Mushroom Travel

A long journey in Japan. 14 วัน จาก Tokyo ถึง Sapporo. ตอนที่ 1

ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ เที่ยวทั่วญี่ปุ่น โตเกียว ซัปโปโร ให้ชมแบบจัดเต็ม 14 วัน พร้อมแวะชมดอกซากุระสวยๆ ไปชมกันเล้ย!


A long journey in Japan. 14 วัน จาก Tokyo ถึง Sapporo. ตอนที่ 1

สวัสดีครับ หลังจากเป็นคนอ่านอยู่นาน ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาแชร์ประสบการณ์การเดินทาง นี่เป็นกระทู้แรกของผมเลย ยังมือใหม่อยู่ทั้งเรื่องเขียนกระทู้ แล้วก็ถ่ายรูป ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ แหะๆ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า มาญี่ปุ่น ตอนเที่ยวอยู่เนี่ย ไม่ได้ตั้งใจจะกลับมาเขียนกระทู้เลย ดังนั้นรูปภาพประกอบและเนื้อหาอาจจะไม่ละเอียดมากนะครับ

จุดเริ่มต้นของทริป โตเกียว ซัปโปโร นี้คือ จขกท อยากไปฮอกไกโดแต่หาเวลาว่างไม่ได้ซักที จนมาได้ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้ แต่ช่วงนั้นที่ Hokkaido อยู่ในช่วง low season พอดี ประกอบกับอยากดูซากุระ ก็เลยจัดทริปเริ่มจากโตเกียวมันซะเลย แล้วก็ค่อยๆ ขึ้นไปผ่านภูมิภาค Tohoku ทำให้ได้ชมซากุระในหลายๆ ที่ด้วยนะครับ

ยังไงก็ตามทริปนี้ได้ Google map และ Hyperdia ช่วยชีวิตไว้หลายครั้ง 5555 ใครที่จะไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมเช่า pocket wifi และลองใช้แอปพวกนั้นดูนะครับ

– ทริป โตเกียว ซัปโปโร นี้ใช้เวลาทั้งหมด 14 วัน !!!! รวมตั้งแต่วันเดินทางไปจนถึงวันเดินทางกลับ โดยใช้ JR pass แบบทั้งประเทศ 14 วัน เนื่องจากเปลี่ยนโรงแรมเกือบทุกวัน เพื่อลดระยะเวลาเดินทางในวันถัดๆ ไป และการที่มี pass ครอบคลุมทุกวันทุกที่นั้นจะทำให้การเดินทางสะดวกมากๆๆๆ เลยครับ
– เริ่มจากโตเกียวและจบที่โตเกียวนะครับ ทำให้ขาขึ้นได้ชมซากุระที่ Fukushima และ Sendai ขาลงได้แวะ Kitakami ครับ
– เมืองที่ได้ไปก็ได้แก่ Tokyo, Kusatsu Onsen, Yokohama, Kawaguchiko, Fukushima, Sendai, Hakodate, Noboribetsu, Otaru, Sapporo
– ที่พักในทริปนี้จองจากเว็บ Booking.com, Japanican.com และ Airbnb.com (อันนี้ดีมาก แต่เห็นว่าเดี๋ยวนี้ต้องอยู่เกิน 7 วันแล้วมั้งครับ)
– ทริปนี้ตั้งใจจะไป Niseko แต่ช่วงที่ไปนั้นสกีรีสอร์ทหลายๆ แห่งปิดหมดแล้ว เลยได้ไป Kiroro Resort แทน
– นี่ไม่ใช่ทริปแรกของผม ดังนั้นสถานที่บางที่ที่คนส่วนใหญ่นิยม อาจจะไม่ได้ถ่ายรูปมา และไม่มีการเข้าสวนสนุกที่ไหนเลยนะครับ
– ทริปนี้มีความซวยอยู่ คือ ฝนตกหลายวันมาก ทำให้เปลี่ยนแผนกันค่อนข้างวุ่นวาย และรูปบางรูปอาจจะเน่าๆ นะครับ 5555


วันที่ 1

เริ่มต้นเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิตอน 23:50 นะครับ

ถึงสนามบินนาริตะ ตอน 8 โมงกว่าๆ หลังจากผ่านตม.เสร็จก็ไปที่ JR EAST Travel Service Center เพื่อเปิดใช้งาน JR pass และนั่ง N’EX เข้าเมืองเลยครับ

ใช้เวลาชม.เดียวก็ถึงสถานีโตเกียวแล้ว แล้วจึงฝากกระเป๋าในล็อกเกอร์

เนื่องจากนั่งเครื่องบินมาเพียงไม่ถึง 6 ชม. เราจึงแพลนให้วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ เนื่องจากกะแล้วว่าต้องง่วงมาก (และก็เป็นแบบนั้น 555)

หลังจากถึงสถานี Tokyo แล้ว เรานั่งรถไฟไปเริ่มจากย่านแถวๆ Asakusa
หลังจากนั้นก็เดินไปวัด Senso-ji หรือวัดโคมแดงๆ ที่ทุกคนรู้จัก เดินเล่น ซื้อของซักพักแล้วก็ไปต่อครับ

เราค่อยๆ เดินเล่นจาก Asakusa มาที่ Ueno เหมือนจะใกล้ๆ กันแต่ก็ไกลอยู่นะครับ 5555
ใน สวน Ueno เริ่มเป็นสีเขียวส่วนนึงแล้ว แต่โชคดียังมีส่วนที่ซากุระยังบานสะพรั่งให้ชมกัน

มีคนออกมานั่งชมดอกไม้เยอะมากครับ

แต่ที่สวยงามที่สุดคือริม Shinobazu Pond ซึ่งอยู่ข้างๆ สวน Ueno ครับ จะมีทางแยก เดินลงมาก็เจอเลย

นอกจากนี้ยังมีเรือให้เช่า ทั้งเรือถีบเป็ด และเรือพาย พวกผมเห็นแล้วเลยต้องเช่าไปพายมั่งล่ะครับ ราคาก็ 30 นาที 700 เยน

หลังจากพายเรือชมซากุระจนครบเวลา (เพลินจริงๆ ครับ) ก็เกือบ 5 โมงแล้ว Imperial palace ที่ตั้งใจจะไปวันนี้เป็นอันต้องยกเลิกไป (แลกกะที่ได้พายเรือนี่แหละ)

เวลาที่เหลือเลยไป Yokohama เดินเล่นแถวๆ Minato Mirai 21 และกินข้าวเย็นที่ Shin Yokohama Ramen Museum ครับ
นั่งรถ Shinkansen มาเพียง 20 นาทีก็ถึงแล้วครับ ลงสถานี Shin-Yokohama เลย

วันที่ 2

วันนี้ตั้งใจจะไป Kusatsu Onsen เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ในจังหวัด Gunma เหนือ Tokyo ขึ้นไปครับ โดยส่วนตัวชอบที่นี่มาก ประกอบกับคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักและไม่ค่อยนิยมมา อาจเป็นเพราะว่าต้องเดินทางร่วม 3 ชม.จากโตเกียว

วิธีไปก็คือ เริ่มจากสถานี Tokyo หรือ Ueno ครับ นั่ง Shinkansen ไปลงที่สถานี Takasaki และต่อ Local เข้าไปที่สถานี Naganoharakusatsuguchi (ชื่อยาวชิบ) หรือ สามารถนั่ง Ltd. Exp. Kusatsu จากสถานี Ueno รวดเดียวถึงก็ได้ครับ และจากที่นี่จะมีบัสของ JR (ถ้าใช้ JR pass ขึ้นฟรีนะครับ) ไปยัง Kusatsu Onsen ครับ

และ เมื่อมาถึงปรากฏว่าาาา….. ฝนตกครับ ตกตั้งแต่มายันกลับเลยครับ ยังดีที่ตกไม่หนัก

ที่นี่หนาวกว่าโตเกียวมากอยู่แล้ว เจอฝนอีกนี่สั่นเลยครับ 555
วันนี้คนเงียบเป็นพิเศษ รูปก็ไม่ค่อยได้ถ่าย เราเริ่มจากกินข้าวเที่ยงที่เมืองนี้ดีกว่าครับ

ที่นี่กลางเมืองจะเป็นทุ่งน้ำพุร้อนใหญ่ ชื่อ Yubatake

ส่วนข้างๆ ก็จะมีที่แช่เท้าฟรี

หลังจากนั้นเราก็เดินไปต่อ จะมีถนนคนเดินและร้านขายของ local ต่างๆ

และเดินไปเรื่อยๆ จะถึง Sainokawara Park

ที่เรามาที่นี่เพราะจะไปแช่ออนเซนที่ Sainokawara Rotemburo ซึ่งเป็น open air bath ที่ใหญ่มากครับ ท่ามกลางธรรมชาติและสายฝน 555 เป็นอะไรที่ฟินสุดยอดดด

แน่นอนครับว่าวันนี้ไม่มีคนเลย! เหมือนเรายึดทั้งบ่อนี้เลยครับ 555

ค่าเข้า 600 เยน เอาผ้าเช็ดตัวไปเองนะครับ แต่ที่นี่ก็มีขายถ้าลืม

ได้เวลากลับแล้วล่ะครับ ถ้ากลับช้าเดี๋ยวจะถึงโตเกียวดึกเกิน แนะนำให้ถ่ายรูป time table ของบัสไว้นะครับ จะรู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ดี
ฝนหยุดแล้ว ระหว่างทางก็สวยทีเดียวครับ

วันที่ 3

วันนี้เราต้องเดินทางต่อไป Sendai ครับ ออกจากสถานีโตเกียวด้วยเป็ดเขียว Hayabusa เพียง 1 ชม. 30 นาที ก็ถึงแล้วครับ
เนื่องจากมัวแต่โอ้เอ้เดินเล่นในโตเกียวเกินไปหน่อย เลยทำให้กว่าจะมาถึง Sendai ก็บ่ายๆ แล้วครับ

หลังจากมาถึง Sendai เช็คอินเก็บกระเป๋าแล้วก็เช่นเคยครับ ฟ้าครึ้มมาเลย ความตั้งใจที่จะไปชมซากุระ Hanamiyama ก็เลยต้องเอาไปยัดไว้วันถัดไปครับ (ตอนนั้นพยากรณ์บอกว่าวันถัดไปแดดออก)

วันนี้เลยไปที่อ่าว Matsushima แทน แต่ไปถึงเรือก้ปิดซะแล้ววววว

เอาเป็นว่าวันนี้มาเดินเล่นชมอ่าว ข้ามสะพานสีแดงไปเดินเล่นในเกาะ Fukuura

ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นเป็นลิ้นวัวครับ อร่อยดี หนึบๆ เด้งๆ เป็นของขึ้นชื่อของ Sendai เลย

วันที่ 4

วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสตามพยากรณ์อากาศเมื่อวาน เราเริ่มจากออกเดินทางจาก Sendai ไปยังสถานี JR Funaoka ครับ

เดินมาริมฝั่งแม่น้ำ Shiroishi ครับ ซากุระที่กำลังฟูลบลูม สวยงามมากครับ เรากำลังเดินไปที่ Funaoka Castle ruin park กันครับ

ข้ามสะพานนนนนน

มีรถไฟแล่นผ่านด้วยครับ

เมื่อเข้ามาถึงใน Funaoka Castle Ruin Park แล้วก็เดินไปต่อคิวขึ้น Slope car “ลอดอุโมงค์ซากุระ” เลยครับ

ค่าขึ้น-ลงเที่ยวละ 250 เยน แต่เราซื้อตั๋วขึ้นอย่างเดียว ขาลงเดินลงมาแทน

เมื่อขึ้นไปถึงข้างบน ก็จะเจอกับรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมที่สูงทีเดียว

ที่นี่จะมีซุ้มขายอาหารและโต๊ะให้นั่งรับประทานอาหารกันครับ
จากตรงนี้สามารถมาองเห็นวิวข้างล่าง และต้นซากุระริมแม่น้ำ Shiroishi ได้อย่างชัดเจน

จากนั้นเราจึงเดินกลับไปที่สถานี JR Funaoka เพื่อจะไป Fukushima ต่อ เพื่อไป Hanamiyama ที่ทบมาจากเมื่อวานครับ
จริงๆ แล้วมีรถไปถึง JR Fukushima ได้เลย จาก JR Funaoka ใช้เวลาประมาณ 50 นาที แต่รอบรถมีน้อย บางทีถ้าเรานั่งรถกลับไป Sendai แล้วนั่ง Shinkansen ลงมา Fukushima ซึ่งใช้เวลา 20 นาที อาจจะเร็วกว่าครับ

เมื่อมาถึง JR Fukushima แล้ว ก็หาป้ายรถครับ ในช่วงที่ซากุระบานจะมีรถบัสรับส่งจากสถานีถึง Hanamiyama เลย

เมื่อมาถึงแล้วก็จะมีหลายเส้นทางให้เลือกเดินครับ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหนก็เต็มไปด้วยดอกไม้ทั้งนั้น

วิวจากบนเขาครับ

ตอนนี้ก็เย็นแล้ว เรากลับรถบัสรอบสุดท้ายเลยครับ (ซึ่งก็คือเกือบๆ 5 โมงเอง) และนั่ง Shinkansen กลับ Sendai ครับ

วันที่ 5

วันนี้เราจะได้ขึ้นไป Hokkaido แล้วครับ โดยเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพิ่งมีการเปิดใช้ Hokkaido Shinkansen วิ่งจาก Tokyo – Shin-Hakodate-Hokuto ลอดอุโมงค์ Seikan ไปเลย ทำให้ลดเวลาเดินทางได้ 1 ชม.กว่าๆ ครับ

แต่วันนี้เราจะไม่ไปลงที่ Hakodate ครับ ตามแพลนคือคืนนี้นอนที่ Noboribetsu และเก็บ Hakodate ไว้พักวัน ที่จะลงจาก Hokkaido ไป Tokyoจะได้ไม่ต้องนั่งยาวจาก Sapporo – Tokyo ครับ

วันนี้ขึ้น Shinkansen ตั้งแต่ 8 โมง ใช้เวลาเดินทางรวมเวลารอเปลี่ยนรถราวๆ 5 ชม. !! เรียกว่านั่งจนปวดตูดเลยทีเดียวครับ 555 การเดินทางใน Hokkaido ค่อนข้างช้ามากถ้าเทียบกับภูมิภาคอื่นที่มี Shinkansen นะครับ

หลังจากถึงสถานี Shin-Hakodate-Hokuto แล้ว เราก็เปลี่ยนรถไปขึ้น Ltd.exp Super Hokuto ครับ ระหว่างทางก็จะมีวิวสวยๆ ของทะเล และ ทะเลสาบ Onuma ครับ

ข้าวกลางวันวันนี้เป็นข้าวกล่องบนรถไฟ แต่อร่อยกว่าที่โตเกียวเยอะมาก

ราวๆ บ่ายโมงเราก็มาถึง JR Noboribetsu ครับ จะมีบัสไปยังเมือง Noboribetsu Onsen ราวๆ 20 นาทีก็ถึง
หลังจากเช็คอินเก็บกระเป๋าแล้วเรียบร้อย เราก็เริ่มจาก Noboribetsu Jigokudani (Hell Valley) เลยครับ

เดินไปตามทางที่ทำไว้

ปลายสุดจะมีน้ำพุร้อนกำลังปุดๆ เลยครับ

จากนั้นก็เดินกลับครับ
มองจากตรงนี้เห็นโรงแรมด้วย

เลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางขึ้นเขาไป

วิว Jigokudani จากข้างบนครับ

เดินต่อไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางอยู่ครับ ไกลอยู่เหมือนกัน ในที่สุดก็ถึง ทะเลสาบน้ำร้อน Oyunuma

ลงมาแล้วเดินเลียบไปตามถนนครับ ได้กลิ่นไอของ Oyunuma นี้ สุดยอดจริงๆ ครับ

จากนั้นเดินไปอีกจะเจอทางเข้าไปในป่า และจะพบกับ Oyunumagawa Natural Footbath ครับ

แวะแช่เท้าซักหน่อย

จากนั้นเดินกลับไป Noboribetsu Onsen ครับ ระหว่างทางก็จะเจอหุ่น 2 ตัวนี้

สรุปเส้นทางเดินชมธรรมชาติวันนี้ได้แบบนี้ครับ

เราเริ่มเดินด้วยเส้นทางสีม่วงครับก็คือเดินชม Jigokudani นั่นเอง
จากนั้นเมื่อครบรอบสีม่วงก็เปลี่ยนเส้นทางเดินไปทางสีเขียวแทน เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง Oyunuma (จุด E) เลยครับ
เสร็จแล้วก็เดินไปตามถนนใหญ่สีขาวจนมาถึงทางเข้าไป Footbath ที่เป็นเส้นสีเหลืองๆ (แถวๆจุด C) เดินไปตามทางนั้นก็จะเจอจุดให้แช่เท้า
แล้วก็เดินต่อไปทะลุออกมาถนนแล้วเดินตรงยาวเข้าตัวเมืองครับ

คืนนี้เราพักที่ Dai-ichi Takimotokan โรงแรมใหญ่มากๆ มีหลายตึกเลยทีเดียว แถมยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกในโรงแรมด้วย

อาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีขาปูด้วยครับ ก็ผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็อร่อยระดับนึง

โรงแรมอยู่ติดกับ Jigokudani เลยครับ เวลาแช่ออนเซนแบบ open air จะเห็นวิวของ Jigokudani ด้วย
Public bath ที่นี่ใหญ่มากๆครับ มีบ่อเป็นสิบๆบ่อให้แช่ เรียกได้ว่า ไม่ได้ใช้ห้องน้ำในห้องพักเลยทีเดียว

รูปจากเว็บโรงแรมครับ www.takimotokan.co.jp

แช่ออนเซ็นอุ่นๆ เสร็จก็ออกมาเดินเล่นหาอะไรกินครับ กลางวันว่าหนาวแล้ว กลางคืนนี่โค่ดหนาวเลยครับ 555 เหมือนจะติดลบเลยทีเดียว
เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ กลางคืนก็มีแสงไฟส่องสว่างจากร้านค้าต่างๆ ปลายสุดถนนนี่มี 7-11 ด้วยครับ (น่าจะเป็นร้าน 7-11 เดียวในเมืองนี้ล่ะมั้ง)

หลังจากเดินเล่นเสร็จก็กลับเข้าที่พักครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทางเข้า Sapporo แล้ววว.

วันที่ 6

วันนี้ตื่นเช้ามา กินอาหารเช้าในโรงแรมครับ จากนั้นก็ไปแช่ออนเซนอีกซักที เพราะมันดีเหลือเกิน 5555

วันนี้เราจะเดินทางต่อไป Sapporo แล้วครับ จากที่ Noboribetsu ไปใช้เวลาประมาณ 70 นาที

ระหว่างทางพบกับหิมะหนักมาก ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่ากลางเมษายังมีโอกาสได้เจอหิมะตกอยู่ (แอบดีใจเล็กๆ 5555)

แต่พอมาถึง Sapporo เจอหิมะตกใส่จริงๆ เละครับ 5555

หลังจากเอากระเป๋าฝากโรงแรมแล้ว เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งวันจึงตัดสินใจไป Otaru ครับ นั่งรถ JR Rapid Airport ไปลงสถานี Minami Otaru หรือสถานีก่อนถึง Otaru 1 สถานีครับ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงครับ

พอมาถึงเดินมาไม่ไกลนักก็จะเจอกับ Otaru Music box museum ครับ จริงๆไม่ค่อยเหมือน museum เท่าไหร่ เหมือนร้านขายกล่องดนตรีน่ารักๆ มากกว่า ข้างหน้าจะมีนาฬิกาไอน้ำอยู่ครับ

บรรยากาศภายใน

ใกล้ๆ กันจะมีร้านเค้ก LeTao อยู่ครับแนะนำให้แวะไป อร่อยจริงๆ
จากนั้นเดินมาตามถนนคนเดินไปเรื่อยๆ ครับ
แวะทานอาหารเย็นที่ถนนสายซูชิ ร้าน Otaru Masazushi

หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็เดินไปที่ คลอง Otaru

ยามค่ำคืนรวมทั้งแสงไฟจากถนน สวยงามครับ

แต่ว่าหนาวจะแข็งตายแล้ว หิมะยังตกปรอยๆ ด้วยครับ 55555

จากนั้นก็นั่งรถไฟแบบเดิมกลับ Sapporo ครับ

วันที่ 7

วันนี้อากาศแจ่มใส เหมาะแก่การเดินเล่นใน Sapporo
ซื้อ 1-day pass ของ subway เลยยิ่งดีครับ 700 เยน ยังไงก็ใช้คุ้ม
เริ่มจากข้าวเช้าที่ตลาดปลา Nijo ลงสถานี Odori แล้วเดินต่อครับ

ไม่ใหญ่เหมือนตลาด Tsukuji ที่โตเกียว แต่ร้านอาหารก็คิวไม่ยาวเช่นกัน และส่วนตัวคิดว่าปลาดิบที่นี่ดีกว่าที่โตเกียวเยอะมากๆครับ

เสร็จแล้วเราก็ไปต่อครับ เริ่มจาก ศาลาว่าการจังหวัด Hokkaido หลังเก่า
ดอกไม้ยังไม่บานเลย

แล้วก็นั่ง Subway Tozai line ต่อไปที่ สถานี Miyanosawa
เดินไปซักพักก็ถึงที่โรงงานช็อกโกแลต Shiroi Koibito Park ครับ

เยี่ยมชมการผลิต

จากนั้นก็นั่ง Subway Tozai line เหมือนเดิม มาลงที่สถานี Maruyama koen
เดินไปเรื่อยๆ ครับ ค่อนข้างไกลทีเดียวครับ ก็จะถึง ศาลเจ้า Hokkaido

ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว เราจึงไปที่ย่าน Susukino กันครับ
และแล้วก็มาถึง บุฟเฟต์ปู Nanda ตอนที่เราไป ราคาต่อหัว 5,100 เยน (ประมานนี้มั้ง) กินได้ 90 นาที มีเตาปิ้งให้ แต่ถือว่าคุ้มราคาจริงๆครับ เด็ดมากๆ
***แนะนำให้ไปตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ ราวๆ 5 โมงเย็น ถ้าไปหลังจากนั้นเพียงชั่วโมงเดียว คนจะแน่นเต็มร้านกว่าจะได้ตักอาหารก็นานเลยครับ***

อลังการงานสร้างกับปูเป็นขาๆใหญ่ๆ และเป็นตัวๆ !!

ซูชิก็มีนะครับ

หลังจากกินเสร็จก็เดินเล่นต่อครับ กลางคืนก็สวยดี

และเราก็ตัดสินใจนั่งรถไป Odori ไปขึ้น Sapporo TV tower กันครับ วิวของ Odori ยามค่ำคืน

แต่ว่าก็ไม่ได้ถ่ายรูปจากข้างบนมาครับ เพราะว่าหน้าต่างนี่สกปรกมาก ถ่ายออกมาแล้วติดรอยเปื้อนไปหมด 5555

ขอพักความสนุกของการเดินทางเที่ยว โตเกียว ซัปโปโร ในตอนแรกไว้เพียงเท่านี้ แล้วมาติดตามกันใน ตอนที่ 2 ว่าการเดินทางในวันที่ 8-14 ของทริปนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

ขอบคุณ Guest สุดพิเศษ สมาชิกหมายเลข 3293560 สังกัด Pantip จากกระทู้ “[CR] A long journey in Japan. 14 วัน จาก Tokyo ถึง Sapporo.” ที่มามอบประสบการณ์ เที่ยวญี่ปุ่นในเส้นทาง โตเกียว ซัปโปโร ให้ชมแบบจัดเต็ม! ได้รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ยย!!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

A long journey in Japan. 14 วัน จาก Tokyo ถึง Sapporo. ตอนที่ 1 was last modified: May 9th, 2019 by Editor.Mushroom Travel
Exit mobile version