หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
หรือ พาโร ซ็อง หรือ ป้อมพาโร ตั้งอยู่เมืองพาโรประเทศภูฏาน สร้างขึ้นในปีคศ1645 สร้างบนพื้นที่ที่เด่นตระหง่านอยู่ในหุบเขาพาโร ทางเข้าตัวซองมีสะพานไม้ที่สวยงามพาดผ่านแม่น้ำเพื่อเข้าสู่ตัวซอง ปัจจุบัน เป็นทั้งสถานที่สำหรับส่วนบริหารเมืองพาโร และส่วนที่เป็นวัด ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ประมาณ 200 รูป พื้นที่ลานกว้างของ Dzong ใช้เป็นทีจัดงาน ประเพณีที่ยิ่งใหญ่คือ พาโรเทชู ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ที่ป้อมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทำหนังเรื่อง “Little Buddha”ของ Bernardo Bertolucci
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติภูฏาน ตั้งอยู่บนเทือกเขาในเมืองพาโร ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1968 โดยอดีตสถานที่แห่งนี้เรียกว่า Ta Dzong ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปะสไตล์โคโลเนียล เพื่อเป็นอาคารสังเกตการณ์ แต่ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เป็นสถานที่เก็บรวบรวมงานศิลปะอันทรงคุณค่าจำนวนมากทั้งภาพวาด และผลงานหัตถกรรมต่างๆ รวมทั้งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมตราไปรษณียากรที่ผลิตขึ้นในโอกาสพิเศษต่างๆ อีกด้วย
เมืองหลวงของประเทศภูฎานตั้งแต่ปีพศ2504 ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ2,400ม เป็นเมืองหลวงที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และประเพณีอันงดงาม มีประชากรมากว่า 50,000 คน ย่านใจกลางเมืองทิมพู มีถนนหลายสายตัดผ่านไปยังศูนย์การค้า Zanto Pelri Shopping Complex อันเป็นที่ชุมนุมร้านค้าและร้านอาหาร ถนนสายหลักของเมือง คือ ถนนนอร์ซิน มีเส้นทางตัดผ่านกลางเมือง สองข้างทางเป็นที่ตั้งร้านค้าขนาดเล็กของชาวภูฏานและชาวอินเดีย มีปั๊มน้ำมันอยู่เพียง3แห่ง แต่ละปั๊มสร้างแบบสถาปัตยกรรมภูฏาน เชิญเที่ยวชมเมืองน่ารักๆ
คือ จุดชมวิววัดตัมชู ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำปาโรชูกับแม่น้ำทิมพูชู คือวัดตัมชู หรือวัดเขายอดอาชา จะตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายท่ามกลางทิวทัศน์ที่มีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ท่านลามะทังทนเกลโป ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นพร้อมสะพานเหล็กอีกสายหนึ่งขึ้นที่นี่ แต่สะพานถูกน้ำพัดทำลายลงในปี ค.ศ. 1969 สะพานที่เห็นในปัจจุบันเป็นของที่ใช้โซ่เหล็กสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2005 โดยเลียนแบบสะพานสายเดิม
เป็นที่ทำการของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ศูนย์รวมของกิจการบริหารแผ่นดินและศาสนา และเป็นที่ทรงงานของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน รวมทั้งเป็นที่ประทับของกษัตริย์ ในหน้าเทศกาล ลานชั้นในของป้อมนี้เป็นเวทีถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และศาสนาสู่ชนรุ่นหลัง ภายในวิหารเป็นที่ตั้งของบัลลังทองคำแท้ที่สถาปนาเจ้าชายจิกมี่เป็นกษัตริย์องค์ที่5แห่งภูฏาน มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สวยงาม ภาพเขียนฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ พระพันองค์ที่ตั้งเรียงรายหลายชั้นในวิหารอันสวยงาม ป้อมแห่งนี้จึงมีความสำคัญมากที่สุดของประเทศภูฎาน
มหาสถูปที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1974 เพื่อระลึกถึงกษัตริย์องค์ที่ 3 พระเจ้า จิกมี ดอร์จี วังชุก ซึ่งได้ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระองค์ที่นี่ด้วย สร้างโดยเสด็จแม่ของพระเจ้าจิกมี ดอร์จี วังชุก มหาสถูปแห่งทิมพูนี้ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างทางศาสนาในเมืองทิมพู สไตล์แบบทิเบต โดยเมื่อครั้งกษัตรย์จิกมี ดอร์จี วังชุก ยังมีชีวิตอยู่ มีพระประสงค์สร้างสถูปนี้ ถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทน จิตใจอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า ที่นี่ มีภาพฝาผนังทบอกถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ดี
หรือ เมืองปูนาคา อยู่ห่างจากเมืองเมืองหลวงทิมพูประมาณ80กม และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ3,050ม มีสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพูนาคา เช่น พูนาคาซอง ป้องปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน, ดอร์ชูลา จุดชมวิวสูงสุดของเส้นทางทิมพู-พูนาคา, คำซำยูเล สถูปขนาดใหญ่ เป็นต้น พระลามะจากธิเบตที่ธุดงค์มาได้ถึงเมืองพูตานว่า เป็นเมืองที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยสวยงามเกินพรรณนา และท้องฟ้าแจ่มใส หากใครได้ไปเยือนสักครั้ง ก็คงประทับใจ
ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆในหมู่บ้านระหว่างเมืองปูนาคาและวังดี สร้างในศต15โดยลามะDrukpa Kuenley กล่าวเป็นตำนานว่ามีการปราบพวกปีศาจร้ายหรือสิ่งไม่ดี ท่านลามะได้ฝังสุนัขไว้บนเนินเขาและทำสัญลักษณ์ด้วยเจดีย์และกำหนดให้สถานที่นี้สร้างให้เป็นวัดในอนาคต วัดนี้ขึ้นชื่อในหมู่ชาวภูฏานเรื่องการขอลูก ถ้าใครทำไงก็ไม่มีลูกให้มาขอ ศักดิ์สิทธิ์มาก บางคนที่มีลูกอ่อนแล้วสามารถขอให้ลูกหน้าตาดีได้ด้วย หากมาที่นี่ เห็นลามะน้อยท่องบทสวดมนต์กันอย่างขะมักขะเม้น น่ารักมากๆ และสัมผัสกับทุ่งนาและหมู่บ้านชาวภูฏานแบบธรรมชาติ
เป็นมหาปราการที่มีความสวยงาม อยู่เมืองพูนาคา ประเทศภูฎาน เป็นที่ประทับของพระสังฆราชในฤดูหนาว ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงเพียง 1,468ม มีอากาศอบอุ่นกว่าในช่วงฤดูหนาว ด้านหน้าเป็นจุดที่แม่น้ำโพและแม่น้ำโมไหลมาบรรจบกันพอดี ป้อมนี้เคยถูกน้ำท่วมและไฟไหม้เสียหายมาก ภายหลังได้บูรณะเรื่อยมาจนเป็นภาพสวยงามดังปัจจุบัน มีลานกว้างถึง3ส่วน มีพื้นที่ใช้สอยในพิธีสำคัญมากมาย มีสะพานข้ามแม่น้ำ โมชู เข้าสู่ซอง เป็นแหล่งชุมนุมพบปะกันของผู้คน รวมถึงการนัดพบพูดจา เป็นประเพณีกันมาช้านาน โดยเฉพาะช่วงเทศกาล
ภูฏาน ถือเป็นประเทศที่มีการผลิตดวงตราไปรษณียากรที่สวยงามที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ฉะนั้นการไปเยืยนที่ทำการไปษณีย์ภูฏานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด ที่นี่มีแสตมป์ให้ท่านได้เลือกซื้อหลากหลายรูปแบบ ทั้งรูปวิวทิวทัศน์ รูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาทิเช่น วัด ป้อมปราการ หรือจะเป็นรูปสัตว์ประจำชาติอย่างทาคิน หรือรูปดอกไม้ รวมทั้งมีแสตมป์สามมิติ ให้ท่านได้ซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก และที่พิเศษไปกว่านั้นท่านสามารถถ่ายรูปตัวเองทำเป็นแสตมป์ส่งกลับมาประเทศไทยได้อีกด้วย
หอสมุดแห่งชาติภูฏาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1967 เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาหนังสือ และวรรณคดีโบราณซึ่งถือเป็นสมบัติอันทรงคุณค่าของชาติ รวมทั้งเป็นสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฏกอายุนับร้อยปีจำนวนมาก รวมทั้งพระไตรปิฏกฉบับภาษาไทยด้วย และสิ่งที่เป็นไฮไลท์พิเศษสุดของที่นี่ คือ วรรณกรรมทางพุทธศาสนาหิมาลายันที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากหนังสือวรรณกรรม และคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาแล้ว ที่นี่ยังมีหนังสือภาษาต่างประเทศที่หาชมได้ยากอีกด้วย
สถาบันสอนศิลปะแห่งทิมพู สถานที่สอนศิลปะหัตถกรรม 13 ประเภทของภูฏาน ซึ่งเรียกว่า Zorig Chosum มีลักษณะคล้ายกับช่างสิบหมู่ของไทย ประกอบด้วย ช่างไม้ ช่างทอผ้า ช่างปักผ้า ช่างเขียน ช่างกระดาษ ช่างแกะสลัก เป็นต้น โดยสถาบันแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นตามคำบัญชาของท่าน งาวัง นัมเกล เพื่ออนุรักษ์ และสืบทอดศิลปะของชาติไปยังอนุชนรุ่นหลัง ท่านจะได้ชมผลงานศิลปะแขนงต่างที่ถูกสรรสร้างอย่างประณีตงดงาม รวมถึงได้ชมบรรยากาศในห้องเรียนอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นำท่านเดินทางสู่จุดชมวิว ซังเกกัง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดนันนารี วัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองทิมพู ท่านจะได้ชมทิวทัศน์อันงดงามของหุบเขาแห่งเมืองทิมพู ได้ชมตัวเมืองทิมพูจากมุมสูง นอกจากนี้จากจุดชมวิวซังเกกังแห่งนี้ ท่านจะสามารถมองเห็น ทาชิโชซอง หรือ ทิมพูซอง สัญลักษณ์ของเมืองทิมพู สถาปัตยกรรมภูฏานอันงดงามคล้ายพระบรมมหาราชวังซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองอีกด้วย
เมืองพาโร หรือ ปาโร ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศภูฏาน เป็นเมืองเล็กๆ ที่สวยด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติเหมือนภาพในฝัน ภาพของทุ่งนาเขียวขจี ป่าสนเต็มภูเขา ตัดกับสีขาวของกำแพง มีแม่น้ำสำคัญๆ 3สาย คือแม่น้ำตอสา แม่น้ำวัง และแม่น้ำพูนาซอง ที่นำความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์มาสู่พื้นที่เพาะปลูก ไฮไลท์ของเมือง คือ พาโรงซอง เป็นป้อมเมือพาโร และมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น สะพานยามิซัม ป้อมของพวกดรุ๊กปะผู้มีชัย วัดทักซัง วัดคิชู วัดดุงเซ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน
หรือ วัดตักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ เป็นที่มีความสงบและวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศภูฎาน มีศาสนสถานที่มหัศจรรย์ ตัววัดเหมือนเกาะอยู่บนหน้าผาหินที่มีความสูงถึง 900ม สูงกว่าหมู่บ้าน2,000ฟิต ทำให้เห็นมองเมืองพาโรที่ทรงเสน่ท์น่าหลงใหลจากวัดทักซัง วัดทักซัง เป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธากันมากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตหิมาลัย ภายใน มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั้งสิ้น 13 แห่ง ล้วนมีความเป็นมาเกี่ยวข้องบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ วัดทักซัง เป็นวัดที่มีความสงบ ชาวเมืองนิยมมาจาริกแสวงบุญที่นี่
หรือ วัดคิชู เป็นวัดทรงโบราณ สร้างขึ้นตั้งแต่ปีคศ659 โดยพระเจ้าซองเต็น กัมพู แห่งทิเบต ตามความเชื่อโบราณ เพื่อขจัดนางมารที่มีร่างกายใหญ่โตสามารถเหยียดแขนเหยียดขาออกไปครอบคลุมทั่วทั้งทิเบตและภูฏานได้ โดยจุดที่พระเจ้าซองต์เซน กัมโปมาสร้างวัดในเมืองปาโรคือ พื้นที่ส่วนที่เท้าซ้ายของนางมารเหยียบอยู่ วัดนี้เคยถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่ โดยอัญเชิญพระศากยมุนีเป็นพระประธานในโบสถ์ ต่อมาได้มีการบูรณะวัดให้มีสภาพดีต่อไป และสร้างรูปปั้นของท่านกูรูรินโปเช สูง 5 เมตร ไว้ที่วัดนี้
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553