หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
เมืองโอบาเทีย..เมืองตากอากาศสุดหรูของเศรษฐียุโรปและขุนนางในอดีต เมืองที่ได้รับสมญานามว่า 'ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติค' เมืองพักผ่อนตากอากาศริมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย แบบริเวียร่าที่มีอากาศดีตลอดทั้งปี ตัวเมืองลดหลั่นไปตามไหล่เขาเป็นทั้งวิลล่าตากอากาศ,โรงแรมชั้นนำ แหล่งบันเทิงและร้านอาหาร,จัตุรัสกลางเมืองมีรูปปั้นสตรีและนกนางนวล อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง อิสระให้พักผ่อนกับบรรยากาศชั้นเลิศ
นางแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) ซึ่งเป็นรูปปั้นที่แกะโดย Zvonko Car นักประติมากรที่มีชื่อเสียง นางแห่งนกนางนวลนี้เป็นรูปปั้นสตรีงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเมือง และมักจะมีนกนางนวลจริง ๆ บินมาเกาะที่รูปปั้นนี้เป็นประจำ
อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvice Lakes National Park) อุทยานแห่งนี้มีต้นกำเนิดมาจากน้ำในภูเขามาลา คาเปลา ที่กัดเซาะชั้นหินปูนและก้อนหินโดโลไมท์ มาเป็นระยะเวลานานหลายพันปี จนก่อเกิดเป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเลสาบสีเขียวมรกต และสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แวววาวภายในอุทยานถึง 16 แห่ง โดยเป็นสีที่เกิดจากการผสมผสานกันของแร่ธาตุต่าง ๆ และน้ำพุร้อนใต้ผืนดินแห่งนี้ ซึ่งแต่ละแห่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ ที่ลัดเลาะผ่านผืนน้ำ ต้นไม้ใหญ่ที่เขียวชอุ่ม และเนินเขาน้อยใหญ่ที่รายล้อมอุทยาน
เมืองซาดาร์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย ซึ่งในอดีตนั้นที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของภูมิภาคดัลเมเชียมาก่อน และมีบทบาทเป็นเมืองท่าที่สำคัญของคาบสมุทรเอเดรียติคมาตั้งแต่ในช่วงสมัยอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน และในปัจจุบันซาร์ดาร์กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันเก่าแก่และยาวนานมากกว่า 3,000 ปี ซึ่งสามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมในแบบโรมาเนสก์และโกธิค ให้แพ็กกระเป๋าเดินทางมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย
โบสถ์โรมันคาทอลิกประจำเมืองซาดาร์ และถือว่าเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคดัลมัลเชียซึ่งเป็นภูมิภาคทางชายฝั่งทะเลของโครเอเชีย โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 5-6 โดยใช้ศิลปะแบบโรมัน และได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 13 เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการโจมตีของชาวเวนิสในช่วงสงครามศาสนา นอกจากนี้ โบสถ์อนาสตาเชียยังมีความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์เพราะเคยเป็นสถานที่ที่พระสันตปาปา ถึง 2 พระองค์คือ พระสันตปาปาอเล็กซานพระสันตปาปาจอห์นพอลที่ 2 เคยเสด็จมาเยือน
โทรเกียร์คือเมืองเล็กๆ บนเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากแผ่นดินใหญ่มากนัก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคกรีกและโรมัน และผ่านการปกครองจากเชื้อชาติต่างๆ มาหลายยุคหลายสมัย นั่นจึงทำให้โทรเกีย์กลายเป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ของโครเอเชีย ด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ อันเป็นผลิตผลจากการปกครองของอาณาจักรเวนิสในยุคเวนิเชียน ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ หรืออาคารบ้านเรือนในสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองก์และบาโร้ก และนี่เองที่ส่งเสริมให้โทรเกียร์กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าจนได้รับการรับรองให้เป็นอีกหนึ่งมรดกของโลก
มหาวิหารเซ็นต์ลอร์เลนซ์ เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ประจำเมืองโทรเกียร์ ก่อสร้างหลายร้อยกว่าปีตั้งแต่ในศต12-17 มีสิงโต อดัม&อีฟและรูปสลักนักบุญองค์สำคัญต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรงบึกบึน เชิญชมผลงานสถาปัตยกรรมการก่อสร้างซุ้มประตูที่งดงามของสถาปนิกชั้นครูชาวโครเคเชียนนามว่า'ราโดแวน',ชมห้องเก็บสมบัติโบราณภายในวิหาร,หอระฆังสูงตระหง่าน มองเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งตัวเมืองโทรเกียร์ วิหารนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของโทรเกียร์ที่ได้รับการประกาศคุ้มครองให้เป็นมรดกโลก
เมืองสตอน เมืองเล็กๆที่มีความสงบเงียบริมโค้งอ่าวกว้าง เดิมเป็นเหมือนเมืองหน้าด่านของดูบรอฟนิค มีความเจริญรุ่งเรืองการค้าเกลือ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตัวเมืองถูกโอบล้อมเมืองด้วยกำแพงที่ทอดยาวราว 5กม มองเห็นได้จากระยะไกล ปัจจุบันเมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารทะเลรสเลิศ เนื่องจากมีชื่อเสียงเรื่องฟาร์มเลี้ยงหอย โดยเฉพาะฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมมีอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่ได้ชมขั้นตอนต่างๆของการเลี้ยงและอาจได้ชิมหอยนางรมสดๆจากทะเลอเดรียติค พร้อมด้วยไวน์สดที่คล่องคอแบบสุดๆ
เมืองดูบรอฟนิคเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย และมีพรมแดนติดกับประเทศบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีน่า ในอดีตในช่วงศตวรรษที่ 13 เมืองนี้เคยเป็นเมืองที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจทางทะเล โดยครอบคลุมพื้นที่ทะเลเอเดรียติคและทะเลเมดิเตอเรเนียนทั้งหมด และเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในยุคนั้นจนก่อให้เกิดปัญหาตามมา แต่ในปัจจุบันดูบรอฟนิคกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของโครเอเชีย และได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าที่สวยที่สุดในทวีปยุโรป จนทำให้ได้รับฉายาว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติค
เขตเมืองเก่าดูบรอฟนิคเป็นเขตเมืองซึ่งถูกโอบล้อมด้วยกำแพงโบราณสูงตระหง่านถึง 25 เมตร ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อใช้ป้องกันการรุกรานของศัตรู โดยประตูเมืองตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนภายในกำแพงหินนั้นเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเก่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก-บาโร้ก รวมทั้งถนนการค้าเส้นสำคัญที่ปูพื้นด้วยหินด้วยความยาว 292 เมตร ซึ่งเกือบทั้งหมดภายในเขตเมืองเก่านี้คือสิ่งที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่จากความเสียหายเพราะเหตุการณ์การต่อสู้แบ่งแยกดินแดนจากยูโกสลาเวีย
หรือ ประตูปิเล เป็นทางเข้าหลักของเมือง ที่เชื่อมอยู่กับสะพานหินที่มีอายุย้อนถึงปีค.ศ.1537 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของย่านเขตเมืองเก่าดูบรอฟนิค เพื่อปกป้องเมืองภัยจากศัตรู เช่น พวกอาหรับ เวเนเชียน มาชีโดเนียนและเซิร์บ ซึ่งต้องเดินทางผ่านทางสะพานไม้ อันเป็นสะพานที่สามารถยกขึ้นทุกเย็น แล้วประตูเมืองจึงจะปิดล็อคเอง เหนือประตูปิเล มีรูปปั้นของนักบุญเบลส ซึ่งเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเมือง ซึ่งฝังตัวอยู่ในโค้งของประตูเมือง ออกแบบโดย Ivan Mestrovic นักประติมากรในศตวรรษ 20
หรือ น้ำพุโบราณทรงกลม เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญมีชื่อเสียงของเมืองดูบรอฟนิค สร้างโดย โอโนฟริโอ้ เดลลา คาว่า ในปีคศ.1438 เพื่อใช้หล่อเลี้ยงประชากรในยามมีศึกสงคราม และเป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำประปาห่างจากบ่อ12กม ประดับด้วยรูปปั้นนักบุญต่างๆ แต่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวในคศ.1667 เหลือน้ำพุงเพียง16แห่งเท่านั้นไหลลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อระบายน้ำ รอบๆน้ำพุ มีงานปูนปั้นสวยงามแสดงเป็นรูปหน้าของสัตว์ต่างๆ,หอระฆัง,น้ำพุขนาดเล็กๆตั้งอยู่ในจตุรัสลูซ่า ที่นี่..ท่านสามารถดื่มน้ำได้ด้วย
ตึกนี้ถือเป็นแหล่งผลิตเหรียญกษาปณ์และเก็บอาวุธ สร้างขึ้นในศต16 ในสไตล์โกธิคเรเนซองค์ ออกแบบโดย Paskoje Milicevic เดิมเป็นพระราชวังและหอจดหมายเหตุที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นเมืองท่าการค้าขายทางทะเลในอดีต ที่นี่..มีงานแกะสลักสวยงามด้วย สร้างโดยพี่น้อง อันดริจิค และในศต17ใช้เป็นที่พบปะของสมาชิกนักปราชญ์ที่มาทำการถกเถึยงในด้านอักษรศาสตร์ ศิลปะและวิทยาศาสตร์ ปัจจุบัน สปอนซ่าพาเลซใช้เป็นที่เก็บรักษาหนังสือสำคัญที่ถือว่ามากที่สุดในยุโรป
เมืองสปลิตเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโครเอเชีย รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเมืองท่าที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวของประเทศ เนื่องจากในแต่ละปีนั้นนักเดินทางจากทั่วโลกต่างมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่นี่ไม่น้อยกว่าล้านคน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเสน่ห์อันล้นเหลือของสปลิต ไม่ว่าจะเป็นในฐานะของเมืองโบราณอันเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการบริหารในศตวรรษที่ 15 และก่อเกิดสิ่งก่อสร้างอันทรงคุณค่าต่างๆ ตามมา อย่างเช่นพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน หนึ่งในพระราชวังที่ถูกการรับรองให้เป็นมรดกของโลก
พระราชวังไดโอคลีเชียนตั้งอยู่ที่เมืองสปลิทประเทศโครเอเชีย โดยพระราชวังแห่งนี้สร้างโดยพระราชประสงค์ของจักรพรรดิไดโอคลีเชียนแห่งจักรวรรดิโรมัน เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับในบั้นปลายชีวิต เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4ลักษณะภายนอกเป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ หลายส่วนนับตั้งแต่ทางเข้าหลัก อย่างเช่นมหาวิหารเทพเจ้าจูปิเตอร์ โบสถ์แห่งเทพวีนัส และวิหารโดมนิอุส เป็นต้น จึงทำให้พระราชวังแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่อันทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1979
เมืองซีเบนิคคือเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของโครเอเชีย ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โดยทอดตัวยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ซึ่งหากมองจากระยะไกลก็จะเห็นถึงความคลาสสิกของเมืองแห่งนี้ด้วยอาคารบ้านเรือนที่มุงหลังคากระเบื้องสีส้มสไตล์เรเนซองส์ทอดยาวริมฝั่งทะเล นอกจากนั้นซีเบนิคยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยภูมิทัศน์อันงดงาม รวมทั้งอนุสาวรีย์ทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของมลรัฐหมู่เกาะชีเบนิค-คนีนอีกด้วย
มหาวิหารเซนต์เจมส์หรือมหาวิหารเซนต์จาคอบคืออีกหนึ่งมรดกโลกของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ที่เมืองซีเบนิคบนชายฝั่งดัลเมเชียน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมการส่อสร้างในแบบผสมระหว่างศิลปะทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ดัลเมเชีย และทัสคานี เนื่องจากใช้สถาปนิกในการออกแบบถึง 3 คน และมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดยสร้างเสร็จในปี 1535 ด้วยโครงสร้างที่มาจากหินปูนสีขาวล้วนๆ ไม่มีวัสดุอื่นปลอมปน ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นนักบุญเจมส์หรือจาคอบตามภาษาโครแอต ซึ่งเป็น 1 ใน 12 สาวกของพระเยซู
เมืองซาเกร็บเป็นเมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงกับเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลเอเดรียติก นี่จึงทำให้ซาเกร็บเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สำคัญกับภูมิภาคยุโรปกลางและทางทะเลเอเดรียติก นอกจากนี้ซาเกร็บยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการศึกษาของประเทศอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ซาเกร็บยังโดดเด่นทางด้านการท่องเที่ยวด้วยเสน่ห์ของความเป็นเมืองเก่าที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมอีกด้วย
ตลาดโดแลคเป็นตลาดเกษตรกรที่ตั้งอยู่ในเมืองซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย และอยู่ไม่ไกลจากจัสตุรัสกลางเมืองมากนัก ซึ่งตลาดโดแลคถือว่าเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากมันเป็นตลาดเก่าแก่ในการซื้อขายสินค้าทางด้านการเกษตรมาตั้งแต่ปี 1926 โดยในอดีตชาวเกษตรกรที่อยู่หมู่บ้านรอบๆ บริเวณนี้จะนำผลผลิตของพวกเขาออกมาวางขาย ไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้สดๆ รวมถึงอาหารในสไตล์โฮมเมด แต่ในปัจจุบันสินค้าของที่นี่ยังครอบคลุมไปถึงสินค้าประเภทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสินค้าทางเกษตร
โบสถ์สไตล์บาร๊อคที่สวยงามที่สุดในเมืองซาเกรบ ถูกสร้างขึ้นโดย Jesuits ช่วงระหว่างปี 1620 ถึง 1632 ภายในมีการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามทั้งบริเวณเพดาน เสา และผนังโดยรอบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของศิลปะในสมัยนั้น นอกจากนี้ก็ยังมีรูปปั้นที่แกะสลักอย่างประณีตประดับอยู่ทั่วบริเวณโบสถ์ รวมทั้งซึ่งมีการจัดแสดงภาพวาดของเซนต์แคทเธอรีนด้วย
อนุสาวรีย์ Ban Josip Jelacic (Ban Josip Jelacic Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้มีที่ใจกลางจัตุรัสหลักของ Jelacic ในกรุงซาเกร็บ ตั้งอยู่บนฐานสูงที่น่าภาคภูมิใจ สำหรับคนท้องถิ่นเป็นรูปปั้นของประวัติศาสตร์ของนายพลผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อเป็นอิสระจากชาวฮังการีเมื่อปี ค.ศ. 1848 อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในจัตุรัสหลักในเมือง ซึ่งประกอบไปด้วยร้านค้าและย่านช้อปปิ้ง ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และร้านอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งด้านหลังและด้านหน้าของอนุสาวรีย์แห่งนี้เลยทีเดียว
สนามบินนานาชาติซาเกร็บ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติซาเกร็บ (Zagreb International Airport) ตัวย่อสนามบิน : ZAG เป็นสนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโครเอเชีย ในปี 2019 มีการจัดการผู้โดยสาร 3.45 ล้านคนและขนส่งสินค้าประมาณ 13,000 ตัน ตั้งชื่อตาม Franjo Tuđman ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของโครเอเชียท่าอากาศยานตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553