หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก
นิกโก้ (Nikko) เป็นเมืองเก่าเล็กยุคเอโดะ ที่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้ได้ดี จนมีการโปรโมทการท่องเที่ยวว่า Nikko is Japan ตั้งอยู่ในทิวเขาในจังหวัดโทะจิงิ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองหน้าด่านของโตเกียว รุ่งเรืองในสมัยโชกุนโตกุกาว่า เพราะนิกโก้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามติดอันดับของญี่ปุ่น มีธรรมชาติสวยงามและมีโบราณสถานที่อยู่ใน UNESCO World Heritage List
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge) คือสะพานศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหมือนกับประตูที่จะพาเข้าสู่ศาลเจ้าต่างๆในนิกโก้ สะพานชินเคียวนั้นสร้างในปี 1636 และเป็นหนึ่งใน 3 สะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ความสวยงามของสะพานชินเคียวนั้นจะสวยที่สุดในยามใบไม้เปลี่ยนสี ประมาณปลายเดือนตุลาคมต้นเดือนพฤศจิกายนเมื่อใบไม้ต่างๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ส้ม สีเหลือง สลับกันไปแต่งแต้มให้สะพานแห่งนี้งดงามราวกับภาพวาด นอกจากนี้สะพานชินเคียวยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
ศาลเจ้านิกโกโทโชกุ (Nikko Toshogu Shrine) เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรำลึกถึงโชกุนลำดับที่ 1 ของรัฐบาลทหารในยุคเอโดะ ตั้งอยู่ในเมืองนิกโกทางตอนเหนือของภูมิภาคคันโตบนเกาะฮอนชู ซึ่งภายในประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 42 หลัง นอกจากนั้นทางด้านซ้ายของทางเข้าศาลเจ้ายังมีเจดีย์ 5 ชั้น ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1650 โดยชั้นแรกมีลวดลายภาพแกะสลัก 12 จักรราศีตามความเชื่อของจีนโบราณ และถัดจากนั้นคือศาลาไม้เก่าอันมีรูปสลักที่มีชื่อเสียงอย่างมาก อันเป็นผลงานของฮิดาริ จินโกโร่
ศาลเจ้าฟูทาระซัง หรือ ฟูตาราซัน (Futarasan jinja) ตั้งอยู่ที่เมืองนิกโก้ (Nikko) ภายในจังหวัดโทจิงิ (Tochigi) ศาลเจ้าที่มีอายุกว่าพันปี เป็นที่สถิตของเทพเจ้าในลัทธิชินโต 3 องค์ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นผู้นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ญี่ปุ่น นอกจากนี้หน้าศาลเจ้ายังมีโคมสำริดขนาดใหญ่ถูกล้อมด้วยรั้วสีแดงเรียกว่า โคมปิศาจซึ่งมีตำนานเล่าว่าโคมนี้ได้เป็นปิศาจน่าสะพรึงกลัวและออกอาละวาดแต่ถูกซามูไรฟันด้วยดาบจนเกิดร่องรอยบนโคมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ศาลเจ้าฟูทาระซังเปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยมีค่าเข้าชมคนละ 200 เยน
เมืองฟุคุชิมะ (Fukushima) ภูมิภาคโทโฮกุ เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น โด่งดังเรื่องอุตสาหกรรมประมงขนาดใหญ่จึงมีอาหารทะเลสดๆ จำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็มีผลไม้ที่ขึ้นชื่อคือ พีช (Momo) เชอร์รี่ (Sakuranbo) องุ่น ฯลฯ และยังเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ สามารถเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟชินคันเซ็นใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมืองนี้แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามมากมายไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ สถานที่ชมซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี
การแช่น้ำแร่ร้อนธรรมชาติของญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่าการแช่ออนเซ็นนั้น ถือเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมกันมากว่า 1,000 ปี ซึ่งปัจจุบันเรียวกังหลาย ๆ แห่งในญี่ปุ่นได้ใช้วิธีนี้ในการเรียกลูกค้า ด้วยการจำลองรูปแบบของบ่อน้ำพุร้อนหลากหลายแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ ทั้งแบบใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อให้ผู้แช่ได้ดื่มด่ำกับป่าเขา น้ำตก รวมทั้งแบบโบราณ โดยจำลองสถาปัตยกรรมเก่า ๆ สไตล์ญี่ปุ่นก็มี เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการแช่น้ำร้อนนั้น นอกจากจะทำให้เลือดลมหมุนเวียนดีแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณผุดผ่องอีกด้วย
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองชิโรอิชิ ในภูเขาของจังหวัดมิยากิ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ.1990 ภายในหมู่บ้านมีสัตว์นานาชนิดกว่า 100 ตัว และสุนัขจิ้งจอก 6 สายพันธุ์ที่วิ่งไปมาได้อย่างอิสระในพื้นที่กว้าง เราสามารถเข้าถึงตัวสัตว์ต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด และสามารถป้อนอาหารและอุ้มสุนัขจิ้งจอกได้
ตุ๊กตาไม้ อันเป็นสัญลักษณ์ประจำภูมิภาคโทโฮขุ ซึ่งได้การรับรองอย่างเป็นทางการให้เป็นศิลปะพื้นเมืองประจำชาติ โดยมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยหัวกลมโต ลำตัวตรง ( แต่ในปัจจุบันมีลำตัวมีความหลากหลายมากขึ้น ) และใบหน้าของตุ๊กตาแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไปเพราะการวาดใบหน้านั้นจะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้วาดในข่วงเวลานั้นๆ และในส่วนของฐานต้องมีชื่อของช่างแกะสลักไว้ด้วย ภายพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีการจัดแสดงตุ๊กตาโคเคชิที่รวบรวมมาจากทุกหมู่เกาะในญี่ปุ่น รวมทั้งการแสดงวิธีการผลิตตุ๊กตาโดยช่างมืออาชีพด้วย
เมืองเซนได ได้รับการขนานนามว่า "เมืองแห่งต้นไม้" เนื่องจากเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี ท่านสามารถสัมผัสได้ถึงการผสมผสานระหว่างธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญไม่ต่างจากกรุงโตเกียว แต่มีขนาดพื้นที่กว้างกว่า ประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าต่างๆ เชิญเที่ยวชมถนนโจเซนจิ-โดริย่านเมืองเก่า เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งจุใจที่อิจิบังโจ ย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง นมัสการกราบไหว้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวองค์สูง รวมทั้งเทพเจ้าอื่นๆ และชมวิวทิวทัศน์สวยงามของเมืองเซนได
ท่าเรือชิโกม่า (Shiogama Port) หรือ ท่าเรือชิโอะงะมะ ตั้งอยู่ที่จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นท่าเรือสมัยใหม่ของภูมิภาคโทโฮกุ และได้มีการพัฒนาจนอยู่ในระดับชั้นนำของญี่ปุ่น อีกทั้งยังสามารถล่องเรือชมรอบอ่าวมัตสึชิมะ (Matsushima) ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนี้ท่าเรือยังมีการจัดพื้นที่เพิ่มความสะดวกสบายใหม่ โดยการใช้ริมน้ำเป็นฐานวัฒนธรรมทางทะเล,ฐานการท่องเที่ยว,ฐานชุมชนเมือง มีของฝาก,อาหารทางทะเล และร้านซูชิให้เลือกซื้อมากมาย
ล่องเรือชมอ่าวมัตสึชิม่า (Matsushima Bay Boat) ซึ่งเป็นอ่าวที่ได้รับการยกย่องว่ามีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น มาล่องเรือเพื่อชมความงดงามของหมู่เกาะกว่า 260 เกาะ ที่มีรูปร่างแตกต่างกัน อันเกิดจากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติอย่างน่าอัศจรรย์ มาสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวประมงที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเลี้ยงหอยนางรมคุณภาพ รวมทั้งได้สนุกสนานไปกับการให้อาหารนกนางนวล ที่คอยบินโฉบมากินอาหารจากมือ
วัดโกไดโดะ (Godaido) เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายตั้งอยู่ในเมืองมัตสึชิมะ จังหวัดมิยากิ มีภูมิทัศน์ที่สวยงามได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสามของสถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น มีอาคารที่เก่าแก่ที่สุดเขตพื้นที่โตโฮกุที่มีสถาปัตยกรรมแบบโมโมยามะและได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒรธรรมที่สำคัญ
วัดซูอิกันจิ (Zuiganji Temple) เป็นวัดเซนที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ภายในอาคารมีการลงรักปิดทองและเพ้นท์สีประตูบานเลื่อนไว้อย่างสวยงาม ตั้งอยู่ในพื้นที่สวยงามและมีชื่อเสียงของญี่ปุ่นของเมืองมัตซูชิม่า มีอนุสาวรีย์ทางธรรมชาติซึ่งขึ้นทะเบียนโดยจังหวัดคือ ต้นพลัม Garyubai ที่ปลูกโดยผู้บัญชาการทหารที่มีชื่อเสียงของดาเตะ มะซามูเนะ
วัดเอนสึอิน (Entsuin Temple) สร้างขึ้นเพื่อไว้ทุกข์และบูชาเทพมิทสึมุเนะ เทพแห่งความเมตตาที่เสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 19 ปี ทางเข้าวัดมีสวนมอสและหินตั้งอยู่และด้านหลังวัดเป็นป่าไม้สนซีดาร์สำหรับนั่งทำสมาธิ บริเวณพื้นที่วัดเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพภายในหลุมฝังศพตกแต่งด้วยทองคำ และภาพวาดหรูหรา รวมถึงสัญลักษณ์แบบตะวันตกเป็นรูปดอกจิก หัวใจ ข้าวหลามตัด โพธิ์ดำ ไม้กางเขน และรูปดอกกุหลาบที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองเซ็นได ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นสำหรับป้องกันเมือง ต่อมาเกิดไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1882 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินด้านนอกและหอรักษาความปลอดภัย จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองด้านล่างที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ของปราสาทอาโอบะซึ่งอาคารมีรูปแบบเหมือนปราสาทที่เคยมีอยู่ในสมัยเอโดะ ภายในจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ และโรงละครแสดงภาพยนตร์สั้นๆเกี่ยวกับปราสาทให้ชมอีกด้วย
ถนนคลิสโรด (Clis Road) ตั้งอยู่ใจเมืองเซ็นไดใกล้กับสถานีรถไฟเซ็นไดและสถานีรถไฟใต้ดินโอบะ โดริ ไอชิบันโช ถือเป็นถนนสายช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง มีพื้นที่กว้างขวางยาวไปหลายช่วงตึก โดยสินค้ามีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารท้องถิ่นหรือฟาสต์ฟู้ด ร้านคาเฟ่เก๋ๆ ศูนย์เกมส์ ไปจนถึงแบรนด์เนมระดับไฮเอน
สถานีรถไฟยูโนคามิ ออนเซ็น (Yunokami Onsen Station) ตั้งอยู่ที่ ฟุกุชิมะ เป็นสถานีรถไฟเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่น ที่มีอาคารสถานีที่ทําจากหลังคาแบบญี่ปุ่นโบราณ อีกทั้งในบริเวณติดกันยังมีจุดออนเซนเท้าให้ใช้บริการได้ฟรีระหว่างที่รอรถไฟ มาเพลิดเพลินกับการแช่ออนเซ็นเท้าเพื่อผ่อนคล้ายพร้อมกับชมธรรมชาติไปด้วยก่อนที่รถไฟจะมา
หมู่บ้านโออุจิ จูกุ (Ouchi Juku) หมู่บ้านโบราณที่อดีตเคยเป็นเมืองสำคัญในยุคเอโดะ ที่สร้างเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนา เรียงรายกันสองฝั่งกินระยะทางประมาณ 500 เมตร มีบ้านโบราณประมาณ 40-50 หลัง เมื่อปี พ.ศ. 2524 หมู่บ้านโออุจิจูคุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันหมู่บ้านโบราณหลายหลังในโอะอุชิ จูคุได้รับการบูรณะใหม่ จนกลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักมากมายในหมู่บ้านแห่งนี้
หน้าผาโทโนะเฮทสึริ (To no Hetsuri) หรือ หน้าผาล้านปี ตั้งอยู่ในฟุกุชิมะ เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น โดยหน้าผาริมแม่น้ำโอคาวะนี้ ถูกกัดเซาะโดยน้ำที่ไหลผ่าน กว่าจะสึกกร่อนเป็นเวลานานเป็นล้านปี จนกลายมาเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
เมืองไอสุ (Aizu) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมซามูไร ไม่ว่าจะเป็นปราสาทหรือตัวเมืองที่ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของยุคสมัยโบราณ นอกจากนี้ไอสุยังมีมนต์เสน่ห์เรื่องของออนเซ็น และท่านยังจะได้เพลิดเพลินไปกับการกินลมชมวิวบนรถไฟสายพิเศษตู้รถไฟสไตล์โบราณ และตู้รถไฟชมวิวที่มีการติดตั้งกระจกไว้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) หรือ ปราสาทนกกระเรียน ตั้งอยู่เมืองไอสุ-วาคามัทสุ สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1384 โดย Ashina Naomori เพื่อเป็นกองบัญชาการทางทหารในสมัยไอซึ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1868 เกิดสงครามโบชินและถูกเผาในสงครามกลางเมือง ปราสาทนี้ได้ผ่านเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มามากมาย ทำให้โดนทำลายและสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดได้มีการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1964 ปัจจุบัน เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมืองไอสุ-วาคามัทสุ รวมทั้งเครื่องเขินและดาบโบราณต่าง ๆ
ทะเลสาบหงส์ (Inawashiro Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับสมญานามว่า "เท็นเคียวโกะ" ที่แปลว่า "กระจกแห่งสรวงสวรรค์" อันเนื่องมาจากความใสสะอาดของน้ำ ที่สะท้อนเงาของภูเขาบันไดได้อย่างชัดเจนราวกับกระจกใส ช่วงฤดูที่เหมาะสมในการเที่ยวชมทะเลสาบแห่งนี้คือ ระหว่างเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม ส่วนในช่วงฤดูหนาวราวต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ฝูงหงส์จํานวนหลายพันตัวจะอพยพหนีหนาวมาจากไซบีเรีย เข้ามาอาศัยอยู่เต็มชายหาดของทะเลสาบแห่งนี้
การแช่น้ำแร่ร้อนธรรมชาติของญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่าการแช่ออนเซ็นนั้น ถือเป็นวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมกันมากว่า 1,000 ปี ซึ่งปัจจุบันเรียวกังหลาย ๆ แห่งในญี่ปุ่นได้ใช้วิธีนี้ในการเรียกลูกค้า ด้วยการจำลองรูปแบบของบ่อน้ำพุร้อนหลากหลายแบบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ ทั้งแบบใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อให้ผู้แช่ได้ดื่มด่ำกับป่าเขา น้ำตก รวมทั้งแบบโบราณ โดยจำลองสถาปัตยกรรมเก่า ๆ สไตล์ญี่ปุ่นก็มี เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการแช่น้ำร้อนนั้น นอกจากจะทำให้เลือดลมหมุนเวียนดีแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณผุดผ่องอีกด้วย
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก