หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก
สุสานโฮจิมินห์ หรือ จู่ติกโอจิมินห์ (Lang Chu Tich ho Chi Minh) เป็นสุสานของอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของชาวเวียดนาม ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิงห์ อยู่ห่างจากทะเลสาบโฮฮว่านเกี๋ยมไปทางทิศตะวันตก 2 กิโลเมตร สุสานบรรจุศพแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฮานอย ภายในอนุสาวรีย์มีโลงแก้วบรรจุร่างของ ท่านโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม มีรูปแบบสถาปัตยกรรมมาจากอนุสาวรีย์บรรจุศพของ วลาดีมีร์ เลนิน ในประเทศรัสเซีย โดยเปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1975
ปัจจุบันใช้เป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง ทาด้วยสีเหลืองทั้งหลัง มีทหารเฝ้าห้ามเข้าใกล้ แต่มีเชือกกั้นสามารถถ่ายรูปได้ในระยะไกล
บ้านพักของโฮจิมินห์ หรือที่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า บ้านโฮจิมินห์ เป็นบ้านพักของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ในช่วง 1958-1969 ที่ฮานอย ซึ่งตั้งอยู่หลังอาคาร Presidential Palace Hanoi เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงที่ดูเรียบง่าย ซึ่งบ้านพักของลุงโฮนี้จะบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเรื่องราวการใช้ชีวิตของลุงโฮ บ้านโฮจิมินห์มีบรรยากาศอันร่มรื่น รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้ของลุงโฮ อาทิเช่น โต๊ะทำงาน และเครื่องตำข้าว ภายในบ้านโฮจิมินห์แห่งนี้ได้มีการจัดนิทรรศการแสดงผลประวัติการทำงานของลุงโฮไว้อีกด้วย
วัดเจดีย์เสาเดียวตั้งอยู่ในสวนสาธารณะที่อยู่ด้านหลังถนน Ong Ich Kiem ในเขต Ba Dinh ของฮานอย เจดีย์เปิดให้เข้าชมตลอดสัปดาห์ในช่วงฤดูร้อน แต่ปิดในวันจันทร์และศุกร์ในช่วงฤดูหนาว เข้าชมได้ฟรี วัดนี้ตั้งอยู่กลางสระบัวที่สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้แก่เจ้าแม่กวนอิม มีเอกลักษณ์ของเจดีย์เสาเดียวที่ตั้งอยู่เหนือสระน้ำขนาดย่อมบนเสาหินเดี่ยว เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิลี้ ท้าย ตง ผู้ครองราชย์ในช่วงระหว่างปี 1028 ถึงปี 1054
วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung Temple) เป็นวัดที่ถูกสร้างใหม่และใหญ่ที่สุดของเมืองดานัง โดยมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักด้วยหินอ่อนขนาดใหญ่ หันหน้าออกทะเล ด้านหลังชนภูเขา ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวสง่างาม "หลินอึ่ง" มีความหมายว่า สมปารารถนาทุกประการ ชาวประมงนิยมไปกราบไหว้ขอพรช่วยปกปักรักษา จากจุดวัดหลินอึ๋งสามารถมองเห็นตัวเมืองดานังได้อย่างชัดเจน วัดหลินอี๋งจึงเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองดานัง
วัดโบราณในกรุงฮานอย มีประวัติความเป็นมายาวนานเกือบพันปี ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม ภายในวัดประกอบด้วยป้ายหินประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านเป็นจอหงวน มีศาลเทพเจ้าขงจื๊อและสานุศิษย์ สร้างในปีคศ1070 ยุคของราชวงศ์ไล โดยพระเจ้าไล ไท ตอง เพื่อเชิดชูคุณธรรมอุทิศให้แก่ขงจื๊อ ปราชญ์ชาวจีน ต่อได้สร้างโรงเรียนสำหรับขุนนางขึ้นในบริเวณเดียวกันกับวัด เพื่อให้เหล่าขุนนางได้ศึกษาเล่าเรียนและสอบเป็นจอหงวน ปัจจุบัน เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ทางการศึกษาของเวียดนามและเป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญของฮานอย
ฮาลองเบย์ (Halong Bay) ตั้งอยู่ในพื้นที่อ่าวตังเกี๋ย ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม อ่าวนี้คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต มีชื่อเสียงเป็นที่หมายปองของเหล่านักท่องเที่ยวสายธรรมชาติทั่วโลก กิจกรรมต้องทำในการมาเที่ยวฮาลองคือ ล่องเรือครูซชมความงามของธรรมชาติ การพายเรือคายัค และในปี พ.ศ. 2537 องค์กรยูเนสโกประกาศให้ฮาลองเบย์เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เราอยากแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่คือเดือนตุลาคม-ธันวาคม คุณจะได้เจออากาศดีและฟ้าสดใสเหมาะกับการล่องเรือที่สุด
ช้อบปิ้งตลาดไนท์พลาซ่า ซึ่งเป็นตลาดสดท้องถิ่นเมืองฮาลอง มีของขายสารพัด สินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกให้ได้เลือกอย่างมากกว่า100ร้านค้า เพลิดเพลินกับการต่อรองสินค้า ไม่ว่าจะเป็น เรือสำเภาทำจากไม้ กระเป๋าก้อปปี้ ยี่ห้อ Kipling ที่ราคาถูกที่สุดในเวียดนาม สร้อยมุก กระจกทำจากไม้และเปลือกหอย ชุดประจำชาติออ๋าวญ๋าย เป็นต้น เป็นต้น และสินค้าพิเศษที่นี่ คือ ส้มเวียดนาม หวานอมเปรี้ยว อร่อยมาก และพวกอาหารทะเล เพราะเวียดนามมีปลาหลายชนิด สด และราคาถูก เพราะเวียดนามมีชายฝั่งทะเลยาวติดกับทะเลจีนใต้
ฮาลองเบย์ (Halong Bay) ตั้งอยู่ในพื้นที่อ่าวตังเกี๋ย ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม อ่าวนี้คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต มีชื่อเสียงเป็นที่หมายปองของเหล่านักท่องเที่ยวสายธรรมชาติทั่วโลก กิจกรรมต้องทำในการมาเที่ยวฮาลองคือ ล่องเรือครูซชมความงามของธรรมชาติ การพายเรือคายัค และในปี พ.ศ. 2537 องค์กรยูเนสโกประกาศให้ฮาลองเบย์เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ด้วย สำหรับช่วงเวลาที่เราอยากแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่คือเดือนตุลาคม-ธันวาคม คุณจะได้เจออากาศดีและฟ้าสดใสเหมาะกับการล่องเรือที่สุด
ถ้ำเทียนเดื่อง ถ้ำสวรรค์ หรือ ถ้ำวิมานสวรรค์ Thiên Đường Cave (Paradise Cave) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติฟองญา-แกะบ่าง เมืองดงเหย (Dong Hoi) เมืองเอกของจังหวัดกว๋างบิ่ญ ประเทศเวียดนาม บรรยากาศภายในถ้ำมีความโอ่โถงกว้างใหญ่ ตลอด 2 ข้างทางเดิน มีความงามปานเนรมิตสมกับชื่อถ้ำสวรรค์โดยแท้ เพราะเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยต่างๆ มากมาย เป็นหินงอกหินย้อยที่ยังมีชีวิต หรือ “หินเป็น” ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างให้ชมกันไปตลอดทาง
กรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม มีขนาดพื้นที่ใหญ่เอันดับสองของประเท มีชื่อเรียกหลากหลาย เช่น เมืองทังลอง แปลว่า เมืองมังกรผงาดฟ้า บางครั้งเรียกว่า เมืองโดงกึง แปลว่าเมืองหลวงทางทิศตะวันออก ปัจจุบันฮานอยเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาติ มีสถานที่น่าสนใจมากมาย ณ ย่านชุมชน มีถนนเล็กๆ ที่เรียกชื่อถนนตามสินค้าที่วางขาย เช่น ถนนผ้าไหม ถนนกระดาษ ถนนเสื่อ เป็นต้น เมืองฮานอยเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมากมาย ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ไปลองสัมผัสดูซักครั้ง
ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หมายถึง ทะเลสาบคืนดาบ ทะเลสาบใจกลางเมืองฮานอย ใจกลางทะเลสาบแห่งนี้มีเกาะหยกและวัดหง็อกเซิน (วัดเนินหยก) ตั้งตระหง่านข้ามสะพานฮุกสีแดง (สะพานแสงอาทิตย์) เพื่อไปยังวัดแห่งนี้ ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมอยู่ห่างจากตลาดและร้านค้าขายของไม่ไกลนัก ดังนั้นจึงสามารถเลือกซื้ออาหารต่างๆ ได้ง่าย ดูคนในท้องถิ่นวิ่งรอบทะเลสาบและร่วมวิ่งไปด้วยหากคุณอยากออกกำลังกายสักเล็กน้อย คุณจะพบแผงร้านจำหน่ายกาแฟสดสไตล์เวียดนามตรงริมฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ
วัดหง๊อกเซินแห่งทะเลสาบคืนดาบ (Temple of the Jade Mountain) เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่มีตำนานน่าสนใจและเป็นสัญญลักษณ์ของความเชื่อในเรื่องของอำนาจและยศฐาบรรดาศักดิ์ ภายในประกอบด้วยศาลเจ้าโบราณ และเต่าสต๊าฟขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าเต่าตัวนี้คือ เต่าศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 ตัวที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน เพลิดเพลินใจไปกับการชมภาพลายปูนปั้นระบายสีที่วิจิตรงดงาม อันแสดงให้เห็นฝีมือของชาวเวียดนามอย่างแท้จริง ถือเป็นวัดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้มาเยือนได้เคารพสักการะ
ย่านถนน 36 สายเก่า ฮานอย หรือ ย่านเฝอเฟือง แหล่งขายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมืองที่ใหญ่สุดใจกลางกรุงฮานอย เป็นย่านหัตถกรรมที่มีประวัติยาวนานร่วม 600 กว่าปี ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่ย่านนี้จะมีตลาดกลางคืน หรือ Night Market (ที่คล้ายกับถนนคนเดินเชียงใหม่) คึกคักไปด้วยผู้คนทั้งชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมวิถีชีวิต ซื้อของฝากของที่ระลึก เช่น ตุ๊กตาเวียดนาม กระเป๋า ของใช้ที่ทำจากหัตถกรรม และของฝากสไตล์เวียดนาม
การแสดงระบำตุ๊กตาหุ่นกระบอกน้ำ อันเป็นศิลปกรรมประจำชาติและเอกลักษณ์ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีแห่งเดียวในโลก คนเชิดมีความสามารถในการเชิดหุ่นกระบอกเป็นเรื่องเป็นราวในชีวิตประจำวันของชาวเวียตนาม และแสดงตำนานสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในกรุงฮานอย โดยนักแสดงเชิดหุ่นกระบอกน้ำ ต้องยืนอยู่ในน้ำตลอดเวลา ตื่นตากับการแสดงตุ๊กตาไม้เป็นหุ่นเชิดในน้ำ ชุดสวย สนุกสนานมากๆ เหมือนหุ่นมีชีวิตด้วย ทั้งหมดในเวทีน้ำ มีแสง สี เสียง แอฟเฟคสวยเก๋มาก มีมังกรพ่นไฟ สวยและดูแปลกดี
เมืองดานัง (Da Nang) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย เมืองท่าซึ่งได้ชื่อว่าสวยงาม และเป็น "เมืองทะเลโอบล้อมกอดผืนดิน สายหมอกโอบล้อมกอดผืนฟ้า" ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหาน เมืองนี้เติบโตขึ้นมาจากหมู่บ้านชาวประมงจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญและใหญ่เป็นอันดับ4 ของประเทศ ปัจจุบันเมืองนี้กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย
ลำธารนางฟ้า (Mui Ne Fairy Stream) อีกหนึ่งสถานที่เช็คอินยอดนิยมในมุยเน่ ธารน้ำสีแดงอันเกิดจากธรรมชาติ ได้รับฉายาว่า "แกรนแคนยอนเวียตนามใต้" เกิดจากการกัดเซาะของน้ำในแอ่งทะเลทราย กลายเป็นโตรกลึกที่เปิดเนื้อดินให้เห็นชั้นของทรายและดินดาน จากธารน้ำเล็กๆ ไหลผ่านภูมิประเทศกึ่งทะเลทราย เซาะเป็นร่องลึกว่า 20 เมตร เปิดให้เห็นชั้นดินและทรายหลากสี นักท่องเที่ยวจะได้ชมความสวยงามของธรรมชาติ ทัศนียภาพของชั้นดิน
วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung Temple) เป็นวัดที่ถูกสร้างใหม่และใหญ่ที่สุดของเมืองดานัง โดยมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักด้วยหินอ่อนขนาดใหญ่ หันหน้าออกทะเล ด้านหลังชนภูเขา ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวสง่างาม "หลินอึ่ง" มีความหมายว่า สมปารารถนาทุกประการ ชาวประมงนิยมไปกราบไหว้ขอพรช่วยปกปักรักษา จากจุดวัดหลินอึ๋งสามารถมองเห็นตัวเมืองดานังได้อย่างชัดเจน วัดหลินอี๋งจึงเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองดานัง
สะพานญี่ปุ่น อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองฮอยอัน สร้างโดยชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1593 หรือเมื่อประมาณ 400 ปีที่ผ่านมา เพื่อแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นอีกฝั่งหนึ่งของคลองกับชุมชนของชาวจีน และเพื่อเชื่อมถนนจัน ฟู กับ ถนนเหวียน ถิ มินห์ คาย ให้ชาวญี่ปุ่นและชาวจีนยังคงไปมาหาสู่ค้าขายระหว่างกันได้ รูปทรงของสะพานมีลักษณะโค้งมีหลังคามุงกระเบื้องเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัส เมื่อเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็จะได้พบกันบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นตลอดจนร้านสไตล์อาร์ทแกลอรี่ริมถนนคนเดินสองฟากฝั่งถนน
วัดฟุกเกี๋ยน หรือ สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phuoc Kien Association) เป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน ใช้เป็นที่พบปะของคนหลายรุ่น และภายในยังเป็นที่ตั้งของวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับลัทธิของพระนางเทียนเห่า วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลัก ลวดลายสวยงาม ท่านสามารถทำบุญต่ออายุโดยพิธีสมัยโบราณ คือ การนำธูปที่ขดเป็นก้นหอย มาจุดทิ้งไว้ เพื่อเป็นสิริมงคล
บ้านเลขที่ 101 ฮอยอัน คือบ้านประจำตระกูล Tan Ky บนถนนเหวียนไทฮ็อก เมืองฮอยอัน เป็นบ้านไม้ที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของเมืองฮอยอัน เจ้าของเดิมคือชาวจีน สร้างขึ้นมาเมื่อ 75 ปีที่แล้ว อยู่กันมา 5 ชั่วอายุคน ภายในแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว ตั้งแต่ ห้องสมุดสมัยก่อน ห้องรับแขก และห้องครัว และบ้านเลขที่ 77 การได้เข้าไปเยี่ยมชมบ้านโบราณที่ยังคงความงดงามเหล่านีิ้ ถือเป็นไฮไลท์ที่มีเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเยือนเมืองฮอยอัน
เว้ (Hue) เป็นเมืองเอกของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ประเทศเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345-2488 มีโบราณสถานที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วเมือง เช่น พระราชวังเว้ สุสานจักรพรรดิ์ กิจกรรมการล่องเรือชมแม่น้ำหอม นอกจากเว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหาแล้ว ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้จีงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวถึง 6.28 ก.ม. เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากเวียดนามเหนือ – เวียดนามใต้ ทอดตามทางหลวงหมายเลข1 เชื่อมระหว่างสองเมืองของเวียดนามกลาง คือ เมืองดานังและเมืองเว้
เว้ (Hue) เป็นเมืองเอกของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ประเทศเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345-2488 มีโบราณสถานที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วเมือง เช่น พระราชวังเว้ สุสานจักรพรรดิ์ กิจกรรมการล่องเรือชมแม่น้ำหอม นอกจากเว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหาแล้ว ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้จีงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
สุสานของจักรพรรดิไคดิงห์ จักรพรรดิในราชวงศ์เหวียนพระองค์เดียวที่ได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส สุสานแห่งนี้ออกแบบและสร้างผสมผสานด้วยศิลปแบบฝรั่งเศสและเวียดนามได้อย่างลงตัว ประดับประดาด้วยลวดลายอย่างวิจิตรตระการตาใช้เวลาถึง 11 ปี ในการก่อสร้าง พระเจ้าไคดิงห์เป็นพระบิดาบุญธรรมของพระเจ้าเบ๋าได่ ทรงครองราชย์อยู่ 9 ปี ในยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง
สร้างตามแบบของพระราชต้องห้ามในประเทศจีนแต่ย่อส่วนให้เล็กกว่า พระราชวังแห่งนี้ เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงค์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 27 ปี กษัตริย์องค์สุดท้ายที่ประทับชื่อกษัตริย์เบ่าได๋ พระราชวังร้างแห่งนี้ก็กลายเป็นที่ซ่องสุมพวกเวียดกงในสมัยสงครามเวียดนาม จึงถูกกองทัพสหรัฐถล่มในปี คศ.1968 ทำให้พระราชวังเสียหายยับเยิน ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามกำลังพัฒนาปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ค.ศ. 1993
เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้ ที่มาของชื่อแม่น้ำ เนื่องจากบริเวณภูเขาริมฝั่งแม่น้ำนี้มีป่าค่อนข้างสมบูรณ์ ลมที่พัดเข้ามาจะพาจะเอากลิ่นหอมของมวลดอกไม้ป่ามาด้วย จึงเป็นที่มาของชื่อแม่น้ำหอม
วัดเจดีย์เทียนมู่ หรือ เจดีย์เทียนมู่ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม เมืองเว้ สร้างขึ้นราว ปี พ.ศ.2144 ในสมัยจาม ตามดำริของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) เจ้าผู้ปกครองเมืองเว้ (หรือเมือง Thuan Hoa) คนไทยเรียกว่า วัดเทพธิดาราม วัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนานิกายเซน และมีจุดเด่นคือเจดีย์เทียนมู่ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเว้มาตั้งแต่ปี คศ. 1710 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูงทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นเชื่อว่าเป็นตัวแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า
จัตุรัสลัมเวียน (Lam Vien Square) คือศูนย์กลางของเมืองดาลัดที่บรรดาวัยรุ่นนัดรวมตัวนั่งชิวๆ พร้อมทำกิจกรรมเช่น สเก็ตบอร์ด (คล้ายกับสยามสแควร์ของไทยเรา) โดยจุดเด่นบริเวณจัตุรัสนี้คือ คาเฟ่โดม 2 โดมที่สร้างเลียนแบบดอกไม้ โดมเหลืองนั่นคือโดมดอกทานตะวัน และโดมดอกอาร์ติโชค (Atiso) เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกกันเยอะในเมืองดาลัด โดมนี้จะเป็นคาเฟ่ชื่อ Doha Cafe ซึ่งแน่นอนว่านอกจากวัยรุ่นเวียดนามแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาดาลัดก็มักจะแวะถ่ายรูปเช็คอินกันที่จัตุรัสแห่งนี้ด้วย
วัดเทียนหัว (Thean Hou Temple) หรือ วัดเจ้าแม่ทับทิม สร้างระหว่างปี ค.ศ.1981–1987 เป็นเทพเจ้าของจีนซึ่งประชาชนเชื่อกันว่า เป็นผู้ปกปักรักษาชาวประมง วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาคารหลักสูง 6 ชั้น ตั้งอยู่บนถนน Jalan Klang Lama กรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) ประเทศมาเลเซีย
โบสถ์ไซง่อนนอร์ทเทรอดาม (Saigon Notre-Dame Basilica) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงโฮจิมินห์ ตรงข้ามสำนักงานไปรษณีย์กลางไซง่อน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของเมือง ด้านหน้ามีสวนสาธารณะขนาดเล็ก ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปโบสถ์นี้ และบริเวณสวนด้านหน้าจะมีรูปปั้นพระแม่มารีสีขาวตั้งอยู่คู่โบสถ์ด้วย
ไปรษณีย์กลางไซ่ง่อน หรือไปรษณีย์กลาง เมืองโฮจิมินห์ (Saigon Central Post Office) เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่สุดของเวียดนาม ออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส เป็นศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2444 ผู้ออกแบบไปรษณีย์แห่งนี้คือ Gustave Eiffel สถาปนิกระดับโลกไปรษณีย์กลางแห่งนี้ได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี มีความหรูหราโอ่อ่าและอ่อนช้อยทว่ามั่นคง จนทำให้นักออกแบบมา กมายต้องมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้
ล่องเรือชมแม่น้ำไซ่ง่อน กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่เพื่อนๆ เดินทางมาเที่ยวเมืองไซ่ง่อนหรือโฮจินมินห์ ก็คือการล่องเรือทานอาหารค่ำ ชมแม่น้ำไซ่ง่อน ฟังเพลง ชมโชว์ โดยเป็นเรือขนาดใหญ่2-3ชั้น เหมือนเป็นภัตตาคารลอยน้ำ ใช้เวลาล่องตามลำแม่น้ำไซ่ง่อน ชมทัศนยภาพสองฝั่งสวยงามยามค่ำคืนประมาณ1ชม บนเรือนอกจากมีดนตรีสดแล้ว ยังมีโชว์ การแสดงจากสาวเวียดนามในโชว์ต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน ถือได้ว่าการล่องเรือแม่น้ำไซ่ง่อน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการได้มาเยืิอน นครโฮจืนมินห์
อุโมงค์กู๋จี อุโมงค์ของชาวเวียดกง มีระยะทาง 80 กม. เป็นอุโมงค์ที่ขุดขึ้นขนาดพอดีตัวในสมัยสงครามกับทหารเวียดนามใต้ และกองทัพอเมริกัน รวมถึงกองทหารพันธมิตรจากนานาประเทศ ที่ชาวเวียดนามต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อุโมงค์นี้ ซึ่งในอดีตเคยมีชาวเวียดนามอาศัยอยู่ภายใต้อุโมงค์นี้ถึง 80,000 คน ในระหว่างการเกิดสงคราม และยังเคยใช้เป็นที่บัญชาการทางทหารและเป็นหลุมหลบภัย ซึ่งมีความยาวกว่า 200 กม. อุโมงค์นี้ยังสามารถทะลุออกสู่แม่น้ำไซง่อนได้อีกด้วย
ตลาดเบนถัน (Ben Thanh Market) อันแสนคึกคักทุกช่วงเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นตลาดกลางของโฮจิมินห์ซิตี้ที่มีขนาดใหญ่และอึกทึกที่สุดในเวียดนาม ตอนเช้าตรู่จะเห็นชาวท้องถิ่นมาเลือกซื้อของสด ก่อนที่ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นจะเปิดในช่วงสายๆ ยาวไปทั้งวัน ส่วนตลาดกลางคืนจะตั้งอยู่ข้างของจุดศูนย์กลางตลาด เน้นจำหน่ายเครื่องแต่งกาย เครื่องนุ่งห่ม และของที่ระลึกจนถึง 24:00 น. พร้อมกับร้านอาหารริมถนนที่น่าสนใจ
ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “สนามบินดอนเมือง” ตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ทางตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เป็นสนามบินเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 100 ปี และเคยมีฐานะเป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศไทยก่อนจะถูกย้ายไปยังสนามบินสุวรรณภูมิที่เปิดทำการในปี พ.ศ. 2549 โดยในปัจจุบันสนามบินแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของสายการบินต้นทุนต่ำที่มีเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศให้บริการเป็นจำนวนมาก