หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
ท่าอากาศยานโคเปนเฮเกน (Copenhagen Airport) ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เป็นสนามบินนานาชาติหลักของเมืองโคเปนเฮเกน เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศนอร์ดิก และเป็นสนามบินแห่งหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สนามบินนี้เป็นสนามบินหลักของสายการบิน Scandinavian Airlines, Thomas Cook Airlines Scandinavia และสายการบิน Norwegian Air Shuttle
โคเปนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงประเทศเดนมาร์ก เมืองที่มีบรรยากาศสวยซึ้งและสง่างามดังเมืองแห่งเทพนิยาย โคเปนเฮเกนเป็นทั้งเมืองหลวง และเมืองชายฝั่งทะเลของประเทศเดนมาร์ก ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ และเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากมีการทำประมงและเป็นเมืองท่าของการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม โคเปนเฮเกนยังเป็นเมืองใหญ่ที่สวยงามและน่าสนใจด้วยมีลักษณะของการผสมผสานวิถีชีวิตที่หลากหลาย และเมืองนี้ยังได้จัดอันเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกอีกด้วย
รูปปั้นเงือกน้อยเป็นรูปปั้นสำริดรูปเงือกนั่งอยู่บนก้อนหิน ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะริมอ่าวโคเปนเฮเกน ซึ่งที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์และจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองโคเปนเฮเกน โดยต้นกำเนิดของรูปปั้นเงือกน้อยเกิดจากความประทับใจของคาร์ล จาค็อบเซน บุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเบียร์คาร์ลสเบิร์กต่อละครบัลต์เรื่อง The Little Mermaid อันเป็นนิทานสุดคลาสสิกของนักเล่านิทานชื่อดังอย่างคริสเตียน ฮันส์ แอนเดอร์สัน จากนั้นเขาจึงสร้างรูปปั้นนี้ขึ้นโดยใช้แบบใบหน้าจากนักเต้นบัลเลต์ชื่อเอลเลน ไพรซ์
น้ำพุแห่งมราชินีเกฟิออนเป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในรูปทรงที่แปลกตา มองดูคล้ายกับเป็นธารน้ำตกจำลอง ตั้งอยู่ในบริเวณหน้าท่าเรือเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งที่มาของน้ำพุแห่งนี้มีตำนานเล่าขานว่า นานมาแล้วมีพระราชินีนามว่าเกฟิออนได้รับมอบหมายจากเทพเจ้าให้สร้างชาติบ้านเมืองขึ้น นางจึงรับสั่งให้พระโอรสทั้ง 4 แปลงกายเป็นพระโค เพื่อช่วยกันไถเกลี่ยพื้นดินจนกลายเป็นประเทศเดนมาร์กดังในปัจจุบัน ดังนั้นชาวเมืองจึงได้สร้างอนุสาวรีย์ของนางขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระองค์และพระราชโอรสนั่นเอง
พระราชวังอามาเลียนบอร์กหรือพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์ก สร้างขึ้นเมื่อกลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก ที่เหล่าพระราชวงศ์ยังใช้เป็นที่ประทับจนถึงปัจจุบัน บริเวณโดยรอบประกอบด้วยพระราชวังจำนวน 4 หลัง และโบสถ์อีก 1 หลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นในศิลปะสไตล์เดนมาร์กโรโคโค ส่วนด้านหน้ามีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 4 ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า จนทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นจัตุรัสที่งดงามที่สุดของทวีปยุโรป
ย่านนูฮาวน์ (Nyhavn) ตั้งอยู่ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งนูฮาวน์ แปลว่า ท่าเรือใหม่ แต่เดิมเป็นท่าเรือพาณิชย์ที่ไว้สำหรับเรือจากทั่วทุกมุมโลกมาเทียบท่า บริเวณนี้จึงรายล้อมไปด้วยร้านอาหารและตึกรามบ้านช่องที่มีสีสันสดใส ในช่วงฤดูร้อน นูฮาวน์เป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่นชาวเดนมาร์กที่นิยมมานั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังเป็นที่สำหรับล่องเรือชมวิวและสถานที่ต่างๆ รอบกรุงโคเปนเฮเกนได้อีกด้วย
ถนนคนเดินสตรอยก์ หรือ Stroget Street ซึ่งแปลว่า “การเดินเล่น” ประกาศให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ตั้งแต่ปี 1962 ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งทางเท้า และ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกน ถนนคนเดินมีความยาวที่สุดในโลก ครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade, Nygade, Vimmelskaftet และ stergade โดยมีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตร ระหว่างสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ยังคงความงดงามจนถึงปัจจุบัน ส่วนย่าน Nygade นั้น เป็นอดีตเขตโคมแดงและถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่ากะลาสีเรือ
เรือสำราญ DFDS อันโอ่อ่าขนาดใหญ่ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เช่น ผับ บาร์ ห้องซาวน์น่า ร้านค้าปลอดภาษี ห้องเล่มเกมส์ เป็นต้น เชิญพักผ่อนเดินเล่นบนเรือ ก่อนขึ้นชมวิวสวยยามเมื่อเรือถอนสมอ และรับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ในเรือ พร้อมพักค้างคืนบนเรือสำราญนี้ อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย หรือชมทัศนียภาพอันสวยงามบนดาดฟ้าเรือ หรือช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี
ออสโล (Oslo) นครหลวงของประเทศนอร์เวย์ เมืองสวยงามในเขตชายฝั่งทะเลแบบฟยอร์ดของยุโรปเหนือ ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ Malmoya แน่นอนว่าแต่ละเกาะมีสถานที่เที่ยวสวยงาม และมีทะเลสาบ 343 แห่งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญ มีอากาศหนาวเย็น 6 เดือน อุณหภูมิ 0 - 40 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนเพียง 3 เดือน อุณหภูมิ20-25องศาเซลเซียส ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น สวนวิกเกอร์ลันด์ วัดไทยนอร์เวย์ พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง เป็นต้น
เมืองกอล เมืองแห่งปากประตูสู่ดินแดนแถบฟยอร์ด แวะถ่ายภาพกับ Gol Stave Church และบันทึกภาพโบสถ์ไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในแคว้นกอล ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางจารีตวัฒนธรรมของประเทศนอร์เวย์
ล่องเรือสําราญฟยอร์ด ชมความงามซองน์ฟยอร์ด ที่ได้ชื่อว่า เป็น King of Fjord ที่สวยงามที่สุดในนอร์เวย์ มีภูมิประเทศที่งดงาม มหัศจรรย์ ของธรรมชาติ รังสรรค์สร้าง อันเกิดจากการกัดเซาะแผ่นดินของธารน้ำแข็งปีแล้วปีเล่า เป็นเวลาหลายล้านปีก่อน ลำน้ำคดเคี้ยวไหลซอกซอนอยู่บนชายฝั่ง เต็มไปด้วยขุนเขาสูงสลับซับซ้อน มีความยาวถึง 204กม จากทะเลเข้ามาในแผ่นดิน ชมธารน้ำตกและธารน้ำแข็งกลาเซียร์ที่ยังปรากฏเป็นผืนแผ่นขาวบนทิวโตรกเขา 2ฟากฝั่ง
เมืองเบอร์เกน หรือ แบร์เกน (Bergen) เมืองเล็กๆ แสนน่ารักและเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศนอร์เวย์ มาตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 13 เมืองนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาถึงเจ็ดลูก มีท่าเรือที่ยาวถึง 10 กิโลเมตร เที่ยวชมเขตเมืองเก่าอันเป็นที่ตั้งของ Fish Market และ Bryggen ที่ยังคงอนุรักษ์อาคารไม้ที่มีอายุเกือบ 300 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างการก่อสร้างที่โดดเด่น จนได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
ยอดเขาฟลอยเอน (Mount Floyen) จุดชมวิวในเมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ ยอดเขาฟลอยเอ่น สูง 320 เมตร จากระดับน้ำทะเล หากต้องการชมวิวเมืองในมุมสูง จะต้องซื้อตั๋วเพื่อนั่งรถรางไฟฟ้า Fløibanen ไปชมวิวที่ยอดเขาแห่งนี้ สถานีต้นทางอยู่ใจกลางเมือง Bergen เดินทางประมาณ 10 นาที เพื่อขึ้นไปยังสถานีด้านบนสุด ซึ่งเป็นจุดชมวิวบนเขา ด้านบนนี้ยังเป็นจุดแวะพัก มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝาก รวมไปถึงจุดถ่ายรูปต่างๆ กิจกรรมอื่นๆบนยอดเขาก็มี Hiking, Mountain Bike, พายเรือ Canoe และกิจกรรมสำหรับครอบครัว
ท่าเรือบรีเก็น (Bryggen) ตั้งอยู่ในเมืองบรีเก็น เมืองแห่งสีสันที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1979 ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 900 ปีก่อนในยุคกลางและเป็นท่าเรือสำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศ จุดเด่นของท่าเรือแห่งนี้คือ มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนที่มีลักษณะเป็นไม้ 3 ชั้น มีหน้าจั่ว มีสีสันสดใส โดดเด่นสะดุดตา เรียงรายตามถนนซึ่งขนานไปกับท่าเรือ
มาร์เก็ตสแควร์ เมืองเบอร์เกน (Bergen's Market Square) ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์เกน เป็นสถานที่ที่ชาวประมงพื้นบ้านจับสัตว์น้ำในทุก ๆ เช้า แล้วมาวางขายตามท้องตลาด ตลาดแห่งนี้มีสินค้าอาหารทะเลสด ๆ วางขายอยู่มากมาย และตลาดปลาของที่นี่ก็มีอายุมากกว่า 700 ปี
โวสเป็นเทศบาลเล็กๆ ที่อยู่ในเขตฮอร์ดาแลนด์ ประเทศนอร์เวย์ โดยมันเป็นส่วนหนึ่งของตำบลดั้งเดิมของโวส์ ที่ศูนย์บริหารของเทศบาลคือหมู่บ้าน Vossevangen และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นจุดหมายปลายทางในช่วงฤดูหนาวของนักสกี เพราะที่นี่มีลานสกีอยู่ถึงสองศูนย์ด้วยกัน อีกทั้งโวสยังถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ภูเขา หน้าผา และทะเลสาบอีกด้วย
โรงแรม Fleischer's Hotel โรงแรมแห่งนี้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1864 มีอายุกว่า 150 ปี บริหารโดยคนในตระกูล Fleischer และได้สืบต่อกันมากว่า 5 รุ่นแล้ว ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนมือให้เจ้าของคนอื่น ๆ ที่เป็นคนนอก โรงแรมแห่งนี้เป็นหนึ่งในโรงแรม ที่ถือว่าเป็นโรงแรมในกลุ่ม Historical Hotel และมีหลักฐานหนึ่งที่คนไทย ที่แวะผ่านมาเมืองนี้จะเข้ามาชม นั่นก็คือ ลายพระหัตถ์ของ ร.5 พร้อมคณะผู้ติดตาม เมื่อครั้งการเสด็จประพาสยุโรปเมื่อปี ค.ศ. 1907 แล้วมาประทับที่โรงแรมแห่งนี้
สถานีไมดรัล (Myrdal Station) ตั้งอยู่ในเมืองไมดรัล สถานีแห่งนี้มีชานชาลา 3 ชาน หลัก ๆ แล้วจะใช้ชานชาลาที่ 1 มีเส้นทางสายรถไฟที่ให้บริการทั้งหมด 2 สาย ได้แก่ รถไฟสาย Bergen Line กับ สาย Flåm Line สถานีแห่งนี้เปิดทำการเมื่อปี ค.ศ. 1908 ซึ่งบริหารโดย Norwegian State Railways เป็นสถานีรถไฟภูเขาและชุมทางตั้งอยู่บนสายหลักของ Bergen Line ใน Aurland, Vestland, Norway
รถไฟสายโรแมนติกฟลัมสบานา (Flåmsbana railway) หนึ่งในเส้นทางรถไฟที่สูงและสวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองฟลัม ประเทศนอร์เวย์ ขบวนรถไฟฟลัมสบานาใช้หัวรถจักรแบบโบราณ หน้าต่างขนาดใหญ่ให้ได้ซึมซับความสวยงามของวิวสองข้างทางอย่างเต็มที่ รถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงแค่ที่สถานีต้นทางฟลัมและสถานีปลายทางไมร์ดัลเท่านั้น โดยระหว่างทางจะมีจุดจอดพักชมวิวที่สถานีน้ำตกจอสฟอสเซ่น (Kjosfossen) ถึงสถานีไมร์ดัลเพื่อนๆ สามารถแวะทานอาหารหรือช้อปปิ้งของที่ระลึกได้ มีร้านอาหาร ร้านค้า และคาเฟ่มากมาย
เมืองเกียโล (Geilo) ประเทศนอร์เวย์ (Norway) เมืองสกีรีสอร์ทอันงดงามของนอร์เวย์ ตามเส้นทางหิมะขนาดใหญ่ที่ไว้ท้าทายความสามารถของนักสกีทุกระดับ เป็นประตูสู่ดินแดนแถบฟยอร์ด มหัศจรรย์แดนเหนือและมนต์เสน่ห์แห่งสแกนดิเนเวียที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่ควรพลาด
ออสโล (Oslo) นครหลวงของประเทศนอร์เวย์ เมืองสวยงามในเขตชายฝั่งทะเลแบบฟยอร์ดของยุโรปเหนือ ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 40 เกาะ เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ Malmoya แน่นอนว่าแต่ละเกาะมีสถานที่เที่ยวสวยงาม และมีทะเลสาบ 343 แห่งซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำคัญ มีอากาศหนาวเย็น 6 เดือน อุณหภูมิ 0 - 40 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนเพียง 3 เดือน อุณหภูมิ20-25องศาเซลเซียส ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เช่น สวนวิกเกอร์ลันด์ วัดไทยนอร์เวย์ พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง เป็นต้น
วิกเกอร์แลนด์ พาร์ค หรือ สวนประติมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (Vigeland Sculpture Park) ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะฟรอกเนอร์ เมืองออสโล สำหรับความพิเศษของสวนแห่งนี้อยู่ที่ผลงานศิลปะประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริด ในเรื่องราวเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตมนุษย์ เป็นผลงานของกุสตาฟ วิกเกอร์แลนด์ ปฏิมากรชาวนอร์เวย์ชื่อดัง อีกทั้งสวนนี้ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นสวนประติมากรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง (The Viking Ship Museum) สถานที่จัดแสดงเรือไวกิ้งโบราณไว้ทั้งหมด 3 ลำ โดยมีการขุดพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1867 ถึงปี ค.ศ.1903 ประมาณ 150 ปี และมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นเรือที่แตกต่างยุคกันไป โดยลำแรกมีชื่อว่า “The Oseberg Ship” เรือที่สร้างด้วยไม้โอ๊กและมีขนาดความยาวถึง 22 เมตร มีส่วนกว้างของลำเรือ 5 เมตร เรือลำที่ 2 “The Gokstad Ship” ซึ่งยาวกว่าลำแรกเพราะวัดความยาวได้ 23 เมตรในขณะที่มีความกว้างเท่ากัน สร้างขึ้นในปี 900 พร้อมกับเรือที่พบเป็นลำที่ 3 “The Tune Ship”
ลานกระโดดสกีโฮเมนโคเลน (Holmenkollen National Ski Arena) เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ลานสกีแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของการเล่นสกีในประเทศนอร์เวย์มามากกว่า 100 ปี โดยการแข่งขันสกีกระโดดไกลครั้งแรกได้ถูกจัดขึ้นวันที่ 31 เดือนมกราคม ปี ค.ศ.1892 เป็นลานสกีที่โด่งดังมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งกีฬาสกีและสกีกระโดดไกลในระดับนานาชาติ
ย่านถนนคนเดินคาร์ลโจฮันเกท (Karl Johangen Gate) เป็นแหล่ง Shopping ที่เลื่องชื่อของเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ สินค้าของฝากที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวคือ เครื่องครัว พวงกุญแจ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าและของที่ระลึกต่างๆ ที่ขายกันในประเทศนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง แต่ถึงแม้ว่าประเทศนอร์เวย์จะมีสินค้าที่แพง แต่ก็ยังมีช่วงลดราคาสินค้า คือ ปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และ ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม
เมืองอัลต้า..เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นศูนย์การบริหารงานของเทศบาล ก่อตั้งขึ้นเป็นเทศบาลเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1838 ปัจจุบัน เมืองอัลต้า กลายเป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาที่สำคัญของนอร์เวย์ มีความสวยงามทางทัศนียภาพ สามารถชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ เพราะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลด้วย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฟินน์มาร์กและเป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวประมงว่า มีแหล่งแม่น้ำที่มีปลาแซลมอนที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เมืองฮอนนิงส์แวก เป็นดินแดนที่อยู่เหนือสุดของโลก ทางภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ ถือเป็นแคว้นกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นบริเวณแห่งทะเลน้ำแข็ง รวมทั้งเป็นดินแดนแห่ง “พระอาทิตย์เที่ยงคืน” มีประชากรอาศัยอยู่บนเขตยุโรปเหนือ เห็นทิวท้ศน์ธรรมชาติในเขตหนาวสวยงามแปลกตา มีผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นเมืองที่ผลิตเอง รวมทั้งเขากวาง และหนังกวางเรนเดียร์ ออกมาขายต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนในฤดูการท่องเที่ยวอันแสนสั้น เชิญสำรวจความงดงามธรรมชาติของเมืองที่น่าประทับใจ
อาร์ติโก ไอซ์ บาร์ (Artico Ice Bar) ตั้งอยู่ในเมืองฮอนนิงสโวก เป็นร้านบาร์น้ำแข็งที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือที่สุดในโลก เฟอร์นิเจอร์และของใช้ส่วนใหญ่สร้างจากน้ำแข็งทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเรามาถึงแล้วก็จะต้องมาลองชิมเครื่องดื่ม ที่ใส่ลงในแก้วที่ทำมาจากน้ำแข็ง ร้านบาร์แห่งนี้มีเครื่องดื่มที่ไร้แอลกอฮอล์ ดังนั้นจึงสามารถเข้าได้ทุกเพศทุกวัย แต่เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี จะต้องมากับผู้ปกครองด้วยเท่านั้น
ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป (North Cape Exhibition Center) พิพิธภัณฑ์ไทยที่ตั้งอยู่บนปลายแหลมนอร์ธเคป ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงกระทำพิธีเปิดเมื่อกลางปี พ.ศ.2532 เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จประพาสของล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ.2450 นับเป็นพิพิธภัณฑ์ไทยที่อยู่เหนือสุดของโลก รับฟังและชมเรื่องราวของปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในห้อง Auditorium ก่อนชมปรากฏการณ์จริงด้านนอก
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นซีดาร์ (Siida Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่เก็บรวบรวมวัฒนธรรมทางอารยะธรรม ทางตอนเหนือในเขตดินแดนแลปป์แลนด์ โดยมีการแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นการจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมือง มาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ส่วนที่ 2 คือโซน Open Air ที่มีการจำลองภาพบรรยากาศของจริง ของการดำรงชีวิตของชาวแลปป์
เมือง Saariselka เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ภูเขาในทางภาคเหนือของประเทศฟินแลนด์ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจที่จะเล่นกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเล่นสกี การปีนเขา และสปา พื้นที่ในเมืองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน Urho Kekkonen National Park เมืองแห่งนี้จะเป็นเมืองที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานแต่งงานแบบ white wedding กันในฤดูหนาว ซึ่งบางคู่อาจจะเลือกวิธีการเข้าโบสถ์ โดยการใช้รถลากกวางหรือสุนัขพันธุ์ฮัสกี
เมืองโรวาเนียมิ หรือ เมืองแห่งซานตาคลอส (Rovaniemi) ตั้งอยู่บริเวณเส้นอาร์คติค เซอเคิล เป็นเมืองหลวงของดินแดนแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์ อยู่ใจกลางพื้นที่ป่าของแลปแลนด์นี้ ซึ่งมีแม่น้ำ 2 สายที่ไหลผ่านใจกลางเมือง คือ แม่น้ำ Kemijoki และแม่น้ำ Ounasjoki เนื่องจากแลปแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของซานตาคลอส ชายแก่หนวดขาวที่แสนใจดี ที่นั่งรถเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์มาแจกของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่เด็ก ๆ สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่นี่ จึงมีความเกี่ยวเนื่องถึงซานตาคลอส
หมู่บ้านซานต้า โรวาเนีย (Santa Claus Village) 'บ้านซานตาคลอสแห่งขั้วโลกเหนือ' ดินแดนแห่งความสุขแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ทั่วโลกมีโอกาสมาเยี่ยมซานต้า ที่นี่ตั้งอยู่ในเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลจำลองพาดผ่าน เมื่อใครเดินก้าวข้ามเส้นนี้ เสมือนการก้าวเข้าสู่วงกลมอาร์กติกอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้มีออฟฟิศของซานต้า ที่ทำการไปรษณีย์ของซานต้า ร้านขายของขวัญ งานหัตถกรรม และของที่ระลึกต่าง ๆ เราสามารถมาถ่ายรูปกับซานต้าคลอสตัวจริง หรือส่งโปสการ์ดและของขวัญไปยังคนที่รักและคิดถึง
โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ (Temppeliaukio Church) หรือ โบสถ์แห่งความรัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบสถ์หิน (Rock Church) นั้นเป็นศาสนสถานที่มีความน่าสนใจอย่างมากอีกเเห่งของฟินเเลนด์ ตั้งอยู่ในกรุงเฮลซิงกิ มีความสวยงามเเละเเปลกตาอย่างมากช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยือนโบสถ์เเห่งนี้อย่างมากเลยทีเดียว จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาเที่ยวเฮลซิงกิเเล้วไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมความสวยงามของที่นี่กัน
จตุรัสซีเนเตอร์ หรือ เซเนทสแควร์ (Senate Square) รายล้อมไปด้วยอาคารสำคัญๆ ที่สร้างในยุคที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย จตุรัสกลางเมืองแห่งนี้เป็นที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ ๆ สำคัญของเมือง มีขนาดใหญ่รองรับคนได้หลายหมื่นคน และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
หอสมุดแห่งชาติเฮลซิงกิ (The National Library of Finland) เป็นหอสมุดแห่งชาติของประเทศฟินแลนด์ ตั้งอยู่ในเมืองเฮลซิงกิ หอสมุดแห่งนี้เป็นหอสมุดที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ตัวอาคารได้ออกแบบมาในรูปแบบสมัยโบราณและคลาสสิก
ตลาดปลาเฮลซิงกิ (Helsinki Fish Market) ตลาดปลาที่ตั้งอยู่ในเมืองเฮลซิงกิงแห่งนี้ เป็นแหล่งอาณาจักรที่รวมอาหารทะเลสด ๆ อาหารทะเลหลัก ๆ ของตลาดปลาแห่งนี้ที่เราจะพลาดไม่ได้เลยคือ ปลาแซลมอน ซึ่งตัวปลามีความสดมาก และมีให้เราได้เลือกได้หลากหลาย
ถนน Aleksanterinkatu เป็นถนนสายสำคัญและมีความยาวที่สุดของเมืองเฮลซิงกิ ทั้งสองฝั่งรอบ ๆ ถนนนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าขายของแบรนด์ดังต่าง ๆ และร้านอาหารอีกมากมาย ที่ดึงดูดผู้คนเป็นจำนวนมาก
เป็นเรือสำราญหรูหราเหมือนโรงแรม และได้ชื่อว่าเป็นเรือที่สวยงามที่สุดในสแกนดิเนเวีย เส้นทางจากนอร์เวย์เดินทางข้ามทะเลบอลติคสู่กรุงสต็อคโฮลม์ ประเทศสวีเดน ภายในเรือ มีห้องพักแบบโรงแรมทุกอย่าง นอกจากนั้นยังมี ภัตตาคาร ไนต์คลับ ซาวน่า คาสิโน ห้องชมภาพยนตร์ ห้องเล่นเกมของเด็ก และร้านค้าปลอดภาษี สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อันสวยงามยามเรือถอนสมออกจากเมืองเฮลซิงกิ
สต็อกโฮล์ม เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดน ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลทิศตะวันออกของประเทศสวีเดน มีประชากรในเขตเทศบาลสต็อกโฮล์ม 909,000 คน ถ้านับเขตที่อยู่อาศัยโดยรอบทั้งหมดจะมีประชากรประมาณ 2.2 ล้านคนสต็อกโฮล์มเป็นที่ตั้งของรัฐบาลสวีเดน และที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของสวีเดน
สต็อกโฮล์ม เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดน ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลทิศตะวันออกของประเทศสวีเดน มีประชากรในเขตเทศบาลสต็อกโฮล์ม 909,000 คน ถ้านับเขตที่อยู่อาศัยโดยรอบทั้งหมดจะมีประชากรประมาณ 2.2 ล้านคนสต็อกโฮล์มเป็นที่ตั้งของรัฐบาลสวีเดน และที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของสวีเดน
ศาลาว่าการเมืองสต็อคโฮลม์..สัญลักษณ์ของกรุงสต๊อกโฮลม์ สร้างเสร็จปี1923 และเป็นโครงการก่อสร้างใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดนในศตวรรษที่20 เป็นที่ทำการของศาลาว่าการเมือง และสถานที่สำหรับจัดงานรับรางวัลโนเบล ในทุกๆปี(ยกเว้นสาขาสันติภาพที่มีขึ้นในออสโล นอร์เวย์)ตัวตึกที่ก่อสร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8ล้านก้อน และตกแต่งผนังใน Golden Hall หรือห้องเต้นรำที่มีลวดลายฝังหินโมเสกกว่า 19ล้านชิ้น ขัดผิวหน้าเรียบแล้วเคลือบด้วยทอง ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิก Ragner Ostberg และศิลปินชั้นนำในเวลานั้น
สถานีรถไฟใต้ดินสตอกโฮล์ม เป็นระบบขนส่งมวลชนเร็วในสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน สถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก คือกรุงสตอกโฮล์ม เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะใต้ดินที่ใหญ่ และยาวที่สุดในโลก เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1950 ปัจจุบันมีจำนวน 100 สถานี โดยเป็นสถานีใต้ดิน 47 สถานี และยกระดับ 53 สถานี มีจำนวน 10 เส้นทาง จัดเป็นกลุ่มสาย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสายสีน้ำเงิน แดง และเขียว มีระยะทางยาวกว่า 110 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุด และยังสวยงามราวกับภาพวาด สต็อกโฮลม์ ประเทศสวีเดน ปัจจุบันยังทิ้งร่องรอยแห่งความเป็นเมืองแห่งยุคกลาง และยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง, รัฐ สภา, มหาวิหาร, ตลาดหุ้น ตลอดจนกลุ่มอาคารพิพิธภัณฑ์ อีกด้วย
พระราชวังหลวง (Royal Palace) เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระราชวงศ์สวีเดนและเป็นหนึ่งในพระราชวังที่งดงามมากที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของยุโรป ลักษณะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมบาโรค สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1754 ภายในมีห้องต่างๆ รวมกัน 608 ห้องซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี ในบรรดาห้องต่างๆ ส่วนที่เป็นจุดเด่นได้แก่ ห้องพระคลัง วิหารหลวง ห้องโถงว่าการของรัฐ (Hall of State) ห้องพักของขุนนางลำดับต่างๆ และพิพิธภัณฑ์โบราณสถานกุสตาฟที่ 3
มงกุฎสีทอง (Golden Crown) นี้ตั้งอยู่ที่สะพาน Skeppsholmen Bridge ซึ่งเป็นสะพานใจกลางเมืองหลวงกรุงสตอกโฮล์ม สะพานแห่งนี้เชื่อมต่อจาก Blasieholmen มายังเกาะ Skeppsholmen ตัวสะพานนั้นมีความยาว 165 เมตร และกว้าง 9.5 เมตร ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตรงจุดของมงกุฎสีทอง โดยที่มีฉากหลังเป็นเมืองเก่า และเรามักจะได้เห็นมงกุฎสีทองนี้ในโปสการ์ดของประเทศสวีเดน
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553