หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
อิสตันบูล (Istanbul City) เมืองที่มีความสำคัญและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศตุรกี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัสหรือคอนสแตนติโนเปิล อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์โลกโบราณ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ อิสตันบูลคือเมืองหนึ่งเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป นั่นคือทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้อิสตันบูลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังเป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศอีกด้วย
จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม (Sultanahmet Square or Hippodrome) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมืองฮิปโปโดรม ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมัน สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น ที่นำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7
มัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque, Sultan Ahmet Camii) หรือ สุเหร่าสีน้ำเงิน มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นมัสยิดที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อยู่ในนครอีสตันบูล ประเทศตุรกี มัสยิดถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1609 โดย Sedefkar Mehmed Agha ตามคำสั่งของสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan Ahmed I) ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ เพื่อยืนยันอำนาจของอาณาจักรออตโตมัน
โบสถ์ฮาเจียโซเฟีย 1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ จักรพรรดิ์คอนสแตนตินสร้างโบสถ์ของศาสนาคริสต์เมื่อศต13ใช้เวลาสร้าง17ปี แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้ง เพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม จวบจนถึงรัชสมัยพระเจ้าจัสตินเนียนได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นใหม่ ต่อมาเกิดแผ่นดินไหว ทำให้แตกร้าว และในสมัยพระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่2 นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์นี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม
อุโมงค์ส่งน้ำเยเรบาตัน หรืออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (Yerebatan Sarnici | Basilica Cistern) ของพระราชวังใต้ดิน เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล ตั้งอยู่ใกล้วิหารเซนต์โซเฟีย เป็นอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินที่มีเสาแบบโครินเทียนหรือเสากรีกต้นสูง ใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น
พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) หรือที่รู้จักกันในชื่อวังสุลต่าน เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของเมืองอิสตันบูล โดยมีทั้งหมด 3 ส่วน คือพระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และ ฮาเร็ม ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่จัดงานรับรองของรัฐบาลประเทศตุรกี พระราชวังแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวชั้นเยี่ยม ที่เห็นวิวของเมืองอิสตันบูลได้ชัดแจ๋ว ทั้งอ่าว Golden Horn, ทะเลมาร์มะรา (Marmara Sea) และช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait)
พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือ พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace) พระราชวังโดลมาบาชเช่ เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นโดยสุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยนชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออก ภายนอกประกอบด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวัง ซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก ๆ ที่ช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องหับต่าง ๆ และฮาเร็ม ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรงแก้วเจียระไน และโคมไฟมหึมา หนัก 4.5 ตัน ที่ดูสวยงามมาก
เมืองบูร์ซาตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลมาร์มะระไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 21 กิโลเมตร โดยที่นี่ถูกเรียกว่าเป็นเมืองแห่งรีสอร์ทและสกีเนื่องจากเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมาย นอกจากนี้บูร์ซายังเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรออตโตมานบนพื้นที่อานาโตเลียในอดีต ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ทางฝั่งยุโรปอันเป็นเมืองอิสตันบูล อีกทั้งบูร์ซายังเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับจากชาวตุรกีและนักชิมทั่วไปว่าเป็นเมืองแห่งกาบัปอันเป็นอาหารพื้นเมืองที่อร่อยที่สุดในประเทศอีกด้วย
มัสยิดประจำเมืองเบอร์ซา หรือ Ulu Cami ตามภาษาพื้นเมือง ตั้งอยู่ที่ถนน อัลตาเติร์ก ถือได้ว่าเป็นมัสยิดที่มีความสวยงามโด่ดเด่นที่สุดในเมือง ถูกสร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 14 ตามศิลปะสไตล์เซลจุค ( Seljuk ) ภายในมัสยิดมีความกว้างขวางโอ่อ่าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางเขาวงกต นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังมีความพิเศษอยู่ที่มีน้ำพุสำหรับชำระล้างบาปตั้งอยู่ใจกลางของมัสยิดภายใต้บริเวณหลังคาทรงโดม และมีการสลักอักษรอิสลามิกไว้บนผนังของมัสยิด ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าของเมืองเบอร์ซา
ตลาดผ้าไหมเมืองบูร์ซาที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ซึ่งอยู่ไม่จากทะเลมาร์มามากนัก โดยตลาดแห่งนี้ค้าขายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมเป็นหลัก โดยเฉพาะผ้าคลุมศีรษะลวดลายพื้นเมืองจะขายดีเป็นพิเศษ อันเนื่องมาจากตุรกีเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากอีกหนึ่งประเทศ ซึ่งนอกจากผ้าคลุมแล้วก็ยังมีเสื้อผ้าหลากหลายแบบ และด้วยสีสันของผ้าไหมที่สดใสนี่เองที่ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นตลาดที่สวยงามที่สุด จนครั้งหนึ่งสมเด็จพระนางเจ้าควีนอลิซาเบทแห่งอังกฤษเคยมาเยือนด้วย
เมืองอิซเมียร์ หรือ เมืองอิซมีร์ ตั้งอยู่บริเวณปลายสุดทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรอนาโตเลีย ถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศตุรกี เนื่องจากเป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 5,000 ปี นอกจากนั้นยังเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและมีบรรยากาศของเมืองคล้ายกับเป็นสถานที่พักตากอากาศของทวีปยุโรป
เมืองโบราณเอฟิซุส (The Ancient City of Ephesus) หรือ เอเฟส (Efes) เมืองโบราณที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยกรีก ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งไอโนเนีย สถานที่ท่องเที่ยวสำตัญของเมืองอิซเมียร์ ประเทศตุรกี เป็นแหล่งโบราณคดีที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีไฮไลท์อยู่ที่ห้องสมุดเซลซุส (Celsus Library) และนอกจากห้องสมุดเซลซุสแล้ว ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งอีกมากมาย ทั้งโรงละครกลางแจ้งเอฟิซัส, คอนเสิร์ตของฮูลิโอ อิงเกลเซียส, ห้องอาบน้าแบบโรมันโบราณ, ห้องสมุดโบราณ, บ้านของพระแม่มารี, ศูนย์ผลิตเสื้อหนัง เป็นต้น
บ้านของพระแม่มารี (The House of the Virgin Mary) ตั้งอยู่บนภูเขา Koressos เมืองเซลจุก (Seljuk) ประเทศตุรกี โบราณสถานที่ชาวคาทอลิคเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ บ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปเคารพของพระแม่มารี แต่ห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายรูป
ผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี Versace , Prada , Michael Kors
เมืองปามุคคาเล เมืองที่มีชื่อเสียงน้ำพุเกลือร้อนที่ไหลออกมาจากใต้ดินผ่านซากเมืองเก่า ไหลลงสู่หน้าผา ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวหลายชั้น ซึ่งผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาว แก่งหินสีสวยงดงามประดุจหิมะ จนถูกขนานนามว่า ปราสาทปุยฝ้าย หากใครอยากอาบน้ำแร่ก็ไม่ผิดหวัง มีแอ่งน้ำจำลองไว้บริการให้ดำว่ายเต็มที่ ในอดีตชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนนี้สามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองฮีเยราโพลิสล้อมรอบ
"ปามุกกาเล" "ปามุกคาเล" แปลว่า "ปราสาทปุยฝ้าย" ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ที่เมืองปามุคคาเล ประเทศตุรกี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่มีลักษณะเป็นแอ่งและมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากคือ หน้าผาที่ขาวที่กว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ
นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis) สันนิษฐานกันว่ามีอายุประมาณ 2,200 ปี เนื่องจากถูกสร้างขึ้นก่อนคริสตกาล ในยุคของกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน โดยสร้างให้อยู่ใกล้กับแอ่งน้ำแร่ร้อนปามุคคาเลย์ แต่หากถอดความคำว่าเฮียราโพลิส หมายถึง เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับเมืองทุกเมืองที่มียุครุ่งโรจน์ และยุคเสื่อมถอย และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 1970 อีกด้วย
เมืองคอนย่า (Konya City) ตั้งอยู่ที่เมืองคอนย่า ประเทศตุรกี เมืองนี้มีประวัติที่เก่าแก่มาก ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือที่ยุคนั้นเรียก 'อนาโตเลีย' เมืองนี้รุ่งเรืองมากในสมัยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท มีการสร้างสิ่งก่อสร้างมากมายด้วยสถาปัตยกรรมแบบตุรกี ที่รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซียและไบแซนไทน์
เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจรดประเทศจีน เมืองคัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก มีภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์จนเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
คาราวานซาราย หรือ คาราวานสะราย (Caravansarai | Kervansaray) จุดพักที่ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าของเหล่าพ่อค้าคาราวานมาตั้งแคมป์รวมกัน ตั้งอยู่ที่ประเทศตุรกี นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมที่เริ่มจากอิสตันบูลไปยังเมืองจีน ลักษณะของคาราวานซารายก็จะคล้ายกับแคมป์ ด้านในมีประตูตรงกลาง มีที่ให้จอดรถม้า ที่กินข้าว ที่แลกเปลี่ยนสินค้า ที่พักทาส มีกำแพงหินล้อมรอบ และตรงกลางจะมีหอคอยเพื่อไว้สังเกตุการณ์รักษาความปลอดภัยจากรอบข้าง
ระบำหน้าท้องตรุกี (Turkish Belly Dance) เป็นการเต้นรำที่เชื่อกันว่าเก่าแก่สุดอย่างหนึ่ง มีรากที่สืบสาวได้ถึง 6,000 ปี ในดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สัมพันธ์กับวัฒนธรรมบูชาพระแม่ผู้เป็นแหล่งที่มาของพลังชีวิต และมีพิธีกรรมเกี่ยวพันกับความอุดมสมบูรณ์ เอื้อให้การคลอดลูกเป็นไปโดยสวัสดิภาพ แต่เดิมจึงเป็นการร่ายรำ ที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก ช่วยให้นางรำมีร่างกายแข็งแรง
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open Air Museum) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของเมืองคัปปาโดเกีย เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูก ภายในถ้ำจะถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยรูปปั้นจิตกรรมฝาผนัง ทาสีแดง ลักษณะแบบโบสถ์เซนต์บาร์บารา มองจากด้านนอกอาจคิดว่าเป็นบ้านของชนเผ่ายุคหิน แต่จริงๆ แล้วคล้ายกับวัดหรือโบสถ์ที่อยู่ในถ้ำมากกว่า ทีนี่เต็มไปด้วยความงดงามแปลกตา และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984
เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจรดประเทศจีน เมืองคัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก มีภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์จนเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
อังการา หรือ อังคาร่า เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกี ที่มีการพัฒนาและเติบเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำเองกูรีซูในบริเวณกลางคาบสมุทรอานาโตเลีย ทั้งยังเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ ด้วยความเป็นเมืองที่มีความทันสมัยแต่แฝงไว้ด้วยร่องรอยของอารยธรรมโบราณจากประวัติศาสตร์อย่างกลมกลืน อังการาจึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งทางธุรกิจและอุตสาหกรรมในระดับประเทศ
อิสตันบูล (Istanbul City) เมืองที่มีความสำคัญและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศตุรกี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัสหรือคอนสแตนติโนเปิล อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์โลกโบราณ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ อิสตันบูลคือเมืองหนึ่งเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป นั่นคือทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้อิสตันบูลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังเป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศอีกด้วย
ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait) ช่องแคบเชื่อมทะเลดำเข้ากับทะเลมาร์มาร่า มีความยาวและความกว้างที่ถือว่า เป็นสุดขอบของทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย นอกจากมีความสวยงามแล้ว ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันตุรกีด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ กระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อน ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง ในปี ค.ศ. 1973 เปิดใช้สะพานบอสฟอรัสทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น
สไปซ์มาร์เก็ต หรือ ตลาดเครื่องเทศ (Spice Market) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ซึ่งที่นี่ถือเป็นตลาดในร่ม และเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอิสตันบูล โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้าเยนี คามี ซึ่งสินค้าที่นำมาขายส่วนใหญ่คือเครื่องเทศเป็นหลัก ทั้งยังมีถั่วชนิดต่าง ๆ รังผึ้ง น้ำมันมะกอก ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับ ฯลฯ นอกจากนั้นทางด้านใต้ของตลาดยังเชื่อมไปสู่ลานหินหน้าสุเหร่าซึ่งติดกับถนนเลียบทะเลมาร์มะรา ที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบโกลเดนฮอร์น จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
อิสตันบูล (Istanbul City) เมืองที่มีความสำคัญและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศตุรกี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัสหรือคอนสแตนติโนเปิล อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์โลกโบราณ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ อิสตันบูลคือเมืองหนึ่งเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป นั่นคือทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้อิสตันบูลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังเป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศอีกด้วย
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553