวณริมทะเลสาบอาจจะเจอกับหินที่เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ เพราะคนท้องถิ่นเชื่อกันว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อขุนเขา รวมถึงขอพรให้เดินทางปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีเส้นทางชมวิวให้เลือกมากมาย ตั้งแต่เส้นทางชิลๆ ริมทะเลสาบ ไปจนถึงเส้นทางขึ้นเขาที่ท้าทาย และยังมีโอกาสพบเห็นสัตว์หายากหลายชนิด เช่น มาร์มอต, ห่านหัวลาย, กระต่ายป่าหิมาลัย, นกกระเรียนคอดำ, หมาป่าทิเบตได้ด้วย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/BtEkbu3RMAoHXYtw7
7. จุดชมวิวแม่น้ำสองสี (Sangam Viewpoint) – เลห์ ลาดักห์
มาชมความสวยงามกันต่อที่ จุดชมวิวแม่น้ำสองสี ที่เที่ยวอินเดีย ธรรมชาติ ที่อยู่ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นจุดที่แม่น้ำสายใหญ่สองสายคือ แม่น้ำซันสการ์ และ แม่น้ำสินธุ ไหลมาบรรจบกันกลางหุบเขา โดยแม่น้ำซันสการ์ผืนน้ำจะออกสีน้ำตาล ส่วนแม่น้ำสินธุจะเป็นสีฟ้าคราม จึงทำให้เห็นเส้นรอยต่อได้อย่างชัดเจน บริเวณใกล้ๆ จะมีสะพานที่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา และยังมีกิจกรรมล่องแก่งในแม่น้ำซันสการ์สำหรับสายแอดเวนเจอร์ด้วย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/LEjgiPC9to79gTF19
8. ทะเลทรายฮุนเดอร์ (Hunder Sand Dune) – เลห์ ลาดักห์
อีกหนึ่ง ที่เที่ยวอินเดีย ธรรมชาติ ที่สวยงามและหาชมยาก คือ ทะเลทรายฮุนเดอร์ เป็นทะเลทรายเย็น หรือ Cold Deserts ต่างจากทะเลทรายส่วนใหญ่ที่เป็นทะเลทรายร้อน อีกทั้งยังตั้งอยู่ในหุบเขานูบร้า (Nubra Valley) ที่ระดับความสูง 4,000 เมตร โดยมีภูเขาสูงชันล้อมรอบ และแม่น้ำชิยัค (Shyok River) ไหลคดเคี้ยวผ่านทะเลทราย ทำให้เกิดพื้นที่โอเอซิสสีเขียวชอุ่มท่ามกลางภูมิประเทศอันแห้งแล้ง ไฮไลต์คือการขี่อูฐสองหนอกลัดเลาะไปตามเนินทราย โดยเฉพาะในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก แสงจะอาบผืนทรายจนกลายเป็นสีทองอร่ามสวยงามสุดๆ จุดที่คนนิยมไปถ่ายรูปกันคือบริเวณแอ่งน้ำ เพราะจะเห็นภาพสะท้อนภูเขาสูง สวยงามแปลกตามากค่ะ
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/oM2G85ZwoQTD3Zb26
9. เนินแม่เหล็ก (Magnetic Hill) – เลห์ ลาดักห์
เนินแม่เหล็ก ตั้งอยู่บนทางหลวง Leh – Kargil Highway ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 30 กิโลเมตร มีวิวภูเขาสูงล้อมรอบสองข้างทาง และแม่น้ำสินธุที่ไหลอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้ทัศนียภาพโดยรอบสวยงามมาก แต่ที่มหัศจรรย์กว่านั้นคือ แค่จอดรถไว้เฉยๆ ก็เหมือนรถกำลังวิ่งขึ้นเนินเขาได้เอง จนทำเอาหลายคนงงว่าเป็นไปได้อย่างไร ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเพราะพลังแม่เหล็กเลยค่ะ แต่เป็นเพราะลักษณะภูมิประเทศและแนวเส้นขอบฟ้าที่ถูกบดบัง ทำให้เราเห็นภาพลวงตาเหมือนว่ากำลังอยู่บนทางขึ้นเขา แต่จริงๆ รถแค่ไหลลงเขาตามแรงโน้มถ่วงต่างหาก ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องมาดูด้วยตาตัวเองนะ!
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/t3UngzRBfTYvj2rw9
10. น้ำตกดัดซาการ์ (Dudhsagar Falls) – กัว
ปิดท้ายกันที่ น้ำตกดัดซาการ์ ในรัฐกัว เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอินเดีย มีขนาด 4 ชั้น สูง 310 เมตร กว้าง 30 เมตร ไหลผ่านกลางผืนป่าสีเขียวชอุ่ม ส่วนใหญ่คนจะนิยมนั่งรถไฟไปเที่ยวกัน โดยขึ้นจากสถานี Vasco De Gama หรือ Madgaon ในเมืองมาร์เกา (Margao) ไปลงสถานี Kulem เส้นทางจะวิ่งผ่านกลางน้ำตก โดยมีไอจากน้ำตกกระจายอยู่รอบๆ เหมือนรถไฟกำลังวิ่งทะลุผ่านเมฆหมอกเลยค่ะ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน ปริมาณน้ำจะเยอะ และดูสวยงามเป็นพิเศษ พอลงรถไฟแล้วก็สามารถต่อรถไฟยังจุดชมวิวน้ำตกได้ด้วย
เวลาเปิด – ปิด : 07.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ประมาณ 50 รูปี
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/8g7Azcze25gvTwPv7
พี่เห็ดเชื่อว่ามีหลายคนที่อยากไป เที่ยวอินเดีย แต่อาจจะยังไม่กล้า หรือกำลังกังวลในเรื่องต่างๆ แต่อันที่จริงแล้วอินเดียไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยนะคะ เพียงแค่ต้องเตรียมตัว หาข้อมูล วางแผนการเดินทางให้รอบคอบ และดูแลตัวเองให้ดีระหว่างเดินทาง แต่ถ้าใครยังไม่มั่นใจที่จะเที่ยวเอง พี่เห็ดแนะนำให้กดจอง ทัวร์อินเดีย ไปกับมัชรูมทราเวล ทั้งสะดวกและปลอดภัย มีไกด์คอยดูแลตลอดทริป เที่ยวสบายใจแบบไร้กังวลได้เลย