หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
อิสตันบูล (Istanbul City) เมืองที่มีความสำคัญและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศตุรกี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัสหรือคอนสแตนติโนเปิล อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์โลกโบราณ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ อิสตันบูลคือเมืองหนึ่งเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป นั่นคือทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้อิสตันบูลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังเป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศอีกด้วย
จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม (Sultanahmet Square or Hippodrome) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมืองฮิปโปโดรม ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมัน สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น ที่นำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7
มัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque, Sultan Ahmet Camii) หรือ สุเหร่าสีน้ำเงิน มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นมัสยิดที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อยู่ในนครอีสตันบูล ประเทศตุรกี มัสยิดถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1609 โดย Sedefkar Mehmed Agha ตามคำสั่งของสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan Ahmed I) ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ เพื่อยืนยันอำนาจของอาณาจักรออตโตมัน
โบสถ์ฮาเจียโซเฟีย 1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ จักรพรรดิ์คอนสแตนตินสร้างโบสถ์ของศาสนาคริสต์เมื่อศต13ใช้เวลาสร้าง17ปี แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้ง เพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม จวบจนถึงรัชสมัยพระเจ้าจัสตินเนียนได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นใหม่ ต่อมาเกิดแผ่นดินไหว ทำให้แตกร้าว และในสมัยพระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่2 นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์นี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม
พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) หรือที่รู้จักกันในชื่อวังสุลต่าน เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของเมืองอิสตันบูล โดยมีทั้งหมด 3 ส่วน คือพระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และ ฮาเร็ม ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่จัดงานรับรองของรัฐบาลประเทศตุรกี พระราชวังแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวชั้นเยี่ยม ที่เห็นวิวของเมืองอิสตันบูลได้ชัดแจ๋ว ทั้งอ่าว Golden Horn, ทะเลมาร์มะรา (Marmara Sea) และช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait)
ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait) ช่องแคบเชื่อมทะเลดำเข้ากับทะเลมาร์มาร่า มีความยาวและความกว้างที่ถือว่า เป็นสุดขอบของทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย นอกจากมีความสวยงามแล้ว ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันตุรกีด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ กระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อน ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง ในปี ค.ศ. 1973 เปิดใช้สะพานบอสฟอรัสทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น
เมืองชานักกาเล (Canakkale city) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอยอันเป็นที่มาของสงครามม้าไม้กรุงทรอยที่ถูกสร้างขึ้นเป็นภาพยนตร์มาแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีซากของกำแพงเมืองโบราณปรากฏให้เห็นอยู่ นอกจากนั้นจากประวัติของชานักกาเล ที่นี่เคยมีชื่อเดิมว่า BOGAZI หรือ HELLESPONT ตั้งอยู่บนจุดที่แคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลบนฝั่งของทะเลมาร์มาราและทะเลอีเจี้ยน และไม่ไกลจากกรุงอิสตันบูลมากนัก
ม้าไม้จำลองแห่งทรอย (Trojan Horse) เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ โดยเป็นสาเหตุทำให้กรุงทรอยแตก ซึ่งได้บันทึกเอาไว้ในมหากาพย์เรื่อง “อีเลียด” ของมหากวีโฮเมอร์ มีการขุดค้นพบซากเมืองที่เชื่อกันว่าเป็นเมืองทรอย บริเวณที่ชื่อฮิซาร์ลิกในเมืองคานัคเกลของตุรกี ปัจจุบัน มีการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ขึ้นบริเวณซากเมืองทรอยด้วย การสู้รบครั้งนั้นชาวกรีกเผ่าอาเคียนจำนวนหนึ่งมาทำสงครามกับเมืองทรอย ได้ปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนอะนาโตเลียเสียเลย และมีชาวกรีกเผ่าอื่น ๆ ตามมาทีหลัง
เมืองโบราณเพอร์กามัม ตั้งอยู่ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 กม. ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส เป็นเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของพวกเฮเลนนิสติก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ วิหารอะโครโปลิส (Acropolis) ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินในสรวงสวรรค์ และต่อจากนั้นไปข้างในเป็นบริเวณวิหารเทพเจ้าซุส หรือ เซอุส (Naos tou Olimpiou Dios - Olympieion) ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น ส่วนแท่นบูชาได้รับการนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เพอร์กามัมที่กรุงเบอร์ลิน
มหาวิหารอาร์เทมีส หรือ มหาวิหารไดอานา (The Temple of Artemis or The Temple of Diana) เป็นวิหารที่สร้างด้วยหินอ่อน เลียบแบบศิลปะแบบกรีกเพื่อถวายเทพเจ้าอาร์เทมีส (เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ของกรีก) ผู้มาจากสวรรค์ ผู้ช่วยชาวเมืองให้พ้นจากหายนะและภัยพิบัติได้ อยู่ในเมืองอีเฟซุส บนชายฝั่งแห่งหนึ่ง (ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือประเทศตุรกี) ในรัชสมัยของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งกรีก จัดเป็นวิหารที่สวยงามแห่งหนึ่งจนกลายเป็นที่รู้จักว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณของโลก
เมืองคูซาดาซี (Kusadasi) เป็นเมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรกี ในอดีตเมืองนี้เป็นเหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า และเป็นท่าเรือธรรมชาติที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่เหมาะในการทำการค้าระหว่างยุโรปและแอฟริกาใต้ และคูซาดาซีเพิ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเมื่อปี ค.ศ. 1980 นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง เรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลก
ผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี Versace , Prada , Michael Kors
ตั้งอยู่บนยอดเขาบูลบุล เมืองเอฟฟิซุส เชื่อกันว่าพระเยซูได้ฝากฝังให้นักบุญจอห์นช่วยดูแลพระนางมารี ผู้ซึ่งเป็นสาวกองค์หนึ่งของพระเยซู ดังนั้นนักบุญจอห์นจึงได้พาพระแม่มารีเดินทางมาจนถึงเอฟิซุสในปีคศ37และ48 พระแม่มาเรียชอบความเงียบสงบและได้ใช้ชีวิตที่เอฟิซุสจนสิ้นพระชนม์ ปัจจุบันที่นี่ ถูกเปลี่ยนเป็นโรงสวด ภายในมีรูปบูชาที่เล่าลือกันว่ามีอำนาจในการรักษาโรคได้ พวกชาวกรีกออร์โธด็อกซ์จะมาชุมนุมกันที่โรงสวดในวันที่15สค เพื่อฉลองเทศกาลพระแม่มารีเสด็จสู่สวรรค์ สำนักวาติกันถือว่าที่นี่เป็นอารามแห่งหนึ่ง
เมืองโบราณเอฟิซุส (The Ancient City of Ephesus) หรือ เอเฟส (Efes) เมืองโบราณที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยกรีก ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งไอโนเนีย สถานที่ท่องเที่ยวสำตัญของเมืองอิซเมียร์ ประเทศตุรกี เป็นแหล่งโบราณคดีที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีไฮไลท์อยู่ที่ห้องสมุดเซลซุส (Celsus Library) และนอกจากห้องสมุดเซลซุสแล้ว ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งอีกมากมาย ทั้งโรงละครกลางแจ้งเอฟิซัส, คอนเสิร์ตของฮูลิโอ อิงเกลเซียส, ห้องอาบน้าแบบโรมันโบราณ, ห้องสมุดโบราณ, บ้านของพระแม่มารี, ศูนย์ผลิตเสื้อหนัง เป็นต้น
ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (Ephesus Roman Baths) ซากที่เห็นนี้เป็นห้องอาบน้ำสมัยโรมันแห่งเมืองเอฟิซุส สมัยโบราณเก่าแก่เมื่อ 2,000 ปีก่อน ที่ยังคงเหลือร่องรอยสถาปัตยกรรมสวยงามให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น ห้องอบไอน้ำ โรงอาบน้ำที่พรั่งพร้อมไปด้วยน้ำร้อน น้ำเย็น และน้ำอุ่น ภายในประดับด้วยโมเสกและรูปปั้นต่าง ๆ เชิญเดินสำรวจห้องอาบน้ำโบราณ ย้อนร้อยอดีตยุคโรมัน พร้อมรับรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง
ห้องสมุดของเซลซุส (Ephesus Ancient Library | Library of Celsus) เป็นไฮไลต์สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของเอฟิซุส ห้องสมุดนี้เป็นอาคารสองชั้น สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 114 เพื่ออุทิศให้เป็นอนุสรณ์แด่ เซลซัส โพเลเมียนุส ผู้เป็นพ่อและนายกเทศมนตรีของโรมัน ที่ปกครองแคว้นเอเชียไมเนอร์ หลุมฝังศพของท่านอยู่ใต้ห้องสมุดแห่งนี้ด้วย ภายในมีห้องอ่านหนังสือและช่องเก็บม้วนหนังสือ ถึง 12,000 ม้วน ทางเข้า 3 ทาง โดยบริเวณประตูทางเข้ามีรูปแกะสลักเทพี 4 องค์ประดับอยู่
เมืองปามุคคาเล เมืองที่มีชื่อเสียงน้ำพุเกลือร้อนที่ไหลออกมาจากใต้ดินผ่านซากเมืองเก่า ไหลลงสู่หน้าผา ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวหลายชั้น ซึ่งผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาว แก่งหินสีสวยงดงามประดุจหิมะ จนถูกขนานนามว่า ปราสาทปุยฝ้าย หากใครอยากอาบน้ำแร่ก็ไม่ผิดหวัง มีแอ่งน้ำจำลองไว้บริการให้ดำว่ายเต็มที่ ในอดีตชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนนี้สามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองฮีเยราโพลิสล้อมรอบ
"ปามุกกาเล" "ปามุกคาเล" แปลว่า "ปราสาทปุยฝ้าย" ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ที่เมืองปามุคคาเล ประเทศตุรกี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่มีลักษณะเป็นแอ่งและมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากคือ หน้าผาที่ขาวที่กว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ
นครโบราณเฮียราโปลิส (Hierapolis) สันนิษฐานกันว่ามีอายุประมาณ 2,200 ปี เนื่องจากถูกสร้างขึ้นก่อนคริสตกาล ในยุคของกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน โดยสร้างให้อยู่ใกล้กับแอ่งน้ำแร่ร้อนปามุคคาเลย์ แต่หากถอดความคำว่าเฮียราโพลิส หมายถึง เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับเมืองทุกเมืองที่มียุครุ่งโรจน์ และยุคเสื่อมถอย และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี 1970 อีกด้วย
เมืองคอนย่า (Konya City) ตั้งอยู่ที่เมืองคอนย่า ประเทศตุรกี เมืองนี้มีประวัติที่เก่าแก่มาก ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือที่ยุคนั้นเรียก 'อนาโตเลีย' เมืองนี้รุ่งเรืองมากในสมัยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท มีการสร้างสิ่งก่อสร้างมากมายด้วยสถาปัตยกรรมแบบตุรกี ที่รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซียและไบแซนไทน์
ก่อตั้งขึ้นปีคศ1231โดย เมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูมี่ ผู้วิเศษในศาสนาอิสลาม เกิดที่อัฟกานิสถาน เดินทางมายังเมืองคอนย่า เพื่อเขียนบทกวีลึกลับเป็นภาษาเปอร์เซีย และเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม โดยมีพื้นฐานอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน เดิมที่นี่เป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ก่อนไปทำการหมุนต้องอดอาหาร มีการเข้าห้องฝึกทรมานร่างกายเป็นเวลา1,0001คืน ก่อนที่จะไปหมุนได้ ผู้ที่มีสมาธิมากตัวจะลอยขึ้นเมื่อหมุนไปช่วงเวลาหนึ่ง
คาราวานซาราย หรือ คาราวานสะราย (Caravansarai | Kervansaray) จุดพักที่ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าของเหล่าพ่อค้าคาราวานมาตั้งแคมป์รวมกัน ตั้งอยู่ที่ประเทศตุรกี นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมที่เริ่มจากอิสตันบูลไปยังเมืองจีน ลักษณะของคาราวานซารายก็จะคล้ายกับแคมป์ ด้านในมีประตูตรงกลาง มีที่ให้จอดรถม้า ที่กินข้าว ที่แลกเปลี่ยนสินค้า ที่พักทาส มีกำแพงหินล้อมรอบ และตรงกลางจะมีหอคอยเพื่อไว้สังเกตุการณ์รักษาความปลอดภัยจากรอบข้าง
เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจรดประเทศจีน เมืองคัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก มีภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์จนเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
ระบำหน้าท้องตรุกี (Turkish Belly Dance) เป็นการเต้นรำที่เชื่อกันว่าเก่าแก่สุดอย่างหนึ่ง มีรากที่สืบสาวได้ถึง 6,000 ปี ในดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สัมพันธ์กับวัฒนธรรมบูชาพระแม่ผู้เป็นแหล่งที่มาของพลังชีวิต และมีพิธีกรรมเกี่ยวพันกับความอุดมสมบูรณ์ เอื้อให้การคลอดลูกเป็นไปโดยสวัสดิภาพ แต่เดิมจึงเป็นการร่ายรำ ที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก ช่วยให้นางรำมีร่างกายแข็งแรง
กิจกรรมสุดฮิตที่ทำให้นักเดินทางทั่วโลกตื่นเต้น และอยากมาเยือนประเทศตุรกี นั่นคือการขึ้นบอลลูนยักษ์ชมเมืองคัปปาโดเกีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ โดยบอลลูนแต่ละลูกจะจุคนได้ประมาณ 30 คน ภายในแบ่งออกเป็น 5 ช่อง โดยมี 2 ช่องทางด้านซ้ายและขวาสำหรับผู้โดยสาร ส่วนช่องกลางนั้นสำหรับกัปตัน จากนั้นบอลลูนก็จะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือคัปปาโดเกีย อันเป็นบริเวณภูเขาหินโบราณที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนสมัยโบราณ โดยการสกัดหินเพื่อทำเป็นห้องต่าง ๆ รวมทั้งยังมีการขุดลงไปในชั้นใต้ดินเพื่อทำเป็นห้องด้วย
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open Air Museum) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของเมืองคัปปาโดเกีย เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูก ภายในถ้ำจะถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยรูปปั้นจิตกรรมฝาผนัง ทาสีแดง ลักษณะแบบโบสถ์เซนต์บาร์บารา มองจากด้านนอกอาจคิดว่าเป็นบ้านของชนเผ่ายุคหิน แต่จริงๆ แล้วคล้ายกับวัดหรือโบสถ์ที่อยู่ในถ้ำมากกว่า ทีนี่เต็มไปด้วยความงดงามแปลกตา และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984
หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในเมืองคัปปาโดเจีย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย อุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่สามารถเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
อังการา หรือ อังคาร่า เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกี ที่มีการพัฒนาและเติบเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำเองกูรีซูในบริเวณกลางคาบสมุทรอานาโตเลีย ทั้งยังเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ ด้วยความเป็นเมืองที่มีความทันสมัยแต่แฝงไว้ด้วยร่องรอยของอารยธรรมโบราณจากประวัติศาสตร์อย่างกลมกลืน อังการาจึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งทางธุรกิจและอุตสาหกรรมในระดับประเทศ
ตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งในบรรยากาศและไสตล์เตอร์กิชแท้ๆ ที่นี่กลายเป็นตลาดยอดนิยมที่โด่งดังที่สุดในตุรกี ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี โดยสร้างตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1453 เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้าน และมีสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ผ้าคลุมไหล่ พรม เซรามิก ของที่ระลึก ฯลฯ ที่สำคัญยังสามารถต่อรองราคาได้ด้วย โดยตลาดแกรนด์บาซาร์เปิดบริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.30 - 19.00 น.
สไปซ์มาร์เก็ต หรือ ตลาดเครื่องเทศ (Spice Market) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ซึ่งที่นี่ถือเป็นตลาดในร่ม และเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอิสตันบูล โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้าเยนี คามี ซึ่งสินค้าที่นำมาขายส่วนใหญ่คือเครื่องเทศเป็นหลัก ทั้งยังมีถั่วชนิดต่าง ๆ รังผึ้ง น้ำมันมะกอก ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับ ฯลฯ นอกจากนั้นทางด้านใต้ของตลาดยังเชื่อมไปสู่ลานหินหน้าสุเหร่าซึ่งติดกับถนนเลียบทะเลมาร์มะรา ที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบโกลเดนฮอร์น จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือ พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace) พระราชวังโดลมาบาชเช่ เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นโดยสุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยนชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออก ภายนอกประกอบด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวัง ซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก ๆ ที่ช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องหับต่าง ๆ และฮาเร็ม ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรงแก้วเจียระไน และโคมไฟมหึมา หนัก 4.5 ตัน ที่ดูสวยงามมาก
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553