หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
เมืองหลวง และเป็นเทืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศลิทัวเนีย ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำวิลเนีย และแม่น้ำเนริ โดยเมืองวิลนีอุสมีชื่อเสียงทางด้านงานสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ จึงได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี ค.ศ. 2009 ภายในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นผลงานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่ามากมาย อาทิเช่น โบสถ์เซนต์แอน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดในวิลนีอุส ปราสาท Gediminas ปราสาทเก่าแก่ที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง เป็นต้น
ย่านเมืองเก่าในเมืองวิลนีอุส ถือเป็นเขตเมืองเก่าในยุคกลางที่มีพื้นที่มากที่สุดในเขตยุโรปกลาง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย โดยในเขตเมืองเก่าแห้งนี้ เป็นที่ตั้งของ อาคาร สิ่งก่อสร้าง งานสถาปัตยกรรมในช่วงศตวรรษที่ 15 และ 16 ตั้งอยู่มากมาย ซึ่งสถาปัตยกรรมเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองวิลนีอุสได้เป็นอย่างดี
ทราไค (Trakai City) อดีตเมืองหลวงเก่าของประเทศลิทัวเนีย ที่มีประชากรหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน เป็นเมืองพักตากอากาศติดริมทะเลสาบที่มีความสวยงาม ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่นี่เต็มไปด้วยปราสาทเก่าแก่ ป่าเขา อาคารบ้านเรือนสไตล์คาเรม รายล้อมด้วยทะเลสาบหลายแห่งที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล
ปราสาททราไค (Trakai Castle) หรือปราสาทที่ใครหลายๆคนเรียกว่า Little Marienburg ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆในทะเลสาบ เกรฟ ตัวปราสาทสร้างขึ้นจากอิฐสีส้ม มีสะพานไม้เชื่อมกับอีกฝั่งไว้ เพื่อให้เดินข้ามไปมา มีทัศนีภาพโดยรอบทะเลสาบ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และโรแมนติกที่สุดในลิทัวเนีย
เมืองชัวเลย์ (Siauliai City) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศลิทัวเนีย เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญ รวมทั้งยังเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่ง ตัวเมืองถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้และแม่น้ำ ซึ่งในอดีตตัวเมืองถูกเผาทำลายมากถึง 7 ครั้ง แต่ในปัจจุบันได้มีการซ่อมแซม ดูแลจนกลายเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรือง และยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกด้วย
สุสานไม้กางเขน (Hill of Crosses) ตั้งอยู่ในเมืองชัวเลย์ ประเทศลิทัวร์เนีย เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาที่คริสต์ศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือ สุสานแห่งนี้มีไม้กางเกงเขนจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนอัน มีทั้งขนาดเล็ก และใหญ่แตกต่างกันออกไป ทำให้สุสานไม้กางเขนมีลักษณะเหมือนกับเนินเขา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงาม
ริก้า (Riga City) เมืองหลวงของของประเทศลัตเวีย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเดากาวา บริเวณริมฝั่งทะเลบอลติก ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มรัฐบอลติก รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ การศึกษา อุตสาหกรรม และเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศในแถบนี้ ภายในเมืองริก้า มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์มากมาย อาทิเช่น ศูนย์ประวัติศาสตร์ริก้า ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก อนุสาวรีย์อิสรภาพ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ เป็นต้น
พระราชวังรุนดาเล่ (Rundale Palace) หรือพระราชวังฤดูร้อน ตั้งอยู่เมืองซิกุลดา ประเทศลัตเวีย หนึ่งในงานสถาปัตยกรรมสไตล์บาร๊อคในแถบบอลติค โดยปราสาทแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย ห้องต่างๆได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา มีความงดงามตระการตา นอกจากนี้ยังมีสวนสไตล์ฝรั่งเศส ที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม อันเต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้นานาพันธุ์
วิหารโดม (Dome Cathedral) วิหารเก่าแก่ประจำเมืองริก้า สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ด้านในบรรจุออร์แกนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป
เคยเป็นหนึ่งใน 28 หอสังเกตการณ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการเมือง
สร้างขึ้นในปี 1330 เพื่อเป็นที่อยู่ของ Livonian Order เคยถูกทำลายไปในศตวรรษที่ 15 โดยชาวเมืองและได้รับการสร้างขึ้นใหม่โดยชาวเมืองเช่นกัน ปัจจุบันนอกจากเป็นที่อยู่ของประธานาธิบดีของลัทเวีย ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ด้วย
เมืองพาร์นู (Parnu) เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองรีสอร์ทตากอากาศริมทะเลของประเทศเอสโตเนีย เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สวยงามแปลกตาและมีสถาปัตยกรรมที่โรแมนติก มีรีสอร์ท สปา โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์ชั้นนำ และชายหาดหลายแห่ง เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมท่องเที่ยวในฤดูร้อนและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเอสโตเนีย
บ้านไม้ (Wooden House) เมืองพาร์นู ประเทศเอสโตเนีย เป็นบ้านไม้สไตล์อาร์ตนูโว และแบบแอสโทเนียนดั้งเดิมที่มีสไตล์เฉพาะตัว จนกลายเป็นต้นแบบบ้านเรือนที่นำไปสร้างในสไตน์บอลติค มีสีสันสวยงามให้เดินชมได้อย่างเพลิดเพลิน
เมืองหลวงของประเทศเอสโทเนีย ซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งตอนใต้ของอ่าวฟินแลนด์ ห่างจากกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวง ประมาณ 70 กิโลเมตร โดยทาลลินน์ ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามในช่วงยุคกลาง รวมทั้งบริเวณเชิงเขาในเมืองยังคงมีกำแพงเมืองโบราณหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบเมืองยังเต็มไปด้วยสวนสาธารณะที่มีหญ้าเขียวขจี มีดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับเมืองเล็กๆแห่งนี้ให้ดูสดใส เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล
ย่านเมืองเก่าตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของเมืองทาลลินน์ โดยย่านเมืองเก่าแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซน Toopea Hill ซึ่งเป็นบริเวณที่พักของเหล่าชนชั้นสูง และโซน Lower Old Town บริเวณที่พักของบรรดาพ่อค้า บริเวณนี้จึงถือเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเมืองในช่วง ศตวรรษที่ 13 - 16 ด้วย ท่านจะได้เที่ยวชมย่านเมืองเก่าที่มีความโดดเด่นด้วยการปูพื้นถนนด้วยก้อนอิฐ และสิ่งก่อสร้างที่มุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีแดงที่ช่วยสร้างสีสันให้กับตัวอาคารได้เป็นอย่างดี
ย่านทูมเปีย (Toompea) เป็นเนินเขาหินปูนที่ตั้งอยู่ที่เมืองทาลลินท์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย และยังเป็นที่ตั้งของปราสาททูมเปีย ปัจจุบันได้ใช้เป็นอาคารรัฐสภาและหน่วยงานราชการหลายแห่งตั้งอยู่ ที่นี่มีภูมิทัศน์ธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก
โบสถ์อเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ คือ โบสถ์ในศาสนาคริสต์ นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประจำเมืองโซเฟีย เมืองหลวงของประเทศบัลแกเลียด้วย โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกเหล่าทหารกล้าที่สละชีพเพื่อชาติในสงครามช่วงปี 1877 - 1878 ที่ทำให้บัลแกเลียมีอิสรภาพจากอาณาจักรออตโตมัน โดยจุดเด่นของสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ คือ หอระฆังขนาดใหญ่ 11 อัน ซึ่ง 1 ในนั้นถือเป็นหอระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองทาลลินน์ด้วย
ท่าอากาศยานเฮลซิงกิ หรือ “สนามบินเฮลซิงกิ” มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เฮลซิงกิ-แวนต้า” (Helsinki-Vantaa Airport) เป็นสนามบินนานาชาติหลักของกรุงเฮลซิงกิ (Helsinki) ประเทศสาธารณรัฐฟินแลนด์ (Republic of Finland) โดยถือเป็นประตูสำคัญสู่ประเทศ เป็นสนามบินที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับ 4 ของกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic Countries) และเป็นสนามบินที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 โดยมีเส้นทางการบินกว่า 130 เส้นทางใน 45 ประเทศทั่วโลก โดยมีกว่า 21 เส้นทางที่บินตรงสู่เอเชียและอเมริกา
จตุรัสซีเนเตอร์ หรือ เซเนทสแควร์ (Senate Square) รายล้อมไปด้วยอาคารสำคัญๆ ที่สร้างในยุคที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย จตุรัสกลางเมืองแห่งนี้เป็นที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ ๆ สำคัญของเมือง มีขนาดใหญ่รองรับคนได้หลายหมื่นคน และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า
โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ (Temppeliaukio Church) หรือ โบสถ์แห่งความรัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบสถ์หิน (Rock Church) นั้นเป็นศาสนสถานที่มีความน่าสนใจอย่างมากอีกเเห่งของฟินเเลนด์ ตั้งอยู่ในกรุงเฮลซิงกิ มีความสวยงามเเละเเปลกตาอย่างมากช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยือนโบสถ์เเห่งนี้อย่างมากเลยทีเดียว จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครมาเที่ยวเฮลซิงกิเเล้วไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมความสวยงามของที่นี่กัน
มาร์เก็ตสแควร์ (Market Square) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวของเมืองเฮลซิงกิ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเที่ยวชมกัน เพราะเป็นตลาดนัดที่มีชื่อเสียงใจกลางเมือง เป็นแหล่งขายของมากมาย ที่นำเอาสิ่งของหลากหลายชนิดมาตั้งขายกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารนานาชนิด พวกผักผลไม้หลากหลายประเภท มีปลาแซลมอนขาย แม้กระทั่งหนังกวางเรนเดียร์ก็มีให้เลือกซื้อหากันได้ รวมถึงสินค้าพวกงานฝีมือสวยๆของที่ระลึกต่างๆ ที่นี่..ยังเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญ อาทิ ทำเนียบประธานาธิบดี ศาลากลางและโบสถ์
ห้างสรรพสินค้าสต็อคมานน์ (Stockmann) เป็นอาคารธุรกิจที่สำคัญทางวัฒนธรรม และเป็นห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้ามากมายที่ดำเนินการโดยบริษัทสต็อคมานน์ โดยที่นี่ถือเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเขตประเทศนอร์ดิก ซึ่งประกอบไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมที่หรูหรา รวมถึงมีโซนอาหารคุณภาพดี และสินค้าอื่น ๆ ที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล