หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
กราซ...เมืองในประเทศออสเตรีย มีประชากรอยู่ 291,574 คน ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรียเป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเวียนนา และยังเป็นเมืองหลวงของรัฐสติเรีย เชิญเที่ยวชม เขตเมืองเก่า ผ่านชมอาคารรัฐสภา,โบสถ์ประจำเมือง,โรงละครโอเปร่า ซึ่งเป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของออสเตรีย ชมสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมือง คือ “KUNSTHAUS GRAZ” หรือเรียกอีกชื่อว่า “A FRIENDLY ALIEN”
เมืองเบลด..ตั้งอยู่เขตสาธารณรัฐสโลเวเนียเป็นประเทศเล็กๆ ที่เพิ่งจะประกาศตนเป็นอิสระเมื่อ ค.ศ.1991 โดยแยกตัวมาจาก ประเทศยูโกสลาเวีย ดินแดนแห่งนี้มีประเทศขนาดใหญ่ล้อมรอบอยู่ คือ ออสเตรีย ฮังการี โครเอเชีย และอิตาลี เมืองนี้ถือเป็นเมืองตากอากาศ เคยได้รับรางวัลชนะเลิศรีสอร์ทของโลก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเบลดที่งดงามแวดล้อมด้วยธรรมชาติของขุนเขาแอลป์ที่เรียกว่าJulian Alps Mountain ถูกขนานนามว่า"ไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์" ทะเลสาบเบลดแห่งนี้โดดเด่นด้วยเกาะกลางทะเลสาบ ที่น้ำทะเลสาบโดยรอบ สีเขียวมรกตสวยงาม
ถ้ำโพสทอยน่า อยู่ในประเทศสโลเวเนีย เป็นถ้ำสวยที่สุดในยุโรปแห่งหนึ่ง อายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี มีความยาว ภายในถ้ำถึง 27 ก.ม. เชิญเยี่ยมชมภายในถ้ำโดยขบวนรถรางไฟฟ้า วิ่งผ่านลำธาร เขื่อนเก็บน้ำใต้ดินภายในถ้ำตลอดระยะทาง 5 ก.ม.ภายในถ้ำมีหินอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามสุดพรรณนา มีห้องต่างๆ มากมายภายในถ้ำลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ ราวกับวิมานเนรมิต
ลุบเบลียนา..เมืองหลวงเล็กๆของประเทศสโลวาเนีย ที่มีบรรยากาศเรียบง่าย สงบเรียบร้อย เป็นระเบียบ มีจัตุรัสกลางเมืองเพรเซเรน เป็นจัตุรัสบันไดสเปนในกรุงโรม ใจกลางจัตุรัสเป็นรูปหล่อของ ฟรานซ์ เพรเซเรน กวีมีชื่อของสโลวาเนีย สัญลักษณ์ของคนที่รักชาติสุดใจขาดดิ้น รักเสรีภาพ เป็นประพันธ์เพลงชาติ ที่นี่..มีสะพานมังกร สร้างปี ค.ศ.1901 เป็นสะพานแห่งแรกๆ ที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ของยุโรป ที่หัวสะพานทั้งสองฝั่งจะมีรูปมังกรใน แบบอาร์ตนูโว อยู่ฝั่งละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว
ปราสาทเมืองเก่าลุบเบลียนา ตั้งอยู่บนเนินสูง ปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 ในศิลปะสไตล์บาร๊อค และได้ทำการบูรณะใหม่ในปี 1990 โดยได้บูรณะหอสูงในลักษณะสถาปัตกรรมแบบโกธิค ณ จุดนี้ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์โดยรอบของเมืองลุบเบลียน่าในระยะไกล
จัตุรัสกลางเมืองเพรเซเรน เป็นจัตุรัสที่มีความสำคัญเช่นเดียว กับจัตุรัสบันไดสเปนในกรุงโรม ใจกลางจัตุรัสเป็นรูปหล่อของ ฟรานซ์ เพรเซเรน กวีที่มีชื่อเสียงของสโลวาเนีย(1800-1849) เป็นสัญลักษณ์ของคนที่รักชาติสุดใจขาดดิ้น รักเสรีภาพ เป็นประพันธ์เพลงชาติ ใกล้จัตุรัสเป็นโบสถ์ในนิกายฟรานเชสกันที่มีสีชมพูดึงดูดสายตาใช้เวลาก่อสร้าง 14 ปี เสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1660 เป็นศิลปะในแบบอาร์ตนูโว ภายในมีห้องสมุดตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ซึ่งมีหนังสือประมาณ 55,000 เล่ม
เมืองซาเกร็บเป็นเมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงกับเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลเอเดรียติก นี่จึงทำให้ซาเกร็บเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สำคัญกับภูมิภาคยุโรปกลางและทางทะเลเอเดรียติก นอกจากนี้ซาเกร็บยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการศึกษาของประเทศอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ซาเกร็บยังโดดเด่นทางด้านการท่องเที่ยวด้วยเสน่ห์ของความเป็นเมืองเก่าที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมอีกด้วย
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St Stephens Cathedral) ตั้งอยู่ในเมืองซาเกร็บ เป็นวิหารอันมีอายุเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1093 ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ในสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โกธิค หลังจากที่ถูกกองทัพมองโกลทำลายในปี ค.ศ. 1242 โดยมีลักษณะเป็นหอคอยแฝดปลายแหลมสีทอง ที่มีความแปลกตรงที่มีขนาดความสูงที่ไม่เท่ากัน ส่วนภายในวิหารนั้นประดิษฐานรูปปั้นนักบุญที่สำคัญ ทั้งเซนต์ปีเตอร์และเซนต์ปอล นอกจากนั้นยังมีความโดดเด่นอีกอย่างคือ หลังคาวิหารที่ปูกระเบื้องเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของกองกำลังทหารในยุคกลางนั่นเอง
โบสถ์เซนต์มาร์ค ตั้งอยู่ในเขตที่ทำการรัฐบาล มีหลังคาสีสันสวยงาม ไม่เหมือนใคร โดดเด่นด้วยหลังคากระเบื้องที่ปูเป็น รูปตราของกองทหารแห่งยุคกลาง เช่น ตราหมากรุกสีแดง-ขาว หมายถึง โครเอเชีย ส่วนหัวลีโอพาร์ด 3 ตัว แทนแคว้นดัลเมเทีย แถบสีแดง ฟ้า ขาว หมายถึง สโลวาเนีย และตราฝั่งขวามือ คือ ตราของกองกำลังแห่งซาเกร็บรอบๆ จัตุรัส กำแพงหินโบราณ ยุคศตวรรษที่ 13 ที่สร้างรายล้อมเมืองเก่า ซึ่งยังคงความอัศจรรย์ของภาพพระแม่มารีที่ไม่ถูกเผาทำลายเมื่อไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1731
อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvice Lakes National Park) อุทยานแห่งนี้มีต้นกำเนิดมาจากน้ำในภูเขามาลา คาเปลา ที่กัดเซาะชั้นหินปูนและก้อนหินโดโลไมท์ มาเป็นระยะเวลานานหลายพันปี จนก่อเกิดเป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเลสาบสีเขียวมรกต และสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แวววาวภายในอุทยานถึง 16 แห่ง โดยเป็นสีที่เกิดจากการผสมผสานกันของแร่ธาตุต่าง ๆ และน้ำพุร้อนใต้ผืนดินแห่งนี้ ซึ่งแต่ละแห่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ ที่ลัดเลาะผ่านผืนน้ำ ต้นไม้ใหญ่ที่เขียวชอุ่ม และเนินเขาน้อยใหญ่ที่รายล้อมอุทยาน
คาร์โลวัตส์ เป็นเมืองและเทศบาลในภาคกลาง ส่วนภูมิภาคเซนทรัลโคเอเซีย ของสาธารณโครเอเชียของโครเอเชีย มีประชากรประมาณ 49,082 คน ในขณะที่เขตเทศบาลทั้งหมดมีประชากร 59,395 คน (ปี ค.ศ.2001) คาร์โลวัตส์ ถือเป็นศูนย์กลางการปกครองของ Karlovac County ตั้งอยู่บนถนนทางหลวง the Zagreb-Rijeka Highway และมีทางรถไฟ Railway Line ที่มีระยะทางประมาณ 56 กม.อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซาเกร็บ และ ห่างจาก เมือง Rijeka ประมาณ 130 กิโลเมตร นอกจากนี้ เมืองนี้มีชื่อเสียงในการผลิตเบียร์ชื่อดังของสาธารณโครเอเชียด้วย
อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvice Lakes National Park) อุทยานแห่งนี้มีต้นกำเนิดมาจากน้ำในภูเขามาลา คาเปลา ที่กัดเซาะชั้นหินปูนและก้อนหินโดโลไมท์ มาเป็นระยะเวลานานหลายพันปี จนก่อเกิดเป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเลสาบสีเขียวมรกต และสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แวววาวภายในอุทยานถึง 16 แห่ง โดยเป็นสีที่เกิดจากการผสมผสานกันของแร่ธาตุต่าง ๆ และน้ำพุร้อนใต้ผืนดินแห่งนี้ ซึ่งแต่ละแห่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ ที่ลัดเลาะผ่านผืนน้ำ ต้นไม้ใหญ่ที่เขียวชอุ่ม และเนินเขาน้อยใหญ่ที่รายล้อมอุทยาน
ทะเลสาบคอสจัค (Lake Kozjak) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดและลึกที่สุดในบรรดา 16 ทะเสาบ ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า ประเทศโครเอเชีย นั่นคือมีความกว้างถึง 81.5 เอเคอร์ และลึกกว่า 46 เมตร อีกทั้งยังเป็นทะเสาบที่ตั้งอยู่ด้านบนของเทือกเขา โดยมีน้ำตกมิลาโน่วัคซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 20 เมตร นำพาน้ำจากทะเลสาบคอสจัค ไหลลงมาสู่ทะเลสาบที่อยู่ชั้นล่างลงมา ซึ่งนั่นก็คือทะเลสาบมิลาโน่วัค
ดัลมาเชีย (Dalmatian) แคว้นทางตอนใต้ที่มีลักษณภูมิอากาศและภูมิประเทศแบบเมดิเตอร์เรเนียนขนานแท้ หากใครเคยได้ยินชื่อหรือรู้จักสุนัขพันธุ์ “ดามาเชี่ยน” ดินแดนดามาเชียแห่งนี้คือต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้นี่เอง
โทรเกียร์คือเมืองเล็กๆ บนเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากแผ่นดินใหญ่มากนัก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคกรีกและโรมัน และผ่านการปกครองจากเชื้อชาติต่างๆ มาหลายยุคหลายสมัย นั่นจึงทำให้โทรเกีย์กลายเป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ของโครเอเชีย ด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ อันเป็นผลิตผลจากการปกครองของอาณาจักรเวนิสในยุคเวนิเชียน ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ หรืออาคารบ้านเรือนในสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองก์และบาโร้ก และนี่เองที่ส่งเสริมให้โทรเกียร์กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าจนได้รับการรับรองให้เป็นอีกหนึ่งมรดกของโลก
เขตเมืองเก่าโทรเกียร์ (trogir old town) มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ กรีก – โรมันโบราณ อาทิเช่น ประตูเมืองที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14 ผ่านชมมหาวิหารเซ็นต์ลอร์เลนซ์ ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี ที่มีความงดงามด้วยกรอบและบานประตูหินแกะสลัก ที่มีรูปปั้นสิงโต อดัม & อีฟและรูปสลักนักบุญองค์สำคัญ
มหาวิหารเซ็นต์ลอร์เลนซ์ เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ประจำเมืองโทรเกียร์ ก่อสร้างหลายร้อยกว่าปีตั้งแต่ในศต12-17 มีสิงโต อดัม&อีฟและรูปสลักนักบุญองค์สำคัญต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแรงบึกบึน เชิญชมผลงานสถาปัตยกรรมการก่อสร้างซุ้มประตูที่งดงามของสถาปนิกชั้นครูชาวโครเคเชียนนามว่า'ราโดแวน',ชมห้องเก็บสมบัติโบราณภายในวิหาร,หอระฆังสูงตระหง่าน มองเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งตัวเมืองโทรเกียร์ วิหารนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของโทรเกียร์ที่ได้รับการประกาศคุ้มครองให้เป็นมรดกโลก
เมืองสปลิตเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโครเอเชีย รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเมืองท่าที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวของประเทศ เนื่องจากในแต่ละปีนั้นนักเดินทางจากทั่วโลกต่างมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่นี่ไม่น้อยกว่าล้านคน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเสน่ห์อันล้นเหลือของสปลิต ไม่ว่าจะเป็นในฐานะของเมืองโบราณอันเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการบริหารในศตวรรษที่ 15 และก่อเกิดสิ่งก่อสร้างอันทรงคุณค่าต่างๆ ตามมา อย่างเช่นพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน หนึ่งในพระราชวังที่ถูกการรับรองให้เป็นมรดกของโลก
พระราชวังไดโอคลีเชียนตั้งอยู่ที่เมืองสปลิทประเทศโครเอเชีย โดยพระราชวังแห่งนี้สร้างโดยพระราชประสงค์ของจักรพรรดิไดโอคลีเชียนแห่งจักรวรรดิโรมัน เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับในบั้นปลายชีวิต เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4ลักษณะภายนอกเป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ หลายส่วนนับตั้งแต่ทางเข้าหลัก อย่างเช่นมหาวิหารเทพเจ้าจูปิเตอร์ โบสถ์แห่งเทพวีนัส และวิหารโดมนิอุส เป็นต้น จึงทำให้พระราชวังแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่อันทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1979
ชมฟาร์มเลี้ยงหอย ชมขั้นตอนต่างๆ ของการเลี้ยงแล้วให้ท่านได้ชิมหอยนางรมและหอยแมลงภู่สดๆจากทะเลอาเดรียติก พร้อมด้วยไวน์สดและวอดก้าท้องถิ่นท่านกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก
เมืองดูบรอฟนิคเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโครเอเชีย และมีพรมแดนติดกับประเทศบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีน่า ในอดีตในช่วงศตวรรษที่ 13 เมืองนี้เคยเป็นเมืองที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจทางทะเล โดยครอบคลุมพื้นที่ทะเลเอเดรียติคและทะเลเมดิเตอเรเนียนทั้งหมด และเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในยุคนั้นจนก่อให้เกิดปัญหาตามมา แต่ในปัจจุบันดูบรอฟนิคกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของโครเอเชีย และได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองเก่าที่สวยที่สุดในทวีปยุโรป จนทำให้ได้รับฉายาว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติค
เขตเมืองเก่าดูบรอฟนิคเป็นเขตเมืองซึ่งถูกโอบล้อมด้วยกำแพงโบราณสูงตระหง่านถึง 25 เมตร ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อใช้ป้องกันการรุกรานของศัตรู โดยประตูเมืองตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนภายในกำแพงหินนั้นเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเก่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก-บาโร้ก รวมทั้งถนนการค้าเส้นสำคัญที่ปูพื้นด้วยหินด้วยความยาว 292 เมตร ซึ่งเกือบทั้งหมดภายในเขตเมืองเก่านี้คือสิ่งที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่จากความเสียหายเพราะเหตุการณ์การต่อสู้แบ่งแยกดินแดนจากยูโกสลาเวีย
กำแพงเมืองโบราณดูบลอฟนิคคือชุดกำแพงหินสำหรับป้องกันเมืองที่มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร โดยสร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบและป้องกันชาวเมืองจากช่วงเวลาที่อันตรายและยากลำบาก เมื่อกองทัพจากประเทศต่างๆ บุกเข้าโจมตีดูบรอฟนิค ภายหลังจากที่โครเอเชียถูกแบ่งแยกดินแดน และเมืองดูบลอฟนิคถูกประกาศให้เป็นรัฐอิสระทางชายฝั่งทะเล ณ ปัจจุบันกำแพงแห่งนี้ยังได้รับการรักษาเป็นอย่างดี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองแห่งนี้ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ของยุคกลางที่ไม่เคยถูกล่วงล้ำจากกองทัพศัตรูได้
เมืองชายฝั่งทะเลที่มีมนต์เสน่ห์ด้วยความงดงามของทัศนียภาพริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกเมืองหนึ่งของมอนเตเนโกร อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้อีกด้วย ตัวเมืองถูกสร้างขึ้นภายในกำแพงสูงที่แบ่งเมืองออกเป็น 2 โซน คือ โซนเมืองเก่า และโซนเมืองใหม่ โดยกำแพงเมืองแห่งนี้สร้างโดยชาวเวนิส ในช่วงที่เข้ามายึครองระหว่างปี 1420 และ 1797 ยิ่งไปกว่านั้นงานสถาปัตยกรรมในเมืองส่วนใหญ่ก็ยังได้รับอิทธิพลจากชาวเวนิสด้วยเช่นเดียวกัน
เมืองโบราณริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ทางตอนใต้ของมอนเตเนโก ซึ่งถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 5 เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ อันน่าหลงใหลด้วยธรรมชาติอันงดงาม ทั้งหาดทรายขาว อ่าวน้อยใหญ่ที่มีน้ำทะเลใสเหมือนกระจก รวมทั้งเกาะต่างๆอีกมากมาย นอกจากนี้ เมืองบุดวา ยังเป็นเมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และอารยธรรมสไตล์เวนิส เนื่องจากบุดวาเคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาวเวนิสนานถึง 400 ปี ในเมืองจึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวเวนิสที่ยังคงหลงเหลืออยู่
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553