หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
พระราชวังเชินบรุนน์ พระราชวังสีเลืองตั้งตระหง่านกับสวนดอกไม้ที่ไกลสุดลูกตา ตั้งอยู่ในกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง พ.ศ. 2461 ออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นสถานที่รวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก ภายในอุทยานเคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งแรกของโลกเมื่อ พ.ศ. 2295 ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในกรุงเวียนนา
เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย เป็นเมืองเล็กๆ ในอ้อมกอดของภูเขาที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ มีแม่น้ำซาลส์ซักค์ สีเขียวมรกตสวยงามไหลผ่าน สองข้างทางมีบรรยากาศที่ร่มรื่นมีอาคารบ้านเรือนสไตล์บารอกที่สวยงาม โดยเมืองนี้มีอดีตที่เติบโตมาจากการผลิตเกลือและการค้าเกลือซึ่งในยุคนั้นมีค่าประดุจทองคำขาว ดังนั้น“เกลือ”จึงเป็นที่มาของทั้งชื่อแคว้นและเมือง วิวที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือ ป้อมปราการโฮเอินซัลทซ์บวร์คที่ตั้งอยู่บนยอดเขาใจกลางเมืองแห่งนี้
สวนดอกไม้มิราเบล เป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศสที่อยู่บริเวณพระราชวังมิราเบล (Mirabell Palace) สวนนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ที่เมืองซาล์ลบวร์ก ประเทศออสเตรีย นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นที่จดจำในฐานะเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์สุดคลาสสิกอย่าง The sound of music หรือ มนต์รักเพลงสวรรค์
เมืองฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ประเทศออสเตรีย เมืองริมทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก หลายคนอาจเคยเห็นภาพของหมู่บ้านสไตล์ยุโรปที่มีเทือกเขาเป็นองค์ประกอบอยู่ด้านหลังและมีทะเลสาบอยูด้านหน้าที่งดงามราวกับภาพวาด คือ ภาพจำที่ถูกเผยแพร่ไปมากที่สุดของประเทศออสเตรีย
เมืองมิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมนี คือเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย แคว้นตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิซาร์ เป็นศูนย์กลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเงิน การธนาคาร และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมัน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีอาร์ตแกลเลอรี่ดีที่สุดด้วย เชิญเที่ยวชมมหานครแห่งนี้ ก่อตั้งในคศ1158 มีบรรยากาศรื่นรมย์ เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามจากยุคสมัยอันรุ่งเรือง แหล่งรวมห้างสรรพสินค้าอันทันสมัยมากมาย
มาเรียนพลัทซ์ จตุรัสมาเรีย หรือ จตุรัสแมรี่ (Marienplatz | Mary's Square) แหล่งรวมห้างสรรพสินค้าอันทันสมัย ตั้งอยู่เขตเมืองเก่าใจกลางเมืองมิวนิคประเทศเยอรมนี บริเวณนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในการชมวิถีชีวิตของคนมิวนิคในยามเย็น ตามร้านอาหารกลางจัตุรัส ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวต่างพากันมาชุมนุมดื่มเบียร์ พบปะสนทนา พลาดไม่ได้เลือกชมตุ๊กตาเต้นรำที่ประดับอยู่บนอาคารเทศบาลเมืองเก่าเวลา 11.00 น. ทุกวัน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
เมืองชวาล์ฟเกา (SCHWANGAU ชวังเกา) เป็นเมืองชนบทในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี เมืองชวังเกาตั้งอยู่ติดกับชายแดนประเทศออสเตรีย ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบฟอร์เกิน เมืองนี้เป็นที่ตั้งของปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดของเยอรมัน เช่น ปราสาทโฮเฮนชวาล์ฟเกา(Hohen Schwangau) เป็นเมืองที่น่าอยู่มาก อากาศสดชื่น บ้านเมืองสวยงาม เป็นเมืองที่มีภูเขาของบาราเวีย(Tegelberg)ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักปีนเขาหรือเดินเขากันเลยทีเดียว
ปราสาทนอยส์ชวาสไตน์ ปราสาทแสนสวยตั้งตระหง่านบนยอดเขา งดงามดั่งเทพนิยาย ทิวทัศน์โดดเด่นรอบล้อมด้วยทะเลสาบและธารน้ำ ภายในตัวปราสาทตกแต่งไว้อย่างอลังการ สร้างในปี ค.ศ. 18-19 ในรัชสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 เชิญเยี่ยมชมห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ต พร้อมสัมผัสความงดงามของปราสาทที่ยากเกินกว่าจะบรรยาย แม้กระทั่งราชาการ์ตูนวอล์ทดิสนีย์ยังได้จำลองแบบไปเป็นปราสาทในเทพนิยาย อันเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสวนสนุกดิสนีย์แลนด์
ฟุสเซ่น หรือ ฟึสเซิน (Fussen) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ในเขตอ็อสท์อัลก็อย (Ostallgäu) ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนประเทศออสเตรียไปทางทิศเหนือ 5 กิโลเมตร และอยู่ที่ปลายทางด้านหนึ่งของถนน Romantic road ยิ่งมองจากมุมสูงเมืองนี้ยิ่งทวีความงาม และเมืองโรแมนติกแห่งนี้นี่แหละคือประตูสู่ปราสาทเทพนิยายนอยชวานชไตน์ เมืองมีประชากร 14,631 คน เป็นที่รู้จักด้านอุตสาหกรรมผลิตไวโอลิน
เมืองลูเซิร์น (Lucerne City) เป็นเมืองที่คุ้นเคยดีสำหรับคนไทยและชาวเอเชีย โดยเฉพาะประติมากรรมที่งดงามแกะสลักสิงโตหินบนหน้าผา หรือสะพานไม้คาเปลที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบทอดข้ามแม่น้ำรอยส์ ตลอดสะพานประดับด้วยภาพเขียน ที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะจนสวยงาม กลายเป็นสัญลักษณ์ความงามที่แท้จริงของลูเซิร์น นอกจากนี้ การได้ล่องเรือไปตามทะเลสาบที่แลดูโรแมนติกมาก ๆ และท่องเที่ยวในเมืองเล็กสวยงามบนฝั่งทะเลสาบเวียวาลด์ สแตร์ทเตอร์ ที่อยากให้มาเชยชม
สะพานไม้ชาเปล อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้อันเก่าแก่ที่สุดในยุโรป มีอายุมากกว่า 600 ปี สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยตลอดแนวสะพานนั้นถูกประดับด้วยภาพเขียน ที่บอกเล่าถึงประวัติของประเทศแห่งนี้เป็นจำนวนมาก สร้างขึ้นเพื่อทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบทอดข้ามแม่น้ำรอยส์ ตลอดสะพานประดับด้วยภาพเขียน ที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้เสียหายมากในปี 1993 แม้บางส่วนจะถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะจนสวยงาม
เมืองอินเทอร์ลาเคิน หนึ่งในเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ถูกขนาบข้างด้วย 2 ทะเลสาบ คือทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) และทะเลสาบทูน (Lake Thun) ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออินเทอร์ลาเคนที่มีความหมายว่า ‘เมืองระหว่างสองทะเลสาบ เป็นเมืองที่มีทางผ่านไปสู่ยอดเขาจุงเฟรา ส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาแอลป์ฉายา Top of Europe เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของการพักผ่อน เพราะบรรยากาศของเมืองที่สวยงาม ธรรชาติและอากาศบริสุทธิ์ ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า ทะเลสาบและสวนผลไม้ จนขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงที่
กรินเดลวาลด์ (Grindelwald) เมืองเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงของรัฐเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนเทือกเขากรุงเบิร์น-แอลป์ (Bernese-Alps) อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,034 เมตร เมืองเล็กๆ แห่งนี้คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก เนื่องจากกรินเดลวาลด์เป็นเมืองแห่งรีสอร์ทกีฬาฤดูหนาวและมียังหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) อีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป ฉายา Top of Europe และ ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2007 โดยมีสถานีรถไฟจุงเฟรายอค (Jungfraujoch) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปตั้งอยู่ด้านบน
สถานีรถไฟจุงเฟรายอค (Jungfraujoch Railway Station) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ด้านบนของเขาจุงเฟรายอค ที่สถานีปลายทาง นักท่องเที่ยวจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างทางรถไฟสายนี้ ที่จัดแสดงในอุโมงค์ยาว พร้อมทั้งมีถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่มีรูปปั้นแกะสลัก และอุโมงค์ถ้ำน้ำแข็งให้ได้เที่ยวชมอีกด้วย ซึ่งจุดนี้เป็นอีกจุดที่พลาดไม่ได้เลย เนื่องจาก Ice Palace เป็นถ้ำน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย และภายในมีการแกะสลักน้ำแข็งอยู่ตามจุดต่างๆ ให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย
เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก มิลานเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มีประชากรประมาณ 1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า “ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน มีแกลอรี่ชื่อดัง โบสถ์ที่สวยงาม และโรงละครโอเปร่า
เวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับฉายาทั้ง ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และเมืองแห่งแสงสว่าง เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกัน มีคลองเล็กๆ กว่า 150 คลอง เต็มไปด้วยสะพานกว่า 400 สะพานเชื่อมถึงกัน มีเรือกอนโดล่าเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของนักท่องเทีี่ยว รวมทั้งบ้านเรือนสีสันสดใสอายุเก่าแก่เรียงรายกันอยู่ เวนิสเป็นเมืองมรดกโลกและถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่าสุดแสนโรแมนติกของอิตาลีด้วย
ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto Pier) อยู่ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เป็นจุดจอดรับ-ส่ง เป็นท่าล่องเรือที่มีเรือบริการในการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ของเมือง มีการบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ฝั่งคลองโดยทางเรือ นับเป็นเมืองที่คลองมากกว่าถนนอีกเมืองหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาล่องเรือเพื่อผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่ เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใครโดยใช้เรือแทนรถใช้คลองแทนถนน
เกาะเวนิส (Venice Island) หรือเวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก สมญานามว่าเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และเมืองแห่งแสงสว่าง เพราะในเกาะแห่งนี้มีคลองมากมายหลายสาย แล้วยังมีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ มีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง บริเวณซานมาร์โคนั้นเป็นศูนย์กลางของเกาะเวนิสแห่งนี้ ไฮไลต์สำคัญของที่แห่งนี้ คือ การนั่งเรือกอนโดล่าชมบรรยากาศของเมือง และการไปชมความงดงามของมหาวิหารซันมาร์โก
สะพานสะอื้น หรือบางคนเรียกว่า "สะพานแห่งการทอดถอนใจ” ซึ่งทอดข้ามด้านหลังวังของผู้ปกครองเวนิสในอดีต ไปยังคุกที่อยู่อีกฟากฝั่งคลอง ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้คือจุดหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งอิสรภาพของเหล่านักโทษ และคุกแห่งนี้เองเป็นที่คุมขังนักรักกระเดื่องนาม “คาสโนว่า” ซึ่งเขาเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่สามารถแหกคุกนี้หนีออกมาได้ปัจจุบันวังแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาไว้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำคัญของเมือง
มหาวิหารเซนต์มาร์ก(St Mark’s Basilica)เป็นมหาวิหารสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ซึ่งตั้งอยู่บนจัตุรัสซันมาร์โกกลางเมืองเวนิสมหาวิหารเซนต์มาร์กเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้ชมเข้าชมมากที่สุดด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ทอดยาวมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 9 ของคริสตจักรจึงทำให้เป็นมหารวิหารที่มีเรื่องราวและตำนานอันน่าสนใจ
แคว้นทัสคานี (Tuscany) โดยเมืองหลวงของแคว้น คือ ฟลอเรนซ์ (Florence) ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะในยุคเรอเนสซองส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีโบราณสถานสำคัญ และมีทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงาม จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้เมื่อ ปี ค.ศ.1982 ทำให้ทัสคานีมีชื่อเสียงในฐานะดินแดนท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก
มหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิออเร ชื่อเต็มคือ อาสนวิหารซันตามาเรียแห่งฟลอเรนซ์(Cathedral Of Santa Maria Del Fiore)หรือที่ชาวฟลอเรนซ์นั้นจะเรียกว่า“เซนต์แมรีแห่งบุปผา”ตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ มณฑลฟลอเรนซ์ แคว้นตอสคานา ประเทศอิตาลี สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่13 แต่สร้างเสร็จ ออกแบบใหม่ใน คศ.1436โดย สถาปนิกมากมายหลายคนที่มีชื่อเสียง สำหรับโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ออกเเบบโดย“ฟิลิปโป บรูเนลเลสชี”ซึ่งมันมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 45.5 เมตร โดยมีบันไดในการขึ้นไปชมด้านบนถึง 463 ชั้นด้วยกัน
เปียซซาเดลซิญญอเรีย จุดศูนย์กลางเเห่งอำนาจของเมืองฟลอเรนซ์ ที่มีความเก่าเเก่เเละประวัติศาสตร์เรื่องราวให้เล่าขานอย่างมากมาย จนคักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวฟลอเรนซ์ ต้องไม่พลาดมาเที่ยวชมซักครั้ง นับว่าเป็นพื้นของจัตุรัสใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ ที่มีความเก่าเเก่สวยงาม เเละเต็มไปด้วยประติมากรรมชั้นยอด ของศิลปินเอกชาวอิตาเลี่ยนมากมายมาตั้งรวมกันอยู่ จนมีคนกล่าวว่ามันเหมือนกับเเกลลอรี่กลางเเจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เเละเต็มไปด้วยงานประติมากรรมที่ทรงคุณค่าเเละประเมินค่าไม่ได้มากมายหลายต่อหลายชิ้นเลยทีเดียว
สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ ยังคงหลงเหลือมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1333 มีสีเหลืองทองอร่าม บวกกับสองฟากของสะพานถูกสร้างเป็นตึกแถว ซึ่งถูกใช้เป็นร้านขายของ อาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้ามากมาย สมัยก่อนเป็นร้านขายเนื้อสัตว์ ต่อมามีการปรับปรุงทัศนียภาพ เลยเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านขายทอง ด้านบนหลังคาของอาคารพาณิชย์ได้ต่อเติมให้เป็นทางเดินลอยฟ้า เชื่อมระหว่างพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่กับพระราชวังพิตติ
เมืองปิซา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซาอยู่ในแคว้นทัสกานี ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ)ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร เชิญเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 6 มรดกโลก เช่น จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา,มหาวิหารปิซา,หอศีลจุ่มเมืองปิซา,หอเอนเมืองปิซา,สุสานนักบุญ,พิพิธภัณฑ์มหาวิหารปิซา
จตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี แปลว่า "จตุรัสอัศจรรย์" หรือ ที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในชื่อ จตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า คือ บริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงใจกลางเมืองปิซ่า ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างได้แก่ มหาวิหารปิซ่า หอเอน หอศีลจุ่ม เริ่มสร้างปีคศ.1173 แล้วเสร็จในปีคศ.1372 ปัจจุบันยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมในปีคศ.1987
หอเอนแห่งเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) หอคอยหินอ่อนซึ่งถือเป็นอีกสัญลักษณ์ประเทศอิตาลี และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ของศาสนสถานของชาวคริสต์ ใช้เวลาสร้างนานกว่า 176 ปี แต่เกิดการทรุดตัวลงเมื่อสร้างถึงชั้นที่ 3 จึงหยุดก่อสร้างไป จนอีกประมาณ 100 ปีต่อมาถึงมีผู้สร้างต่อได้จนครบ 8 ชั้น และได้นำระฆังไปติดในอีกร่วม 100 ปีต่อมา จนเสร็จสมบูรณ์เหมือนที่เห็นในปัจจุบัน กาลิเลโอได้เคยมาพิสูจน์ทฤษฏีการตกของวัตถุที่ยอดของหอเอนแห่งนี้
กรุงโรม เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ
โคลอสเซี่ยม (Colosseum) สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคประวัติศาสตร์ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกของชาวโรมันโบราณ โดดเด่นในด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรม โดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบัน เชิญชมความยิ่งใหญ่ในอดีตของจักรวรรดิโรมันโบราณ ที่มีอายุกว่า 2,500 ปี สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน
น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร ออกแบบโดย Francesco Salvi เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "Three Coins in the Fountain" กลางน้ำพุจะมีรูปสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ซึ่งเทพเจ้าเนปจูนนี้จะทรงประทับมาบนรถม้ามีปีก ซึ่งซ่อนความหมายเอาไว้ว่าจะนำพามาซึ่งความเจริญมั่งคั่งแก่กรุงโรมแห่งนี้ มีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญหนึ่งเหรียญลงในสระน้ำพุเทรวี่ จะสามารถขอพรให้สมหวังได้หนึ่งข้อ
บันไดสเปน (Spanish Steps) ถูกเรียกชื่อตามสถานฑูตสเปน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนั้น ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ชื่อ Francesco de Sanctis เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1723 ถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของกรุงโรม และยังเป็นแหล่งพบปะของหนุ่มสาว ผู้คนชอบที่จะมานั่งเรียงรายบนบันไดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม และของชำร่วยชื่อดังของกรุงโรมอันมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามโปรดระวังกระเป๋าเงินและสิ่งของมีค่าด้วย เพราะที่แห่งนี้เป็นแหล่งชุกชุมของมิจฉาชีพทั้งหลาย
นครวาติกัน (Vatican) ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ถือเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นครแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ผู้เป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นครวาติกันนี้เป็นรัฐอิสระ จัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชม เช่น พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งออกแบบโดยมีเกลันเจโล เป็นต้น
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) เป็นมหาวิหาร 1 ใน 4 มหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และ สำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่น สามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน
เฟียต้า (Pieta) งานประติมากรรมหินอ่อนโดยฝีมือของมีเกลันเจโล บูโอนาร์โรตี (ไมเคิลแองเจลโล) เป็นรูปพระแม่มารีย์ประทับบนแท่นหิน ขณะที่รองรับพระศพของพระบุตรไว้ในท่าพาดบนตักหลังจากที่ถูกนำลงจากไม้กางเขน Pieta ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากหินอ่อนบริสุทธิ์ สูง 5 ฟุต 9 นิ้ว เป็นประติมากรรมที่มองแล้วแสดงถึงอารมณ์ แววตา สีหน้าอันเศร้าของพระแม่มารีย์ และถือเป็นผลงานอันงดงามมากที่สุดชิ้นนึงของโลกเลยที่เดียว ปัจจุบัน Pieta ตั้งอยู่ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร
สนามบินเลโอนาร์โด ดา วินชี ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci International Airport) ตั้งอยู่ในเมืองฟีอูมีชีโน ซึ่งห่างจากศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของโรม 35 กิโลเมตร สนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ด้วยจำนวนผู้โดยสาร 35,226,351 คน ในปี พ.ศ. 2551
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553