หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
เอดินบะระ (Edinburgh) เมืองหลวงของแคว้นสกอตแลนด์สหราชอาณาจักร เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุคกลาง ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงอยู่กลางเมือง เมืองเอดินบะระเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพสวยงาม แบ่งออกเป็นสองส่วนสำคัญดังนี้คือ โอลด์ทาวน์ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีถนนหรือทางเดินที่เก่าแก่ในยุคกลางและ จอร์เจียนนิวทาวน์ ที่มีความงามในแบบนีโอ-คลาสสิค ทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่ที่สวยงามของเอดินบะระได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกถึงสองครั้ง
ปราสาทแห่งเอดินเบิร์กเป็นปราสาทที่งดงาม และเป็นสถานที่เก็บรักษามหามงกุฎแห่งราชวงศ์สก็อตแลนด์ นอกจากนั้นปราสาทแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งสก็อตแลนด์อีกด้วย ซึ่งที่นี่ในอดีตได้เคยถูกทำลายลงหลายครั้งหลายครา แต่ก็ได้รับการบูรณะและสร้างใหม่เสมอมาจนปัจจุบัน ทั้งนี้ปราสาทแห่งเอดินเบิร์กยังถือเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมือง เนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จึงทำให้มองเห็นทัศนียภาพรอบๆ ได้อย่างกว้างไกล ไม่เพียงเท่านั้น ปราสาทแห่งนี้ยังได้รับการย่องย่องว่าคล้ายคลึงวิหารแพนธีออนในประเทศกรีซด้วย
ถนนรอยัลไมล์ เป็นถนนสายหลักที่มีความเก่าแก่และสวยสุดของเมืองเอดินเบอร์กจ เชื่อมต่อระหว่างปราสาทเอดินเบอร์กแลพระราชวังโฮลี่รู้ด ถนนนี้ประดับประดาไปด้วยตึกรามบ้านช่องสไตล์โบราณอันสวยงามตลอดสองข้างทาง นอกจากความสวยงามเชิงสถาปัตยกรรมของอาคารสองฝั่งถนนแล้วแล้ว ถนนนี้ยังคงเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองเอดินเบอระ ที่มาใช้เวลายามว่างที่นี่เพื่อทานอาหาร ช๊อปปิ้ง สินค้าที่มีชื่อเสียงของชาวสก็อต คือผ้าขนสัตว์ลายสก็อต และสก็อตวิสกี้ นอกจากนี้ ยังมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย
เมืองกลาสโกว์ (Glasgow)เป็นเมืองใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองและล้ำหน้ามากที่สุดเมืองหนึ่ง ตั้งแต่ในศตวรรษที่ 16 เมืองกลาสโกว์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเป็นเมืองท่าใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติก จากนั้นในศตวรรษที่ 19 อุตสาหกรรมเหล็ก การต่อเรือ และยานยนต์ได้เติบโตขึ้นจนเป็นผลทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามา ในที่สุด กลาสโกว์กลายเป็นเมืองที่สามของยุโรปที่มีจำนวนประชากรเกินหนึ่งล้านคน รองจากลอนดอนและปารีส และกลายเป็นเมืองสำคัญอันดับสองของสหราชอาณาจักรรองจากลอนดอน
มหาวิหารแห่งเมืองกลาสโกว์ (Glasgow Cathedral) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมโกธิค โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้เป็นสุสานฝังศพของนักบุญ Saint Mungo ท่านสามารถเดินเล่นช้อปปิ้ง ณ ถนน Buchanan Street สถานที่แห่งการจับจ่าย หรือการนัดพบของคนเมือง ถนนสายนี้จะเป็นถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านมาก คุณสามารถเดินชมอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ และสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี
เมืองสเตอร์ลิง (Stirling)เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแขวงการปกครองสเตอร์ลิงและปริมณฑล ในมณฑลผู้บริหารแทนพระองค์สเตอร์ลิงและฟอล์คเคิร์คในสกอตแลนด์ ตัวสเตอร์ลิงตั้งอยู่รอบปราสาทสเตอร์ลิงและเมืองโบราณจากยุคกลาง สเตอร์ลิงเป็นที่มั่นหลักแห่งหนึ่งของประเทศสกอตแลนด์ และถูกสถาปนาให้เป็นรอยัลบะระห์ (Royal burgh) โดยพระเจ้าเดวิดที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1130 และอยู่ในฐานะนั้นจนปี ค.ศ. 1975
ปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle) ซึ่งเป็นปราสาทที่มีความโดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม และมีขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดปราสาทหนึ่งของสกอตแลนด์ ตั้งอยู่บนเนินคาลเซิลฮิลล์ (Castle Hill) ซึ่งเป็นเนินที่เกิดจากหินภูเขาไฟโบราณ และล้อมรอบสามด้านด้วยผาสูงชันทำให้เหมาะแก่การป้องกันตน
อนุสาวรีย์วอลเลซ (Wallace Monument) เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ วิลเลียม วอลเลซ (William Wallace) วีรบุรุษนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของสกอตแลนด์ โดยอนุสาวรีย์วอลเลซ ถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาแอบบีเครก (Abbey Craig) เนินเขาที่มีความสูงประมาณ 111 เมตร (364 ฟุต) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองสเตอร์ลิง
หมู่บ้านเคนไรอันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลสาบไรอัน ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านแตรแรร์ไปทางตอนเหนือประมาณ 6 ไมล์ ซึ่งที่นี่สามารถมองเห็นเมืองในส่วนที่เชื่อมโยงระหว่างสก๊อตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เคนไรอันถือเป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การเดินเรือข้ามฟากที่เชื่อมต่อระหว่างสกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ
เบลฟาสต์(Belfast) เป็นเมืองหลวงที่มากด้วยสีสันและมีชีวิตชีวา ทั้งยังเป็นประตูสู่ชนบทอันเงียบสงบของไอร์แลนด์เหนือ ลองจินตนาการถึงเมืองที่มีจัตุรัส ถนนหลักและท้องถนนทั่วไปเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียนและจอร์เจียน นั่นคงจะเป็นการคืนชีวิตให้กับยุคอดีตอีกครั้ง ในผับบรรยากาศดีและตลาดเก่าแก่ เมืองเบลฟาสต์มีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในบริเวณเดียวกันจึงทำให้การตระเวนเที่ยวรอบเมืองสามารถทำได้อย่างสะดวกทั้งทางรถและโดยการเดิน และเช่นเดียวกับเมืองหลวงอื่นๆ
ไททานิก เบลฟาสต์ (Titanic Belfast) ตั้งอยู่ที่เมืองเบลฟาสต์ (Belfast) ประเทศไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของ เรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก (RMS Titanic) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทุกคนจะได้มาตามรอยภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลก สามารถชมเรื่องราวของผู้โดยสาร ทั้งในส่วนที่เป็นตำนานและความจริง สามารถสัมผัสบรรยากาศขณะเรือไททานิกชนกับภูเขาน้ำแข็ง ผ่านห้องจัดแสดงในรูปแบบ 3 มิติ ที่มีทั้งภาพ เสียงและกลิ่น
ไจแอนต์สคอสเวย์หรือทางเดินยักษ์ตั้งอยู่ใน County Antrim บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเกิดจากการเย็นตัวของหินภูเขาไฟเมื่อประมาณ 50,000 ถึง 60,000 ปีที่ผ่านมา ก่อตัวเป็นเสาหินรูปหกเหลี่ยมและหินแท่งสี่เหลี่ยมกว่า 40,000 แท่ง ที่เชื่อมต่อกันเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรเลียบชายฝั่ง และยื่นออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งนี้องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียน Giant?s Causeway ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา
ปราสาทดันลูซเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคกลาง ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองชายฝั่งทางตอนเหนือของบุชมิลส์ ไอร์แลนด์เหนือ โดยมันตั้งอยู่บนขอบของชะง่อนหินบะซอล และมีทางสะพานเชื่อมต่อไปยังแผ่นดินใหญ่ รอบๆ ปราสาทนั้นรายล้อมไปด้วยยอดเขาสูงชัน ดูสวยงามดุจดังภาพวาดเลยทีเดียว
คลิฟส์ ออฟ โมเออร์ (Cliffs of Moher) ผาชันแห่งโมเออร์ตั้งอยู่ในเขตเคาน์ตี แคลร์ เป็นหนึ่งในทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่สุดของไอร์แลนด์ ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 230 เมตรเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก แนวผาทอดยาวสุดสายตาเป็นระยะทางราว 8 กิโลเมตร และบนยอดของหน้าผาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ อยู่สูงจากน้ำทะเลเบื้องล่างทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามที่น่าอัศจรรย์ทางธรรมชาติของผาชัน ขุนเขา และท้องทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก บ้างก็ว่าการได้มาเยือน คลิฟส์ ออฟ โมเออร์ เสมือนได้มายืน ณ จุดปลายสุดของขอบโลก เลยทีเดียว
เมืองลิมริค (Limerick) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 มีทำเลที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแชนนอน ได้รับการกล่าวขานว่ามีทัศนียภาพงดงามที่สุดของไอร์แลนด์ ด้วยเคยถูกครอบครองโดยชนเผ่าไวกิ้งในศตวรรษที่เก้า เมืองอันทันสมัยแห่งนี้ยังคงมีร่องรอยของความเจริญยุคกลางปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดสองข้างทางของแนวถนนโบราณอันมีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังมี ฮันต์ มิวเซียมซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลก ในฐานะพิพิธภัณฑ์ที่เก็บชิ้นงานศิลปะชั้นเลิศ รวมถึงผลงานของปิคาสโซ, ดาวินซี และเรอนัวร์ เมืองลิมริค ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทยุคกลางอันยิ่งใหญ่
คฤหาสน์สมัยวิคตอเรียน มัครอส เฮ้าส์ (The Muckross’s House) ซึ่งก่อสร้างด้วยหินในแบบอลิซาเบธช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ในอุทยานสวยริมทะเลสาบมัครอส ภายในนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวไอริช และการจัดสวนสวยด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ตลอดจนบ้านและร้านค้าที่ออกแบบก่อสร้างในแบบชาวไอริช อีกด้วย
ปราสาทบลาร์นีย์ (Blarney Castle) สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยศตวรรษที่ 10 โดยแรกเริ่มสร้างจากไม้ ต่อไปในสมัยศตวรรษที่ 12 ได้นำหินมาใช้เป็นโครงสร้างหลักของปราสาท อย่างไรก็ตามตัวปราสาทได้ถูกทำลายลงในสมัยศตวรรษที่14 และผ่านสงครามกลางเมือง มาหลายครั้งจนในสมัยศตวรรษที่ 16 พื้นที่โดยรอบปราสาทเต็มไปด้วยต้นไม้และสวนสวยนานาชนิด ปราสาทแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวนับล้านคนหลั่งไหลไปที่บลาร์นีย์ จนทำให้ที่สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในมรดกอันล้ำค่าของสาธารณรัฐไอร์แลนด์
บลาร์นีย์ สโตน (Blarney Stone) สิ่งที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่งก็คือผนังหิน หินในตำนานบนยอดหอคอย ที่มีตำนานเล่าขานกันว่า หากได้จุมพิตผนังหินที่นี่จะทำให้คุณไม่อับจนโวหาร บุคคลสำคัญหลายท่าน นับแต่เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต ไปจนถึงประธานาธิบดีอเมริกาและผู้นำโลกหลายคน รวมถึงนักแสดงชื่อก้องโลก ได้เคยมาลองจุมพิตบลาร์นีย์ สโตน
เมืองแคสเซล (Cashel) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นทิปเปอรารี (Tipperary) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคว้นที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เลยทีเดียว
ร็อค ออฟ แคสเซล (Rock of Cashel) หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นอะโครโปลิสแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่ามีความงดงามที่สุดในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ “ร็อค ออฟ แคสเซล” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากแห่งหนึ่งของประเทศ ด้วยความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของร็อค ออฟ คาเซล ถือว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าทางมรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของชาวไอริชโบราณ
เมืองคิลเคนนีย์ (Kilkenny) เมืองที่อุดมด้วยสีสัน เต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์ยุคกลางอันน่าทึ่ง รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นที่น่าสนใจ คิลเคนนีย์ซิตี้ คือหนึ่งในเมืองที่น่าไปเยือนมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ หากไม่นับปราสาทแบบนอร์มันอายุ 800 ปี ที่ตั้งตระหง่านริมถนนสายโบราณ เมืองคิลเคนนีย์ ได้แปรสภาพมาเป็นเมืองที่มีความก้าวล้ำนำสมัย
ปราสาทคิลเคนนีย์ (kilkenny castle) ซึ่งเป็นปราสาทแบบนอร์มัน สร้างขึ้นในปี 1172 โดยอัศวิน Richard de Clare หรือที่รู้จักในนาม Strongbow ซึ่งปราสาทเดิมสร้างจากไม้และมีหอคอยสูง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำนอร์ แต่หลังจากนั้นทายาทรุ่นถัดไปคือ วิลเลี่ยม มาร์แชล (Earl of Pembroke) ได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้หินมาสร้างปราสาท ปราสาทแห่งนี้มีหอคอยสูงถึง 4 หอคอยและยังคงสภาพให้เห็นจนถึงปัจจุบัน
เมืองดับลิน (Dublin)ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ชื่อดับลินนั้นมาจากคำว่า Dubh Linn ซึ่งในภาษาไอริชมีความหมายว่า "สระน้ำสีดำ" (Black Pool) ดับลิน นครหลวงของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ใจกลางดินแดนอันเป็นที่หลงใหลของผู้มาเยือนนับจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง ความงามทิวทัศน์ตามธรรมชาติ รวมถึงทะเลสาบ แม่น้ำ และฝั่งทะเลอันยาวไกลที่ยังคงความงามอันพิสุทธิ์ ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้มาเยือน
ปราสาทดับลิน (Dublin Castle) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่ที่สุดของไอร์แลนด์ ปราสาทสร้างขึ้นในปี 1204 โดยกษัตริย์จอห์นแห่งอังกฤษ ปัจจุบันปราสาทดับลินนั้นถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองของอังกฤษในไอร์แลนด์จนได้รับอิสระเป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในปี 1922 ปราสาทแห่งนี้ยังคงใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญระดับประเทศ เช่น จัดการประชุมของสหภาพยุโรป และ จัดงานคอนเสิร์ตสำคัญเป็นต้น
มหาวิหารเซนต์แพทริก (St. Patrick’s Cathedral) ซึ่งเดิมเป็นโบสถ์ไม้ สร้างขึ้นในปี 1191 และได้รับการขนานนามให้เป็นมหาวิหารในปี 1224 มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เซ็นต์แพททริค ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ได้กลายมาเป็นมหาวิหารแห่งชาติของไอร์แลนด์
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553