หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก
พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ พระนอนตาหวาน ตั้งอยู่ภายในวัดเจาทัตยี ใกล้กับพระเจดีย์ชเวดากอง เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในประเทศพม่า ตัวองค์พระมีความยาวถึง 65 เมตร สูง 16 เมตร เป็นพระนอนที่มีชื่อเสียงมาก และเป็นหนึ่งในพระนอนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า โดยดวงตาที่มีขนาดใหญ่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวเรียกว่าพระตาหวานนั้นผลิตจากแก้วที่สั่งทำพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ดวงตามีลักษณะเหมือนกับดวงตามนุษย์จริงๆ นั่นเอง
ตลาดสก๊อต หรือเรียกอีกอย่างว่า ตลาดโบ-ยก อองซาน (Bogyoke Aung San Market) สถานที่ช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศพม่า เป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลาย เป็นแหล่งรวมของฝากนานาชนิด มีร้านค้าถึง 2,000 ร้าน และมีสินค้าขายหลากหลายครบครันในราคาไม่แพง เช่น อาหารนานาชาติ เสื้อผ้า ของที่ระลึก อัญมณี เครื่องประดับต่างๆ ผลงานหัตถกรรมอย่าง ไม้แกะสลัก เครื่องแกะสลัก เครื่องลงรักปิดทอง ถ้วย จาน ชามแบบโบราณ โคมไฟแก้วแบบต่างๆ แจกันเจียระไน รวมถึงผ้าไหมลายสวยงาม
เจดีย์โบตาทาวน์ (Botahtaung Pagoda) แห่งเมืองย่างกุ้ง สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุ ที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี พ.ศ. 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์ จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และยังพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ จารึกดินเผาภาษาบาลีและตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์
เทพทันใจพม่า หรือ นัตโบโบยี (Nat Bobogyi) เป็นหนึ่งในที่เที่ยวพม่าระดับไฮไลท์ ที่ทุกคนที่ได้ไปพม่าจะต้องมาเพื่อขอพรที่นี่ เทพทันใจตั้งอยู่ที่เจดีย์โบดาทาวน์ เมืองย่างกุ้ง ซึ่งเชื่อกันว่าเจดีย์แห่งนี้มีเทพทันใจคอยคุ้มครองอยู่ หากเพื่อนๆ มาสักการะขอพรจะทำให้สมปรารถนารวดเร็วทันใจ ทั้งเรื่องการเงิน การงาน ความรัก ค้าขาย โชคลาภ โดยเฉพาะ เรื่องเงินทอง บารมีแรง เสริมดวงให้ชีวิตราบรื่นในทุกๆ ด้าน จึงเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าและชาวไทยให้การสักการะและนับถือเป็นอย่างมาก
เทพกระซิบ (Mya Nan Nwe) หรือ อะมาดอว์เมียะ ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีลไม่ยอมกินเนื้อสัตว์ จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็น "นัต" ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว การบูชานั้นจะต้องกระซิบขอพรที่ข้างหูเบาๆ และบูชาด้วยมะพร้าว กล้วยนาก นอกจากนี้ยังนิยมบูชาด้วยน้ำนมและข้าวตอก รวมทั้งดอกไม้ซึ่งมักจะเป็นดอกมหาหงส์ ที่คนพม่านิยมใช้บูชาพระกันทั่วไป
พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง คือ 1 ใน 5 มหาบูชาสถานที่พุทธศาสนิกชนในพม่าให้ความนับถือ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระทางทิศเหนือของย่างกุ้ง เป็นเจดีย์เก่าแก่ที่สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 6-10 นอกจากนี้ชาวพม่ายังมีความเชื่อว่าภายในเจดีย์แห่งนี้เป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ารวม 8 เส้นด้วยกัน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา เจดีย์ชเวดากองได้ถูกทำให้เสียหายด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งจากสงคราม และภัยธรรมชาติ เป็นต้น แต่ทว่าตัวเจดีย์ก็ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่เรื่อยมา
พุกาม (Bagan) เมืองโบราณเก่าแก่ ติดอันดับเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามและมีเสน่ห์ที่สุดของประเทศพม่า ซึ่งพุกามเคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์ด้านศิลปวิทยาการและพระพุทธศาสนา มีเจดีย์มากถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์ เมืองนี้เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวอยากมาเยี่ยมชมโดยเฉพาะชาวเอเชีย เพราะเมืองนี้ยังคงกลิ่นอายความเงียบสงบและมีมนต์ขลัง ท่ามกลางซากปรักหักพักที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต
พระเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในดินแดนแห่งทะเลเจดีย์ในเมืองพุกามแห่งนี้ เจดีย์สีทองรูประฆังคว่ำที่ชาวพม่าเคารพและนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์แห่งนี้เป็นอย่างมาก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำคัญทั้งหมด 3 ส่วน คือ พระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้ว ที่กษัตริย์แห่งศรีลังกานำมาถวาย พระธาตุกระดูกไหล่ และพระธาตุพระนลาฏ
วัดสีขาวเก่าแก่ของพุกาม เจดีย์และมีลวดลายปูนปั้นงามที่สุด ตั้งอยู่ทางตะวันออกของกำแพงเมืองพุกาม สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขานันทมูล บนเทือกเขาหิมาลัย อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 8 รูป ภายในวัด มีวิหารขนาดใหญ่สี่เหลี่ยมจัตุรัส
วัดมนูฮา หรือ วัดมนูหะ (Manuha Temple) เป็นวัดที่พระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญที่พ่ายแพ้แก่พระเจ้าอโนรธา สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1059 เพื่อหวังพ้นวัฎฎะสงสาร จะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้แก่ผู้ใดอีก และสั่งสมบุญไว้สำหรับชาติหน้า โครงสร้างวิหารค่อนข้างแคบ มีพระนอนหนึ่งองค์กับพระพุทธรูปอีก 3 องค์ สร้างใหญ่เต็มพื้นที่ นั่งเบียดเสียดอยู่ภายในศาลาสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก สะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัดที่มาอยู่ในมือพม่า และความคับแค้นพระทัยของกษัตริย์เชลยพระองค์นี้เป็นอย่างดี
เครื่องเขินพุกาม (Myanmar Lacquerware) เป็นสินค้ามีชื่อเสียงที่สุดในพม่า เช่น ถ้วยน้ำ จานรอง โถใส่ของตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ หีบใส่ของต่าง ๆ พม่าเป็นกลุ่มชนที่ผลิตและพัฒนาเครื่องเขินในมณฑลล้านนา ต่อเนื่องยาวนานมากกว่าประเทศเอเชียอาคเนย์อื่น รูปแบบลวดลายมีเอกลักษณ์ ปัจจุบันยังคงผลิตเครื่องเขินตามรูปแบบและวิธีการอย่างโบราณ เชิญชมงานฝีมือเครื่องเขินพุกาม ขูดลายสวย เคลือบด้วยรัก หาง แท้ น่าสะสมหรือใช้งานจริง
วัดกูพะย๊อกจี หรือ วัดกุบยางกี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม และออกแบบให้แสงจากภายนอก ส่องเข้าหาองค์พระพุทธรูป ทำให้ดูสวยงาม และภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเหลือมากที่สุด เป็นภาพพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ที่แห่งนี้ถือว่าเป็นที่ที่สวยที่สุดในพุกามก็ว่าได้
วัดติโลมินโล หรือ วิหารติโลมินโล (Htilominlo Temple) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพุกาม ห่างออกจากตัวเมืองพุกาม 1.5 กม เป็นวัดสูงถึง 46 ม. ฐานยาวเท่ากันทั้ง 4 ทิศ ขนาด 46 ม. ทั้ง 4 ด้านมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ชั้นแรกและชั้นสองมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ สามารถเดินถ่ายรูปและชมความงามรอบ ๆ องค์ได้ ทั้งสองชั้นมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่กับลวดลายปูนปั้นประณีตสวยงาม สร้างโดยพระเจ้าติโลมิโล เมื่อปี พ.ศ. 1761 ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากทั้งภายในและภายนอก
เจดีย์สัพพัญญู หรือ วัดถัดบินยู (Thatbyinnyu Pagoda) เจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในทะเลเจดีย์พุกาม ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถัดจากวัดอนันดา และถือว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คท่องเที่ยวสำคัญที่ห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเมืองพุกาม ตัวองค์เจดีย์มีความสูงอยู่ประมาณ 61 เมตร มีศิลปะแบบปาละของอินเดีย ถือเป็นแม่แบบของสถาปัตยกรรมพม่า
วิหารธรรมยังยี หรือ วัดธัมมะยังจียังจี หรือ ธรรมเจดีย์ (Dhammayangyi Temple) ซึ่งแปลว่า “แสงสว่างแห่งธรรม” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้กลางทุ่งเจดีย์เมืองโบราณพุกาม ถือว่าเป็นวัดที่มีทัศนียภาพสง่างาม ชาวพุกามถือว่าเป็นวิหารที่สง่างามและใหญ่ที่สุดของเมือง วิหารหรือเจดีย์นี้สร้างโดยพระเจ้านราธู โอรสของพระเจ้าอลองสิธู เจดีย์นี้สร้างไม่เสร็จและไม่มียอด มีการก่ออิฐปิดกั้นแกนภายในไว้ วิหารธรรมยังจี มีลักษณะผังวิหารคล้ายกับอานันทวิหาร มีทางเดิน 2 ชั้นล้อมรอบ
เจดีย์ชเวสันดอ หรือ เจดีย์เชวซั่งดอพยา เป็นเจดีย์สูง สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามหาราช เชื่อว่าภายในบรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า และเนื่องจากมีความสูง และมีชานเป็นระเบียงถึง 5 ชั้น จากบริเวณนั้น สามารถมองเห็นทัศนียภาพของพุกามได้อย่างชัดเจน จึงมีผู้มาชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นกันเนืองแน่น
โชว์เชิดหุ่นกระบอกพม่า หรือ หุ่นกระบอกโชว์ (Myanmar Puppet Show) เป็นการแสดงพื้นเมืองเชิดหุ่นกระบอกพม่าด้านการดนตรี การประพันธ์จากบทร้องและบทเพลง บรรเลงงดงาม มีสีสัน ชีวิตชีวา และอ่อนช้อย ราวกับหุ่นมีชีวิตจริง มีอารมณ์ ด้วยจังหวะการเชิดที่ลงตัว สอดรับกับการพากษ์และดนตรี เต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ตามท้องเรื่องสนุกสนาน ถือเป็นการแสดงที่รวบรวมสุดยอดของศิลปะพม่า ที่หาชมได้ยาก ถ่ายทอดผ่านการแสดงหุ่นกระบอกไม่ว่าจะเป็นชุดเครื่องทรง เครื่องประดับ ออกแบบตัดเย็บและปักร้อยมาอย่างประณีตตระการตา งามดังเนรมิตร
อมรปุระ อดีตเมืองหลวงของประเทศพม่า ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ออกไป 12 กิโลเมตร สร้างโดยพระเจ้าโบ่ต่อในปี 1782 และถือว่าเป็นราชธานีที่มีอายุน้อยที่สุดเพียง 76 ปี ปัจจุบันอมรปุระเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการทอผ้าไหมแบบดั้งเดิม และการทอผ้าฝ้ายและทองสัมฤทธิ์หล่อ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่เดินทางไปยังมัณฑะเลย์ด้วย
สะพานอูเบ็ง สะพานไม้สักที่เก่าแก่และยาวที่สุดในโลก อายุ 200 ปี ตั้งอยู่ที่เมืองอมรปุระ ก่อนจะเข้าถึงตัวเมืองมัณฑะเลย์ มีความยาวถึง 1.2 กิโลเมตร ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมานไปยังเจดีย์เจ๊าต่อจีที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ พระเจ้าปุดงโปรดให้ขุนนางนามว่า "อูเบ็ง" เป็นแม่ทัพนายกองงานสร้างสะพานนี้ โดยสร้างจากไม้สักที่เหลือจากการรื้อพระราชวังเก่ากรุงอังวะ กว่า 1,208 ต้น เมื่อครั้งย้ายเมืองหลวงจากอังวะมายังอมรปุระ เชื่อมระหว่าง 2 หมู่บ้านบนทะเลสาบตองทามัน เป็นอีกจุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Palace) เป็นพระราชวังสุดท้ายแห่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพม่า ก่อนถูกทำลายโดยทหารอังกฤษในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง จนปัจจุบันได้รับการบูรณะโดยรัฐบาลพม่าและลอกแบบโครงสร้างเดิม ภายในพระราชวัง มีตำหนักน้อยใหญ่ที่เป็นที่ประทับของมเหสี ราชเทวี ราชชายา ราชธิดา และหมู่มวลสนมมากมาย มีท้องพระโรง แท่นประทับพักผ่อน และหอคอย ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองมัณฑะเลย์
วิหารชเวนันดอร์ (Shwenandaw Kyaung | Golden Palace Monastry) วังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ ๆ วิจิตรตระการด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อย ทั้งหลังคา บานประตูและหน้าต่าง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดงในปี พ.ศ. 2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์เพื่อเป็นตำหนักยามแปรพระราชฐาน
วัดกุโสดอ (Kuthodaw Pagoda) ตั้งอยู่เมืองมัณฑะเลย์ เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ซึ่งถือเป็นการสังคายนาครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี โดยได้จารึกเป็นอักษรพม่า ที่ถอดความมาจากภาษาบาลีไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ทั้งหมด 729 แผ่น แต่ละแผ่นจะอยู่ในครอบมณฑป ซึ่งตั้งอยู่โดยรอบวัดแห่งนี้
มัณฑะเลย์ฮิลล์ (Mandalay Hill) ตั้งอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองมัณฑะเลย์เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีสถานที่สำคัญให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชื่นชม มองเห็นเมืองมัณฑะเลย์ได้เกือบทั้งหมด นอกจากจุดชมวิวแล้ว ด้านบนภูเขายังมีวัด วิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้สักการะบูชา โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสวยงามมากอีกแห่งหนึ่ง
วัดพระหินอ่อน หรือ วัดจ๊อกต่อจี ถูกสร้างขึ้นตามแบบวัดอนันดาของเมืองพุกาม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนแกะสลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า มีน้ำหนักถึง 60 ตัน สูง 37 ฟุต แกะสลักโดยช่างชาวเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งถือว่าเป็นช่างที่ฝีมือดีที่สุดของ พม่า ส่วนภายในอาณาเขตของพระเจดีย์นี้ก็มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ขนาดความยาวทั้งสิ้นประมาณ 70 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในประเทศพม่าก็ว่าได้ พระพุทธรูปนี้สร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2450 และมีการปฏิสังขรณ์ใหม่ครั้งใหญ่ในปีพ.ศ. 2509
"มหาเมียะมุนี" หรือ "พระยะไข่" (Maha Myat Muni) เป็น 1 ใน 5 ศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของพม่า เปรียบได้กับพระแก้วมรกตของไทย ปัจจุบันประดิษฐานที่เมืองมัณฑะเลย์ อดีตราชธานีของพม่าในยุคราชวงศ์คองบอง เดิมทีเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของยะไข่ ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า "พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม"
เมืองสกายน์ หรือซะไกง์ (Sagaing) เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาที่สำคัญ เราจะได้ชมทัศนียภาพของเมืองสกายน์ ลุ่มแม่น้ำอิระวดี เจดีย์จำนวนมากมายที่ตั้งเรียงรายอยู่บนภูเขา และริมฝั่งแม่น้ำ ประมานพุทธศตวรรษที่ 19 มีเจ้าเชื้อสายไทยใหญ่เมืองสกายน์นาม สอยุน ซึ่งรวบรวมผู้คนมากมาย แล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์อยู่ที่เมืองสกายน์ ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ใกล้เนินเขาบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิรวดี ที่ห่างจากมัณฑะเลย์ไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร
เจดีย์กวงมูดอร์ หรือ เจดีย์นมนาง (Kaung Hmu Daw Pagoda) สร้างโดยพระเจ้าต้าหลู่ เมื่อปี ค.ศ.1636 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว หรือพระทันตธาตุที่ได้มาจากลังกา เจดีย์นี้เป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำแบบสิงหลหรือเจดีย์ทรงลังกา มีตำนานเล่าว่าองค์ระฆังทรงกลมผ่าครึ่งซีกนี้ ได้ต้นแบบมาจากถัน ซึ่งเป็นพระชายาคนโปรดของพระเจ้าต้าหลู่ องค์เจดีย์มีความสูง 46 เมตร เส้นรอบวงวัดได้ 274 เมตร และใช้อิฐในการก่อสร้างมากถึง 10,126,552 ก้อน
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก