หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
พระราชวังโกเลสตาน (Golestan Palace) ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งหลังการปฏิวัติ โดยอิหม่ามโคมัยนี พระราชวังแห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกปล่อยทิ้งร้างอย่างน่าอัปยศอดสูเช่นเดียวกับวังอื่นๆ เพิ่งจะมีการบูรณะเมื่อเริ่มเปิดประเทศอีกครั้งหนึ่งราวๆ ห้าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม วังแห่งนี้ก็ยังคงความงดงามในการตกแต่งภายในด้วยกระจกเงาตัดเหลี่ยมแบบเพชรที่สุดอลังการ และการตกแต่งภายนอกด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีสีสันและลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปะยุคกอญัร
หอคอยมิหลาด (Milad Tower) ที่กลายเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาเมืองเตหะรานและประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ไม่แพ้เมืองใหญ่ๆ ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญแล้วถึงแม้ว่าหน้าที่จริงๆของหอคอยเหล่านี้ก็คือ เป็นเสาสำหรับส่งสัญญาณทางด้านโทรคมนาคมเท่านั้น หอคอยนี้มีความสูงถึง 435 เมตร สูงเป็นอันดับสี่ของโลกเลยทีเดียว ในย่านนี้น่าจะเรียกว่าเป็นดาวทาวน์ของเตหะรานก็คงไม่ผิด เพราะเป็นศูนย์รวมของตึกสำนักงาน ธนาคาร ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ พระราชวังเดิม และตลาดเก่าที่เรียกว่าบาซาร์
หมู่บ้านมาซูเลห์ (Masouleh Village) ตั้งอยู่ในทาเลสห์ (Talesh)เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเที่ยวชมธรรมชาติ ป่าเขา น้ำตก และลำธาร ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากการชมธรรมชาติแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมอาคารบ้านเรือนซึ่งสร้างขึ้นแบบน่ารักๆ แต่ก็แฝงไปด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ โดยบ้านแต่ละหลังจะสร้างไม่เกินสองชั้น และสร้างติดกันเป็นแถวๆ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายรูปเลยทีเดียว
กรุงเตหะราน (teheran) เป็นเมืองหลวงของประเทศอิหร่าน เมืองนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเทือกเขาอัลบอร์ช ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,000 เมตร สร้างขึ้นในราว ปี ค.ศ. 900 จากหมู่บ้านเล็กๆ และได้รับการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองมาตลอด จนกระทั่งสิ้นสุด ราชวงศ์ปาห์ลาวี ปัจจุบันกรุงเตหะรานมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 13 ล้านคน เป็นศูนย์กลางการค้าขาย การคมนาคม เศรษฐกิจ และ การธนาคาร ซึ่งมีเครือข่ายการติดต่อกับต่างประเทศทั่วโลก
พระราชวังเนียวาราน (Naivaran Palace)ซึ่งเป็นพระราชวังแห่งที่สองของกษัตริย์ในราชวงศ์ปาห์เลวีและกษัตริย์ชาห์องค์ที่สอง คือ ชาห์มูฮัมหมัด เรซ่า ปาห์เลวี กับการนำของอยาตุลเลาะห์โคมัยนีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1979 สิ่งของเครื่องใช้ที่จัดแสดงในห้องต่างๆจึงเป็นของใช้ส่วนพระองค์แทบทั้งสิ้น
พิพิธภัณฑ์อัญมณี (Jewelry Museum) ซึ่งตั้งอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางแห่งชาติอิหร่านกลางกรุงเตหะราน ที่นี่ได้เก็บรวบรวมอัญมณีจากทุกยุคทุกสมัยของกษัตริย์ทุกราชวงศ์ที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เชีย(ยกเว้นราชวงศ์แรก) จนกระทั้งกลายมาเป็นประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ที่มีจำนวนมากมายที่สุดอลังการที่สุดในโลก คนส่วนใหญ่มักใฝ่ฝัน ที่จะได้มาชม เพชรสีชมพู ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักถึง 182 กะรัต และบัลลังก์นกยูง อันลือชื่อในพิพิธภัณฑ์อัญมณี แห่งนี้ยังมีสมบัติ มีค่าอีกมากมายที่ได้จัดแสดงใว้ให้ผู้มาเยือนได้ชม
มัสยิดสีชมพู (Pink Mosque )ภายในประดับประดาไปด้วยกระเบื้องโทนสีแดง สีชมพู สีเหลือง เป็นสีหลัก ซึ่งเป็นเพียงมัสยิดแห่งเดียวในอิหร่าน ไม่ว่าท่าจะมองมากจากมุมใดของมัสยิดก็ตามท่านจะได้เห็นสีของกระเบื้องที่ตกแต่งภายในเป็นสีชมพูสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดยามเช้าที่สาดแสงผ่านกระจกสีลงมากระทบพื้นดูสวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ
คฤหาสน์โบราณ (Naranjestan-e Ghavam) ซึ่งมีอายุมากกว่า 125 ปี โดยก่อสร้างในสมัยราชวงศ์กอญัร ระหว่างปี 1879-1886 ที่ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมโบราณประจำยุคกอญัรเลยทีเดียว ซึ่งท่านจะได้เห็นทั้งตัวคฤหาสน์และรูปแบบของสวนเปอร์เซียที่ร่มรื่นและสวยงามในเวลาเดียวกันด้วย
อนุสรณ์สถานของท่านฮาเฟซ (Aramgah – E Hafez) นักปรัชญาเมธีของเปอร์เชียแห่งเมืองชีราช ในยุคศตวรรษที่ 12 อนุสรณ์ของท่าน สร้างในปี 1773 โดยท่านการิมข่านแห่งราชวงศซัน ภายในสวนสวยขนาดเล็กแห่งนี้คราคร่ำไปด้วยชาวอิหร่านจากต่างเมือง และชาวเมืองชีราซเองซึ่งล้วนแต่ต้องหาโอกาสมาคารวะสถานที่แห่งนี้เสมอ
ป้อมการิมข่าน (Karim Khan Citadel) หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า Ark-E Karim Khan สร้างโดยท่านการิมข่านแห่งราชวงศ์ซันในช่วงที่ท่านสถาปนาเมืองชีราช ให้เป็นเมืองหลวงของอณาจักรเปอร์เชียในช่วงปี ค.ศ 1750-1795 ผนังของป้อมแห่งนี้สูงถึง 14 เมตร สร้างด้วยอิฐ เรียงให้เป็นลายสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
ตลาดวาคิล บาซาร์ (Vakil Bazaar)ที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งบาซาร์แห่งนี้เป็นตลาดคู่บ้านคู่เมืองที่มีหลังคาคลุมขนาดใหญ่ใจกลางเมืองชีราซ โครงสร้างของบาซาร์ก่อด้วยอิฐแดงแบบเรียงชิ้นมีหลังคาเป็นทรงโดม ติดต่อกันหลายร้อยเมตร และในบาซาร์แห่งนี้ประกอบไปด้วยสิ้นค้า มากมาย ให้จับจายใช้สอย ผู้คนคึกคักตลอดทั้งวัน ท่านสามารถ หาของฝาก จากตลาดแห่งนี้ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ ของกิน มากมาย
พระราชวังโบราณเปอร์ซีโพลิส (Persepolis)ในอดีตสถานที่นี้ได้เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักร เปอร์เซียในยุคของดาริอุสมหาราช และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1979 ให้ท่านได้ชมโบราณสถานที่สร้างโดยกษัตริย์ดาริอุสมหาราชก่อนคริสตกาลประมาณ 520 ปี จนถึงรัชสมัยของดาริอุสที่ 3 ซึ่งได้ถูกก่อสร้างปรับปรุงต่อเติมมาตลอด
จัตุรัสนัค เอ ฌะฮาน (Naqsh-E-Jahan) หรือ สุสานสี่กษัตริย์ สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์อะคามินิดที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เซียและเคยประทับที่พระราชวังแห่งนี้มาก่อนที่จะสวรรคต แต่ด้วยความเชื่อตามหลักคำสอนของศาสนาโซโรแอสเตอร์ที่ว่า หลังจากจบสิ้นชีวิตจากความเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้แล้ว ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อเพียงแต่ว่าจะต้องไปสู่อีกโลกหนึ่งหรือในอีกมิติหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้นมาให้มีความยิ่งใหญ่อลังการ เช่นเดียวกับพระราชวังที่กษัตริย์เหล่านั้นเคยประทับมาก่อน
เมืองอะบาคูห์ (Abakuh)ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 เช่นเดียวกันและยังคงมีโบราณสถานสำคัญเหลือรอดมาให้คนรุ่นปัจจุบันได้ชื่นชมในภูมิปัญญาของคนยุคนั้น นั่นก็คือโดมสำหรับการทำน้ำแข็งหรือ Ice Houseนั่นเอง นี่คืออีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่างเปอร์เซียโบราณในยุคนั้นคิดค้นได้อย่างน่าทึ่ง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องอากาศร้อน ทำให้ชาวบ้านได้มีน้ำแข็งไว้แช่น้ำดื่มเย็นๆ เพื่อคลายร้อน อีกด้วย
เมืองอิสฟาฮาน (Isfahan) เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเปอร์เชียในศตวรรษที่ 16-18 ตอนต้น ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ ซาหาวิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรเปอร์เชียรุ่งเรืองสูงสุดอีกยุคหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการค้าขาย และเมืองอิสฟาฮานเองก็ได้กลายเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุด คือ 500,000 คน และยังได้รับการขนานนามไปทั่วโลกว่า “Esfahan is haft of the World”
พระราชวังเชเฮลโซตุน (Chehel Sotun Palace) สร้างในปี1614 สมัยชาห์อับบาสที่1 เพื่อใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและงานสังสรรค์ต่างๆ โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมในแบบอะคามินิด ซึ่งเป็นยุคแรกของเปอร์เซียแต่ใช้เสาคอลัมน์เป็นเสาไม้แทนหินมีเสาไม้สูงที่โถงด้านหน้า 20 ต้น ในห้องโถงด้านในของเชเฮลโซตุนมีภาพเขียนแบบเฟรสโกขนาดใหญ่หลายภาพที่มีชื่อเสียงโดยฝีมือของศิลปินประจำยุคซาฟาวิด ส่วนรอบๆ ตัววังนั้นร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ใหญ่น้อยที่อยู่รายรอบ จึงถือเป็นต้นแบบของสวนแบบเปอร์เซียที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
มัสยิดอิหม่าม (Imam Mosque) เป็นหนึ่งในมัสยิดที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เริ่มสร้างในปี 1611 สมัยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่1 และเสร็จสมบูรณ์ในอีก 4 ปีต่อมา นอกจากขนาดที่ใหญ่โตโอฬารแล้ว ยังเป็นมัสยิดที่มีองค์ประกอบทางด้านสถาปัตย์ที่สวยงามที่สุดในประเทศอิหร่าน โดยเฉพาะโดมประธานขนาดมหึมาที่สร้างคร่อมกันเป็นสองชั้นขนานกันตลอดทุกตารางนิ้ว ซึ่งมีผลต่อการระบายอากาศและการกระจายของเสียงผู้นำสวดให้แผ่ออกไปจนได้ยินอย่างชัดเจนในทุกซอกทุกมุมของมัสยิดโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
พระราชวังอะลีคาปู (Ali Qapu Palace) สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของจัตุรัสอิหม่าม เป็นอาคาร 6 ชั้น ที่ใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างบนชั้น 3 ของพระราชวังสร้างเป็นห้องโถงใหญ่และมีระเบียงหันหน้าเข้าหาจัตุรัสอิหม่ามสำหรับพระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์ไว้ประทับทอดพระเนตรการละเล่นต่างๆ และปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงาม ซึ่งสามารถมองเห็นทุกมุมและทุกอย่างที่อยู่บนจัตุรัสได้อย่างชัดเจน
มัสยิดชีคล้อตฟุลเลาะห์ (Sheikh Lotfollah Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่จะเข้ามาทำการละหมาดได้ สร้างโดยกษัตริย์ชาห์อับบาสที่ 1 ระหว่างปี 1602-1619 ขึ้นชื่อว่าวิจิตรสวยงามที่สุดในการตกแต่งภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โดมประธานซึ่งอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่
วิหารโนราแว๊งค์ สถาปัตยกรรมชิ้นเอกของอาร์เมเนียนยุคกลาง สร้างในศตวรรษที่ 14 โดยนักสอนศาสนายูนิค แต่ตัวโบสถ์ใหญ่ถูกสร้างประมาณปีค.ศ.1227 โดยนักบุญคาราเพท บริเวณประตูทางเข้าหรือตามหน้าต่างทางด้านหน้าจะถูกสร้างให้มีส่วนที่ยื่นออกมาปกคลุมและได้รับการแกะสลักอย่างประณีตสวยงาม และยังมีโบสถ์อีกหลังที่สร้างเมื่อค.ศ.1339 เป็นอนุสาวรีย์ที่ฝังศพที่อยู่ทางด้านใต้ ซึ่งจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามของบริเวณรอบๆ รวมถึงทิวทัศน์อันสวยงามของเทือกเขาอีกด้วย
พระราชวัง ฮาชท์ เบเฮชท์(Hasht Behesht Palace) ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ 1660 เป็นพระราชวังขนาดเล็ก แต่ตกแต่งสวยงามมาก จนได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ ทั้งแปด ตามความหมายของชื่อ พรพราชวัง แต่สภาพในปัจจุบันก็ทรุดโทรมไปมาก ความวิจิตรที่เคยมีมาในอดีต ก็ลดน้อยลงไปตามวันเวลา พระราชวังแห่งนี้เป็นสวน ร่มรื่นมาก มีต้นไม้ใหญ่ เต็มพระราชวังแห่งนี้ปูไปด้วยทองคำ
พระราชวัง ฮาชท์ เบเฮชท์(Hasht Behesht Palace) ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ 1660 เป็นพระราชวังขนาดเล็ก แต่ตกแต่งสวยงามมาก จนได้ชื่อว่าเป็น สวรรค์ ทั้งแปด ตามความหมายของชื่อ พรพราชวัง แต่สภาพในปัจจุบันก็ทรุดโทรมไปมาก ความวิจิตรที่เคยมีมาในอดีต ก็ลดน้อยลงไปตามวันเวลา พระราชวังแห่งนี้เป็นสวน ร่มรื่นมาก มีต้นไม้ใหญ่ เต็มพระราชวังแห่งนี้ปูไปด้วยทองคำ
สะพานชิโอ เชห์(Si-o Seh Bridge) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Allahverdi Khan Bridge ตามชื่อของผู้ออกแบบก่อสร้างสะพานแห่งนี้สร้างในสมัยกษัตย์ ซาห์อับบาส ที่ 1 ใช้เวลาสร้าง ระหว่างปี 1599-1602 ราวสะพานทั้งสองข้างสวยงามด้วย การก่ออิฐเป้นชุ้มจั่วแหลม เรียงกันถึง 33 ชุ้ม ในเวลากลางคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ ทำให้ดูแล้วสวยงามมาก
หมู่บ้านอะบียาเนห์ (Abyaneh Village) อยู่ในเขตจังหวัดอิศฟาฮาน ซึ่งเชื่อว่าหมู่บ้านนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปีเศษ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามและมีอากาศเย็นสบายแม้ในฤดูร้อนชาวบ้านที่นี่แต่งกายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและเชื่อว่าเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจากพวกอีลาไมท์ แต่ปัจจุบันคนเหล่านี้คือชาวอิหร่านตามกฎหมายและนับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับชาวอิหร่านทั่วไปพูดภาษาพื้นเมืองฟาซีเช่นเดียวกับคนพื้นราบโดยไม่ผิดเพี้ยน
เมืองคาชาน (Kashan) เชื่อกันว่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 4,000 ปี ก่อนคริสตกาลตัวเมืองที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่11-13 สมัยที่พวกเซลจุก มีอำนาจปกครองเหนือ อาณาจักร เปอร์เซีย (ประมาณ ปี 1051-1220) และเริ่มมีชื่อเสียงทางด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา กระเบื้องเคลือบ และการทอผ้า ทอพรม ต่อมาในยุคราชวงศ์ ซาฟาวิด ปกครองเมืองคาชาน ก็ยิ่งเจริญรุ่งเรือง มากยิ่งขึ้น ในฐานะเมืองศูนย์กลางการค้า และเป็นด่านประตูสูเมืองต่างๆ ในพื้นที่ทะเลทรายด้านตะวันออก
คฤหาสน์เศรษฐีชื่อ (Borujerdi Historical House) ที่มีมาตั้งแต่ยุคที่เมืองคาชานเคยรุ่งเรืองบนเส้นทางการค้าในอดีตสมัยราชวงศ์ซาฟาวิดปกครองเปอร์เซีย(ศตวรรษที่ 16-18) เป็นยุคการค้ารุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุด และเมืองคาชานก็เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งยุคที่มีความสำคัญอีกเมืองหนึ่ง มีพ่อค้าวาณิชย์ที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย คฤหาสน์เศรษฐีหลังนี้ ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายหลังที่เป็นมรดกตกทอดมาสู่คนยุคปัจจุบัน ให้ได้ย้อนรอยระลึกถึง
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553