หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
กรุงไคโร (Cairo) เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ มีประชากรมากถึง 15.2ล้านคน "ไคโร"ในภาษาอาหรับมีความหมายว่า "ชัยชนะ' โดยเชื่อว่าเกิดจากที่มีการมองเห็นดาวอังคารในช่วงที่ก่อสร้างเมืองและดาวอังคารเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการทำลายล้าง
เมืองกีซ่า เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอียิปต์ ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของใจกลางเมืองไคโร เป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองของวัฒนธรรมของอียิปต์และมีประชากรค่อนข้างมาก กับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่นี่เป็นที่ตั้งของหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า สิ่งมหัศจรรย์ของชาวอียิปต์โบราณ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น สวนสัตว์กิซ่า, สวนสาธารณะ Park Orman เป็นต้น
พีระมิดแห่งโจเซอร์ หรือ พีระมิดขั้นบันได (Step Pyramid) เป็นโบราณสถานที่ยังคงอยู่ในสุสานในเมืองซัคคาร่าทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเมืองเมมฟิส มันถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 27 ก่อนคริสตกาล สำหรับการฝังศพของฟาโรห์โจเซอร์ นับว่าเป็นพีระมิดแห่งแรกของอียิปต์ ที่ฟาโรห์โจเซอร์ (Djoser หรือ Zoser) เป็นผู้สร้างขึ้น โดยมี อิมโฮเทป ที่ปรึกษาประจำองค์ฟาโรห์เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ
สฟิงค์และหมู่มหาปีรามิดแห่งเมืองกีซ่า เป็น1ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีชื่อเสียงหมู่มหาปีรามิด มี 3องค์ ถูกสร้างมานานกว่า4,500ปี เพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์3องค์ คือฟาโรห์ คีออปส์ ฟาโรห์เคฟเรน และฟาโรห์ไมเครานุส ชมสฟิงค์ที่แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติ มีส่วนศีรษะเป็นพระพักตร์ขององค์ฟาโรห์ แต่ลำตัวเป็นสิงห์โต มีหน้าที่เฝ้าวิหารและสุสานของกษัตริย์ ลำตัวเป็นสิงห์โตหมอบเพศผู้แสดงถึงอำนาจ ที่บริเวณที่ราบสูงกีซ่านี้ มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยาว 73ม สูง 20ม แกะสลักจากหินปูนเพียงก้อนเดียว
ศูนย์กลางที่จัดทำกระดาษปาปิรุส ณ สถาบันปาปิรุส ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ปาปิรุส ของกรุงไคโร ก่อตั้งขึ้นในปี1968 โดย Dr Hasan Ragab เพื่อให้คนได้รู้เกี่ยวกับศิลปะโบราณในการทำต้นกก พบกับการสาธิตเกี่ยวกับวิธีการปลูกต้นกก ซึ่งเป็นพืชที่สำคัญกับคนของอียิปต์และถูกนำมาใช้สำหรับการเขียนโดยชาวอียิปต์โบราณ,ได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ของต้นกก ที่มีสำคัญในชีวิตของชาวอียิปต์ ชมการสาธิตวิธีทำกระดาษปาปิรุส ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจากต้นกก ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์ในสมัยอียิปต์โบราณ
โรงงานผลิตหัวน้ำหอม ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมแบบนี้สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ สมัยพระนางคลีโอพัตรา และอียิปต์ยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิดหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับยี่ห้อแบรนด์เนมดังๆ หลายยี่ห้ออีกด้วย เชิญพบกับประสบการณ์ที่ไม่เคยทำมาก่อนเกี่ยวกับการถูทาน้ำมันธรรมชาติระเหย100% ที่มีชื่อเสียงของอียิปต์ ผลิตมาจากดอกบัวดอกไม้ ต้นกก หรือ น้ำมันจัสมิน อันเป็นดอกไม้ประจำชาติของบนและล่างอียิปต์ หรือ น้ำมันหอมที่เป็นยา เช่น น้ำมันสะระแหน่ล้างอาการคัดจมูกน้ำมันไม้จันทน์ พร้อมดมกลิ่นน้ำหอมทาตัวหลากหลายกลิ่น
เมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า'ราคอนดาห์' เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332ปีก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300กว่าปี ก่อนพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ ราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหารโรมัน มาร์ค แอนโทนี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ
สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย หรือ หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย (Catacombs of Kom El Shoqafa) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่
เสาปอมเปย์ ถือเป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ จูเลียส ซีซ่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ และได้ถูกชาวอิยิปต์ฆ่าเสียชีวิต ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาโบราณแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัว
ป้อมปราการซิทาเดล หรือ ป้อมปราการเคทเบย์ (The Citadel of Qaitbay) ตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สร้างขึ้นในปี 1176 โดยกษัตริย์ซาลามดิน โดยใช้หินจากปิรามิด แห่งกีซ่า มาสร้างกำแพงเพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันประเทศจากสงครามครูเสด
การแสดงพื้นเมืองต่างๆประกอบดนตรีอันเลื่องชื่อ เป็นการเต้นรำระบำหน้าท้องอียิปต์เก่าแก่มากอายุกว่า 6,000ปี มีมากมายหลายแบบ ทุกสไตล์มักมีองค์ประกอบหนึ่งที่เหมือนกัน ได้แก่ 'การเน้นสะโพก'ซึ่งอาจแต่งด้วยแถบผ้าสี ลูกปัด หรือเหรียญโลหะเย็บติดเป็นแถว เวลาส่ายจะเกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเข้ากับเสียงดนตรี บางคนเชื่อว่าแถบผ้าติดเหรียญนี้เป็นวิธีเก็บสตางค์ไว้กับตัวของหญิงนางรำเผ่ายิปซีเร่ร่อนระหว่างเดินทางเต้นรำหาเงิน ปัจจุบันกลายเป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นการออกกำลังกายที่จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อท้อง
สถานที่ที่รวมศิลปวัตถุโบราณมากมายที่สุด มัมมี่ของฟาโรห์รามเซสที่ 2 โลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมน และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม รถศึกและเก้าอี้บัลลังก์ทองคำ ซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้โรแมนติกมาก เป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั่งอยู่บนเก้าอี้และมเหสีของพระองค์กำลังทาน้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักอันลึกซึ้ง และชมสมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก (ห้ามเอากล้องเข้าไป ถ่ายได้เฉพาะข้างนอก)
ตลาดข่าน เอล-คาลิลี (Khan el-Khalili) ในกรุงไคโรเป็นตลาดพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรุงไคโร มีสินค้าพื้นเมืองหลากหลายรูปแบบให้เพื่อนๆ เลือกซื้อหา ทั้งเครื่องเทศ เสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ หม้อทองเหลือง ตะเกียง โคมไฟ เครื่องทอง พีระมิดจำลอง กระดาษปาปิรุส ฯลฯ ซึ่งนอกจากการซื้อของแล้วเพื่อนๆ ยังได้เดินชื่นชมบรรยากาศแบบพื้นเมืองพร้อมถ่ายรูปสวยๆ เพราะที่นี่มีร้านค้าที่ตกแต่งอย่างสวยงามหลายร้าน อีกทั้งยังได้เห็นและสัมผัสวิถีชีวิตการทำมาหากินของชาวพื้นเมืองที่นี่อีกด้วย
กรุงอัมมาน (Amman) เป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดน ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 6,000 ปี ทั้งยังเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างอารยะธรรมยุคเก่า และโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ กรุงอัมมานยังเป็นเมืองบนภูเขา ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ ซากวิหารในสมัยโรมัน พิพิธภัณฑ์เก่าแก่ และซากพระราชวังเก่าที่มีอายุหลายพันปี เป็นต้น
โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จ ตั้งอยู่ในบริเวณดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝั่งศพของโมเสสบนยอดเขาเนโบ เมืองมาดาบา ซึ่งโบสถ์นี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคราวๆ ค.ศ. 300-400 อันเป็นยุคไบแซนไทน์ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงโมเสส โดยภายในโบสถ์ประกอบไปด้วยภาพโมเสกบนพื้นโบสถ์ อันเป็นภาพที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคน สัตว์ และธรรมชาติ อีกทั้งยังมีแท่นพิธีตามแบบศาสนาคริสต์เพื่อใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่
ยอดเขาเนโบเป็นภูเขาอันถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเชื่อว่าที่นี่คือบริเวณที่โมเสส ผู้นำชาวยิวส์เดินทางมาจากประเทศอียิปต์เพื่อมายังเยรูซาเล็มได้เสียชีวิตอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีการฝังศพไว้ที่นี่ นอกจากนั้นบนยอดเขาเนโบยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เมาท์เนโบซึ่งมีการสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในข่วงปี ค.ศ. 300-400 อันเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในยุคไบแซนไทน์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นโบสถ์ที่ระลึกถึงโมเสสนั่นเอง กระทั่งในปี ค.ศ. 2000 โป๊ปจอห์น ปอล ที่ 2 ได้ประกาศให้ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงปัจจุบัน
เดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีความเข้มข้นของเกลือสูง มีพื้นที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล ระหว่างเทือกเขายูเดียทางด้านเหนือ และที่ราบสูงทรานสจอร์แดนทางด้านตะวันออก และน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนจะไหลจากทางเหนือมาสู่ทะเลเดดซีในทุกๆ ปี แต่เนื่องจากว่าเดดซีนั้นมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลเลย ดังนั้นน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนที่มีทางออกลงสู่ทะเลจึงพัดพาเกลือมาสู่เดดซีเสมอ และเมื่อเวลาผ่านไปน้ำในทะเลสาบเดดซีจึงมีความเค็มมากกว่าน้ำทะเลทั่วไปถึง 6 เท่า
วิหารเอล-คาซเนท์เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาหินสีชมพู ในนครเปตรา ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่1-2 ตัววิหารมีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร และได้รับการออกแบบโดยมีผลจากอิทธิพลของศิลปะในแบบอิยิปต์ กรีก นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบไปด้วย 3 ห้อง คือห้องโถงใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง และอีกสองห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวา ในอดีตที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับเจ้าเมือง ทั้งยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาและสุสานฝังศพด้วย
โรงละครโรมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองอัมมาน เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน และเป็นโรงละครในแบบโรมันที่จุผู้ชมได้มากถึง 6,000 คน อีกทั้งยังเป็นโรงละครในศตวรรษที่ 2 ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์จนมาถึงปัจจุบันนี้ สำหรับรายละเอียดส่วนอื่นของที่นี่นั้น มันถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นล่างสุดสำหรับผู้ที่มีตระกูลสูงศักดิ์หรือขุนนาง ส่วนชั้นถัดไปสำหรับสมาชิกวุฒิสภา และชั้นบนสุดเป็นที่นั่งสำหรับประชาชนทั่วไป และทางด้านซ้ายของโรงละครจะมีรูปปั้นของนักรบเบดูอินคอยดูแลปกป้องโรงละครแห่งนี้
เมืองเจราช (Jerash) เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของประเทศจอร์แดน โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ ด้วยที่นี่เคยมีสถานะเป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของชนชาติโรมันมาก่อนราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล ดังนั้นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างในเมืองแห่งนี้จึงล้วนแต่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบโรมันทั้งสิ้น จนทำให้เจราชได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองโรมันโบราณเจราช หรือเมืองพันเสา รวมทั้งปอมเปอีแห่งตะวันออก
ประตูเฮเดรียน (Hadrian's Gate) เป็นสัญลักษณ์แห่งกษัตริย์เฮเดรียน ประตูชัยอันสง่างามจากราชวงศ์โรมันที่อยู่รอดมาได้เกือบ 2,000 ปี ในสภาพที่สมบูรณ์ ประตูนี้ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ.130 ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขตเมืองใหม่ สามารถเดินได้สบายๆ จากจัตุรัสซินแทกมา (Syntagma Square) โครงสร้างประกอบด้วยซุ้มประตูโค้ง 3 ช่องในกรอบหินอ่อนสีขาว รอบประตูมีหอคอยตั้งตระหง่านเสริมเสน่ห์ให้กับพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ของเมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี
หรือ จัตุรัสสุลต่านอาห์เมต สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดเซฟติมิอุส เซเวรุส ทรงขยายสถานที่นี้ให้กว้างขึ้น โดยตรงกลางทำเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมัน ใช้เป็นที่จัดงานพิธี หรือแสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมือง ปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิด สุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3ต้น คือ เสาที่สร้างในสมัยอียิปต์เพื่อถวายแด่ฟาโรห์ตุตโมซิสที่3 แต่ได้ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สองคือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนดินที่7
โอวัลพลาซ่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองเจราช ซึ่งในอดีตนั้นที่นี่คือสถานที่นัดพบปะ ชุมนุมสังสรรค์กันของชาวเมืองเจราช ด้วยความกว้างถึง 90 เมตร และความยาว 80 เมตร โดยล้อมรอบด้วยทางเท้าขนาดกว้างและต้นเสาอันเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในช่วงศตวรรษที่ 1 จากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 7 จึงได้มีการบูรณะต่อเติมให้มีเสาตรงกลางอีก 2 ต้น พร้อมกับน้ำพุขนาดใหญ่
มหาวิหารเทพีอาร์เทมิสตั้งอยู่ในเมืองเจราช สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 150 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีบรวงสรวง และพิธีบูชายัญแด่เทพีอาร์เทมิสซึ่งเป็นเทพีประจำเมืองเจราช โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ทั้งนี้วิหารแห่งนี้เคยได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วครั้งหนึ่งโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเนื่องจากถูกเพลิงไหม้เสียหาย จนกระทั่งปัจจุบันความสวยงามของมหาวิหารนี้ได้เสื่อมสลายไปเหลือไว้แต่ซากเสาเพียงเท่านั้น แต่มนต์ขลังนั้นยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ถนนคาร์โด หรือถนนโคลอนเนดเป็นถนนสายหลักที่สำคัญสำหรับการเดินทางเข้าออกเมืองเจราช ประเทศจอร์แดนในอดีต ซึ่งปัจจุบันถนนสายนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่หลงใหลความคลาสสิกของโลกยุคโรมันเรืองอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยของล้อรถม้าบนพื้นถนน ฝาท่อระบายน้ำโบราณ ซุ้มโคมไฟ บ่อน้ำดื่มสำหรับม้า รวมทั้งน้ำพุใจกลางเมืองที่สร้างขึ้นราวๆ ปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศให้แก่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นเทพธดาที่ชาวพื้นเมืองให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก
น้ำพุใจกลางเมืองเจราช เป็นน้ำพุที่ตกแต่งประดับด้วยหินอ่อนหันหน้าไปในระดับล่าง ทาสีฉาบปูนในระดับบน และราดด้วยหลังคาโดมครึ่ง สร้างช่องยักษ์ใหญ่ น้ำระดับล่างผ่านเจ็ดหัวสิงโตแกะสลักลงในแอ่งเล็ก ๆ บนทางเท้า สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ดและตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Amman Citadel) เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่บนภูเขาซิตาเดล และยังมีพิพิธภัณฑ์โบราณสถานแห่งแรกกับโบราณสถานอื่น ๆ อีกมากมายให้ชม ป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน และเมืองต่าง ๆ รอบเมือง ที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิว และจุดถ่ายรูปที่สวยสุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็นโรงละครโรมัน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดน ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 6,000คน และมีตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งดูแล้วแปลกตายิ่งนัก
ซากวิหารเฮอร์คิวลิสตั้งอยู่ที่กรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 161–180 อันเป็นช่วงที่กองทัพโรมันปกครองดินแดนพื้นที่นี้ จึงทำให้สถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างนั้นได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบกรีกและโรมันอย่างเต็มที่ แม้ว่าปัจจุบันจะเหลือเพียงซากของต้นเสามหึมาก็ตาม โดยตามตำนานเป็นวีรบุรุษของชาวกรีกที่แข็งแรงที่สุดในโลก เนื่องจากว่าเขาเป็นลูกครึ่งกึงมนุษย์กึ่งเทพ และเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเทพซูสนั่นเอง
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553