หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
สนามบินนานาชาติ ควีน อาเลีย หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติ ควีน อาเลีย หรืออีกชื่อหนึ่งว่า สนามบินนานาชาตอัมมาน (Queen Alia International Airport) ท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอัมมาน ของประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวงอัมมาน สนามบินแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อตามพระราชินีอาเลียผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ในปี 1977
ยอดเขาเนโบเป็นภูเขาอันถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเชื่อว่าที่นี่คือบริเวณที่โมเสส ผู้นำชาวยิวส์เดินทางมาจากประเทศอียิปต์เพื่อมายังเยรูซาเล็มได้เสียชีวิตอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีการฝังศพไว้ที่นี่ นอกจากนั้นบนยอดเขาเนโบยังเป็นที่ตั้งของโบสถ์เมาท์เนโบซึ่งมีการสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในข่วงปี ค.ศ. 300-400 อันเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในยุคไบแซนไทน์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นโบสถ์ที่ระลึกถึงโมเสสนั่นเอง กระทั่งในปี ค.ศ. 2000 โป๊ปจอห์น ปอล ที่ 2 ได้ประกาศให้ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาจนถึงปัจจุบัน
อนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสสตั้งอยู่บนยอดเขาเนโบที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังศพของโมเสส ซึ่งต่อมาได้ถูกประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในปี 2000 เมื่อพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 ได้เสด็จมาแสวงบุญ ณ ยอดเขาแห่งนี้ โดยอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ของโมเสสนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่วิญญาณของโมเสสและพระเยซูคริสต์ รวมทั้งยังมีการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับไม้กางเขนอันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงพระเยซูและโมเสสนั่นเอง ที่สำคัญอุสรณ์แห่งนี้ยังโดดเด่นเป็นสง่าและสามารถมองเห็นได้ถนัดแม้ในระยะไกล
เปตราคือเมืองลึกลับโบราณที่น่าอัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน โดยที่นี่ได้ชื่อว่า “มหานครศิลาทรายสีมชมพู” เนื่องจากเป็นเมืองที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาหินทรายสีชมพูทั้งลูก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน เพราะซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดีมูซา อันเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ซึ่งมีหลักฐานว่าในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองแห่งการค้าขายที่ยิ่งใหญ่มาก่อน และถูกทิ้งร้างเอาไว้จนกระทั่งนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ไปพบเข้า จึงถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกอีกหนึ่งแห่ง
เปตราคือเมืองลึกลับโบราณที่น่าอัศจรรย์ในยุคปัจจุบัน โดยที่นี่ได้ชื่อว่า “มหานครศิลาทรายสีมชมพู” เนื่องจากเป็นเมืองที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาหินทรายสีชมพูทั้งลูก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน เพราะซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดีมูซา อันเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ซึ่งมีหลักฐานว่าในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองแห่งการค้าขายที่ยิ่งใหญ่มาก่อน และถูกทิ้งร้างเอาไว้จนกระทั่งนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ไปพบเข้า จึงถูกรับรองให้เป็นมรดกโลกอีกหนึ่งแห่ง
วิหารเอล-คาซเนท์เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาหินสีชมพู ในนครเปตรา ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่1-2 ตัววิหารมีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร และได้รับการออกแบบโดยมีผลจากอิทธิพลของศิลปะในแบบอิยิปต์ กรีก นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบไปด้วย 3 ห้อง คือห้องโถงใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง และอีกสองห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวา ในอดีตที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับเจ้าเมือง ทั้งยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาและสุสานฝังศพด้วย
เมืองอควาบาเป็นเมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดน ด้วยอากาศที่บริสุทธิ์ และติดทะเลแดงที่ทั้งใสสะอาด จึงทำให้ที่มีเป็นเมืองที่โด่งดังที่สุด ทั้งยังเป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี ตั้งอยู่ใกล้กับฉนวนกาซา และอยู่ไม่ไกลจากประเทศอิสราเอลมากนัก ซึ่งอควาบาถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างทันสมัยหากเทียบกับเมืองอื่นๆ ของจอร์แดน นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เป็นที่สุดในโลกจนได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊คอีกด้วย ซึ่งก็คือเสาธงที่สูงที่สุดในโลกนั่นเอง
ทะเลแดง..ทะเลที่มีน่านน้ำครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือ ประเทศจอร์แดน, อิสราเอล, อิยิปต์ และ ซาอุดิอาระเบีย เป็นทะเลแห่งประวัติสาสตร์ ที่ได้มีการกล่าวขานในพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ว่า ทะเลแห่งนี้เป็นสถานที่โมเสสได้ทำอัศจรรย์โดยการชูไม้เท้าแหวกทะเลแดงเป็นทางเดินพาชาวอิสราเอลหนีให้รอดพ้นจากการตามล่าของทหารอิยิปต์ ชมความใสของน้ำทะเล, ปะการัง, ปลาทะเลหลากชนิด, เม่นทะเล, แมงกะพรุน ฯลฯ
เรือท้องกระจกเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการล่องเรือชมโลกใต้น้ำของทะเลแดง ทะเลที่ถูกกล่าวขานโดยนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทะเลแห่งนี้มีน่านน้ำครอบคลุมถึง 4 ประเทศด้วยกัน นั่นคือ จอร์แดน, อิสราเอล, อิยิปต์ และซาอุดิอาระเบีย โดยเรือท้องกระจกสามารถจุคนได้ประมาณ 30 กว่าคน ด้านล่างเป็นส่วนที่มีท้องกระจก เพื่อชมปะการังและสัตว์ทะเลนานาชนิด
ทะเลทรายวาดิรัม เป็นทะเลทรายที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้กันดีอีกแห่งหนึ่งในจอร์แดน มีภูมิทัศน์ที่มีเสน่ห์ มีความสวยงามที่โดดเด่นเป็นพิเศษ สร้างความสนใจให้แก่นักท่องเที่ยวมาหลายทศวรรษ ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุอาระเบีย เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ เคยถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง Lawrence of Arabia
น้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ (Lawrence's Spring) เป็นสถานที่ที่นายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษ ใช้เป็นสถานที่พัก และคิดแผนการสู้รบกับพวกออตโตมันในอดีต
ภูเขาคาซารี (Khazali Canyon) เป็นภูเขายอดนิยมสำหรับการมาเยือนทะเลทราย Wadi Rum กำแพงภายในภูเขาประกอบไปด้วยตัวอักษรและภาพวาดต่าง ๆ ที่จารึกไว้เป็นแบบ Nabatean, Islamic และ Thamudic ซึ่งแบบของ Nabatean จะเกี่ยวกับภาพแกะสลักรูปอูฐ ม้า แพะภูเขา ผู้คน รอยเท้าต่าง ๆ และจิตวิญญาณ แบบของ Islamic จะเป็นข้อความแกะสลักเกี่ยวกับพระเจ้าและองค์ศาสดามูฮัมมัด แต่แบบ Thamudic นั้นเรากลับไม่ได้เห็น จากการที่ถูกน้ำกัดเซาะจนเสียหาย
เมืองเครัค (Kerak) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ในประเทศจอร์แดน เมืองแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัตศาสตร์ เนื่องจากในอดีตได้รับการกล่าวขานว่า เป็นเมืองแห่งสงครามครูเสด ซึ่งเป็นสงครามระหว่างศาสนาคืออิสลามและศาสนาคริสต์ ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงศตวรรษที่ 11-13 ปัจจุบันเมืองเครัค เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวอีกแห่งของประเทศ ด้วยทิวทัศน์อันงดงามที่เป็นเส้นทางขึ้นเขาไปสู่ตัวเมือง จนได้รับฉายาว่า เป็นแกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน รวมทั้งบรรยากาศของเมืองเก่าอันมีมนต์ขลัง
ปราสาทเครัคแห่งครูเสด (Kerak Castle) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงอันงดงามในเมืองเครัค หรือในเมืองที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองแห่งสงครามครูเสด โดยปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1142 โดยเจ้าผู้ครองเมืองเครัคในยุคนั้น เพื่อใช้ควบคุมเส้นทางทั้งทางเหนือและทางใต้ของนักรบครูเสด รวมทั้งใช้เป็นฐานที่มั่นในการต่อสู้สงครามกับกองทัพมุสลิมด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ก็ได้ถูกนักรบมุสลิมภายใต้การนำทัพของแม่ทัพซาลาดิน ทำลายลงอย่างราบคราบ
ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) หรือรู้จักกันในอีกชื่อ “ทะเลมรณะ” ส่วนชาวอาหรับจะเรียกที่นี่ว่า “อัลบาห์รัลไมยิต” สามารถเข้าชมได้จากสองประเทศคือ จอร์แดนและอิสราเอล ทะเลสาบเดดซีขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่เค็มที่สุดในโลก มีปริมาณเกลือสูงถึง 30 % ของปริมาณน้ำทั้งหมดด้วยความหนาแน่นของเกลือนั่นเองที่ทำให้เราสามารถเอนกาย ทิ้งตัวล่องลอยอยู่บนผืนน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์
เมืองเจราช (Jerash) เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของประเทศจอร์แดน โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ ด้วยที่นี่เคยมีสถานะเป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของชนชาติโรมันมาก่อนราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล ดังนั้นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างในเมืองแห่งนี้จึงล้วนแต่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบโรมันทั้งสิ้น จนทำให้เจราชได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองโรมันโบราณเจราช หรือเมืองพันเสา รวมทั้งปอมเปอีแห่งตะวันออก
โอวัลพลาซ่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองเจราช ซึ่งในอดีตนั้นที่นี่คือสถานที่นัดพบปะ ชุมนุมสังสรรค์กันของชาวเมืองเจราช ด้วยความกว้างถึง 90 เมตร และความยาว 80 เมตร โดยล้อมรอบด้วยทางเท้าขนาดกว้างและต้นเสาอันเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในช่วงศตวรรษที่ 1 จากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 7 จึงได้มีการบูรณะต่อเติมให้มีเสาตรงกลางอีก 2 ต้น พร้อมกับน้ำพุขนาดใหญ่
น้ำพุใจกลางเมืองเจราช เป็นน้ำพุที่ตกแต่งประดับด้วยหินอ่อนหันหน้าไปในระดับล่าง ทาสีฉาบปูนในระดับบน และราดด้วยหลังคาโดมครึ่ง สร้างช่องยักษ์ใหญ่ น้ำระดับล่างผ่านเจ็ดหัวสิงโตแกะสลักลงในแอ่งเล็ก ๆ บนทางเท้า สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ดและตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
กรุงอัมมาน (Amman) เป็นเมืองหลวงของประเทศจอร์แดน ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 6,000 ปี ทั้งยังเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างอารยะธรรมยุคเก่า และโลกปัจจุบันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ กรุงอัมมานยังเป็นเมืองบนภูเขา ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ ซากวิหารในสมัยโรมัน พิพิธภัณฑ์เก่าแก่ และซากพระราชวังเก่าที่มีอายุหลายพันปี เป็นต้น
ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Amman Citadel) เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่บนภูเขาซิตาเดล และยังมีพิพิธภัณฑ์โบราณสถานแห่งแรกกับโบราณสถานอื่น ๆ อีกมากมายให้ชม ป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน และเมืองต่าง ๆ รอบเมือง ที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิว และจุดถ่ายรูปที่สวยสุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็นโรงละครโรมัน ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดน ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 6,000คน และมีตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งดูแล้วแปลกตายิ่งนัก
สนามบินนานาชาติ ควีน อาเลีย หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติ ควีน อาเลีย หรืออีกชื่อหนึ่งว่า สนามบินนานาชาตอัมมาน (Queen Alia International Airport) ท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอัมมาน ของประเทศจอร์แดน ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวงอัมมาน สนามบินแห่งนี้ได้รับการตั้งชื่อตามพระราชินีอาเลียผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ในปี 1977
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553