หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait) ช่องแคบเชื่อมทะเลดำเข้ากับทะเลมาร์มาร่า มีความยาวและความกว้างที่ถือว่า เป็นสุดขอบของทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย นอกจากมีความสวยงามแล้ว ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันตุรกีด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ กระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อน ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง ในปี ค.ศ. 1973 เปิดใช้สะพานบอสฟอรัสทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น
สนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งสนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรัฐบาลตุรกีต้องการสร้างให้สนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินของโลกที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรป เอเชีย และภูมิภาคอื่นๆ รวมกว่า 60 ประเทศ มีร้านค้าร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกมากมาย บางแห่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
อิสตันบูล (Istanbul City) เมืองที่มีความสำคัญและมีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศตุรกี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัสหรือคอนสแตนติโนเปิล อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์โลกโบราณ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ อิสตันบูลคือเมืองหนึ่งเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป นั่นคือทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้อิสตันบูลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของตุรกี ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และยังเป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศอีกด้วย
พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) หรือที่รู้จักกันในชื่อวังสุลต่าน เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของเมืองอิสตันบูล โดยมีทั้งหมด 3 ส่วน คือพระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และ ฮาเร็ม ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่จัดงานรับรองของรัฐบาลประเทศตุรกี พระราชวังแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างศิลปะและสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวชั้นเยี่ยม ที่เห็นวิวของเมืองอิสตันบูลได้ชัดแจ๋ว ทั้งอ่าว Golden Horn, ทะเลมาร์มะรา (Marmara Sea) และช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait)
อุโมงค์ส่งน้ำเยเรบาตัน หรืออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (Yerebatan Sarnici | Basilica Cistern) ของพระราชวังใต้ดิน เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล ตั้งอยู่ใกล้วิหารเซนต์โซเฟีย เป็นอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินที่มีเสาแบบโครินเทียนหรือเสากรีกต้นสูง ใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น
จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม (Sultanahmet Square or Hippodrome) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมืองฮิปโปโดรม ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมัน สถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น ที่นำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7
มัสยิดสุลต่านอาห์เมต (Sultan Ahmet Mosque, Sultan Ahmet Camii) หรือ สุเหร่าสีน้ำเงิน มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque) เป็นมัสยิดที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อยู่ในนครอีสตันบูล ประเทศตุรกี มัสยิดถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1609 โดย Sedefkar Mehmed Agha ตามคำสั่งของสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan Ahmed I) ผู้ซึ่งตัดสินใจที่จะสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ เพื่อยืนยันอำนาจของอาณาจักรออตโตมัน
ตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นแหล่งช้อปปิ้งในบรรยากาศและไสตล์เตอร์กิชแท้ๆ ที่นี่กลายเป็นตลาดยอดนิยมที่โด่งดังที่สุดในตุรกี ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี โดยสร้างตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1453 เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีร้านค้ามากกว่า 4,000 ร้าน และมีสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ผ้าคลุมไหล่ พรม เซรามิก ของที่ระลึก ฯลฯ ที่สำคัญยังสามารถต่อรองราคาได้ด้วย โดยตลาดแกรนด์บาซาร์เปิดบริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 08.30 - 19.00 น.
พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือ พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace) พระราชวังโดลมาบาชเช่ เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นโดยสุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยนชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออก ภายนอกประกอบด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวัง ซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก ๆ ที่ช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องหับต่าง ๆ และฮาเร็ม ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรงแก้วเจียระไน และโคมไฟมหึมา หนัก 4.5 ตัน ที่ดูสวยงามมาก
ช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait) ช่องแคบเชื่อมทะเลดำเข้ากับทะเลมาร์มาร่า มีความยาวและความกว้างที่ถือว่า เป็นสุดขอบของทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย นอกจากมีความสวยงามแล้ว ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันตุรกีด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ กระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อน ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง ในปี ค.ศ. 1973 เปิดใช้สะพานบอสฟอรัสทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น
เมืองชานักกาเล (Canakkale city) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเคยเป็นที่ตั้งของเมืองทรอยอันเป็นที่มาของสงครามม้าไม้กรุงทรอยที่ถูกสร้างขึ้นเป็นภาพยนตร์มาแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีซากของกำแพงเมืองโบราณปรากฏให้เห็นอยู่ นอกจากนั้นจากประวัติของชานักกาเล ที่นี่เคยมีชื่อเดิมว่า BOGAZI หรือ HELLESPONT ตั้งอยู่บนจุดที่แคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลบนฝั่งของทะเลมาร์มาราและทะเลอีเจี้ยน และไม่ไกลจากกรุงอิสตันบูลมากนัก
เมืองทรอย (Troy) เมืองในตํานานกรีกโบราณ ได้มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตกว่า เมืองทรอยตั้งอยู่บริเวณจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของชองแคบเฮลเลสพอนด์ (Hellenpond) หรือชองแคบดาร์ดาแนลล์ในปัจจุบัน บริเวณเมืองทรอยมีการจัดห้องแสดงแบบจําลองเมือง และเรื่องราวการค้นพบโดยนักโบราณคดี พร้อมทั้งภาพแผนผังเมืองทรอยที่สร้างซ้อนทับกันถึง 9 ชั้น มีซากเมืองเก่า กําแพง ประตู และม้าไม้จําลองแห่งทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ
ม้าไม้จำลองแห่งทรอย (Trojan Horse) เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ โดยเป็นสาเหตุทำให้กรุงทรอยแตก ซึ่งได้บันทึกเอาไว้ในมหากาพย์เรื่อง “อีเลียด” ของมหากวีโฮเมอร์ มีการขุดค้นพบซากเมืองที่เชื่อกันว่าเป็นเมืองทรอย บริเวณที่ชื่อฮิซาร์ลิกในเมืองคานัคเกลของตุรกี ปัจจุบัน มีการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ขึ้นบริเวณซากเมืองทรอยด้วย การสู้รบครั้งนั้นชาวกรีกเผ่าอาเคียนจำนวนหนึ่งมาทำสงครามกับเมืองทรอย ได้ปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนอะนาโตเลียเสียเลย และมีชาวกรีกเผ่าอื่น ๆ ตามมาทีหลัง
เมืองคูซาดาซี (Kusadasi) เป็นเมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรกี ในอดีตเมืองนี้เป็นเหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า และเป็นท่าเรือธรรมชาติที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่เหมาะในการทำการค้าระหว่างยุโรปและแอฟริกาใต้ และคูซาดาซีเพิ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเมื่อปี ค.ศ. 1980 นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียง เรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลก
ตั้งอยู่บนยอดเขาบูลบุล เมืองเอฟฟิซุส เชื่อกันว่าพระเยซูได้ฝากฝังให้นักบุญจอห์นช่วยดูแลพระนางมารี ผู้ซึ่งเป็นสาวกองค์หนึ่งของพระเยซู ดังนั้นนักบุญจอห์นจึงได้พาพระแม่มารีเดินทางมาจนถึงเอฟิซุสในปีคศ37และ48 พระแม่มาเรียชอบความเงียบสงบและได้ใช้ชีวิตที่เอฟิซุสจนสิ้นพระชนม์ ปัจจุบันที่นี่ ถูกเปลี่ยนเป็นโรงสวด ภายในมีรูปบูชาที่เล่าลือกันว่ามีอำนาจในการรักษาโรคได้ พวกชาวกรีกออร์โธด็อกซ์จะมาชุมนุมกันที่โรงสวดในวันที่15สค เพื่อฉลองเทศกาลพระแม่มารีเสด็จสู่สวรรค์ สำนักวาติกันถือว่าที่นี่เป็นอารามแห่งหนึ่ง
ตั้งอยู่บนยอดเขาบูลบุล เมืองเอฟฟิซุส เชื่อกันว่าพระเยซูได้ฝากฝังให้นักบุญจอห์นช่วยดูแลพระนางมารี ผู้ซึ่งเป็นสาวกองค์หนึ่งของพระเยซู ดังนั้นนักบุญจอห์นจึงได้พาพระแม่มารีเดินทางมาจนถึงเอฟิซุสในปีคศ37และ48 พระแม่มาเรียชอบความเงียบสงบและได้ใช้ชีวิตที่เอฟิซุสจนสิ้นพระชนม์ ปัจจุบันที่นี่ ถูกเปลี่ยนเป็นโรงสวด ภายในมีรูปบูชาที่เล่าลือกันว่ามีอำนาจในการรักษาโรคได้ พวกชาวกรีกออร์โธด็อกซ์จะมาชุมนุมกันที่โรงสวดในวันที่15สค เพื่อฉลองเทศกาลพระแม่มารีเสด็จสู่สวรรค์ สำนักวาติกันถือว่าที่นี่เป็นอารามแห่งหนึ่ง
โรงงานผลิตเครื่องหนัง (Leather Factory) ตั้งอยู่ที่เมืองเอฟิซุส ประเทศตุรกี เป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย
เมืองปามุคคาเล เมืองที่มีชื่อเสียงน้ำพุเกลือร้อนที่ไหลออกมาจากใต้ดินผ่านซากเมืองเก่า ไหลลงสู่หน้าผา ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวหลายชั้น ซึ่งผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาว แก่งหินสีสวยงดงามประดุจหิมะ จนถูกขนานนามว่า ปราสาทปุยฝ้าย หากใครอยากอาบน้ำแร่ก็ไม่ผิดหวัง มีแอ่งน้ำจำลองไว้บริการให้ดำว่ายเต็มที่ ในอดีตชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนนี้สามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองฮีเยราโพลิสล้อมรอบ
"ปามุกกาเล" "ปามุกคาเล" แปลว่า "ปราสาทปุยฝ้าย" ในภาษาตุรกี ตั้งอยู่ที่เมืองปามุคคาเล ประเทศตุรกี สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่มีลักษณะเป็นแอ่งและมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากคือ หน้าผาที่ขาวที่กว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ
เมืองคอนย่า (Konya City) ตั้งอยู่ที่เมืองคอนย่า ประเทศตุรกี เมืองนี้มีประวัติที่เก่าแก่มาก ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือที่ยุคนั้นเรียก 'อนาโตเลีย' เมืองนี้รุ่งเรืองมากในสมัยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท มีการสร้างสิ่งก่อสร้างมากมายด้วยสถาปัตยกรรมแบบตุรกี ที่รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซียและไบแซนไทน์
เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส เป็นเมืองที่มีความสำคัญมาแต่โบราณ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจรดประเทศจีน เมืองคัปปาโดเกีย ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก มีภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์จนเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
คาราวานซาราย หรือ คาราวานสะราย (Caravansarai | Kervansaray) จุดพักที่ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าของเหล่าพ่อค้าคาราวานมาตั้งแคมป์รวมกัน ตั้งอยู่ที่ประเทศตุรกี นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในเส้นทางสายไหมที่เริ่มจากอิสตันบูลไปยังเมืองจีน ลักษณะของคาราวานซารายก็จะคล้ายกับแคมป์ ด้านในมีประตูตรงกลาง มีที่ให้จอดรถม้า ที่กินข้าว ที่แลกเปลี่ยนสินค้า ที่พักทาส มีกำแพงหินล้อมรอบ และตรงกลางจะมีหอคอยเพื่อไว้สังเกตุการณ์รักษาความปลอดภัยจากรอบข้าง
ระบำหน้าท้องตรุกี (Turkish Belly Dance) เป็นการเต้นรำที่เชื่อกันว่าเก่าแก่สุดอย่างหนึ่ง มีรากที่สืบสาวได้ถึง 6,000 ปี ในดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สัมพันธ์กับวัฒนธรรมบูชาพระแม่ผู้เป็นแหล่งที่มาของพลังชีวิต และมีพิธีกรรมเกี่ยวพันกับความอุดมสมบูรณ์ เอื้อให้การคลอดลูกเป็นไปโดยสวัสดิภาพ แต่เดิมจึงเป็นการร่ายรำ ที่เน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อท้องและสะโพก ช่วยให้นางรำมีร่างกายแข็งแรง
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open Air Museum) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของเมืองคัปปาโดเกีย เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูก ภายในถ้ำจะถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยรูปปั้นจิตกรรมฝาผนัง ทาสีแดง ลักษณะแบบโบสถ์เซนต์บาร์บารา มองจากด้านนอกอาจคิดว่าเป็นบ้านของชนเผ่ายุคหิน แต่จริงๆ แล้วคล้ายกับวัดหรือโบสถ์ที่อยู่ในถ้ำมากกว่า ทีนี่เต็มไปด้วยความงดงามแปลกตา และคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงได้รับขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984
นครใต้ดินชาดัค (Cardak Underground City) นครที่เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูในยามสงครามของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกและชาวโรมันจากทางตะวันตก เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย ในฤดูร้อนจึงมีอากาศเย็น ในฤดูหนาวจึงมีอากาศอบอุ่น
โรงงานทอพรม (Carpet Factory) ผลิตพรมทอจากไหมที่มีความละเอียดสวยงาม เมื่อเทียบกับพรมชาติอื่นในขนาดผืนเท่ากันแล้วจะหนักและแน่นกว่า พรมเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของอิสตันบูล ซึ่งมีสองแบบตามลักษณะความยาวของเส้นใยที่ใช้ทอคือ ฮาลื่อและคิลิม ฮาลื่อเป็นพรมแบบทั่วไปที่เห็นกัน วัสดุที่ใช้ทอมีทั้งขนสัตว์ฝ้าย ไหม เมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก ด้านหนึ่งจึงปุยขึ้นเป็นลายตามที่ช่างต้องการ
โรงงานเซรามิค (Ceramic Factory) มาเยี่ยมชมโรงงานเซรามิค ซึ่งภายในโรงงานที่ท่านได้ชม ช่างเซรามิคกำลังทำงานสร้างสรรค์ผลงานและลวดลายต่าง ๆ บนชิ้นงาน สำหรับเซรามิคนั้นเป็นสินค้าที่นิยมซื้อเป็นของฝากจากตุรกีอีกอย่างหนึ่ง
สนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งสนามบินแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยรัฐบาลตุรกีต้องการสร้างให้สนามบินแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินของโลกที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปยุโรป เอเชีย และภูมิภาคอื่นๆ รวมกว่า 60 ประเทศ มีร้านค้าร้านอาหาร และคาเฟ่ให้เลือกมากมาย บางแห่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553