หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
สนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งสนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรัฐบาลตุรกีต้องการสร้างให้สนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินของโลกที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรป เอเชีย และภูมิภาคอื่นๆ รวมกว่า 60 ประเทศ มีร้านค้าร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกมากมาย บางแห่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สนามบินนานาชาติทบิลิซี หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสนามบินนานาชาติทบิลิซี (Tbilisi International Airport) ตัวย่อสนามบิน: TBS เดิมชื่อ Novo Alexeyevka International Airport เป็นสนามบินนานาชาติหลักในจอร์เจียตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ 17 กิโลเมตร ของเมืองหลวงทบิลิซิ
โบสถ์ทรินิตี้แห่งเมืองทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) หรืออีกชื่อหนึ่งคือโบสถ์ Sameba เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์ทอดอกซ์จอร์เจีย ตั้งอยู่ในเมืองทบิลิซีซึ่งเป็นเมืองหลวงของจอร์เจีย สร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และปี 2004 เป็นโบสถ์อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ที่ถูกจัดให้เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในแถบอ่าวเปอร์เซีย และมีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก
เมืองมิสเคด้า (Mtskheta) เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของประเทศจอร์เจีย เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซี ประมาณ 20 กม. และในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอิเบเรีย (Iberia Kingdom) ซึ่งเป็นราชอาณาจักรของจอร์เจียในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล ถึงปี ค.ศ. 500 แต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรจากสมัยนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว ศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแผ่ในเมืองนี้ช่วงศตวรรษที่ 4 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนที่นี่เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994
วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetitskhoveli Cathedral) สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย ชื่อ Arsukisdze ตัววิหารมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อหันมานับถือศาสนาคริสต์ และให้ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ. 337 และถือเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย
เดอะโครนิเคิลออฟจอร์เจีย (The Chronicle of Georgia ) เป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงนอกเมืองและเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ของประเทศจอร์เจีย ผ่านสาหินขนาดใหญ่จำนวน 16 ต้น และด้วยโครงสร้างอันมหึนั่นก็เลยทำให้กลายเป็นอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ที่เราสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล และป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถเห็นวิวเมืองทบิลิซีและทะเลสาบทบิลิซีที่สวยงามอีกด้วย
ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress) หรือ ป้อมปราการนาริกาลา สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของเมืองทบิลิซี่ ประเทศจอร์เจีย เป็นป้อมปราการโบราณที่สามารถมองเห็นวิวเมืองทบิลิซิและแม่น้ำ Mtkvari ถูกสร้างในราวศตวรรษที่ 4 ป้อมปราการนี้ ประกอบด้วย ส่วนของผนังสองส่วนบนเนินเขาสูงชันระหว่างห้องอาบน้ำกำมะถัน และสวนพฤกษศาสตร์ของทบิลิซิ ในสไตล์ "ชูริส ทซิเค" ซึ่งหมายถึง รูปแบบที่ไม่มีความสม่ำเสมอกัน
สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace) เป็นอีกหนึ่งงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในเมืองทบิลิซี ออกแบบโดย สถาปัคนิกชาวอิตาเลื่ยนชื่อ Michele De Lucchi สะพานมีความยาวที่ 150 เมตร โครงสร้างนั้นถูกออกแบบและสร้างที่ อิตาลี่ และ นำเข้ามาโดยรถบรรทุก 200 คัน เพื่อเข้ามาติดตั้งในเมือง Tbilisi ที่ตั้งนั้นอยู่บนแม่น้ำ Mtkvari River สามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมือง และยังมี illuminating ที่จะแสดงแสงสีจากไฟ LED ที่ติดตัวรอบตัวสะพานเป็นเวลา 90 นาทีก่อนพระอาทิตย์จะตกลับขอบฟ้าไป
โรงอาบน้ำโบราณ หรือ อะบาโนตูบานี (Abanotubani) โรงอาบน้ำโบราณแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่สำหรับแช่น้ำพุร้อน ที่มีส่วนผสมของแร่กำมะถัน ซึ่งเชื่อกันว่าในน้ำพุร้อนมีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยกำจัดของเสียและทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง โรงอาบน้ำร้อนแห่งนี้ได้เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และในปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการกันอยู่
เมืองซิกนากี (Sighnaghi) เมืองที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นเหนือกว่าระดับน้ำทะเล 790 เมตร ตั้งอยู่ในหุบเขาอลาซานี (Alazani Valley) และเทือกเขาคอเคซัส เมืองนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น นครแห่งความรัก (Love City) อีกทั้งที่เมืองแห่งนี้ยังสามารถประกอบพิธีการแต่งงาน หรือจดทะเบียนสมรสเมื่อใดก็ได้ และเมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในการทำไร่องุ่น ที่สามารถผลิตไวน์ได้ถึง 70 % ของประเทศ
กำแพงเมืองโบราณไซห์นากี (Sighnaghi City Wall) กำแพงนี้มีความยาวถึง 5 กิโลเมตร และมีหอคอย 23 หลัง เพียงแห่งเดียวในจอร์เจีย ที่สร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์จอร์เจีย อีเรเคิลที่ 2 ในปี ค.ศ. 1770 ซึ่งนับเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัตศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในเขตคาเคติ
วิหารบอดี อารามนักบุญนีโน่แห่งบอดบี (Bodbe Monastery) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นอารามนางชี อุทิศให้นักบุญนีโน่ สตรีผู้ประกาศศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 4 โดยหลุมศพของนักบุญนีโนก็ได้รับการบรรจุไว้ในอารามแห่งนี้
เมืองควาเรลี (Kvareli) เป็นเมืองหนึ่งของแคว้นคาเคติ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตไวน์ของจอร์เจีย มีสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะแก่การปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์ และมีเส้นทางเชื่อมต่อแต่ละอุโมงค์ เพื่อใช้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม อีกทั้งจอร์เจียยังถือเป็นหนึ่งในชาติที่ผลิตไวน์เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และได้ชื่อว่าเป็น “The Birth Place of Wine” หรือ “The Cradle of Wine Making” สมกับความหมายของชื่อเมืองนี้ที่แปลว่า “ไวน์” มาที่แล้วก็ไม่ควรพลาดชิมไวน์ท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคแห่งนี้
เมืองคูวาเรลี (Kvareli) ที่แปลว่า ‘ไวน์’ ของแคว้นคาเคติ เป็นอุโมงค์สกัดเข้าไปในภูเขาขนาดมหึมา จำนวน 15 อุโมงค์ มีอุโมงค์ 2 แห่งลึก 800 เมตรวิ่งขนานกัน และเชื่อมอุโมงค์ที่เหลือทั้งหมดที่ลึก 500 เมตร เพื่อให้เป็นที่เก็บไวน์ในอุณหภูมิเหมาะสม โดยตลอดแนวอุโมงค์เป็นที่เก็บไวน์ของคาเรบาหลายพันขวด สำหรับโรงไวน์คาเรบาเปิดดำเนินการเมื่อปี 2004 มีพื้นที่สวนองุ่นราว 6,000 ไร่ทั่วจอร์เจีย ปลูกองุ่น 16 สายพันธุ์ และผลิตไวน์ชนิดต่างๆ ถึง 13 ชนิด และสามารถผลิตไวน์ได้ถึง 3 ล้านขวดต่อปี
ถนนซาร์เดนี ถนนคนเดินสายเล็กๆ ที่เป็นศูนย์รวมทางสังคมและวัฒนธรรม หลังจากการฟื้นฟูในศตวรรษที่ 9 ได้เปลี่ยนชื่อถนนมาเป็นซาร์เดนีเหมือนในปัจจุบันเพื่อเป็นเกียรติแก่นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส Jean Chardin ปัจจุบันถนนคนเดินสายนี้เรียงรายไปด้วยร้านค้าแฟชั่น และร้านกาแฟ
ป้อมอันนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราการเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 ร่องรอยของซากกำแพงที่ล้อมรอบป้อมปราการแห่งนี้ ได้หลงเหลือไว้เปรียบเสมือนม่านที่ซ่อนเร้นความงดงามของโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่ภายใน ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิน ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่านให้เราได้ชม
อ่างเก็บน้ำชินวารี (Zhinvali Reservoir) ที่ซึ่งทำให้ชาวเมืองทบิลิซีมีน้ำไว้ดื่มไว้ใฃ้และชื่นชมทัศนียภาพทิวทัศน์ ของภูเขาล้อมรอบสถานที่แห่งนี้ และยังมีเขื่อนซึ่งเป็นสถานที่ที่สําคัญสําหรับนําน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวง พร้อมกับผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
เมืองกูดาอูรี (Gudauri) เป็นเมืองสําหรับสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียง ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีของชาวจอร์เจีย ที่จะนิยมมาเล่นในเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่สวยงามและมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา
เมืองคัสเบกิ (Kazbegi) หรือในปัจจุบันคือ เมืองสเตปันสมินดา (Stepantsminda) ซึ่งชื่อเมืองนี้เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี ค.ศ. 2006 นี้แต่คนมักจะเรียกติดปากกันอยู่ว่า คัสเบกิอยู่ เมืองนี้ตั้งอยู่ในความสูงที่ 1,700 เมตร และถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย มีภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของยอดเขาคัสเบกิอีกด้วย
โบสถ์เกอเกติ (Gergeti Trinity Church) โบสถ์ชื่อดังกลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของประเทศจอร์เจีย โบสถ์คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์เก่าแก่นี้ สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 บนยอดเขาที่มีความสูงถึง 2,170 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติของเทือกเขาคอเคซัสรอบทิศ และโบสถ์เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา จึงทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่สมัยที่จอร์เจีย ยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียต
อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia-Georgia Friendship Monument) เป็นอนุสาวรีย์หินคอนกรีตทรงกลมขนาดใหญ่ มีสถาปัตยกรรมแบบโซเวียต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี ของสนธิสัญญา Georgievsk ภายในตกแต่งด้วยประเบื้องโมเสกสีสันสดใส ซึ่งบอกเล่าถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวรัสเซียและชาวจอร์เจีย และหากมองจากมุมนี้ สามารถมองเห็นหุบเขาปีศาจ (Devil’s Valley) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัสอีกด้วย
เมืองกอรี (Gori) เป็นเมืองในจอร์เจียตะวันออกซึ่งทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของภูมิภาค Shida Kartli เมืองแห่งประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบ้านเกิดของ “โจเซฟ สตาลิน” (Joseph Stalin) ชาวจอร์เจียที่ในอดีตเป็นผู้ปกครองสหภาพโซเวียต ในยุคศตวรรษที่ 1920 ถึง 1950 และมีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมในการปกครองในเมืองกอรีแห่งนี้
พิพิธภัณฑ์สตาลิน (Museum of Stalin) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมเรื่องราวและสิ่งของเครื่องใช้ของท่านสตาลิน ตั้งแต่สถานที่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต ตั้งอยู่ที่เมืองโกรี ประเทศจอร์เจีย ซึ่งเป็นเมืองที่สตาลินเกิด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวชีวประวัติและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของ สตาลินแล้ว ยังรวมไปถึงบ้านหลังจริงที่สตาลินเกิดและใช้ชีวิตในวัยเด็ก และขบวนรถไฟของสตาลินที่ดั้งเดิมเป็นของซาร์นิโคลัสที่2 จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิรัสเซียด้วย
เมืองคูไทซี (Kutaisi) เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศ ย้อนกลับไปเมื่อสมัยศตวรรษที่ 12-13 เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักร Colchis และ Imeretia ทางภาคตะวันตกของประเทศจอร์เจีย
วิหารเกลาติ (Gelati Cathedral) วิหารนี้ค้นพบในศตวรรษที่ 12 สร้างโดยกษัตริย์ผู้โด่งดังของจอร์เจีย เดวิดที่ 5 (ระหว่างปี ค.ศ. 1073-1125) ที่นี่จะพบสถานศึกษาและศาสนสถานที่กลายเป็นศูนย์กลางการศึกษา และวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของจอร์เจีย เป็นสถานที่เก็บรวบรวมภาพจิตรกรรมฝาผนังจำนวนมากมาย ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักบุญและกษัตริย์ในยุคต่าง ๆ ของจอร์เจียไว้ภายในใจกลางวิหารเวอร์จิน (Virgin Cathedral) และยังได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
ถ้ำโพรเมธิอุส (Prometheus Cave) เป็นหนึ่งในถ้ำอันน่าอัศจรรย์ของชาวจอร์เจีย ค้นพบครั้งแรกปี ค.ศ.1984 และตกแต่งใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2012 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเข้าชมมากมายในแต่ละปี พบความสวยงามของหินงอกหินย้อย ที่สะท้อนแสงสีตระการตาภายในตัวถ้ำ ทั้งการเดินและการล่องเรือเพื่อชมความงดงาม
เมืองบาทูมี่ (Batumi) เมืองนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลบนชายฝั่งตะวันออกของทะเลดำ เป็นเมืองหลวงของอัตจารา (Ajara) เป็นสาธารณรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง อยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศจอร์เจีย ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง และมีสภาพภูมิทัศน์ที่หลากหลายแตกต่างกัน มีทั้งบริเวณเทือกเขาสูงที่อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี ไปจนถึงเนินเขาที่เขียวชอุ่ม เป็นหนึ่งในเมืองที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดของจอร์เจีย
รูปปั้นอาลีและนีโน่ (Ali and Nino Moving Sculptures) เป็นรูปปั้นเหล็กสูง 8 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเลดําที่สามารถเคลื่อนไหวเป็นวงกลมได้ทุก ๆ 8-10 นาที จนกระทั่งบรรจบกันและแยกตัวออกไปอีกครั้งหนึ่ง รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติและศาสนา อาลี ชายหนุ่มชาวอาเซอร์ไบจานที่มาจากครอบครัวชาวมุสลิม และนีโน่ เจ้าหญิงชาวจอร์เจียที่มาจากครอบครัวชาวคริสเตียน นอกจากเรื่องราวความรักของทั้งคู่แล้ว ลักษณะการออกแบบรูปปั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
อาคารตัวอักษร The Alphabetic Tower ตึกสูง 130 เมตร แลนด์มาร์คสวยเด่นขแงเมืองบาตูมี (Batumi) ประเทศจอร์เจีย ตึกนี้มีรูปร่างให้คล้ายกับโครงสร้างดีเอ็นเอ (DNA) ที่เราคุ้นเคย ในรูปแบบเกลียวคู่ วงแหวนสองวงขึ้นไปบนหอคอยมีตักอักษรภาษาจอร์เจียประดับ ตึกนี้ตั้งอยู่ในสวนมิราเคิลส์ (Miracle Park) ที่สามารถมองเห็นทะเลได้ชมวิวของทั้งเมืองบาทูมีได้แบบ 360 องศาา
ล่องเรือในทะเลดํา (Black Sea) ล่องเรือชมอ่าวเมืองบาทูมี เหตุที่ได้ชื่อว่าทะเลดําก็เพราะดินโคลนชายฝั่ง ดินทรายชายหาดของทะเลแห่งนี้เป็นสีดํา อันเนื่องมาจากสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ ให้เราได้เพลิดเพลินชมความงามเฉพาะตัวของอ่าวเมืองบาทูมิ
สนามบินนานาชาติบาทูมี หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติบาทูมี (Batumi International Airport) ตัวย่อสนามบิน: BUS เป็นสนามบินตั้งอยู่ทางใต้ห่างไป 2 กิโลเมตรของเมือง Batumi เมืองบนชายฝั่งทะเลดำและเมืองหลวงของ Adjara มีสถานะเป็นรัฐอิสระในจอร์เจียตะวันตกเฉียงใต้ สนามบินนี้ที่ให้บริการภายในประเทศจอร์เจียและให้บริการระหว่างเส้นทางจอร์เจียกับตะวันออกเฉียงเหนือของตุรกี
สนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งสนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรัฐบาลตุรกีต้องการสร้างให้สนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินของโลกที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรป เอเชีย และภูมิภาคอื่นๆ รวมกว่า 60 ประเทศ มีร้านค้าร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกมากมาย บางแห่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553