หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
จัตุรัสแดง (Red Square) เป็นพื้นที่ลานกว้างทรงจัตุรัสกลางกรุงมอสโก สร้างด้วยหินแกรนิตและหินอ่อนนับล้านชิ้นตอกลงบนพื้น จนกลายเป็นลานกว้างหินโมเสก ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของหลักกิโลเมตรที่ 0 ของรัสเซีย ถนนสายสำคัญทุกสายของกรุงมอสโกจะวิ่งตรงออกจากจัตุรัสแดงแห่งนี้ และบริเวณจัตุรัสมักใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ ของเมือง ไม่ว่าจะเป็น งานเฉลิมฉลองทางศาสนา งานเคลื่อนไหวทางการเมือง ถือเป็นลานที่มีกิจกรรมและมีคนมาเที่ยวมากที่สุดของกรุงมอสโก
วิหารเซนต์บาซิล (St. Basil's Cathedral) ประกอบด้วยยอดโดม 9 ยอด ที่มีสีสันสวยงาม สดใส ใครๆ ก็ตั้งชื่อเล่นให้วิหารนี้ว่า “โบสถ์ลูกกวาด” สร้างด้วยศิลปะรัสเซียโบราณโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย Postnik Yakovlev ที่หลังจากสร้างเสร็จก็ถูกควักดวงตาทั้งสองข้าง โดยคำสั่งของพระเจ้าอีวานที่ 4 หรือกษัตริย์อีวานผู้โหดร้าย ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มาก จึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่สถาปนิกผู้ออกแบบด้วยการควักดวงตาทั้งสอง เพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นั้นสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก
หอนาฬิกาซาวิเออร์ ตั้งอยู่บนป้อมสปาสสกายา เป็นศิลปะโกธิก บนยอดมีดาวแดง 5 แฉก ที่ทำมาจากทับทิมน้ำหนัก 20 ตัน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์นำมาประดับไว้เมื่อปี ค.ศ.1995 มีลักษณะคล้ายหอบิ๊กเบนที่ลอนดอน ว่ากันว่าเมื่อก่อนนี้นาฬิกาเรือนนี้เดินไม่ค่อยจะตรงเท่าไรนัก แต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงจนนาฬิกาบนป้อมนี้ถูกใช้เป็นนาฬิกาเทียบเวลาของประเทศทีเดียว
เป็นอุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าสยามพารากอน ย่านสยามสแควร์ ใจกลางกรุงเทพฯ จัดแสดงสัตว์น้ำจากทั่วโลกจำนวนกว่า 30,000 ตัว 400 สายพันธุ์ รวมทั้งสัตว...
อนุสรณ์สถานเลนิน เป็นที่เก็บศพสร้างด้วยหินอ่อนสีแดง ภายในมีศพเลนินนอนอยู่บนแท่นหินมีโลงแก้วครอบอยู่ ตั้งอยู่บริเวณจตุรัสหน้าวังเครมลิน นับว่าเลนินเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตที่ยังมีคนนับถือ พรรคคอมมิวนิสต์ได้เปลี่ยนชื่อเมืองสำคัญคือนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มาเป็นเมืองเลนินกราดเมื่อ ค.ศ.1924 เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา แต่ได้กลับมาใช้ชื่อเดิมอีกหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
พระราชวังเครมลิน สัญลักษณ์แห่งอดีตอันยิ่งใหญ่ศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของรัสเซีย ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 170ไร่ รอบล้อมด้วยกำแพงสีแดงและหอคอย ภายในมีปราสาท โบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ คลังแสง อาวุธยุทธภัณฑ์ หอคอย ป้อมปราการ วิหาร โบสถ์อัสสัมชัญ หอสูง ยอดแหลม ประตูสำคัญ และโดมมากมาย มีกำแพงสูง 65ฟุต รอบพระราชวัง มีความยาวเกือบ 3กิโลเมตร บรรดาหอคอย หอสูง โดม ป้อมปราการเหล่านี้ เมื่อแสงพระอาทิตย์สาดมาต้อง จะเห็นเป็นสีทอง เปล่งปลั่ง สวยงามมาก
พิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่ (State Armoury Chamber of the Moscow) ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศรัสเซีย เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บรวบรวมศาสตราวุธขุมทรัพย์ เครื่องประดับที่ได้จากการริบมาจากสงคราม ทั้ง มงกุฎ เพชรนิลจินดา สิ่งของมีค่า รวมถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของพระเจ้าซาร์ เครื่องเงิน เครื่องทอง ห้องมหาสมบัติของราชวงศ์รัสเซีย ที่เต็มไปด้วยเพชรและอัญมณีมีค่ามากมาย ที่ห้อง The State Diamond Fund สถานที่เก็บทรัพย์สินของแผ่นดิน ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมหาอำนาจและความร่ำรวย
วิหารอัสสัมชัญ (Assumption Cathedral) สถานที่ศักดิ์สิทธิที่มีอายุมากกว่า 600 ปี และเป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในพระราชวังเครมลินที่ประเทศรัสเซียแห่งนี้ ‘วิหารอัสสัมชัญ’ ตั้งอยู่ในพระราชวังเครมลิน กลางกรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย มีอีกชื่อหนึ่งว่า วิหารดอร์มิชัน (Dormition) เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่ใครก็มาเยี่ยมชมเนื่องจากเป็นวิหารที่มีความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดในเครมลินแห่งนี้ ด้วยความสวยงามทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง ทำให้วิหารอัสสัมชัญได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย
ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ สร้างขึ้นในปีคศ.1586 โดยพระเจ้าฟีโอดอร์ ผู้ซึ่งทรงพระประสงค์สร้างปืนใหญ่ที่สุดในโลก จึงได้ให้ Andrey Shchokov ช่างหล่อที่เก่งสุดยุคนั้น ออกแบบเพื่อสร้างปืนใหญ่ขึ้น เนื้อโลหะหล่อทำด้วยบรอนซ์ น้ำหนัก 40 ตัน มีลูกกระสุนหนักลูกละ 1 ตัน จำนวน 4 ลูก ตัวปืนใหญ่ยาว 5.34 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางรอบนอกกระบอกปืน 120 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางรอบใน 89 ซม. ลำกล้องมีความหนา 31 ซม. อย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่นี้ยังไม่เคยมีการใช้ยิงเลย
ท่วงท่าอันอ่อนช้อยพริ้วไหวของนักแสดงกายกรรมที่ล่องลอยยอยู่ในอากาศ ทุกจังหวะเวลาสอดประสานเสียงดนตรีนุ่มนวล สะกดคนดูให้อยู่นิ่งกับที่ เหล่าสัตว์เลี้ยงน้อยใหญ่แสดงท่าทางผิดกับสัตว์ทั่วไป ช่างน่ารักแสนรู้ น่าเอ็ดดู ยามเมื่อแสดงกับนักแสดงกายกรรมก็พริ้วไหวประสานสอดคล้องกันไม่ผิดพลาดเลย ละครสัตว์รัสเซียโด่งดังไปทั่วโลกเพราะฝึกสัตว์ทั้งเล็กใหญ่ให้เเสดงท่วงท่าต่างๆได้อย่างลงตัว อีกทั้งนักแสดงกายกรรมก็ล้วนประณีตในการว่างท่าได้อย่างลงตัวทั้งท่าทางแข็งแรงและนุ่มนวล
สถานีรถไฟใต้ดิน มอสโก (Moscow's metro stations) สิ่งก่อสร้างที่ชาวรัสเซียสามารถอวดชาวต่างชาติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ มีประวัติศาสตร์ ความเป็นชาตินิยม และวัฒนธรรมประเพณีอันสวยงาม ด้วยการตกแต่งของแต่ละสถานีนั้นมีความแตกต่างกันด้วย ประติมากรรม โคมไฟระย้า เครื่องแก้ว หินแกรนิต หินอ่อน ล้วนแล้วแต่ปราณีต สวยงาม เชิญหากได้มาเยือนแดนหมีขาวแห่งนี้ พลาดไม่ได้ มาสัมผัสนั่งรถไฟใต้ดินกรุงมอสโก แห่งประเทศรัสเซีย
ถนนอารบัด (Arbat Street) เป็นถนนคนเดินที่ตั้งอยู่บริวเวณย่านใจกลางกรุงมอสโก มีระยะทางรวมกว่า 1.8 กิโลเมตร ถนนแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าที่สำคัญและเป็นศูนย์รวมของช่างฝีมือ มีร้านค้าและการจัดแสดงจำหน่ายสินค้ามากมาย เรียกว่าเป็นทั้งย่านการค้า แหล่งรวมวัยรุ่น ร้านค้าของที่ระลึก ร้านนั่งเล่น อาทิ แมคโดนัล สตาร์บัค ฮาร์ดร็อคคาเฟต์ ฯลฯ และยังมีศิลปินมานั่งวาดรูปเหมือน รูปล้อเลียน และศิลปินเล่นดนตรีเปิดหมวกอีกด้วย
เมืองเล็กๆ ที่ตั้งบนชายฝั่งทางตอนใต้ของอ่าวฟินแลนด์ อยู่ห่างจากเมืองเซนต์เตอร์สเบิร์ก29กม ประเทศรัสเซีย และเป็นเมืองที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นศูนย์รวมของสวนแห่งเมืองปีเตอร์ฮอฟ มี 'พระราชวังฤดูร้อน เปโตรควาเรสต์ หรือ ปีเตอร์ฮอฟ' ที่สวยงามมาก ของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เพื่อให้พระองค์ได้พักระหว่างทางจาก Kronstadt ไป St.Petersburg ในคศ.1714 ได้เปิด ปีเตอร์ฮอฟ เป็นที่พักนอกเมืองและได้มีการต่อเติมให้ใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงน้ำพุอันเลื่องชื่อของที่นี่
พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ หรือ พระราชวังฤดูร้อน (Peterhof Palace | Petrodvorets) สถาปัตยกรรมของพระราชวังปีเตอร์ฮอฟมีการผสมผสานทั้งศิลปะแบบเรเนซองส์ บาโร้ก และคลาสสิกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว พระราชวังแห่งนี้แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โต แต่ก็เต็มไปด้วยความสวยงามไม่แพ้พระราชวังอื่นของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จนได้รับการขนานนามว่าเป็นพระราชวังแวร์ซายส์แห่งรัสเซีย
พระราชวังฤดูหนาว หรือ พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (Winter Palace) เป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ในอดีตเคยเป็นพระราชวังหลวงของราชวงศ์โรมานอฟ ถูกสร้างให้มีขนาดใหญ่มากเพื่อแสดงถึงอำนาจและความรุ่งโรจน์ของซาร์แห่งจักรวรรดิรัสเซีย ภายนอกของพระราชวังใช้โทนสีเขียว-ขาว ด้วยสถาปัตยกรรมบาโรก ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงราว 30 เมตร ด้านหน้าของพระราชวังมีความยาว 250 เมตร ตัวอาคารประกอบด้วยห้องกว่า 1,500 ห้อง
ถนนเนฟกี้ เป็นที่รู้จักในฐานะถนนประวัติศาสตร์ ศูนย์กลางของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ความยาวของถนน 4.5 กิโลเมตร เริ่มต้นที่หน้าพระราชวังฤดูหนาว สิ้นสุดที่สถานนีรถไปมอสโก บนถนนมีสถาปัตยกรรมที่โดเด่น ในช่วงศตวรรษที่ 18-20 เป็นทั้งสถานที่ย่านการค้า ย่านที่อยู่อาศัย พระราชวัง โรงละคร ร้านค้า โรงแรม และสถานที่่องเที่ยวที่สำคัญ
พระราชวังนิโคลัส (Nicholas palace) ณ เมืองเซ็นต์ ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซีย สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ Grand Duke Nicolai พระโอรสองค์ที่ 3 ของพระเจ้านิโคลัสที่ 1 สร้างโดยศิลปะแบบบารอกผสมคลาสิค ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้มีดัดแปลงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และมีการแสดงโชว์พื้นเมือง ซึ่งมีการแต่งกายประจำชาติตามเผ่าต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า Folk Song ปัจจุบันเป็นพระราชวังที่มีพื้นปาร์เก้ ใช้แสดงศิลปะพื้นเมือง เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศรัสเซียอีกด้วย
การแสดงที่น่าประทับใจและสนุกสนาน มีการแสดงเล่นดนตรีโบราณ พิณ กีตาร์ การแสดงตลก การเต้นรำพื้นบ้านที่สะท้อนประเพณีและวัฒนธรรม และการแต่งกายชุดประจำเผ่าต่างๆ ที่มีสีสันสวยงาม แต่ละชุดล้วนมีเสน่ห์ในตัวการแสดง ท่าทาง ชุดที่สวมใส่ และอากัปกิริรยาต่างๆ ของนักแสดงที่ฝึกหัดมาอย่างช่ำชองมาก
มหาวิหารเซนต์ไอแซค (St.Isaac’s) ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิหารที่มีการตกแต่งอลังการมากที่สุด และใหญ่เป็นลำดับ 4 ของโลก เป็นต้นแบบของที่ทำการรัฐบาลกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางคริสศตวรรษที่ 19 โดยใช้เป็นโบสถ์หลักประจำเมือง และยังเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียในสมัยนั้น เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้ก็คือ ยอดโดมสีทองอร่าม ซึ่งทำจากทองคำแผ่นที่มีน้ำหนักรวมถึง 100 กิโลกรัม ภายในหรูหราอลังการ ด้วยเสาหินแกรนิตแกะสลักสีสดใส ผนังหินอ่อน และภาพเพ้นท์บนผนัง และเพดาน
โบสถ์แห่งหยดเลือด (Church of the Savior on Blood) สร้างให้เป็นเกียรติแด่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส ด้วยความหวังดีต่อประชาชน ปรากฎว่าชาวรัสเซียไม่เข้าใจ เพราะหลังเลิกทาส ชาวนากลับมีความเป็นอยู่ที่จนลง เป็นผลให้พวกชาวนารวมตัวกันว่าแผนปลงพระชนม์ โดยส่งหญิงชาวนาผู้หนึ่งติดระเบิดพลีชีพวิ่งเข้ามาขณะพระองค์เสด็จผ่าน ต่อมาบริเวณถนนที่เกิดเหตุนั้นถูกสร้างโบสถ์ครอบไว้ กลายเป็นโบสถ์หยดเลือดมาจนถึงทุกวันนี้