หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
02 105 6234 หรือ CustomerService@Mushroomtravel.com
สนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 25 กิโลเมตร เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิเคยให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ท่าอากาศยานที่มีคุณภาพการบริการดีที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2553
เว้ (Hue) เป็นเมืองเอกของจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ประเทศเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345-2488 มีโบราณสถานที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วเมือง เช่น พระราชวังเว้ สุสานจักรพรรดิ์ กิจกรรมการล่องเรือชมแม่น้ำหอม นอกจากเว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหาแล้ว ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้จีงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
วัดเจดีย์เทียนมู่ หรือ เจดีย์เทียนมู่ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหอม เมืองเว้ สร้างขึ้นราว ปี พ.ศ.2144 ในสมัยจาม ตามดำริของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) เจ้าผู้ปกครองเมืองเว้ (หรือเมือง Thuan Hoa) คนไทยเรียกว่า วัดเทพธิดาราม วัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนานิกายเซน และมีจุดเด่นคือเจดีย์เทียนมู่ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเว้มาตั้งแต่ปี คศ. 1710 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูงทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นเชื่อว่าเป็นตัวแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า
จัตุรัสลัมเวียน (Lam Vien Square) คือศูนย์กลางของเมืองดาลัดที่บรรดาวัยรุ่นนัดรวมตัวนั่งชิวๆ พร้อมทำกิจกรรมเช่น สเก็ตบอร์ด (คล้ายกับสยามสแควร์ของไทยเรา) โดยจุดเด่นบริเวณจัตุรัสนี้คือ คาเฟ่โดม 2 โดมที่สร้างเลียนแบบดอกไม้ โดมเหลืองนั่นคือโดมดอกทานตะวัน และโดมดอกอาร์ติโชค (Atiso) เป็นดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกกันเยอะในเมืองดาลัด โดมนี้จะเป็นคาเฟ่ชื่อ Doha Cafe ซึ่งแน่นอนว่านอกจากวัยรุ่นเวียดนามแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาดาลัดก็มักจะแวะถ่ายรูปเช็คอินกันที่จัตุรัสแห่งนี้ด้วย
เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้ ที่มาของชื่อแม่น้ำ เนื่องจากบริเวณภูเขาริมฝั่งแม่น้ำนี้มีป่าค่อนข้างสมบูรณ์ ลมที่พัดเข้ามาจะพาจะเอากลิ่นหอมของมวลดอกไม้ป่ามาด้วย จึงเป็นที่มาของชื่อแม่น้ำหอม
พระราชวังเมืองเว้ หรือ พระราชวังไดโน้ย เป็นวังที่สร้างตามความเชื่อแบบจีน พระราชวังแห่งนี้จึงคล้ายแบบพระราชวังกู้กงหรือพระราชวังต้องห้ามของจีน แต่ย่อส่วนให้เล็กลง เป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงค์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานกว่า 27 ปี มีกำแพงล้อมรอบ 3 ชั้นพาท่านชมพระราชบัลลังก์ที่ว่าราชการของกษัตริย์ ตลอดจนห้องทรงพระอักษร ที่ทำการขุนนางทั้งฝ่ายปกครองและกลาโหม
เมืองดานัง (Da Nang) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย เมืองท่าซึ่งได้ชื่อว่าสวยงาม และเป็น "เมืองทะเลโอบล้อมกอดผืนดิน สายหมอกโอบล้อมกอดผืนฟ้า" ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหาน เมืองนี้เติบโตขึ้นมาจากหมู่บ้านชาวประมงจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญและใหญ่เป็นอันดับ4 ของประเทศ ปัจจุบันเมืองนี้กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย
บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) แหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตแห่งใหม่ในเมืองดานัง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กิโลเมตร ซึ่งภูเขาแห่งนี้มีทั้งรีสอรท์ โรงแรม รวมทั้งสวนสนุกขนาดใหญ่บนยอดเขา จุดไฮไลต์ของที่นี่คือ การนั่งกระเช้าขึ้นไปข้างบน ทั้งนี้กระเช้าแห่งบานาฮิลล์ได้รับการบันทึกสถิติโลก โดย World Record ว่าเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก ในประเภท Non Stop เพราะมีความยาวถึง 5,042 เมตร ในอดีตบานาฮิลล์เป็นสถานตากอากาศที่ดีที่สุดในเวียดนามกลาง ถูกค้นพบในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม
บานาฮิลล์ แฟนตาซี ปาร์ค (Bana Hills Fantasy Park) สวนสนุกในร่มและกลางแจ้งขนาดใหญ่ โดยสร้างให้เป็นเหมือนเมืองแห่งเทพนิยายที่สวยงาม ตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอกบนยอดเขาบาน่าฮิลล์ (Bana Hills) เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งแม้จะยังสร้างไม่เสร็จ 100% แต่หลายๆ โซนก็ได้เปิดให้ใช้บริการแล้ว อย่างเช่น ภาพยนตร์ในระบบ 4D บ้านผีสิง ถ้ำาไดโนเสาร์ โซนเกมและเครื่องเล่นต่างๆ รวมทั้งร้านค้าร้านอาหารก็มีให้บริการครบครัน
หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน (Marble Sculpture Village) หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน เมืองดานัง ที่เกือบทุกครอบครัวในหมู่บ้านนี้ทำอาชีพแกะสลักหินอ่อน โดยนำมาจากภูเขาลูกเล็กๆ ในละแวกนั้น เพื่อผลิตเป็นสินค้าจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว อาทิรูปปั้นเทพเจ้า แจกัน โต๊ะ เก้าอี้ หรือแม้กระทั่งเครื่องประดับชิ้นเล็ก ให้เราได้เลือกชมและซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกได้
วัดฟุกเกี๋ยน หรือ สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phuoc Kien Association) เป็นสมาคมชาวจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน ใช้เป็นที่พบปะของคนหลายรุ่น และภายในยังเป็นที่ตั้งของวัดที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับลัทธิของพระนางเทียนเห่า วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลัก ลวดลายสวยงาม ท่านสามารถทำบุญต่ออายุโดยพิธีสมัยโบราณ คือ การนำธูปที่ขดเป็นก้นหอย มาจุดทิ้งไว้ เพื่อเป็นสิริมงคล
สะพานญี่ปุ่น อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองฮอยอัน สร้างโดยชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1593 หรือเมื่อประมาณ 400 ปีที่ผ่านมา เพื่อแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นอีกฝั่งหนึ่งของคลองกับชุมชนของชาวจีน และเพื่อเชื่อมถนนจัน ฟู กับ ถนนเหวียน ถิ มินห์ คาย ให้ชาวญี่ปุ่นและชาวจีนยังคงไปมาหาสู่ค้าขายระหว่างกันได้ รูปทรงของสะพานมีลักษณะโค้งมีหลังคามุงกระเบื้องเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัส เมื่อเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็จะได้พบกันบ้านเรือนเก่าสไตล์ญี่ปุ่นตลอดจนร้านสไตล์อาร์ทแกลอรี่ริมถนนคนเดินสองฟากฝั่งถนน
ตลาดฮาน (Han Market) คือตลาดสดของเมืองดานัง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮาน (Han River) ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำฮาน ด้านหน้าตลาดมีปฏิมากรรมริมแม่น้ำฮานเป็นรูปปั้นหญิงสวยงาม ส่วนในตลาดฮานเป็นตลาดสดทั่วไป ไม่มีอะไรเด่นมาก แต่หากไปช่วงเช้ามืดที่ตลาดนี้คึกคัก มีปลาทะเลสด ๆ อาหารทะเล เพราะดานังคือเมืองติดทะเล
วัดหลินอึ๋ง (Linh Ung Temple) เป็นวัดที่ถูกสร้างใหม่และใหญ่ที่สุดของเมืองดานัง โดยมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่แกะสลักด้วยหินอ่อนขนาดใหญ่ หันหน้าออกทะเล ด้านหลังชนภูเขา ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวสง่างาม "หลินอึ่ง" มีความหมายว่า สมปารารถนาทุกประการ ชาวประมงนิยมไปกราบไหว้ขอพรช่วยปกปักรักษา จากจุดวัดหลินอึ๋งสามารถมองเห็นตัวเมืองดานังได้อย่างชัดเจน วัดหลินอี๋งจึงเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองดานัง