หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
มหาวิหารแห่งมิลาน (Milan Cathedral) เป็นมหาวิหารที่มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองมิลาน เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของมิเมือง ซึ่งวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีระดับความสูง 108.5 เมตรจากพื้นดิน และถูกรายล้อมด้วยยอดแหลมประมาณ 135 ยอดบนหลังคาทำให้มหาวิหารดูสง่า สวยงามแปลกตา
แกลลอเรียวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 เป็นอาคารศูนย์การค้าและห้างเก่าแก่และสง่างามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมที่ทันสมัย มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองท้า และนาฬิกา แบรนด์เนมชื่อดังมากมาย อาทิ หลุยส์ วิตตอง,พราด้า,เฟอรากาโม่,อาร์มานี่,เวอร์ซาเช่ หรือ เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อิสระให้สำรวจสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของอิตาลีตามอัธยาศัย
เมืองเวโรน่า เมืองเก่าแก่ เล็กๆ อยู่ตอนเหนือของเวนิส ประเทศอิตาลี มีอารีนาเป็นสนามกีฬาศูนย์กลางของเมือง บ้านเรือนสวยงามสร้างจากหินอ่อนสีชมพู เป็นวังและปราสาทเก่าๆ ปรับมาเป็นโรงแรม ที่พัก และที่สำคัญเป็นเมืองของวิลเลียม เชคเปียร์ บ้านของจูเลียต ที่เกิดโศกนาฏกรรมความรัก โรมิโอกับจูเลียต ในปี ค.ศ. 2000 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติก็ประกาศให้เวโรนาเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม
โรงละครโรมันกลางแจ้ง (Verona Arena) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3ของโลก สร้างขึ้นเมื่อตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับโคลอสเซียมในกรุงโรม เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการเปิดแสดงโอเปร่าหรือคอนเสิร์ตกลางเเจ้งในสนามกีฬาอยู่เป็นประจำ
เวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับฉายาทั้ง ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และเมืองแห่งแสงสว่าง เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกัน มีคลองเล็กๆ กว่า 150 คลอง เต็มไปด้วยสะพานกว่า 400 สะพานเชื่อมถึงกัน มีเรือกอนโดล่าเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของนักท่องเทีี่ยว รวมทั้งบ้านเรือนสีสันสดใสอายุเก่าแก่เรียงรายกันอยู่ เวนิสเป็นเมืองมรดกโลกและถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่าสุดแสนโรแมนติกของอิตาลีด้วย
พระราชวังดอจส์ เป็นที่ทำการของรัฐบาลเวนิสและที่พำนักของผู้ดำรงตาแหน่งเจ้าเมืองในอดีต ตัวอาคารกะทัดรัดในแบบโกธิค เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มากว่า 800 ปีมาแล้ว เมื่อสมัยเวนิสยังเป็นสาธารณรัฐอิสระ ซึ่งเคยร่ำรวยและมีอำนาจมหาศาลและเคยส่งให้มาร์โคโปโลเดินทางไปเมืองจีน เชิญเยียมชมพระราชวังเก่าโบราณเวนิส และเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีตในอดีต
สะพานสะอื้น หรือบางคนเรียกว่า "สะพานแห่งการทอดถอนใจ” ซึ่งทอดข้ามด้านหลังวังของผู้ปกครองเวนิสในอดีต ไปยังคุกที่อยู่อีกฟากฝั่งคลอง ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้คือจุดหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งอิสรภาพของเหล่านักโทษ และคุกแห่งนี้เองเป็นที่คุมขังนักรักกระเดื่องนาม “คาสโนว่า” ซึ่งเขาเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่สามารถแหกคุกนี้หนีออกมาได้ปัจจุบันวังแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาไว้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำคัญของเมือง
จัตุรัสเซนต์มาร์ก หรือ จตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco | Saint Mark Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองเวนิส ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม มีโบสถ์ซานมาร์โค หรือ โบสถ์เซนต์มาร์ก เป็นจุดเด่นของลานกว้าง บริเวณรอบๆ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ไว้คอยบริการมากมาย และรอบๆ จัตุรัสยังมีอาคารที่สำคัญสองแห่งคือ หอระฆัง และ หอนาฬิกา อีกด้วย
โรงงานเป่าแก้วมูราโน เป็นงานสร้างสรรศิลปะที่มีคุณภาพและงานฝีมือของมันไร้ที่ติ มีประเพณีการทำแก้วในเวนิสตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และเติบโตในความนิยมเป็นอุตสาหกรรมหลักของเมือง ยุคที่เป่าแก้วมูราโน่เป็นแหล่งใหญ่ของความภาคภูมิใจของเมืองและเพื่อรักษาสถานะของกฎหมายสมัยก่อนหลายคนส่งผ่านไปยังช่วยรักษาทางการค้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เชิญเลือกชมการผลิตแก้วมูราโนมีชื่อเสียง และซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกแด่คนที่รัก
สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนโรแมนติกที่เป็นมนต์เสน่ห์แห่งเวนิส โดย การล่องเรือกอนโดล่า เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส สู่แกรนด์คาแนล คลองที่กว้างที่สุดของเกาะ และงานก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะด้านสถาปัตยกรรมที่สะพานเรียลอัลโต้ (ใช้เวลา 30 นาที)
สะพานริอัลโต (Rialto Bridge) สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 สะพานนี้มีประวัติที่น่าสนใจเพราะเป็นสะพานที่ทอดข้ามแกรนด์คาเนลเพียงแห่งเดียวมายาวนานเป็นพันปี เดิมเป็นสะพานไม้ ปัจจุบันปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เป็นสะพานหินแข็งแรง จนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1854 จึงมีการสร้างสะพานแห่งใหม่ข้ามแกรนด์คะแนลเพิ่มขึ้น สะพานริอัลโตนับว่าเป็นอีกสัญลักษณ์ที่สำคัญของเวนิส และสามารถะมองเห็นวิวสวยมุมกว้างสวยๆ ของคลองใหญ่ได้ดี และบริเวณรอบๆ สะพานจะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย
เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองแห่งแหล่งกำเนิดศิลปะของโลก เป็นจุดกำเนิดของยุคเรอเนซองส์หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วยุโรป เชิญเที่ยวชมมหาวิหารใหญ่ซึ่งเป็นมหาวิหารที่เรียกว่าดูโอโม หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ปราสาท แกลอรี่ บาร์ ร้านอาหาร รวมทั้งคลับ และดิสโก้ ทุกสถานที่ๆจะได้พบกับความทันสมัยและความสวยงามตลอดเวลา มีแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆมากมายเพราะเป็นศูนย์กลางของผู้นำแฟชั่น เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย
จตุรัสกัมโป เดย์ มีราโกลี แปลว่า "จตุรัสอัศจรรย์" หรือ ที่ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในชื่อ จตุรัสดูโอโมแห่งปิซ่า คือ บริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงใจกลางเมืองปิซ่า ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างได้แก่ มหาวิหารปิซ่า หอเอน หอศีลจุ่ม เริ่มสร้างปีคศ.1173 แล้วเสร็จในปีคศ.1372 ปัจจุบันยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมในปีคศ.1987
หอเอนแห่งเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) หอคอยหินอ่อนซึ่งถือเป็นอีกสัญลักษณ์ประเทศอิตาลี และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ของศาสนสถานของชาวคริสต์ ใช้เวลาสร้างนานกว่า 176 ปี แต่เกิดการทรุดตัวลงเมื่อสร้างถึงชั้นที่ 3 จึงหยุดก่อสร้างไป จนอีกประมาณ 100 ปีต่อมาถึงมีผู้สร้างต่อได้จนครบ 8 ชั้น และได้นำระฆังไปติดในอีกร่วม 100 ปีต่อมา จนเสร็จสมบูรณ์เหมือนที่เห็นในปัจจุบัน กาลิเลโอได้เคยมาพิสูจน์ทฤษฏีการตกของวัตถุที่ยอดของหอเอนแห่งนี้
เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองแห่งแหล่งกำเนิดศิลปะของโลก เป็นจุดกำเนิดของยุคเรอเนซองส์หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วยุโรป เชิญเที่ยวชมมหาวิหารใหญ่ซึ่งเป็นมหาวิหารที่เรียกว่าดูโอโม หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ปราสาท แกลอรี่ บาร์ ร้านอาหาร รวมทั้งคลับ และดิสโก้ ทุกสถานที่ๆจะได้พบกับความทันสมัยและความสวยงามตลอดเวลา มีแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆมากมายเพราะเป็นศูนย์กลางของผู้นำแฟชั่น เต็มไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากมาย
มหาวิหารฟลอเรนซ์ หรือ มหาวิหารซานตามาเรียเดลฟิโอเร (Florence Cathedral | Santa Maria del Fiore) เป็นมหาวิหารเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 800 ปี เป็นมหาวิหารที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี อีกทั้งยังเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอิตาลีรองลงมาจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่รัฐวาติกัน
เปียซซา เดล ซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) จัตุรัสใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ ที่มีความเก่าเเก่สวยงาม เเละเต็มไปด้วยประติมากรรมชั้นยอด ของศิลปินเอกชาวอิตาเลี่ยนมากมายมาตั้งรวมกัน จนมีคนกล่าวว่ามันเหมือนกับเเกลลอรี่กลางเเจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เเละเต็มไปด้วยงานประติมากรรมที่ทรงคุณค่าเเละประเมินค่าไม่ได้มากมายหลายต่อหลายชิ้นเลยทีเดียว
แกลเลอเรีย อะคาเดมี พิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากอีกแห่งหนึ่งของเมือง Florence ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปะในยุคเรเนซองส์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวมรวมผลงานศิลปะทั้งภาพวาด งานปั้น งานแกะสลักของศิลปินชั้นนำระดับโลกไว้มากมาย ผลงานที่มีชื่อเสียงที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ รูปปั้นเดวิดตัวจริง ซึ่งเป็นผลงานของ Michelangelo ศิลปินชื่อดังชาวอิตาลี
สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ ยังคงหลงเหลือมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1333 มีสีเหลืองทองอร่าม บวกกับสองฟากของสะพานถูกสร้างเป็นตึกแถว ซึ่งถูกใช้เป็นร้านขายของ อาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้ามากมาย สมัยก่อนเป็นร้านขายเนื้อสัตว์ ต่อมามีการปรับปรุงทัศนียภาพ เลยเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านขายทอง ด้านบนหลังคาของอาคารพาณิชย์ได้ต่อเติมให้เป็นทางเดินลอยฟ้า เชื่อมระหว่างพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่กับพระราชวังพิตติ
จัตุรัสไมเคิลแองเจโล เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียง ชมทัศนียภาพอันงดงามแบบ "พาโนราม่า" 360 องศา ของเมืองฟลอเรนซ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมในย่าน Oltrarno ของเมืองด้วย ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองฟลอเรนซ์ เป็นจุดชมวิวมองเมืองเก่าฟลอเร้นซ์ในมุมสูง บริเวณจตุรัสมีรูปจำลอง เดวิด สัญลักษณ์ของคนหนุ่มแข็งแรงผู้รักอิสรภาพ ซึ่งถือเป็นสัญญลักษณ์แห่งความเป็นอิสระ พร้อมชมทัศนียภาพของตัวเมืองที่มีแม่น้ำอาร์โน ไหลผ่านนครที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมโบราณไว้อย่างน่าชื่นชม
กรุงโรม เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ
เมืองเก่าที่ได้รับการจัดตั้งเป็น'พิพิธภัณฑ์เมืองปอมเปอี'ซึ่งอดีตเต็มไปด้วยงานศิลปะและวัฒนธรรมที่ถูกกลืนหายไปจากการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียสในคศ79 เถ้าถ่านลาวาได้ไหลทับถมเมืองหายไปทั้งเมืองจมอยู่ใต้ดินกว่า1,500ปี เคยมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่แน่นขนัดไปด้วยร้านค้า ตลาดและห้องแถว สนามกีฬา โรงละคร วิหาร โรงอาบนํ้าสาธารณะ หอนางโลม โรงแรมถึง 130 แห่ง หลังจากการขุดสำรวจในศตว16 ภาพชีวิตของชาวโรมันกว่าสองพันปีได้ปรากฏแก่สาธารณะชน เชิญสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอีและพลังอำนาจของธรรมชาติ
พิพิธภัณฑ์เมืองปอมเปอี (POMPEI) เมืองที่ถูกทับถมจมอยู่ใต้ดินกว่า 1,500 ปี เนื่องจากการระเบิดของภูเขาไฟวิชูเวียส ชมสภาพของเมืองที่ขุดค้นขึ้นมาแล้วไปชมเขตคาบสมุทร
เมืองนาโปลี หรือ เนเปิ้ล เป็นเมืองหลวงของแคว้นกัมปาเนีย อยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลี ติดกับอ่าวเนเปิลส์ กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟ2แห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียสและกัมปีเฟลเกรย์ และถือเป็นเมืองท่าของเรือสำราญท่องเที่ยวในเขตเมดิเตอเรเนียนที่สำคัญ มีชื่อเสียงในด้านความร่ำรวยทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร เป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลีมาตลอด 2,800 ปีนับแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา โดยเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
เกาะเล็กๆที่มีธรรมชาติสวยงาม เป็นสถานที่ตากอากาศของบุคคลสำคัญๆมาช้านานซึ่งรายได้หลักของเกาะนี้มาจาก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สู่ชุมชนคาปรีอันเก่าแก่ตั้งรกรากมาแต่บรรพบุรุษจนกลายเป็นศูนย์กลางของเกาะ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการท่องเที่ยวและตากอากาศ ร้านรวงเปิดให้บริการนักช้อปปิ้งได้เลือกสรร
ถ้ำบลูกร็อตโต (Blue Grotto) เป็นถ้ำทะเลบนชายฝั่งของเกาะคาปรีเกาะสวรรค์ทางตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งทะเลได้กัดกร่อนหินปูนจนเป็นรู ปัจจุบันนี้มีน้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งเนื่องจากบริเวณทะเลแผ่นดินทรุดตัวลง เรียกว่า “บลู” เพราะมีแสงอาทิตย์รอดลงมาจากปล่องถ้ำมีสีสันเป็น “สีน้ำเงิน” ถ้ำน้ำลอดที่มีการกระทบของแสงกับน้ำทะเลสีครามทำให้ภายในบริเวณถ้ำประกายไปด้วยแสงสีน้ำเงิน
เมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento City)เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ตั้งอยู่ในภาคใต้ของอิตาลี และยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ เมืองนางเงือก มีท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลใส อากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศริมชายฝั่งส่วนจะเป็นหน้าผาสูง สลับกับหาดทรายเล็กๆพอให้ลงเล่นน้ำได้ มีภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตามีสีสันที่ไม่เหมือนที่ใด ทั้งบ้านเรือนสีสวยที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา ในขณะที่ร่มชายหาดสีสดกางเป็นแถวแนวอยู่เบื้องล่าง สามารถเดินทางเที่ยวชมได้โดยการใช้บริการรถนำเที่ยว เช่น City Singhtseeing Bus , Sorrento Fun Tour เป็นต้น
กรุงโรม เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ
นครวาติกัน (Vatican) ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ถือเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นครแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ผู้เป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นครวาติกันนี้เป็นรัฐอิสระ จัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชม เช่น พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งออกแบบโดยมีเกลันเจโล เป็นต้น
พิพิธภัณท์วาติกัน (Vatican Museums) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางด้านศาสนาและศิลปะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในรัฐวาติกัน แห่งกรุงโรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมผลงานทางศิลปะของศาสนจักรคาทอลิกที่มีอายุหลายร้อยปีไว้ให้ชม โดยเฉพาะไฮไลท์ของผลงานชิ้นเอกของศิลปินระดับโลกหลายท่าน เช่น Michelangelo และ Raphael ภายในยังได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามตั้งแต่พื้นยันเพดาน ทำให้พิพิธภัณท์วาติกันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของคนมาเที่ยวกรุงโรม โดยภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงผลงานศิลปะจากประติมากรรมคลาสสิกที่มีชื่อเสียงที่สุด
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) เป็นมหาวิหาร 1 ใน 4 มหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และ สำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่น สามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน
เฟียต้า (Pieta) งานประติมากรรมหินอ่อนโดยฝีมือของมีเกลันเจโล บูโอนาร์โรตี (ไมเคิลแองเจลโล) เป็นรูปพระแม่มารีย์ประทับบนแท่นหิน ขณะที่รองรับพระศพของพระบุตรไว้ในท่าพาดบนตักหลังจากที่ถูกนำลงจากไม้กางเขน Pieta ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากหินอ่อนบริสุทธิ์ สูง 5 ฟุต 9 นิ้ว เป็นประติมากรรมที่มองแล้วแสดงถึงอารมณ์ แววตา สีหน้าอันเศร้าของพระแม่มารีย์ และถือเป็นผลงานอันงดงามมากที่สุดชิ้นนึงของโลกเลยที่เดียว ปัจจุบัน Pieta ตั้งอยู่ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร
โคลอสเซี่ยม (Colosseum) สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคประวัติศาสตร์ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกของชาวโรมันโบราณ โดดเด่นในด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรม โดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบัน เชิญชมความยิ่งใหญ่ในอดีตของจักรวรรดิโรมันโบราณ ที่มีอายุกว่า 2,500 ปี สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน
ประตูชัยคอนสแตนติน (Arch of Constantine) เป็นซุ้มประตูที่มีชื่อเสียงในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ประตูชัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของจักรพรรดิคอนสแตนตินในการสู้รบที่สะพานมิลเวียน การออกแบบโดยทั่วไปของซุ้มประตูนั้นมีส่วนหลักที่มีโครงสร้างเป็นเสาเดี่ยว และห้องใต้หลังคาที่มีจารึกหลักอยู่ที่บริเวณด้านบน ซึ่งได้จารึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชัยชนะของการรบอันยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์โรมันนั่นเอง
อนุสาวรีย์กษัตริย์วิกเตอร์เอ็มมานูเอล (Victor Emmanuel Monument) กษัตริย์พระองค์แรกของอิตาลี ผู้รวมรวมชาติอิตาลีเข้าไว้ด้วยกัน ตัวอนุสาวรีย์จะตั้งอยู่บนเนินเขาแคปปิทอลไลน์ (Capitoline Hill) สร้างขึ้นในปี 1895-1911 ออกแบบโดย Giuseppe Sacconi ตัวอาคารเป็นหินอ่อน รายล้อมด้วยเสาหินขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นรูปปั้นกษัตริย์เอ็มมานูเอลที่ 2 ทรงม้า นอกจากนี้ด้านในของอาคารยังเป็นที่ฝังศพของเหล่าทหารทั้งหลายที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1
โรมันฟอรัม (Roman Forum) เป็นศูนย์กลางทุกด้านของกรุงโรมโบราณเป็นที่รวมของเหล่านักปราชญ์ผู้วางรากฐานประชาธิปไตยให้โลกจนปัจจุบัน และศูนย์กลางการประชุมทางการเมือง การปกครอง มีโบสถ์วิหารสำหรับบูชาเทพเจ้าของโรมัน ปัจจุบันส่วนใหญ่เหลือแต่ซาก แต่ก็ยังเห็นโครงสร้างของความยิ่งใหญ่ที่สำคัญ ตัวหมู่อาคารฟอรัมทั้งหมด ใช้เวลาก่อสร้างเป็นเวลายาวนานถึง 900 ปี ทั้งยังใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจและที่ชุมนุมทางการเมืองแต่เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมลงโรมันฟอรัมก็ถูกทิ้งร้าง
น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร ออกแบบโดย Francesco Salvi เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "Three Coins in the Fountain" กลางน้ำพุจะมีรูปสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ซึ่งเทพเจ้าเนปจูนนี้จะทรงประทับมาบนรถม้ามีปีก ซึ่งซ่อนความหมายเอาไว้ว่าจะนำพามาซึ่งความเจริญมั่งคั่งแก่กรุงโรมแห่งนี้ มีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญหนึ่งเหรียญลงในสระน้ำพุเทรวี่ จะสามารถขอพรให้สมหวังได้หนึ่งข้อ
บันไดสเปน (Spanish Steps) ถูกเรียกชื่อตามสถานฑูตสเปน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนั้น ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ชื่อ Francesco de Sanctis เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1723 ถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของกรุงโรม และยังเป็นแหล่งพบปะของหนุ่มสาว ผู้คนชอบที่จะมานั่งเรียงรายบนบันไดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม และของชำร่วยชื่อดังของกรุงโรมอันมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามโปรดระวังกระเป๋าเงินและสิ่งของมีค่าด้วย เพราะที่แห่งนี้เป็นแหล่งชุกชุมของมิจฉาชีพทั้งหลาย
สนามบินเลโอนาร์โด ดา วินชี ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci International Airport) ตั้งอยู่ในเมืองฟีอูมีชีโน ซึ่งห่างจากศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของโรม 35 กิโลเมตร สนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ด้วยจำนวนผู้โดยสาร 35,226,351 คน ในปี พ.ศ. 2551
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553