หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
เมืองเก่าที่ได้รับการจัดตั้งเป็น'พิพิธภัณฑ์เมืองปอมเปอี'ซึ่งอดีตเต็มไปด้วยงานศิลปะและวัฒนธรรมที่ถูกกลืนหายไปจากการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียสในคศ79 เถ้าถ่านลาวาได้ไหลทับถมเมืองหายไปทั้งเมืองจมอยู่ใต้ดินกว่า1,500ปี เคยมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่แน่นขนัดไปด้วยร้านค้า ตลาดและห้องแถว สนามกีฬา โรงละคร วิหาร โรงอาบนํ้าสาธารณะ หอนางโลม โรงแรมถึง 130 แห่ง หลังจากการขุดสำรวจในศตว16 ภาพชีวิตของชาวโรมันกว่าสองพันปีได้ปรากฏแก่สาธารณะชน เชิญสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอีและพลังอำนาจของธรรมชาติ
เมืองซอร์เรนโต้ (Sorrento) ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศอิตาลี เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องสถานพักตากอากาศ น้ำทะเลใส อากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศริมชายฝั่งเป็นหน้าผาสูงสลับกับหาดทรายเล็กๆ มีทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา อีกทั้งยังมีร้านขายของโบราณขนาดเล็กหลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าขึ้นชื่อของเมืองนี้อย่าง ผลิตภัณฑ์งานเซรามิค งานไม้แกะสลัก
เกาะเล็กๆที่มีธรรมชาติสวยงาม เป็นสถานที่ตากอากาศของบุคคลสำคัญๆมาช้านานซึ่งรายได้หลักของเกาะนี้มาจาก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สู่ชุมชนคาปรีอันเก่าแก่ตั้งรกรากมาแต่บรรพบุรุษจนกลายเป็นศูนย์กลางของเกาะ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการท่องเที่ยวและตากอากาศ ร้านรวงเปิดให้บริการนักช้อปปิ้งได้เลือกสรร
ถ้ำบลูกร็อตโต (Blue Grotto) เป็นถ้ำทะเลบนชายฝั่งของเกาะคาปรีเกาะสวรรค์ทางตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งทะเลได้กัดกร่อนหินปูนจนเป็นรู ปัจจุบันนี้มีน้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งเนื่องจากบริเวณทะเลแผ่นดินทรุดตัวลง เรียกว่า “บลู” เพราะมีแสงอาทิตย์รอดลงมาจากปล่องถ้ำมีสีสันเป็น “สีน้ำเงิน” ถ้ำน้ำลอดที่มีการกระทบของแสงกับน้ำทะเลสีครามทำให้ภายในบริเวณถ้ำประกายไปด้วยแสงสีน้ำเงิน
เมืองนาโปลี หรือ เนเปิ้ล เป็นเมืองหลวงของแคว้นกัมปาเนีย อยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลี ติดกับอ่าวเนเปิลส์ กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟ2แห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียสและกัมปีเฟลเกรย์ และถือเป็นเมืองท่าของเรือสำราญท่องเที่ยวในเขตเมดิเตอเรเนียนที่สำคัญ มีชื่อเสียงในด้านความร่ำรวยทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศาสตร์การทำอาหาร เป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลีมาตลอด 2,800 ปีนับแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา โดยเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
กรุงโรม เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางไปกรุงโรม เพื่อชื่นชมกับศิลปะ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่ทุกหัวมุมถนน เต็มไปด้วยโบสถ์ สิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โต และรูปปั้นโบราณ และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น ตลาดหัวเมืองโรมันโบราณ โคลอสเซียม โบสถ์ซิสทิน แพนธีออน น้ำพุเทรวีอันเลื่องชื่อ
นครวาติกัน (Vatican) ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ถือเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นครแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ผู้เป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นครวาติกันนี้เป็นรัฐอิสระ จัดว่าเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก มีสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชม เช่น พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งออกแบบโดยมีเกลันเจโล เป็นต้น
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) เป็นมหาวิหาร 1 ใน 4 มหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และ สำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่น สามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน
โคลอสเซี่ยม (Colosseum) สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคประวัติศาสตร์ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกของชาวโรมันโบราณ โดดเด่นในด้านการออกแบบและสถาปัตยกรรม โดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆ ในปัจจุบัน เชิญชมความยิ่งใหญ่ในอดีตของจักรวรรดิโรมันโบราณ ที่มีอายุกว่า 2,500 ปี สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน
โรมันฟอรัม (Roman Forum) เป็นศูนย์กลางทุกด้านของกรุงโรมโบราณเป็นที่รวมของเหล่านักปราชญ์ผู้วางรากฐานประชาธิปไตยให้โลกจนปัจจุบัน และศูนย์กลางการประชุมทางการเมือง การปกครอง มีโบสถ์วิหารสำหรับบูชาเทพเจ้าของโรมัน ปัจจุบันส่วนใหญ่เหลือแต่ซาก แต่ก็ยังเห็นโครงสร้างของความยิ่งใหญ่ที่สำคัญ ตัวหมู่อาคารฟอรัมทั้งหมด ใช้เวลาก่อสร้างเป็นเวลายาวนานถึง 900 ปี ทั้งยังใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจและที่ชุมนุมทางการเมืองแต่เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมลงโรมันฟอรัมก็ถูกทิ้งร้าง
น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นน้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เทรวี ริโอเนในกรุงโรมในประเทศอิตาลี เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร ออกแบบโดย Francesco Salvi เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง "Three Coins in the Fountain" กลางน้ำพุจะมีรูปสลักหินอ่อนเป็นรูปเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ซึ่งเทพเจ้าเนปจูนนี้จะทรงประทับมาบนรถม้ามีปีก ซึ่งซ่อนความหมายเอาไว้ว่าจะนำพามาซึ่งความเจริญมั่งคั่งแก่กรุงโรมแห่งนี้ มีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญหนึ่งเหรียญลงในสระน้ำพุเทรวี่ จะสามารถขอพรให้สมหวังได้หนึ่งข้อ
บันไดสเปน (Spanish Steps) ถูกเรียกชื่อตามสถานฑูตสเปน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนั้น ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน ชื่อ Francesco de Sanctis เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1723 ถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของกรุงโรม และยังเป็นแหล่งพบปะของหนุ่มสาว ผู้คนชอบที่จะมานั่งเรียงรายบนบันไดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม และของชำร่วยชื่อดังของกรุงโรมอันมีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามโปรดระวังกระเป๋าเงินและสิ่งของมีค่าด้วย เพราะที่แห่งนี้เป็นแหล่งชุกชุมของมิจฉาชีพทั้งหลาย
ถนนแฟชั่นเวียคอนดอตติ หรือ Via Condotti เป็นถนนที่มีคนมาที่นี่เป็นจำนวนมาก และ มีความทันสมัยมาก ของกรุงโรมประเทศอิตาลี เป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งแฟชั่นในโรม ถนนทอดตรงจากบันไดสเปนไปบรรจบกับเวียร์คอร์โซ มีร้านสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิเช่น Gucci, Bulgari, Prada, Hermès, Ferragamo, Armani, Trussardi, Valentino และอื่นๆ ถนนแห่งนี้ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินกรุงโรม Spagna
เปียซซาเดลซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) จุดศูนย์กลางเเห่งอำนาจของเมืองฟลอเรนซ์ ที่มีความเก่าเเก่เเละประวัติศาสตร์เรื่องราวให้เล่าขานอย่างมากมาย จนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวฟลอเรนซ์ ต้องไม่พลาดมาเที่ยวชมซักครั้ง นับว่าเป็นพื้นของจัตุรัสใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ ที่มีความเก่าเเก่สวยงาม เเละเต็มไปด้วยประติมากรรมชั้นยอด ของศิลปินเอกชาวอิตาเลี่ยนมากมายมาตั้งรวมกันอยู่ จนมีคนกล่าวว่ามันเหมือนกับเเกลลอรี่กลางเเจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เเละเต็มไปด้วยงานประติมากรรมที่ทรงคุณค่าเเละประเมินค่าไม่ได้
สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) เป็นสะพานเก่าแก่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ ยังคงหลงเหลือมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1333 มีสีเหลืองทองอร่าม บวกกับสองฟากของสะพานถูกสร้างเป็นตึกแถว ซึ่งถูกใช้เป็นร้านขายของ อาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้ามากมาย สมัยก่อนเป็นร้านขายเนื้อสัตว์ ต่อมามีการปรับปรุงทัศนียภาพ เลยเปลี่ยนให้กลายเป็นร้านขายทอง ด้านบนหลังคาของอาคารพาณิชย์ได้ต่อเติมให้เป็นทางเดินลอยฟ้า เชื่อมระหว่างพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี่กับพระราชวังพิตติ
เมืองปิซา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดปิซาอยู่ในแคว้นทัสกานี ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ)ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร เชิญเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 6 มรดกโลก เช่น จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา,มหาวิหารปิซา,หอศีลจุ่มเมืองปิซา,หอเอนเมืองปิซา,สุสานนักบุญ,พิพิธภัณฑ์มหาวิหารปิซา
หอเอนแห่งเมืองปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) หอคอยหินอ่อนซึ่งถือเป็นอีกสัญลักษณ์ประเทศอิตาลี และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ของศาสนสถานของชาวคริสต์ ใช้เวลาสร้างนานกว่า 176 ปี แต่เกิดการทรุดตัวลงเมื่อสร้างถึงชั้นที่ 3 จึงหยุดก่อสร้างไป จนอีกประมาณ 100 ปีต่อมาถึงมีผู้สร้างต่อได้จนครบ 8 ชั้น และได้นำระฆังไปติดในอีกร่วม 100 ปีต่อมา จนเสร็จสมบูรณ์เหมือนที่เห็นในปัจจุบัน กาลิเลโอได้เคยมาพิสูจน์ทฤษฏีการตกของวัตถุที่ยอดของหอเอนแห่งนี้
ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี เป็นส่วนประกอบของหมู่บ้านหลากสีทั้งห้าแห่ง หมู่บ้านทั้งห้าจากเหนือลงมาใต้ Monterosso, Vernazza, Corniglia, Manarola, และ Riomaggiore ที่อยู่ติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ในประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ชอบการชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของตึกรามบ้านช่องที่ถูกฉาบไว้ด้วย สีสันสะดุดตามากมาย ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสที่อยู่ด้านหลัง เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่สวยงาม
หมู่บ้านริโอแมกจิโอเร (Riomaggiore Village) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีเสน่ห์ และมีบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผา ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีตัดกับน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอร์ควอยซ์ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
หมู่บ้านมานาโรลา (Manarola Village) อาจได้เชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่เล็กเป็นอันดับสอง แต่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาหมู่บ้านทั้ง 5 ของ ชิงเกว แตร์เร ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1338 ในประเทศอิตาลี โดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูงชันบนฝั่งริเวียรา เป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยสีสันอันสดใส
เมืองหลวงของแคว้น เอมีเลีย-โรมัญญา ตั้งอยู่ในหุบเขาโป ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนามากที่สุด โดยโบโลญญามีชื่อเสียงในเรื่องของธรรมชาติอันงดงาม มีสิ่งก่อสร้าง งานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่ามากมาย อีกทั้งยังถือเป็นศูนย์กลางศาสตร์ด้านอาหารของประเทศด้วย อาทิเช่น ซอสลากู สำหรับสปาเก็ตตี้ หรือ ลาซานญ่า นอกจากนี้เมืองโบโลญญา ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Alma Mater Studiorum มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลีด้วย
เวนิส (Venice) หรือ เวเนเซีย (Venezia) เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ได้รับฉายาทั้ง ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และเมืองแห่งแสงสว่าง เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกัน มีคลองเล็กๆ กว่า 150 คลอง เต็มไปด้วยสะพานกว่า 400 สะพานเชื่อมถึงกัน มีเรือกอนโดล่าเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของนักท่องเทีี่ยว รวมทั้งบ้านเรือนสีสันสดใสอายุเก่าแก่เรียงรายกันอยู่ เวนิสเป็นเมืองมรดกโลกและถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่าสุดแสนโรแมนติกของอิตาลีด้วย
เกาะเวนิส (Venice Island) หรือเวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก สมญานามว่าเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และเมืองแห่งแสงสว่าง เพราะในเกาะแห่งนี้มีคลองมากมายหลายสาย แล้วยังมีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ มีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง บริเวณซานมาร์โคนั้นเป็นศูนย์กลางของเกาะเวนิสแห่งนี้ ไฮไลต์สำคัญของที่แห่งนี้ คือ การนั่งเรือกอนโดล่าชมบรรยากาศของเมือง และการไปชมความงดงามของมหาวิหารซันมาร์โก
จัตุรัสเซนต์มาร์ก หรือ จตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco | Saint Mark Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองเวนิส ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม มีโบสถ์ซานมาร์โค หรือ โบสถ์เซนต์มาร์ก เป็นจุดเด่นของลานกว้าง บริเวณรอบๆ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ไว้คอยบริการมากมาย และรอบๆ จัตุรัสยังมีอาคารที่สำคัญสองแห่งคือ หอระฆัง และ หอนาฬิกา อีกด้วย
มหาวิหารซานมาร์โค หรือ โบสถ์เซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้ชมเข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเวนิส ตั้งอยู่ที่จัตุรัสซานมาร์โค ตัวโบสถ์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยตั้งแต่ยุคไบแซนไทน์จนถึงยุคเรอเนสซองส์ มีการประดับอย่างงดงามด้วยโมเสก และประติมากรรมต่างๆ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อำนาจ และความมั่งคั่งของเวนิส
พระราชวังดอจส์ เป็นที่ทำการของรัฐบาลเวนิสและที่พำนักของผู้ดำรงตาแหน่งเจ้าเมืองในอดีต ตัวอาคารกะทัดรัดในแบบโกธิค เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มากว่า 800 ปีมาแล้ว เมื่อสมัยเวนิสยังเป็นสาธารณรัฐอิสระ ซึ่งเคยร่ำรวยและมีอำนาจมหาศาลและเคยส่งให้มาร์โคโปโลเดินทางไปเมืองจีน เชิญเยียมชมพระราชวังเก่าโบราณเวนิส และเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีตในอดีต
สะพานสะอื้น หรือบางคนเรียกว่า "สะพานแห่งการทอดถอนใจ” ซึ่งทอดข้ามด้านหลังวังของผู้ปกครองเวนิสในอดีต ไปยังคุกที่อยู่อีกฟากฝั่งคลอง ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้คือจุดหายใจเฮือกสุดท้ายแห่งอิสรภาพของเหล่านักโทษ และคุกแห่งนี้เองเป็นที่คุมขังนักรักกระเดื่องนาม “คาสโนว่า” ซึ่งเขาเป็นนักโทษเพียงคนเดียวที่สามารถแหกคุกนี้หนีออกมาได้ปัจจุบันวังแห่งนี้ได้รับการดูแลรักษาไว้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์สำคัญของเมือง
ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto Pier) อยู่ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี เป็นจุดจอดรับ-ส่ง เป็นท่าล่องเรือที่มีเรือบริการในการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ของเมือง มีการบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ฝั่งคลองโดยทางเรือ นับเป็นเมืองที่คลองมากกว่าถนนอีกเมืองหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาล่องเรือเพื่อผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่ เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใครโดยใช้เรือแทนรถใช้คลองแทนถนน
เมืองเวโรน่า เมืองเก่าแก่ เล็กๆ อยู่ตอนเหนือของเวนิส ประเทศอิตาลี มีอารีนาเป็นสนามกีฬาศูนย์กลางของเมือง บ้านเรือนสวยงามสร้างจากหินอ่อนสีชมพู เป็นวังและปราสาทเก่าๆ ปรับมาเป็นโรงแรม ที่พัก และที่สำคัญเป็นเมืองของวิลเลียม เชคเปียร์ บ้านของจูเลียต ที่เกิดโศกนาฏกรรมความรัก โรมิโอกับจูเลียต ในปี ค.ศ. 2000 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติก็ประกาศให้เวโรนาเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม
โรงละครโรมันกลางแจ้ง (Verona Arena) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3ของโลก สร้างขึ้นเมื่อตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1โดยมีลักษณะเช่นเดียวกับโคลอสเซียมในกรุงโรม เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการเปิดแสดงโอเปร่าหรือคอนเสิร์ตกลางเเจ้งในสนามกีฬาอยู่เป็นประจำ
บ้านจูเลียต เมืองเวโรนา ที่โด่งดังมาจากนิยายรักอมตะเรื่องเอกของ วิลเลี่ยม เชกส์เปียร์ โรมิโอและจูเลียต เรื่องนี้แต่งจากเรื่องจริงของคู่รักที่อาศัยอยู่ในนครเวโรนา ประเทศอิตาลี ภายในบ้านของจูเลียตจะเห็นระเบียงที่โรมิโอปีนเข้าหาจูเลียต รูปปั้นจูเลียตที่เป็นบรอนซ์ ปั้นโดย N.Costantini ว่ากันว่าใครอยากสมหวังในเรื่องความรักก็ให้ไปจับที่หน้าอกของ จูเลียตเพื่อขอพรให้สมหวังในความรัก
เมืองซีร์มิโอเน่ (Sirmione) ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่อายุนับ 2,000 ปี มีหลักฐานและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมัน ทั้งกำแพงเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันสงคราม ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และปัจจุบันเป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบ ถึงแม้เมืองซีร์มิโอเน่จะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อย่างเช่นความเก่าแก่ของปราสาทเมือง The Scaliger of Sirmione และวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบการ์ดา
ทะเลสาบการ์ดา (Lake Garda) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเวโรนา เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอิตาลี เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมที่สุดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลีตรงบริเวณครึ่งทางระหว่าง Brescia และ Verona และระหว่างเมืองเวนิสและมิลานบนขอบ Dolomites ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง ชื่อ Garda ในศตวรรษที่ 8 มาจากเมืองที่มีชื่อเดียวกันที่วิวัฒนาการมาจากคำว่า Germana Warda ที่หมายถึง สถานที่แห่งการสังเกตการณ์ ที่เพียบพร้อมไปด้วยทัศนียภาพอันสวยงามของแนวเทือกเขาแอลป์
ปราสาทเก่าแก่ของเมือง (The Scaliger Castle of Sirmione) ตั้งอยู่ในเมืองซีร์มิโอเน่ ประเทศอิตาลี ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันเมืองจากผู้บุกรุก เนื่องจากสมัยนั้นยังมีการทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมือง เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีน้ำล้อมรอบ ประตูต่าง ๆ ของปราสาทมีระบบล็อกมากมายตั้งแต่สะพานยกสำหรับรถม้า จนกระทั่งประตูบานคู่ที่เห็นได้ตามตัวปราสาท
เมืองมิลาน หรือ มิลาโน่ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเครื่องหนัง เป็นเมืองแห่งแฟชั่นสำคัญเมืองหนึ่งของโลก มิลานเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดียในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มีประชากรประมาณ 1,308,500 คน และมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า “ปาเนตโตเน” อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน มีแกลอรี่ชื่อดัง โบสถ์ที่สวยงาม และโรงละครโอเปร่า
มหาวิหารแห่งมิลาน (Milan Cathedral) เป็นมหาวิหารที่มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองมิลาน เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของมิเมือง ซึ่งวิหารตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีระดับความสูง 108.5 เมตรจากพื้นดิน และถูกรายล้อมด้วยยอดแหลมประมาณ 135 ยอดบนหลังคาทำให้มหาวิหารดูสง่า สวยงามแปลกตา
แกลลอเรียวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 เป็นอาคารศูนย์การค้าและห้างเก่าแก่และสง่างามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมที่ทันสมัย มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองท้า และนาฬิกา แบรนด์เนมชื่อดังมากมาย อาทิ หลุยส์ วิตตอง,พราด้า,เฟอรากาโม่,อาร์มานี่,เวอร์ซาเช่ หรือ เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อิสระให้สำรวจสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของอิตาลีตามอัธยาศัย
ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโกโม ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางเหนือของประเทศอิตาลี บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ มีพื้นที่ 146 ตารางกิโลเมตร เป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดอันดับต้นของประเทศ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอิตาลี ทางเหนือของทะเลสาบคือ เทือกเขาแอลป์ เปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เสน่ห์ของทะเลสาบแห่งนี้ คือ “วิลล่า” บ้านพักตากอากาศอันหรูหรา เรียงรายรอบๆ ทะเลสาบโคโม จนกลายเป็นศูนย์รวมชนชั้นสูงและบุคคลมีชื่อเสียงของยุโรป
สนามบินนานาชาติมิลาโนมัลเปนซา หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติมิลาโนมัลเปนซา (Milan Malpensa Airport) ตัวย่อสนามบิน: MXP นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “สนามบินมิลาน” เป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศสาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) ให้บริการครอบคลุมพื้นที่เมืองมิลาน (Milan) และแคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy)
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553