หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
นิกโก้ (Nikko) เป็นเมืองเก่าเล็กยุคเอโดะ ที่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้ได้ดี จนมีการโปรโมทการท่องเที่ยวว่า Nikko is Japan ตั้งอยู่ในทิวเขาในจังหวัดโทะจิงิ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองหน้าด่านของโตเกียว รุ่งเรืองในสมัยโชกุนโตกุกาว่า เพราะนิกโก้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามติดอันดับของญี่ปุ่น มีธรรมชาติสวยงามและมีโบราณสถานที่อยู่ใน UNESCO World Heritage List
อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกประจำประเทศญี่ปุ่น โดยมีพื้นที่กว้างขวางครอบคลุมพื้นที่ของเมืองนิกโก้ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติที่สวยงามติดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบชูเซนจิ น้ำตกเคงอนอันเลื่องชื่อ บ่อน้ำร้อน และเซนโจกะฮาระหรือบริเวณที่ลุ่มชื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร ที่ซึ่งมีจุดเด่นคือในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ดอกไม้ของที่นี่จะเบ่งบานพร้อมกันไปทั่วทั้งแถบ รวมทั้งมีนกป่าหายากอีกหลากหลายสายพันธุ์
ศาลเจ้านิกโกโทโชกุ (Nikko Toshogu Shrine) เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรำลึกถึงโชกุนลำดับที่ 1 ของรัฐบาลทหารในยุคเอโดะ ตั้งอยู่ในเมืองนิกโกทางตอนเหนือของภูมิภาคคันโตบนเกาะฮอนชู ซึ่งภายในประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 42 หลัง นอกจากนั้นทางด้านซ้ายของทางเข้าศาลเจ้ายังมีเจดีย์ 5 ชั้น ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1650 โดยชั้นแรกมีลวดลายภาพแกะสลัก 12 จักรราศีตามความเชื่อของจีนโบราณ และถัดจากนั้นคือศาลาไม้เก่าอันมีรูปสลักที่มีชื่อเสียงอย่างมาก อันเป็นผลงานของฮิดาริ จินโกโร่
ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu | Meiji) ตั้งอยู่ในเขตชิบุยะ มหานครโตเกียว เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1920 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ตามความเชื่อของศาสนาชินโต แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาลเจ้าแห่งนี้ได้ถูกทำลายไปหมดสิ้น จนกระทั่งสงครามจบลงจึงได้มีการบูรณะขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปี 1958 สำหรับบรรยากาศภายในศาลเจ้านั้นแม้จะอยู่ในแหล่งพลุกพล่าน แต่ก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ จนเหมือนกับคนละโลกกับภายนอกศาลเจ้า
การแช่น้ำแร่ร้อนธรรมชาติของญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่าการแช่ออนเซ็นนั้น ถือเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมกันมากว่า 1,000 ปี ซึ่งปัจจุบันเรียวกังหลาย ๆ แห่งในญี่ปุ่นได้ใช้วิธีนี้ในการเรียกลูกค้า ด้วยการจำลองรูปแบบของบ่อน้ำพุร้อนหลากหลายแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ ทั้งแบบใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อให้ผู้แช่ได้ดื่มด่ำกับป่าเขา น้ำตก รวมทั้งแบบโบราณ โดยจำลองสถาปัตยกรรมเก่า ๆ สไตล์ญี่ปุ่นก็มี เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการแช่น้ำร้อนนั้น นอกจากจะทำให้เลือดลมหมุนเวียนดีแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณผุดผ่องอีกด้วย
น้ำตกเคกอน (Kegon Waterfall) เป็นหนึ่งในสามน้ำตกมีชื่อของญี่ปุ่น ที่ไหลมาจากน้ำในทะเลสาบชูเซนจิ และแม่น้ำ Daiya River เข้าไว้ด้วยกัน จุดชมวิวที่ทางอุทยานได้สร้างขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถซึมซับภาพกระแสน้ำขนาดมหึมา ที่ตกลงมาตรงหน้าและละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่ว ถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น เราสามารถชมความงามในระยะใกล้ โดยใช้ลิฟท์ลงสู่หุบเขาเบื้องล่างสู่ “ทะเลสาบชูเซนจิ” ซึ่งเป็นการก่อตัวจากหินละลาย ที่ระเบิดมาจากภูเขาไฟนันไต ปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของสถานที่พักตากอากาศมากมาย
ทะเลสาบซูเซนจิ เป็นทะเลสาบที่ก่อตัวจาการระเบิดของหินภูเขาไฟตั้งอยู่ทางเชิงภูเขาไฟนันไต น้ำในทะเลแห่งนี้สวยงามเป็นสีฟ้าคราม ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานตากอากาศมากมาย และยังเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของน้ำตกเคง่อนอีกด้วย นำท่านชมความงดงามของ น้ำตกเคง่อน ที่มีความสูงถึง 97 เมตร และมีทั้งหมด 12 ชั้น ทั้งยังเป็น 1 ใน 3 ของน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นท่านสามารถลงลิฟต์สัมผัสความงามของหุบเขาเบื้องล่างได้อย่างใกล้ชิด
ไร่สตรอว์เบอร์รีในญี่ปุ่นเป็นไร่ผลไม้ตามฤดูกาลที่มีรสชาติหวาน สีแดงสด และมีลูกใหญ่ โดยส่วนใหญ่จะปลูกอยู่ในโรงเรือนพลาสติก สำหรับการชมไร่สตรอว์เบอร์รีนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเด็ดสตรอว์เบอร์รีสดๆ จากต้นรับประทานได้เองตามสบาย ในเวลา 30 นาที ต่อคนละประมาณ 1,000-1,500 เยน โดยที่ญี่ปุ่น ช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รีนั้นค่อนข้างยาวนานเกือบตลอดทั้งปี ตามภูมิอากาศของแต่ละภูมิภาค ซึ่งแหล่งที่เพาะปลูกมากที่สุดคืที่โทะจิงิ ฟุกุโอะกะ และซะงะ
มหานครโตเกียว หรือ "โตเกียว" เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคคันโต มีระบบการปกครองพิเศษที่รวมการปกครองแบบจังหวัดและเมืองไว้ด้วยกัน โตเกียวได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และที่นี่ยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงแลนด์มาร์คสำคัญๆ ที่ได้รับการโหวตให้ติดอันดับโลกในด้านการท่องเที่ยวอยู่เนืองๆ หากใครคิดจะมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่ได้มาเยือนโตเกียวซักครั้งแล้วล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกค้างคาใจ เหมือนมาไม่ถึงประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
วัดอาซากุสะ (Asakusa) หรือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ เป็นวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ภายในวัดมีเทวรูปคันนงประดิษฐานอยู่ รวมทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมอันศักดิ์สิทธิ์ที่ใครมาขอพรสิ่งใดก็สมความปรารถนาทุกประการ นอกจากนี้ยังมีโคมแดงยักษ์อันเป็นสัญลักษณ์ประจำวัด ที่ใครมาถึงต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ชินจูกุ หรือ ย่านชินจูกุ แหล่งช้อปปิ้งขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลายคนอาจไม่เชื่อว่าในอดีตย่านนี้เป็นเพียงที่ "ทิ้งขยะของเมือง" แต่ปัจจุบันชินจูกุได้แปรสภาพกลายเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ เป็นศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าชื่อดัง อาทิ อิเซตัน (Isetan) ทาคาชิมายะ (Takashimaya) ดองกี้ (Don Quijote) โอดะคิว (Odakyu) รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์สำคัญอีกหลายแห่งที่รอให้นักท่องเที่ยวไปทำความรู้จัก
เชิญเลือกชมและซื้อสตรอเบอร์รี่ของชาวญี่ปุ่นที่โตเกียว มีการปลูกอย่างพิถีพิถันและได้รับการดูแลเอาใจใส่ทุกกระบวนการทุกขั้นตอน ทำให้ผลสตรอเบอร์รี่ที่นี่มีขนาดใหญ่ สีแดงสด รสชาติหวานกว่าบ้านเราหลายเท่า พร้อมชมวิธีการเก็บสตรอเบอร์รี่ และยังสามารถชิมสตรอเบอร์รี่ในไร่นี้และซื้อกลับมาเป็นของฝากได้ ไม่ว่าจะเป็นผลสตรอเบอร์รีสดๆ ขนมต่างๆ ที่แปรรูปจากสตรอเบอรี่ สตอรเบอรี่ที่นี่ สามารถทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่ปลายเดือนมค-มีค ไม่ใส่สารเร่งสี เร่งโต เร่งความหวาน ซึ่งประทับใจกับรสชาติอันแสนอร่อยและหอมหวาน
ย่านฮาราจูกุ (Harajuku) แหล่งรวมตัวของวัยทีนในกรุงโตเกียว ย่านนี้นอกจากมีร้านค้าแบรนด์ดัง แหล่งช็อปปิ้ง ร้านเครปญี่ปุ่นขึ้นชื่อ และคาเฟ่เก๋ๆ มากมายแล้ว ไฮไลท์ที่หลายคนอยากมาสัมผัสซักครั้งก็คือการแต่งตัวรวมทั้งประชันแฟชั่นกันอย่างสนุกสนานของบรรดาวัยรุ่น หากมาในย่านนี้ต้องไม่พลาดแวะขอพรที่ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ต่อด้วยการช้อปปิ้งที่ถนน Takeshita Dori ส่วนในฝั่งของถนน Ometesando นั้นเรียกได้ว่าเป็นถนนแห่งร้านแบรนด์เนมซึ่งเป็นย่านสำหรับวัยผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย
ชิบุย่า แหล่งท่องเที่ยวและย่านที่ฮิตที่สุดแห่งหนึ่งของมหานครโตเกียว ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการรวมตัวยอดนิยมของวัยรุ่นและวัยทำงาน เพราะเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า และแฟชั่นต่างๆ มากมาย โดยย่านชิบุย่านั้นมีศูนย์กลางอยู่ตรงสถานีรถไฟชิบุย่า หนึ่งในสถานีใหญ่ของโตเกียวที่มีความซับซ้อน เพราะมีรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินหลายสาย จึงทำให้สถานีชิบุยะมีผู้คนผ่านไปมาถึงวันละประมาณ 2 ล้านต้นๆ ที่สำคัญชิบุย่ามีจุดนัดพบที่มีชื่อเสียงนั่นก็คือบริเวณอนุสรณ์รูปปั้นของสุนัขชื่อฮาจิโกะนั่นเอง
วัดนาริตะซัน ตั้งอยู่ในเมืองนาริตะ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคคันโต โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี ผู้คนจะแห่แหนมาขอพรที่วัดแห่งนี้อย่างล้นหลาม ภายในวัดมีเจดีย์ 5 ชั้นอยู่ 1 คู่ มีส่วนหย่อมและสระน้ำขนาดใหญ่ ส่วนอาคารหลักของวัดนั้นมีสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย แต่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสำนักงานใหญ่ของโรงเรียนสอนศาสนาลัทธิชินกอน และถือเป็น 1 ใน 3 วัดหลักของลัทธิคันโตที่ได้สร้างขึ้นอุทิศแด่ เทพเจ้าฟูดูเมียวโอะซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งไฟ
อิออนมอลล์ เป็นศูนย์ค้าปลีกและมีสินค้าหลากหลายชนิดจำหน่ายในราคาที่ไม่แพง ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยภายในห้างอิออนนั้นประกอบไปด้วยส่วนของดีพาร์ทเมนท์สโตร์ซึ่งก็คือห้างจัสโก้ และส่วนที่เป็นพลาซ่าหรือร้านค้าย่อย นอกจากนั้นยังมีร้านอาหารให้เลือกรับประทานมากมาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็น ร้านอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดที่สะดวกและราคาไม่แพงมากนัก
ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ เป็นสนามบินหลักที่ให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองนาริตะ จังหวัดจิบะ ในอดีตสนามบินแห่งนี้เคยใช้ชื่อว่า New Tokyo International Airport จนกระทั่งปี 2004 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะถึงแม้ว่าสนามบินแห่งนี้จะให้บริการแก่ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกโตเกียวเป็นหลัก แต่ตัวสนามบินกลับไม่ได้ตั้งอยู่ในโตเกียว ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนชื่อตามแหล่งที่ตั้งนั่นเอง