หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก มิลานเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มีประชากรประมาณ 1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า “ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน มีแกลอรี่ชื่อดัง โบสถ์ที่สวยงาม และโรงละครโอเปร่า
แกลลอเรียวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 เป็นอาคารศูนย์การค้าและห้างเก่าแก่และสง่างามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมที่ทันสมัย มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองท้า และนาฬิกา แบรนด์เนมชื่อดังมากมาย อาทิ หลุยส์ วิตตอง,พราด้า,เฟอรากาโม่,อาร์มานี่,เวอร์ซาเช่ หรือ เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อิสระให้สำรวจสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของอิตาลีตามอัธยาศัย
เมืองซาโวน่า เมืองท่าชายฝั่งทะเลซึ่งในอดีตยังเคยเป็นท่าเรือเก่าแก่ของเจนัว ปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศริมทะเลที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ดังนั้นจึงจะเห็นบังกะโลและโรงแรมที่พักเรียงรายเต็มชายหาดไปหมด
เมืองปิซา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซาอยู่ในแคว้นทัสกานี ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ)ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร เชิญเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 6 มรดกโลก เช่น จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา,มหาวิหารปิซา,หอศีลจุ่มเมืองปิซา,หอเอนเมืองปิซา,สุสานนักบุญ,พิพิธภัณฑ์มหาวิหารปิซา
หอเอนแห่งเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) หอคอยหินอ่อนซึ่งถือเป็นอีกสัญลักษณ์ประเทศอิตาลี และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ของศาสนสถานของชาวคริสต์ ใช้เวลาสร้างนานกว่า 176 ปี แต่เกิดการทรุดตัวลงเมื่อสร้างถึงชั้นที่ 3 จึงหยุดก่อสร้างไป จนอีกประมาณ 100 ปีต่อมาถึงมีผู้สร้างต่อได้จนครบ 8 ชั้น และได้นำระฆังไปติดในอีกร่วม 100 ปีต่อมา จนเสร็จสมบูรณ์เหมือนที่เห็นในปัจจุบัน กาลิเลโอได้เคยมาพิสูจน์ทฤษฏีการตกของวัตถุที่ยอดของหอเอนแห่งนี้
เมืองปราโต้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ (Textile Industry)และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีพื้นที่เพียงแค่ 365 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรมากถึง 249,930 คน
มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral) ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 การออกแบบของสถาปนิกฟิลิปโป บรูเนลเลสกี เป็นวิหารที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส Piazza del Duomo เป็นศูนย์กลางของเมืองฟลอเรนซ์ เมืองที่ขึ้นชื่อในด้านของศิลปะและสถาปัตยกรรมยุคกลาง หรือที่เรียกกันว่ายุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือโดมสีส้มขนาดใหญ่และโครงสร้างภายนอกอาคารที่เป็นหินอ่อนสีขาว แต่งด้วยหินสีเขียวและชมพูที่ได้รับการตกแต่งด้วยหินแกะสลัก เป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่สร้างในแบบนีโอโกธิคที่มีภาพโมเสกตกแต่ง
สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ ยังคงหลงเหลือมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1333 มีสีเหลืองทองอร่าม บวกกับสองฟากของสะพานถูกสร้างเป็นตึกแถว ซึ่งถูกใช้เป็นร้านขายของ อาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้ามากมาย สมัยก่อนเป็นร้านขายเนื้อสัตว์ ต่อมามีการปรับปรุงทัศนียภาพ เลยเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านขายทอง ด้านบนหลังคาของอาคารพาณิชย์ได้ต่อเติมให้เป็นทางเดินลอยฟ้า เชื่อมระหว่างพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่กับพระราชวังพิตติ
กรุงโรม เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ
สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนโรแมนติกที่เป็นมนต์เสน่ห์แห่งเวนิส โดย การล่องเรือกอนโดล่า เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส สู่แกรนด์คาแนล คลองที่กว้างที่สุดของเกาะ และงานก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะด้านสถาปัตยกรรมที่สะพานเรียลอัลโต้ (ใช้เวลา 30 นาที)
โคลอสเซี่ยม (Colosseum) สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคประวัติศาสตร์ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกของชาวโรมันโบราณ โดดเด่นในด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรม โดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบัน เชิญชมความยิ่งใหญ่ในอดีตของจักรวรรดิโรมันโบราณ ที่มีอายุกว่า 2,500 ปี สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) เป็นมหาวิหาร 1 ใน 4 มหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และ สำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่น สามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน
น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร ออกแบบโดย Francesco Salvi เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "Three Coins in the Fountain" กลางน้ำพุจะมีรูปสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ซึ่งเทพเจ้าเนปจูนนี้จะทรงประทับมาบนรถม้ามีปีก ซึ่งซ่อนความหมายเอาไว้ว่าจะนำพามาซึ่งความเจริญมั่งคั่งแก่กรุงโรมแห่งนี้ มีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญหนึ่งเหรียญลงในสระน้ำพุเทรวี่ จะสามารถขอพรให้สมหวังได้หนึ่งข้อ
บันไดสเปน (Spanish Steps) ถูกเรียกชื่อตามสถานฑูตสเปน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนั้น ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ชื่อ Francesco de Sanctis เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1723 ถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของกรุงโรม และยังเป็นแหล่งพบปะของหนุ่มสาว ผู้คนชอบที่จะมานั่งเรียงรายบนบันไดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม และของชำร่วยชื่อดังของกรุงโรมอันมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามโปรดระวังกระเป๋าเงินและสิ่งของมีค่าด้วย เพราะที่แห่งนี้เป็นแหล่งชุกชุมของมิจฉาชีพทั้งหลาย
เมืองเก่าที่ได้รับการจัดตั้งเป็น'พิพิธภัณฑ์เมืองปอมเปอี'ซึ่งอดีตเต็มไปด้วยงานศิลปะและวัฒนธรรมที่ถูกกลืนหายไปจากการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียสในคศ79 เถ้าถ่านลาวาได้ไหลทับถมเมืองหายไปทั้งเมืองจมอยู่ใต้ดินกว่า1,500ปี เคยมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่แน่นขนัดไปด้วยร้านค้า ตลาดและห้องแถว สนามกีฬา โรงละคร วิหาร โรงอาบนํ้าสาธารณะ หอนางโลม โรงแรมถึง 130 แห่ง หลังจากการขุดสำรวจในศตว16 ภาพชีวิตของชาวโรมันกว่าสองพันปีได้ปรากฏแก่สาธารณะชน เชิญสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอีและพลังอำนาจของธรรมชาติ
พิพิธภัณฑ์เมืองปอมเปอี (POMPEI) เมืองที่ถูกทับถมจมอยู่ใต้ดินกว่า 1,500 ปี เนื่องจากการระเบิดของภูเขาไฟวิชูเวียส ชมสภาพของเมืองที่ขุดค้นขึ้นมาแล้วไปชมเขตคาบสมุทร
ถ้ำบลูกร็อตโต (Blue Grotto) เป็นถ้ำทะเลบนชายฝั่งของเกาะคาปรีเกาะสวรรค์ทางตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งทะเลได้กัดกร่อนหินปูนจนเป็นรู ปัจจุบันนี้มีน้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งเนื่องจากบริเวณทะเลแผ่นดินทรุดตัวลง เรียกว่า “บลู” เพราะมีแสงอาทิตย์รอดลงมาจากปล่องถ้ำมีสีสันเป็น “สีน้ำเงิน” ถ้ำน้ำลอดที่มีการกระทบของแสงกับน้ำทะเลสีครามทำให้ภายในบริเวณถ้ำประกายไปด้วยแสงสีน้ำเงิน
เมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento City)เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ในภาคใต้ของอิตาลี และยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ เมืองนางเงือก มีท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลใส อากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศริมชายฝั่งส่วนจะเป็นหน้าผาสูง สลับกับหาดทรายเล็กๆพอให้ลงเล่นน้ำได้ มีภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตามีสีสันที่ไม่เหมือนที่ใด ทั้งบ้านเรือนสีสวยที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา ในขณะที่ร่มชายหาดสีสดกางเป็นแถวแนวอยู่เบื้องล่าง สามารถเดินทางเที่ยวชมได้โดยการใช้บริการรถนำเที่ยว เช่น City Singhtseeing Bus , Sorrento Fun Tour เป็นต้น
เมืองโพสิตาโน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ Campania ประเทศอิตาลี ตัวเมืองส่วนใหญ่ตั้งอยู่รายเรียงบนผาหินที่เปิดหน้าลงสู่ทะเล โพสิตาโนเดิมเป็นเมืองท่าในการปกครองของแคว้นอะมัลฟี มีฐานะร่ำรวยอย่างมากในยุคกลาง จุดเริ่มต้นของการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาจาก John Steinbeck เจ้าของรางวัลโนเบลด้านวรรณคดี ได้เผยแพร่เรื่องราวของเมืองใน Harper's Bazaar ในปี 1953 เมืองที่ไร้ซึ่งที่ราบแห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างกันอยู่บนหน้าผาสูงชัน ไล่เรียงกันลงมาเป็นแถบ โพสิตาโนจึงกลายเป็นเมืองทรงเสน่ห์
เมืองอะมัลฟี จุดหมายปลายทางฝันของเส้นทางสายอะมัลฟีโคสต์ ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ทำให้ทั้งศิลปิน, นักกวี, นักเขียน ต่างหลั่งไหลมาเยือนกันเป็นเวลานับศตวรรษมาแล้ว เอกลักษณ์เฉพาะของบ้านเรือนที่ปลูกเรียงลดหลั่นตามหน้าผาสูง เหนือน้ำทะเลอันกว้างใหญ่ สวยงามจนยากที่จะพรรณนา อิสระให้ท่านเพลิดเพลินในเมืองอันแสนโรแมนติกแห่งนี้
วิลล่า รูโฟโล คฤหาสน์บนหน้าผาริมทะเลที่สวยงาม ภายในมีสวนดอกไม้ริมหน้าผาที่งดงามยิ่ง จุดชมวิวตรงนี้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองราเวลโล่