หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
พระราชวังอามาเลียนบอร์กหรือพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์ก สร้างขึ้นเมื่อกลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก ที่เหล่าพระราชวงศ์ยังใช้เป็นที่ประทับจนถึงปัจจุบัน บริเวณโดยรอบประกอบด้วยพระราชวังจำนวน 4 หลัง และโบสถ์อีก 1 หลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นในศิลปะสไตล์เดนมาร์กโรโคโค ส่วนด้านหน้ามีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 4 ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า จนทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นจัตุรัสที่งดงามที่สุดของทวีปยุโรป
รูปปั้นเงือกน้อยเป็นรูปปั้นสำริดรูปเงือกนั่งอยู่บนก้อนหิน ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะริมอ่าวโคเปนเฮเกน ซึ่งที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์และจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองโคเปนเฮเกน โดยต้นกำเนิดของรูปปั้นเงือกน้อยเกิดจากความประทับใจของคาร์ล จาค็อบเซน บุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์กต่อละครบัลต์เรื่อง The Little Mermaid อันเป็นนิทานสุดคลาสสิกของนักเล่านิทานชื่อดังอย่างคริสเตียน ฮันส์ แอนเดอร์สัน จากนั้นเขาจึงสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นโดยใช้แบบใบหน้าจากนักเต้นบัลเลต์ชื่อเอลเลน ไพรซ์
น้ำพุแห่งมราชินีเกฟิออนเป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในรูปทรงที่แปลกตา มองดูคล้ายกับเป็นธารน้ำตกจำลอง ตั้งอยู่ในบริเวณหน้าท่าเรือเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งที่มาของน้ำพุแห่งนี้มีตำนานเล่าขานว่า นานมาแล้วมีพระราชินีนามว่าเกฟิออนได้รับมอบหมายจากเทพเจ้าให้สร้างชาติบ้านเมืองขึ้น นางจึงรับสั่งให้พระโอรสทั้ง 4 แปลงกายเป็นพระโค เพื่อช่วยกันไถเกลี่ยพื้นดินจนกลายเป็นประเทศเดนมาร์กดังในปัจจุบัน ดังนั้นชาวเมืองจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ของนางขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระองค์และพระราชโอรสนั่นเอง
ถนนคนเดินสตรอยก์ หรือ Stroget Street ซึ่งแปลว่า “การเดินเล่น” ประกาศให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ตั้งแต่ปี 1962 ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งทางเท้า และ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกน ถนนคนเดินมีความยาวที่สุดในโลก ครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade, Nygade, Vimmelskaftet และ stergade โดยมีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตร ระหว่างสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ยังคงความงดงามจนถึงปัจจุบัน ส่วนย่าน Nygade นั้น เป็นอดีตเขตโคมแดงและถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่ากะลาสีเรือ
ออสโล (Oslo) นครหลวงของประเทศนอร์เวย์ เมืองสวยงามในเขตชายฝั่งทะเลแบบฟยอร์ดของยุโรปเหนือ ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ Malmoya แน่นอนว่าแต่ละเกาะมีสถานที่เที่ยวสวยงาม และมีทะเลสาบ 343 แห่งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญ มีอากาศหนาวเย็น 6 เดือน อุณหภูมิ 0 - 40 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนเพียง 3 เดือน อุณหภูมิ20-25องศาเซลเซียส ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น สวนวิกเกอร์ลันด์ วัดไทยนอร์เวย์ พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง เป็นต้น
ออสโล (Oslo) นครหลวงของประเทศนอร์เวย์ เมืองสวยงามในเขตชายฝั่งทะเลแบบฟยอร์ดของยุโรปเหนือ ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ Malmoya แน่นอนว่าแต่ละเกาะมีสถานที่เที่ยวสวยงาม และมีทะเลสาบ 343 แห่งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญ มีอากาศหนาวเย็น 6 เดือน อุณหภูมิ 0 - 40 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนเพียง 3 เดือน อุณหภูมิ20-25องศาเซลเซียส ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น สวนวิกเกอร์ลันด์ วัดไทยนอร์เวย์ พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง เป็นต้น
ท่าเรือเอเคอร์บรูค เคยเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ ปัจจุบันมีการปรับปรุงเป็นแหล่งรวมความบันเทิง รวมทั้งเป็นย่านที่อยู่อาศัย ของชาวไฮโซออสโล มีบ้านเรือนหรู และร้านค้ามากมาย เป็นแหล่งรวมผับบาร์ ร้านอาหาร คาเฟ่ นอกจากนี้ยังมีโรงหนัง โรงละครและห้างสรรพสินค้า ร้านเสริมสวย เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพลิดเพลินกับมื้อค่ำในบรรยากาศที่แสนรื่นรมย์
ศาลาว่าการกรุงออสโล (Town Hall หรือ Oslo City Hall) ตั้งอยู่ทางปลายด้านตะวันออกของเกาะ Kungsholmen ตัวอาคารด้านนอกเป็นอิฐสีน้ำตาลแดงอยู่ริมน้ำ เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ด้านในโถงกว้างขนาดใหญ่ แบ่งเป็นห้องต่างๆ เช่น สถานที่ทำงานของส่วนราชการ สถานที่ประชุมของสภาเมือง และสถานที่จัดเก็บชิ้นผลงานศิลปะเก่าแก่และโบราณวัตถุต่างๆ ที่สำคัญศาลาว่าการกรุงออสโลใช้เป็นสถานที่ประกาศและพิธีมอบรางวัลโนเบลสาขาต่างๆ ของโลก
โรงละครโอเปร่าเอ้าส์ ออสโล เป็นโรงละครแห่งชาติสำหรับจัดแสดงโอเปร่า บัลเลต์ และการแสดงอื่นๆ โรงละครนี้มีความโดดเด่นมากเนื่องจากเป็นสิ่งปลูกสร้างแนวโมเดิร์นท่ามกลางอาคารบ้านเรือนในบริเวณท่าเรือที่ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม โรงละครโปเปร่านี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนผุดขึ้นมาจากน้ำ เป็นอาคารกระจก พื้นผิวนอกของอาคารตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตขาว โรงละครหลักมีที่นั่ง 1,364 ที่ และยังมีห้องจัดแสดงต่างๆ ถึง 1,100 ห้อง
ย่านถนนคนเดินคาร์ลโจฮันเกท (Karl Johangen Gate) เป็นแหล่ง Shopping ที่เลื่องชื่อของเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ สินค้าของฝากที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือ เครื่องครัว พวงกุญแจ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าและของที่ระลึกต่างๆ ที่ขายกันในประเทศนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง แต่ถึงแม้ว่าประเทศนอร์เวย์จะมีสินค้าที่แพง แต่ก็ยังมีช่วงลดราคาสินค้า คือ ปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และ ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม
วิกเกอร์แลนด์ พาร์ค หรือ สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (Vigeland Sculpture Park) ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะฟรอกเนอร์ เมืองออสโล สำหรับความพิเศษของสวนแห่งนี้อยู่ที่ผลงานศิลปะประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริด ในเรื่องราวเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตมนุษย์ เป็นผลงานของกุสตาฟ วิกเกอร์แลนด์ ปฏิมากรชาวนอร์เวย์ชื่อดัง อีกทั้งสวนนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมืองเกียโล (Geilo) ประเทศนอร์เวย์ (Norway) เมืองสกีรีสอร์ทอันงดงามของนอร์เวย์ ตามเส้นทางหิมะขนาดใหญ่ที่ไว้ท้าทายความสามารถของนักสกีทุกระดับ เป็นประตูสู่ดินแดนแถบฟยอร์ด มหัศจรรย์แดนเหนือและมนต์เสน่ห์แห่งสแกนดิเนเวียที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่ควรพลาด
เมืองกุ๊ดแวนเก้น (Gudvangen) เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเขตซองน์อ็อกฟยอร์ดาเน ถึงแม้ว่ากุ๊ดแวนเก้นจะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่กลับมีอดีตความเป็นมาที่แสนยิ่งใหญ่ ความเข้มข้นของประวัติศาสตร์ ความงดงามของสถานที่ ความเงียบสงบของธรรมชาติ ล้วนเป็นสิ่งแต่งเติมให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ควรค่าแก่การเดินทางมาเยือนให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต กุ๊ดแวนเก้น สวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่บนดิน
ล่องเรือสําราญฟยอร์ด ชมความงามซองน์ฟยอร์ด ที่ได้ชื่อว่า เป็น King of Fjord ที่สวยงามที่สุดในนอร์เวย์ มีภูมิประเทศที่งดงาม มหัศจรรย์ ของธรรมชาติ รังสรรค์สร้าง อันเกิดจากการกัดเซาะแผ่นดินของธารน้ำแข็งปีแล้วปีเล่า เป็นเวลาหลายล้านปีก่อน ลำน้ำคดเคี้ยวไหลซอกซอนอยู่บนชายฝั่ง เต็มไปด้วยขุนเขาสูงสลับซับซ้อน มีความยาวถึง 204กม จากทะเลเข้ามาในแผ่นดิน ชมธารน้ำตกและธารน้ำแข็งกลาเซียร์ที่ยังปรากฏเป็นผืนแผ่นขาวบนทิวโตรกเขา 2ฟากฝั่ง
เมืองฟลอม หรือ ฟลัม (Flam city) เป็นเมืองเล็กๆ ของประเทศนอร์เวย์ในเขตภูมิภาคซองก์ฟยอร์ด หรือเป็นศูนย์กลางแห่งฟยอร์ดนอร์เวย์ ได้สัมผัสบรรยากาศใกล้ชิดของฟยอร์ด “Sognefjord” ที่มีความยาวและลึกที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวนิยมมาเพื่อนั่งรถไฟขึ้นไปชมวิวบนภูเขา และผ่านหมู่บ้านชนบทที่มีความสำคัญในด้านศูนย์กีฬาฤดูหนาวของยุโรปเหนือ หมู่บ้านชนบทที่โดดเด่นไปด้วยสีแดง เหลือง เขียวสดๆ ตัดกันอย่างสวยงามและชมเส้นทางรถไฟสาย “Flambana” ทิวทัศน์งดงามเรียงรายไปด้วยน้ำตกใหญ่น้อยที่เกิดจากการละลายของหิมะ
รถไฟสายโรแมนติกฟลัมสบานา (Flåmsbana railway) หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สูงและสวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองฟลัม ประเทศนอร์เวย์ ขบวนรถไฟฟลัมสบานาใช้หัวรถจักรแบบโบราณ หน้าต่างขนาดใหญ่ให้ได้ซึมซับความสวยงามของวิวสองข้างทางอย่างเต็มที่ รถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงแค่ที่สถานีต้นทางฟลัมและสถานีปลายทางไมร์ดัลเท่านั้น โดยระหว่างทางจะมีจุดจอดพักชมวิวที่สถานีน้ำตกจอสฟอสเซ่น (Kjosfossen) ถึงสถานีไมร์ดัลเพื่อนๆ สามารถแวะทานอาหารหรือช้อปปิ้งของที่ระลึกได้ มีร้านอาหาร ร้านค้า และคาเฟ่มากมาย
โวสเป็นเทศบาลเล็กๆ ที่อยู่ในเขตฮอร์ดาแลนด์ ประเทศนอร์เวย์ โดยมันเป็นส่วนหนึ่งของตำบลดั้งเดิมของโวส์ ที่ศูนย์บริหารของเทศบาลคือหมู่บ้าน Vossevangen และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นจุดหมายปลายทางในช่วงฤดูหนาวของนักสกี เพราะที่นี่มีลานสกีอยู่ถึงสองศูนย์ด้วยกัน อีกทั้งโวสยังถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ภูเขา หน้าผา และทะเลสาบอีกด้วย
เมืองเบอร์เกน หรือ แบร์เกน (Bergen) เมืองเล็กๆ แสนน่ารักและเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศนอร์เวย์ มาตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 13 เมืองนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาถึงเจ็ดลูก มีท่าเรือที่ยาวถึง 10 กิโลเมตร เที่ยวชมเขตเมืองเก่าอันเป็นที่ตั้งของ Fish Market และ Bryggen ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารไม้ที่มีอายุเกือบ 300 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างการก่อสร้างที่โดดเด่น จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
เมืองเบอร์เกน หรือ แบร์เกน (Bergen) เมืองเล็กๆ แสนน่ารักและเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศนอร์เวย์ มาตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 13 เมืองนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาถึงเจ็ดลูก มีท่าเรือที่ยาวถึง 10 กิโลเมตร เที่ยวชมเขตเมืองเก่าอันเป็นที่ตั้งของ Fish Market และ Bryggen ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารไม้ที่มีอายุเกือบ 300 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างการก่อสร้างที่โดดเด่น จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ขึ้นรถรางไฟฟ้า Floibanen Funicular เพื่อชมความสวยงามของเมืองเบอร์เกน ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่งดงามดุจภาพวาดของเมืองแห่งนี้ นำท่านเดินทางสู่ ย่านเมืองเก่า ซึ่งในอดีตเป็นโกดังสินค้าต่างๆ ปัจจุบันถูกดัดแปลงมาเป็นร้านอาหาร โรงแรม อาร์ตแกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ ร้านค้าต่างๆมากมาย ให้ท่านได้พักผ่อนกับบรรยากาศแสนสบาย ผ่านชมบริเวณท่าเรือ และBrygge อาคารเก่าแก่อายุราว 300 ปี ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
ศาลาว่าการเมืองสต็อคโฮลม์..สัญลักษณ์ของกรุงสต๊อกโฮลม์ สร้างเสร็จปี1923 และเป็นโครงการก่อสร้างใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดนในศตวรรษที่20 เป็นที่ทำการของศาลาว่าการเมือง และสถานที่สำหรับจัดงานรับรางวัลโนเบล ในทุกๆปี(ยกเว้นสาขาสันติภาพที่มีขึ้นในออสโล นอร์เวย์)ตัวตึกที่ก่อสร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8ล้านก้อน และตกแต่งผนังใน Golden Hall หรือห้องเต้นรำที่มีลวดลายฝังหินโมเสกกว่า 19ล้านชิ้น ขัดผิวหน้าเรียบแล้วเคลือบด้วยทอง ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิก Ragner Ostberg และศิลปินชั้นนำในเวลานั้น
เป็นเขตเมืองเก่าแห่งสต็อคโฮล์ม เต็มไปด้วยที่อยู่อาศัยสมัยโบราณของศตวรรษที่13 ที่ยังคงรักษาสภาพอาคารบ้านเรื่อนได้อย่างดี ซึ่งถนนในเมืองยังใช้ปูด้วยก้อนหินสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ อีกทั้งตึกราม มีทัศนียภาพสวยที่สุดของกรุงสตอกโฮล์ม เชิญเดินเที่ยวชมบริเวณเมืองเก่าแก่ที่สวยงามราวกับภาพวาด ย้อนสู่อตีดอันรุ่งเรือง ที่ปัจจุบันยังทิ้งร่องรอยแห่งความเป็นเมืองแห่งยุคกลาง และยังเป็นที่ตั้งของ พระราชวังหลวง รัฐสภา มหาวิหาร ตลาดหุ้น ตลอดจนกลุ่มอาคารพิพิธภัณฑ์
พระราชวังหลวง (Royal Palace) เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระราชวงศ์สวีเดนและเป็นหนึ่งในพระราชวังที่งดงามมากที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของยุโรป ลักษณะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมบาโรค สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1754 ภายในมีห้องต่างๆ รวมกัน 608 ห้องซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี ในบรรดาห้องต่างๆ ส่วนที่เป็นจุดเด่นได้แก่ ห้องพระคลัง วิหารหลวง ห้องโถงว่าการของรัฐ (Hall of State) ห้องพักของขุนนางลำดับต่างๆ และพิพิธภัณฑ์โบราณสถานกุสตาฟที่ 3
เรือซิลเลียไลน์ (silja line) เป็นเรือสำราญหรูหราเหมือนโรงแรม และได้ชื่อว่าเป็นเรือที่สวยงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย เส้นทางจากนอร์เวย์เดินทางข้ามทะเลบอลติคสู่กรุง ภัตตาคาร ไนต์คลับ ซาวน่า คาสิโน ห้องชมภาพยนตร์ ห้องเล่นเกมของเด็ก และร้านค้าปลอดภาษี สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามยามเรือถอนสมอ
เมืองเฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศ ริมชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์ เฮลซิงกิได้รับฉายาว่าเป็น “ธิดาแห่งทะเลบอลติก” เนื่องจากความงดงามและโดดเด่นของวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันได้รับอิทธิพลจากทั้งทางฝั่งยุโรปและรัสเซีย เมืองเฮลซิงกิถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1550 โดยกษัตริย์กุสตาฟ วาชา แห่งสวีเดน ต่อมาในสมัยที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซีย เฮลซิงกิได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นเมืองหลวงของฟินแลนด์แทนที่เมืองตรูกู เฮลซิงกิจึงมีความโดดเด่นท่ามกลางหมู่เกาะมากมายในทะเลบอลติก
จตุรัสซีเนเตอร์ หรือ เซเนทสแควร์ (Senate Square) รายล้อมไปด้วยอาคารสำคัญๆ ที่สร้างในยุคที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย จตุรัสกลางเมืองแห่งนี้เป็นที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ ๆ สำคัญของเมือง มีขนาดใหญ่รองรับคนได้หลายหมื่นคน และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
ตั้งอยู่ในสวนซิเบลิอุส สร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่า แปลกตา ทันสมัย ผลงานของศิลปิน Eila Hiltunen สร้างโดยนำเอาแท่งเหล็ก600แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม กว้าง10.5ม ลึก 6.5ม หนัก 24 ตัน ตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่า
มหาวิหารอุสเพนสเก้ หรือ มหาวิหารอุสเปนกี้ (Uspenski Cathedra) เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ งดงามแปลกตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบรัสเซีย มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์รางวัลออสการ์เรื่อง เรดส์ วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1864 ออกแบบและก่อสร้างโดย Aleksey Gornostayev โดยใช้เวลาก่อสร้างถึง 6 ปีเศษ ด้านนอกวิหารมีสีสันแปลกตาซึ่งหาดูได้ยาก โดยตัววิหารเป็นสีน้ำตาลอิฐ โดมสีฟ้าอ่อน และยอดโดมเป็นสีทอง ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยสีทองและอัญมณี
โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ (Temppeliaukio Church) หรือ โบสถ์แห่งความรัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบสถ์หิน (Rock Church) นั้นเป็นศาสนสถานที่มีความน่าสนใจอย่างมากอีกเเห่งของฟินเเลนด์ ตั้งอยู่ในกรุงเฮลซิงกิ มีความสวยงามเเละเเปลกตาอย่างมากช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยือนโบสถ์เเห่งนี้อย่างมากเลยทีเดียว จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาเที่ยวเฮลซิงกิเเล้วไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมความสวยงามของที่นี่กัน
เมืองโรวาเนียมิ หรือ เมืองแห่งซานตาคลอส (Rovaniemi) ตั้งอยู่บริเวณเส้นอาร์คติค เซอเคิล เป็นเมืองหลวงของดินแดนแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์ อยู่ใจกลางพื้นที่ป่าของแลปแลนด์นี้ ซึ่งมีแม่น้ำ 2 สายที่ไหลผ่านใจกลางเมือง คือ แม่น้ำ Kemijoki และแม่น้ำ Ounasjoki เนื่องจากแลปแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของซานตาคลอส ชายแก่หนวดขาวที่แสนใจดี ที่นั่งรถเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์มาแจกของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่เด็ก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่นี่ จึงมีความเกี่ยวเนื่องถึงซานตาคลอส
เมืองโรวาเนียมิ หรือ เมืองแห่งซานตาคลอส (Rovaniemi) ตั้งอยู่บริเวณเส้นอาร์คติค เซอเคิล เป็นเมืองหลวงของดินแดนแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์ อยู่ใจกลางพื้นที่ป่าของแลปแลนด์นี้ ซึ่งมีแม่น้ำ 2 สายที่ไหลผ่านใจกลางเมือง คือ แม่น้ำ Kemijoki และแม่น้ำ Ounasjoki เนื่องจากแลปแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของซานตาคลอส ชายแก่หนวดขาวที่แสนใจดี ที่นั่งรถเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์มาแจกของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่เด็ก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่นี่ จึงมีความเกี่ยวเนื่องถึงซานตาคลอส
หมู่บ้านซานต้า โรวาเนีย (Santa Claus Village) 'บ้านซานตาคลอสแห่งขั้วโลกเหนือ' ดินแดนแห่งความสุขแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ทั่วโลกมีโอกาสมาเยี่ยมซานต้า ที่นี่ตั้งอยู่ในเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลจำลองพาดผ่าน เมื่อใครเดินก้าวข้ามเส้นนี้ เสมือนการก้าวเข้าสู่วงกลมอาร์กติกอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้มีออฟฟิศของซานต้า ที่ทำการไปรษณีย์ของซานต้า ร้านขายของขวัญ งานหัตถกรรม และของที่ระลึกต่าง ๆ เราสามารถมาถ่ายรูปกับซานต้าคลอสตัวจริง หรือส่งโปสการ์ดและของขวัญไปยังคนที่รักและคิดถึง
เมืองอิวาโล่ ดินแดนแห่งศูนย์กลางชาวแลปป์ (Lapland) และเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืนของประเทศฟินแลนด์
เมืองลักซ์เซฟ เมืองทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์
แหลมนอร์ธเคปป์ เป็นจุดที่มีหน้าผาสูงสุดของทวีปยุโรป สูงถึง 307 เมตร สู่ทะเลอาร์กติก ทะเลแห่งขั้วโลกเหนือ หากโชคดี อาจได้ชมความงดงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ชัดเจนสุด ซึ่งในบางครั้งไม่เยือนไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจนั่นเอง ที่นี่..เป็นจุดชมมิดไนท์ซัน หรือ พระอาทิตย์เที่ยงคืนได้สะดวกที่สุดในนอรเวย์ที่โด่งดังที่สุดของยุโรป ได้ชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์แห่งขั้วโลกเหนือ
อาร์ติโก ไอซ์ บาร์ (Artico Ice Bar) ตั้งอยู่ในเมืองฮอนนิงสโวก เป็นร้านบาร์น้ำแข็งที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือที่สุดในโลก เฟอร์นิเจอร์และของใช้ส่วนใหญ่สร้างจากน้ำแข็งทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเรามาถึงแล้วก็จะต้องมาลองชิมเครื่องดื่ม ที่ใส่ลงในแก้วที่ทำมาจากน้ำแข็ง ร้านบาร์แห่งนี้มีเครื่องดื่มที่ไร้แอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงสามารถเข้าได้ทุกเพศทุกวัย แต่เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี จะต้องมากับผู้ปกครองด้วยเท่านั้น
ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป (North Cape Exhibition Center) พิพิธภัณฑ์ไทยที่ตั้งอยู่บนปลายแหลมนอร์ธเคป ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงกระทำพิธีเปิดเมื่อกลางปี พ.ศ.2532 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสของล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ.2450 นับเป็นพิพิธภัณฑ์ไทยที่อยู่เหนือสุดของโลก รับฟังและชมเรื่องราวของปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในห้อง Auditorium ก่อนชมปรากฏการณ์จริงด้านนอก
เมืองคาราสจ๊อก เป็นชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งของชาวแลปป์ หรือชาวซามิ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่อยู่ในแถบนี้มานานนับศตวรรษ และมีหลายชนเผ่า ในบริเวณทางเหนือเส้นอาร์คติกในเขตประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย
เมืองอิวาโล่ ดินแดนแห่งศูนย์กลางชาวแลปป์ (Lapland) และเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืนของประเทศฟินแลนด์
ทะเลสาบอินารี เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศฟินแลนด์ ถือเป็นทะเลสาบที่สวยงามแห่งนี้ และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ ถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีร้านค้าให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่นเลือกซื้อของที่ระลึกต่างๆ มากมาย
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553