Mushroom Travel

โหด มัน ฮาาา-บิ้น: เซี่ยงไฮ้ – ฮาร์บิน เที่ยวเองได้ ไม่ยากเลย ตอนที่ 1

Guest ของ มัชรูมทราเวล วันนี้ เป็นหญิงสาวยอดกตัญญู ซึ่งครั้งนี้เธอจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปท่องเที่ยวตะลุยความหนาว เที่ยวฮาร์บิน ด้วยตัวเอง และแวะเที่ยวต่อที่ เซี่ยงไฮ้ ค่ะ ไปดูกันดีกว่าว่าการเดินทางของเธอและคุณพ่อคุณแม่สุดที่รักจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ฮาร์บินจะหนาวมากแค่ไหน และ เซี่ยงไฮ้ มีอะไรให้เที่ยวบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ

โหด มัน ฮาาา-บิ้น: เซี่ยงไฮ้ – ฮาร์บิน เที่ยวเองได้ ไม่ยากเลย ตอนที่ 1

เมื่อปีที่แล้ว คุณแม่มาบอกว่า จะไปเที่ยวฮาร์บินกับเพื่อนๆ ในหัวก็คิด ฮาร์บินมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย ลองเสิร์ชข้อมูลดู โอ้โหววววว หนาวขนาดนี้ ไม่ไหวมั้งคะแม่ แล้วก็ตามคาด ทริปแม่กับเพื่อนๆ ล่มไปตามระเบียบ ไอ้เราก็คาใจ อุตส่าห์หาข้อมูลพร้อมแล้ว ถามพ่อแม่ว่ายังอยากไปมั้ย เพื่อนเรียนอยู่เซี่ยงไฮ้พอดี เดี๋ยวพา เที่ยวฮาร์บิน ด้วยตัวเอง พ่อแม่เซย์เยส ป้ะ !! เตรียมตัวไปฮาร์บินกัน

ตัดสินใจทำรีวิวนี้ เพราะก่อนเดินทาง หาข้อมูลค่อนข้างยาก (pantip, lonely planet, tripadvisor) เลยอยากมาแชร์ข้อมูลต่างๆ และประสบการณ์จริงที่ได้รับ เผื่อจะเป็นแนวทางสำหรับคนอยากไปเที่ยวเมืองที่มีอากาศหนาวติดลบขนาดนี้

ทริปนี้มีทั้งวัยรุ่น และผู้ใหญ่ ใครที่อยากจะพาพ่อแม่ไปเที่ยว แล้วท่านยังมีแรงเดินไหว ลองอ่านวิธีการเตรียมตัวดูนะ เราพาพ่อ แม่ และเพื่อนแม่ไปด้วย ทุกคนสนุก และประทับใจมาก

รีวิวนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

จองตั๋วเครื่องบิน

>> ไป-กลับ กรุงเทพ – เซี่ยงไฮ้ เราใช้บริการของ ‘Hong Kong Airlines’ เพราะราคาถูกสุดในช่วงเวลาที่เราจะไป แต่ต้องไป transit ที่ฮ่องกง ไหนๆ ก็ไหนๆ แวะเที่ยวฮ่องกงซะเลย สายการบินที่บินตรงก็มีเยอะนะ ลองเลือกดู ex. การบินไทย China Eastern www.hongkongairlines.com
>> ไป-กลับ เซี่ยงไฮ้ – ฮาร์บิน ส่วนใหญ่เป็นสายการบินจีน เพราะว่าเป็น Domestic เลยเลือกบินกับ ‘Spring Airlines’ ด้วยเหตุผลที่ว่า ราคาถูกสุดอีกแล้ว ฮ่าๆ http://en.ch.com

Budget ตอนแรกที่ตั้งไว้ 35,000 บาท โดนค่าตั๋วเครื่องบินไปเกือบ 25,000 แล้ว จะเป็นลมมมมม แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ตั้งใจจะไปแล้วก็ลุยต่อ (ปล. ยิ่งตัดสินใจได้เร็ว จองเร็ว ราคาตั๋วจะถูกกว่านี้มาก มีคนเคยจองได้ประมาณ 15,000 บาท)

ได้ตั๋วเครื่องบินครบแล้ว ก็วางแผนทริปคร่าวๆ เพื่อทำการจองโรงแรม

ทำแพลนเสร็จ เราจะรู้ว่าต้องจองโรงแรมแถวไหนบ้าง หาโรงแรมที่ตรงความต้องการ แล้วเปรียบเทียบราคา ที่ไหนถูกกว่า จ่ายทีหลัง ยกเลิกได้ เลือกอันนั้น เราคิดว่าแลกเงินที่ superrich ไปจ่ายที่โรงแรม ถูกกว่าตัดบัตรเครดิต สามารถ Search หาโรงแรมได้ตามเว็บ booking ต่างๆ เช่น

>> โรงแรมที่ใกล้สนามบิน เราเลือก ‘Joyful Star Hotel Pudong Airport Wanxia’ เคยอ่านใน pantip บอกว่าเดินทางสะดวกเพราะมีรถรับ-ส่งฟรีจากสนามบินไปโรงแรม
>> โรงแรมที่ฮาร์บิน ‘Hotel Ibis Harbin Shangzhi’ อยู่ใกล้โบสถ์ และ Central street
>> โรงแรมที่เซี่ยงไฮ้ ‘Fish Inn Bund Hotel’ อยู่ใกล้ the bund และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

ได้ตั๋วเครื่องบิน ได้โรงแรมแล้ว เตรียมทำวีซ่าต่อเล้ยยยยย

การขอวีซ่าจีนด้วยตัวเอง

เตรียมเอกสาร

  1. แบบฟอร์มขอวีซ่าประเทศจีน V.2013 www.chinaembassy.or.th
  2. รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 3.5×4.5 นิ้วฉากหลังสีขาว 2 ใบ
  3. หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) เล่มจริง เหลืออายุมากกว่า 6 เดือน
  4. สำเนาหนังสือเดินทาง เซ็นสำเนาถูกต้อง
  5. สำเนาหนังสือเดินทางเล่มที่เคยได้วีซ่าประเทศจีน หน้าแรก และหน้าที่มีวีซ่า เซ็นสำเนาถูกต้อง
  6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
  7. ใบจองตั๋วโรงแรม (หมายเหตุ ถ้ายื่นพร้อมกันหลายคน แล้วชื่ออยู่ในบุ๊คกิ้งเดียวกันทั้งหมด ให้ปริ้นท์บุ๊คกิ้งตามจำนวนคน)
  8. ในกรณียื่นเอกสารแทน ให้เตรียมใบมอบอำนาจไปด้วย

ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าประเทศจีน อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน มีอาคารจอดรถ เอาบัตรจอดรถไปประทับตราจอดฟรี หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีเพชรบุรี ทางออกที่ 2

ขั้นตอนการยื่นเอกสาร

  1. เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร: ถ้ายื่นหลายคน เตรียมเอกสารเป็นชุดๆ ไว้
  2. รับบัตรคิว: ไปนั่งที่เก้าอี้ด้านใน รอเรียก
  3. ยื่นเอกสาร: เจ้าหน้าที่อาจจะมีคำถามเล็กน้อย สำหรับเอกสารที่เตรียมไป
  4. รับใบนัดรับวีซ่า (ใบสีชมพู)

วันรับวีซ่า ก็เตรียมแค่ใบนัดรับสีชมพู พร้อมกับเงิน เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำวีซ่า เราศึกษาขั้นตอนการขอวีซ่าจากกระทู้นี้ pantip.com/topic/32629735 ขอบคุณคุณ KiMaLdInHo มากค่ะ

การแต่งตัวไปเมืองหนาว

เมื่อวีซ่าพร้อม เป็นอันรับประกันว่า ได้ไป เที่ยวฮาร์บิน ด้วยตัวเอง แน่นอนแล้ว ก็ถึงเวลาช้อปปิ้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย พิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเองและผองเพื่อน แต่งตามนี้ ติดลบ 30 องศา เอาอยู่ !!! ไปเมืองหนาว ท่องจำไว้เลยว่าคอ จมูก หู มือ เท้า ต้องอุ่น ใส่บางๆ หลายชั้นดีกว่าใส่หนาๆ ไปเลย แนะนำพวก Heattech ของ Uniqlo

เสื้อเราใส่
ชั้นที่ 1 เสื้อยืดบางๆ เอาไว้ซับเหงื่อชั้นในสุด (ใช้ Heattech แบบบางได้)
ชั้นที่ 2 Heattech Extra Warm คอเต่า Uniqlo
ชั้นที่ 3 ลองจอนห์น แนะนำเป็นผ้า wool จะอุ่นกว่าใยสังเคราะห์ (หาได้ที่แพลตินัม)
ชั้นที่ 4 Heattech Fleeze Uniqlo
ชั้นที่ 5 เสื้อกันหนาว (ดาวน์แจ็คเก็ต) ยี่ห้อใดก็ได้ ควรเป็นเสื้อขนเป็ด แบบกันลม ย้ำว่าต้องกันลมเท่านั้น มีฮู้ดด้วยจะยิ่งดี

กางเกง
ชั้นที่ 1 Heattech legging
ชั้นที่ 2 Heattech extra warm legging
ชั้นที่ 3 กางเกงลองจอห์น ผ้า wool ซื้อมาพร้อมเสื้อ (แพลตินัม)
ชั้นที่ 4 กางเกงกันลม
ชั้นที่ 5 กางเกงยีน หรือกางเกงหลวม ๆ ที่สวมทับได้

ส่วนถุงเท้า แนะนำ Heatech sock ของ Uniqlo เหมือนกัน

มีแค่ชั้นที่ 1 ที่เปลี่ยนทุกวัน ส่วนชั้นอื่นๆ ใส่ซ้ำได้ อาจจะเปลี่ยนบ้าง จะได้ถ่ายรูปสวยๆ ไม่ซ้ำชุดกัน ถ้ารู้สึกว่ายังไม่อุ่น ให้เพิ่ม Heattech เข้าไปอีก 1 ชั้นได้ ทั้งเสื้อ และกางเกง อย่าลืมผ้าพันคอ ที่ปิดหู หมวก และผ้าปิดจมูกกันหนาว

ก่อนเดินทางจริง ควรจะลองชุดแบบฟูลออปชั่น แล้วลองอยู่ในห้องแอร์อุณหภูมิปกติดู ถ้ารู้สึกว่าสบาย ไม่หนาว ให้รีบหาเสื้อตัวอื่นมาใช้เลย เพราะถ้าคุณใส่หลายชั้นในอุณหภูมิห้องแล้วอยู่ได้แบบสบายตัว แสดงว่าไม่สามารถทนกับสภาพอากาศแบบหนาวจัดได้แน่ๆ เวลาลองชุด ใส่ค้างไว้ซัก 10 นาที จะต้องรู้สึกร้อนจนจะเป็นลม แบบนี้ถึงจะผ่าน

รองเท้า ตอนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ สามารถใส่รองเท้าผ้าใบหรือบูทปกติได้ แต่ตอนอยู่ฮาร์บินให้ใช้รองเท้ากันหิมะ หาซื้อได้ที่ฮาร์บิน แถวๆ โบสถ์ ราคาไม่แพง

ถุงมือ ลองมาด้วยตัวเองแล้วว่าใช้อย่างดีแค่ไหนก็ไม่อุ่น เพราะปลายนิ้วมือเย็นมาก จนชาไปหมด เลยถอดออกแล้วซุกมือในกระเป๋าเสื้อ

นอกจากเสื้อผ้าแล้ว เรายังมีตัวช่วยเพิ่มความอุ่นอีก นั่นก็คือ… แผ่นประคบร้อนนั่นเอง มีหลายแบบ หลายยี่ห้อ เลือกได้ตามความพึงพอใจ ไปซื้อที่จีนก็ได้ มีขายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ Family mart ก็มีนะเออ มันเวิร์คมาก Recommend ต่อให้เสื้อผ้าหนาขนาดไหน ไม่มีไอนี่ มือเท้าก็ไม่อุ่น

ที่มือให้ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วเอามือซุก ส่วนที่เท้า ให้ใส่ถุงเท้าก่อน 1 ชั้น แล้วแปะที่ฝ่าเท้า กับคลุมปลายนิ้วเท้าเลย แล้วใส่ถุงเท้าทับอีกชั้น ดังนั้นต้องซื้อรองเท้ากันหิมะที่หลวมกว่ารองเท้าปกติซักหน่อย

(จัดเสื้อผ้าให้พ่อ แม่ ป้า ตามรายการข้างบน อยู่ได้ทั้งวัน มีบ่นว่าหนาวบ้างตอนลมแรงๆ) เตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้างานจ้าาาาาาา

อุปกรณ์การถ่ายภาพ
กล้องหลัก
>> Sony A7 + Voigtlander 35 mm
เลนส์เสริม
>> Samyang 14 mm
>> Helios 58 mm
กล้องเสริม
>> Oylmpus PEN EPL7
>> iphone 6s

Cannot wait to see you… Harbin

Day 1 :: Bangkok – Hong Kong – Shanghai

Hongkong airlines เป็น full service มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม บนเครื่องบิน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ถึงฮ่องกง ไม่ต้องรอรับกระเป๋า ทางสายการบิน check through ให้เรียบร้อย รับกระเป๋าทีเดียวที่เซี่ยงไฮ้เลย ถ้าจะออกนอกบริเวณสนามบิน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ กลับมาขึ้นเครื่องให้ทัน 6 ชั่วโมง สำหรับ transit เราคิดว่ามีเวลาเพียงพอ กับการออกไป tsim sha tsui และ mongkok วางแผนอย่างดิบดี พาพ่อแม่ไปกินติ่มซำ ช้อปปิ้งน้ำหอม เสื้อผ้า

พอมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้นล่ะ…

คนเป็นล้าน ผลพวงจากตรุษจีนสินะ โอ้ มายยยยยยย T___T … กว่าจะผ่านตรงนี้ไปได้ ก็ 45 นาที แล้วยังต้องออกไปเจอแถวซื้อตั๋ว Airport Express อีก แต่เป็นไงเป็นกัน อุตส่าห์วางแผนแล้ว ชั้นจะไปกินติ่มซำ !!!

การเดินทางในฮ่องกง ถือว่าสะดวกมาก เพราะมีระบบรถขนส่งสาธารณะค่อนข้างครอบคลุมทุกพื้นที่ ในแพลนมีจะไปฮ่องกง แนะนำโหลด Application Transit HK หรือ MTR Mobile มาใช้ดู

วิธีการใช้งานคร่าวๆ
Transit HK

MTR Mobile แอพนี้ดีตรงที่มีข้อมูลทางออกให้ด้วย

หลังจากที่ออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ ใช้เวลาไปนานมาก ทำให้แพลนเปลี่ยน จากเดิมตั้งใจจะไป Tsim sha tsui ด้วย ก็มุ่งหน้าไปกินติ่มซำที่ Mongkok ก่อนเลย เวลาเหลือค่อยว่ากัน Search จาก Application แนะนำให้ไปเส้น Airport – Tsing Yi – Lai King – Mongkok ซื้อตั๋ว Airport Express แบบ Round trip เลย ขากลับจะได้ไม่เสียเวลาซื้ออีกรอบ 60 HKD ~ 270 บาท

ตั๋ว Airport Express จะใช้สำหรับสถานีเส้นสีเขียวเท่านั้น

พอถึงสถานี Tsing Yi ก็ต้องซื้อตั๋ว MTR เพื่อเดินทางไป Mongkok ต่อ

ถึงแล้วววววววววววววววววววว

ภารกิจต่อไป ตามหาร้านติ่มซำ หารีวิวไว้ร้านหลาย สุดท้ายเลือกที่ Majesty Chinese Restaurant สาขา Mongkok ออกจากสถานี Mongkok Exit A1 เลี้ยวซ้ายเดินตรงมาตามถนนนาธาน

มองหาธนาคาร ICBC ร้านจะอยู่ชั้น 3 มีลิฟต์

คนในร้านเยอะมาก ช้งเช้ง ล้งเล้ง ดูวุ่นวายเล็กน้อย ตั้งใจจะไปกินเป็ดปักกิ่ง ตามรีวิวมาบอกว่าเด็ด ไปถึงร้านนั่งโต๊ะ สั่งอาหาร … เป็ดหมด

ข้อเสียของร้านคือ ไม่มีเมนูรูปภาพ ไม่มีภาษาอังกฤษ พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ต้องสื่อสารด้วยภาษามือ กับ Google translate วิธีที่ได้ผลที่สุดคือ เปิดรูปตามที่มีคนรีวิว แล้วชี้ให้พนักงานดู

รสชาติโดยรวมโอเค ฮะเก๋า ปอเปี๊ยะทอด ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้งถือว่าเด็ด นั่งกินไป เม้าท์ไป ดูนาฬิกาอีกที ก็ต้องรีบกลับสนามบินแล้ว เสียเวลาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเยอะไปหน่อย ขากลับ ก็กลับทางเดิมกับที่มา Mongkok – Lai King – Tsing Yi – Airport ซื้อตั๋ว MTR กลับไปที่สถานี Tsing Yi

จากนั้นก็ใช้ตั๋ว Airport Express ใบเดิมนั่งกลับสนามบิน ไม่ต้องไปเช็คอินใหม่แล้ว เพราะได้ Boarding Pass Hongkok – Shanghai มาตั้งแต่กรุงเทพ สามารถเดินเข้า Immigration ได้เลย

ถึงสนามบิน Shanghai Pudong ประมาณ 20:45 น. (local time) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และออกไปรับกระเป๋า จากนั้นก็เดินไป Terminal 1 เดินไกลพอสมควรเลย จาก Terminal 2 ที่เราลง พอถึง Terminal 1 ให้หาลิฟต์ลงมาชั้น 1 หาประตูทางออกที่ 5 จะเจอกับ Family mart

ตรงข้ามจะเป็น Counter โรงแรม Joyful Star Hotel Pudong Airport Wanxia

ให้เอาใบจองโรงแรมไปยื่นที่พนักงาน ถ้าพนักงานไม่อยู่ ยืนรอซักครู่ พนักงานจะพาไปที่รถ เป็นบริการฟรีจากทางโรงแรม Shuttle bus รับส่ง สนามบิน – โรงแรม เช็คอินเข้าห้องพัก พนักงานจะถามว่าวันรุ่งขึ้นต้องการรถไปสนามบินหรือไม่ และให้ลงชื่อจองเวลา พร้อมจำนวนคน

เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ท้องร้อง เลยเดินออกไปหาอะไรทาน แถวโรงแรม เจอร้านปิ้งย่าง คนจีนเรียกว่า Kao Rou (เขา-โร่ว) เป็นคล้ายๆ บาร์บีคิว มีเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก เสียบไม้ ทาเครื่องเทศ แล้วเอาไปย่าง

อร๊ากกกกกก อร่อยมากกกกกกกก อากาศหนาวๆ กินปิ้งย่างร้อนๆ หื้มมมม ฟินสุดๆ ไปเลย ข้างๆ มีร้าน Family mart เผื่อซื้อขนมขบเคี้ยวไปกินที่โรงแรม

Day 2 :: Shanghai – Harbin

ตื่นเช้ามาเก็บสัมภาระ แยกเสื้อผ้าบางส่วนที่ไม่ได้เอาไปใช้ที่ฮาร์บิน สามารถฝากโรงแรมไว้ได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะขากลับเราก็มาพักที่โรงแรมนี้ ราคาห้องพักที่จอง ไม่ได้รวมอาหารเช้า เลยเดินออกไปหาอะไรทานแถวโรงแรม แล้วกลับมาขึ้นรถให้ทันตามเวลานัด

อากาศตอนเช้าที่เซี่ยงไฮ้ประมาณ 6-8 องศา เหมาะกับกาแฟร้อนๆ

เตรียมเสื้อขนเป็ดออกมาจากกระเป๋าได้เลย เดี๋ยวต้องใช้ตอนถึงสนามบินที่ฮาร์บิน Spring airlines อยู่ที่ Terminal 2

Low cost ไม่มีอาหาร ไม่มีเครื่องดื่มให้นะจ๊ะ เราจะถึงฮาร์บินเย็นเลย เพราะฉะนั้นอย่าลืมหาอะไรทานก่อนขึ้นเครื่อง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที ก็เดินทางมาถึงฮาร์บิน สนามบินไม่มีงวงช้าง ต้องเดินลงจากเครื่องมาขึ้นบัส แล้วนั่งบัสไปอาคารผู้โดยสาร สัมผัสแรกของการเดินลงจากเครื่อง อื้อหืออออ หน้างี้ชาไปเลย ลมพัดแรง อากาศหนาวมาก อย่างที่เกริ่นไปตอนเตรียมตัว เราติดต่อรถให้มารับ ก็จะมีคนถือป้ายชื่อเรามายืนรอรับ แล้วพาไปที่รถ

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากสนามบิน มาที่ Harbin Shangzhi Ibis Hotel คนขับรถพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ต้องใช้ภาษามือ กับการแปลภาษาผ่านมือถือ แต่เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยี ล้ำมาก คนขับรถใช้วิธีการพูดภาษาจีน แล้ว app จะแปลให้เป็นภาษาอังกฤษ บอกเค้าว่าอยากแวะร้านขายรองเท้า เค้าก็ขับพาไป

เคยอ่านรีวิวว่าแถวโรงแรมก็มี แต่ช่วงที่เราไปเป็นตรุษจีน ร้านปิดเยอะ เลยต้องจำใจซื้อ ต่อราคาเยอะๆ นะ ร้านที่คนขับพาไป มีอุปกรณ์กันหนาวครบ มีแผ่นประคบร้อนด้วย ถ้าใครขี้เกียจไปเดินตามหา ก็ซื้อเลยก็ได้ ถ้าไม่ได้ไปช่วงวันหยุด ที่โบสถ์จะมีชั้นใต้ดิน มีร้านขายรองเท้าอยู่ ไปซื้อตรงนั้นได้ (โบสถ์อยู่ใกล้โรงแรมมาก) คืนแรกที่ไปถึงฮาร์บินเราใส่บูทหนัง พ่อแม่ใส่รองเท้าผ้าใบ ยังพอเดินได้อยู่ซัก 2-3 ชั่วโมง นานกว่านั้น เริ่มจะชาที่ปลายนิ้วแล้ว

เช็คอินเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไปแต่งตัว เพิ่มความอุ่นให้ตัวเอง เตรียมตัวให้พร้อม เพราะกลางคืนอากาศหนาวจัดมาก บวกกับมีลม ยิ่งเพิ่มความหนาว ประมาณ -25 ถึง -30 องศา ก่อนออกจากโรงแรม ขอนามบัตรโรงแรมติดตัวได้ด้วย เผื่อหลง หลังนามบัตรจะมีแผนที่โรงแรม เดินไปถ่ายรูปที่ Saint Sophia Cathedral

สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ปิดเร็วมาก แล้วก็มืดเร็วมาก ในรูปประมาณ 6 โมงครึ่ง อุณหภูมิ -25 องศา

โบกแท็กซี่ไปกินชาบู ที่โรงแรม Shangri-La หาข้อมูลจากใน Internet บอกว่าที่นี่เป็น 1 ใน Harbin attraction ก็เมลมาจองล่วงหน้า นึกภาพไว้ว่า อากาศหนาวๆ ได้กินชาบูร้อนๆ ห้องอาหารที่เราไปกินคือ Ice Palace Restaurant and Ice Bar นั่งกินในโดมน้ำแข็ง เข้าไปตอนแรกทรมานมาก คือมันหนาวมากจริงๆ นั่งไปสักพักใหญ่ ถึงจะปรับตัวได้

ข้างนอก -20 องศา ข้างใน -10 องศา ความรู้สึกแทบไม่ต่างกัน

เราสั่งบุฟเฟ่ต์ มีทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อแกะ ทะเล .. ทางโรงแรมจะจัดมาให้เป็นชุด ไม่สามารถเลือกได้ว่ากินอะไร ไม่กินอะไร (หรือเลือกได้ แต่คุยกันไม่เข้าใจ ฮ่าๆ) มีตบท้ายด้วยของหวาน แต่ทนหนาวไม่ไหวแล้ว ขอพนักงานออกไปกินที่ห้องอาหารจีนด้านนอก พนักงานก็น่ารักมาก ออกไปเตรียมโต๊ะใหม่ด้านนอก มันคืออะไรไม่รู้ รู้แต่ว่า อร่อยมากกกกกกกก

โดนไปคนละ 2 พันกว่าบาท ราคาถือว่าโหดเอาเรื่อง แต่ก็นะ.. แชงกรีล่า กินเสร็จก็ให้พนักงานเรียกแท็กซี่ให้ แต่ไม่มีแท็กซี่เลย อย่างที่บอก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวปิดเร็วมาก คนกลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว จุดนี้เราพลาดมากจริงๆ ที่ไม่เตรียมตัวกันมาก่อน

พวกเรา 12 คน ต้องใช้แท็กซี่ 3 คัน สรุปว่าเดินออกไปเรียกหน้าโรงแรมกันเอง คือต้องผลัดกันออกไปเรียก เพราะว่ายิ่งดึก อากาศยิ่งหนาว ออกไปได้ 5 นาที ต้องกลับเข้ามาหาความอบอุ่น รอประมาณ 15 นาที พนักงานต้อนรับบอกว่า อาจจะต้องข้ามถนนไปเรียกฝั่งตรงข้าม เพราะเป็นทางกลับโรงแรมพวกเรา ก็ตัดสินใจข้ามถนนไปรอ อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะเกือบ -30 องศา แล้ว .. รู้สึกแย่มาก ว่า เที่ยวฮาร์บิน ด้วยตัวเอง พาพ่อแม่ออกมาทรมานรึเปล่า ต้องหันไปถาม ไปเช็คบ่อยๆ ว่าท่านยังไหวกันมั้ย แต่พ่อแม่ ป้าๆ สู้กันมาก เด็กๆ อย่างพวกเรานี่นับถือเลย

เดินย้อนกลับไป ลมก็พัด ขาแทบก้าวไม่ออกแล้ว โชคดีเดินไปเจอศูนย์รวมตู้ ATM เค้าทำเป็นประตู เปิด-ปิด เลยให้พ่อแม่ ป้าๆ เข้าไปรอด้านในก่อน แล้วเด็กๆ ก็ผลัดกันออกมาเรียกแท็กซี่ให้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที กว่าจะได้แท็กซี่ครบ ทยอยกลับโรงแรม ขยาด และทรมานมากจริงๆ เกือบจะเข้าใจความรู้สึกของคนหนาวตายเลย ถ้ากลับมาอีกครั้ง จะเตรียมพร้อมเรื่องการเดินทางให้มากกว่านี้

To Be Continued >>> ตอนที่ 2

ประสบการณ์ เที่ยวฮาร์บิน ด้วยตัวเอง มาเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย !!
ระดับความสนุก: ✩✩✩✩✩
เครดิต: ผู้หญิงมีพิษ


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?

1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Likeและติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————
Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์จีน ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

โหด มัน ฮาาา-บิ้น: เซี่ยงไฮ้ – ฮาร์บิน เที่ยวเองได้ ไม่ยากเลย ตอนที่ 1 was last modified: August 29th, 2017 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version