Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

aomori ที่เที่ยว โทโฮกุ กับ 3 ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด

โพสเมื่อ

aomori ที่เที่ยว โทโฮกุ กับ 3 ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด

aomori ที่เที่ยว เยอะมาก เป็นจังหวัดที่อยู่ในภูมิภาคโทโฮกุ หรือว่าภาคอีสานของประเทศญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ ภูมิภาคนี้มีความน่าสนใจยังไง คิดว่าหลายคนคงจะรู้กันมาบ้างแล้วพอสมควร ทั้งเรื่องของอากาศที่ดูจะสดชื่นมาก การเกษตร ธรรมชาติที่เรียกว่าสุดแสนจะอุดมสมบูรณ์ อาหารการกินและวัตถุดิบคุณภาพมากมายในญี่ปุ่นก็ส่งมาจากภูมิภาคนี้ทั้งนั้นหล่ะค่ะ เราว่าพูดมาถึงตรงนี้แล้ว คิดว่าหลายๆคนคงอยากจะรู้แล้วหล่ะว่า ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาดของอาโอโมริ หรือ aomori ที่เที่ยว น่าสนใจนั้นจะมีอะไรกันบ้าง เอ้า…ตามมาดูกันจ้ะ!

1. แอปเปิ้ล อาโอโมริ

เปิดมาไฮไลท์แรกก็พูดถึงของกินกันก่อน อยากจะบอกว่า แอปเปิ้ลที่นี่คือที่สุดมากค่ะคุณขา คือแบบแค่กลิ่นก็ดึงดูดให้เดินตามเข้าไปได้อย่างไม่รู้ตัวแล้วล่ะค่ะ ว่ากันว่า ดินของที่นี่คือดีงาม อากาศก็ดีเลิศ แถมน้ำยังมีความสะอาดเหมาะเหม็งทุกอย่าง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แอปเปิ้ลที่นี่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นได้ยังไงกันเล่า จริงมั้ย…? ผลผลิตกว่า 50% ของแอปเปิ้ลที่วางขายอยู่ในญี่ปุ่นมาจากจังหวัดอาโอโมริ และมีการส่งออกไปยังต่างประเทศถึง 90% ดังนั้น นอกจากแอปเปิ้ลที่เป็นผลๆแล้ว ยังมีการนำแอปเปิ้ลมาแปรรูปและสร้างสรรค์เพื่อการการท่องเที่ยวในจังหวัดอีกมากมาย เช่น พายแอปเปิ้ล, น้ำแอปเปิ้ล, น้ำหวาน หรือจะเป็นกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยว เช่น ทัวร์เก็บแอปเปิ้ล ให้ลูกค้าได้ลองเก็บแอปเปิ้ลสดๆจากสวนได้จริงๆ หรือจะเป็นประสบการณ์แช่ออนเซนท่ามกลางแอปเปิ้ลสดๆที่ลอยตุ๊บป่องเต็มอ่างออนเซน >W< พูดเลยว่า เป็นหนึ่งในลิสต์จังหวัดที่อยากไปที่สุดเลยล่ะค่ะ

// ที่เก็บแอปเปิ้ลแนะนำ : Hirosaki Apple Park //

ที่ Hirosaki Apple Park ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Hirosaki นี่มีแอปเปิ้ลมากกว่า 1,300 ต้น ประกอบด้วยต้นแอปเปิ้ลทั้งหมด 65 ชนิด คุณสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมการเก็บผลแอปเปิ้ลสดๆจากต้น พร้อมตื่นตาตื่นใจกับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแอปเปิ้ลได้อย่างจุใจ ไม่เพียงแค่นั้น ที่นี่ยังมีร้านคาเฟ่ที่รวมไปด้วยเมนูที่มีส่วนผสมของแอปเปิ้ล ทั้งอาหาร, ขนม, เครื่องดื่ม ฯลฯ อย่างมากมาย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่กว้างขวาง เอาไว้รองรับการเดิน วิ่ง ตลอดจนนั่งปิคนิคได้อย่างเพลินใจอีกด้วย

ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนสิงหาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน (อาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ)

ค่าใช้จ่าย : ฟรีค่าเข้าสวน (จะคิดราคาแอปเปิ้ลตามกิโลกรัมที่เก็บ โดยจะคิด 200 เยน / 1 กิโลกรัม)

เพิ่มเติมที่ : www.en-aomori.com/

แผนที่ :

// ออนเซนแอปเปิ้ลแนะนำ //

Minamida Onsen Hotel Apple Land คือที่พักที่เข้าไปอยู่ใจเราได้ทันทีเมื่อเห็นภาพบ่อออนเซนที่มีผลแอปเปิ้ลลอยอยู่เต็มไปหมด นี่มันสวรรค์ชัดๆ เราคิดอย่างนั้นทันที เนื่องจากเป็นคนที่กรี๊ดกร๊าดในแอปเปิ้ลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจที่ตัวเองจะพุ่งตัวเข้าไปหาได้อย่างไม่ต้องคิด เราจึงอยากลองเอามาแนะนำกันทุกคนได้ทำความรู้จักและลองไปพักกันค่ะ ความจริงถ้าไม่นับเรื่องแอปเปิ้ลที่ลอยอยู่เต็มบ่อ ก็พูดได้เลยว่าที่นี่เป็นออนเซนที่มีชื่อเสียงเอามากๆของเมืองฮิราคาวะ เป็นน้ำพุร้อนที่ว่ากันว่ามีส่วประกอบของแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกายและหายากมากๆในภูมิภาคโทโฮกุ

นอกจากการพักที่นี่จะได้ดื่มด่ำกับความฟินของออนเซนแอปเปิ้ลแล้ว บอกเลยว่าอาหารและการบริการของที่นี่ยังดีงามเป็นอย่างยิ่งค่ะ อยากให้ลองนึกภาพตามว่า เรากำลังสวมชุดยูกะตะนั่งอยู่ในร้านอาหารที่ตกแต่งประดับประดาไปด้วยความเก๋าและความเป็นญี่ปุ่นแบบเทรดิชั่นนอล กำลังกินอาหารเซตท้องถิ่นที่ทางพนักงานท่าทางเอาจริงเอาจังและสุภาพเรียบร้อยยกมาเสริฟด้วยสีหน้ามุ่งมั่น นอกจากฉากรอบตัวจะทำให้เราฟินแล้ว อาหารที่เสริฟมาตรงหน้ายังเป็นศิลปะชั้นเลิศให้เราผ่อนคลายและอิ่มท้องไปพร้อมๆกันได้อีกด้วย ทีนี้พอกินอิ่มแล้วก็ถึงเวลาเดินเงียบๆชมนกชมไม้ตามทางเดินเพื่อไปลงแช่ออนเซนแอปเปิ้ล ให้กลิ่นหอมๆของแอปเปิ้ล และน้ำที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญบำบัดให้คุณได้ผ่อนคลาย แค่นี้คืนนี้ก็นอนหลับสบาย ตื่นขึ้นมาสดชื่นแล้วล่ะค่ะ

ช่วงเวลาที่แนะนำ : เดือนสิงหาคม – กลางเดือนพฤศจิกายน (สำหรับออนเซนแอปเปิ้ล)

ค่าใช้จ่าย : ออนเซน 1 วัน 350 เยน

เพิ่มเติมที่ : www.en-aomori.com/hotspring

แผนที่ :

2. ปราสาทฮิโรซากิ

นอกจากธรรมชาติ ดอกไม้สวยๆแล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อในเรื่องของการท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์อีกด้วยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดไหนๆ ก็มักจะชูจุดขายในเรื่องของปราสาทเก่าแก่ขึ้นมาด้วยทุกครั้ง และที่อาโอโมริก็เช่นกัน เอาเป็นว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองมารู้จักกับปราสาทฮิโรซากิไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

 

ปราสาทฮิโรซากิเป็นปราสาทที่ไม่ใหญ่แต่เป็นปราสาทเพียงหนึ่งเดียวในภูมิภาคโทโฮกุที่ปรับปรุงใหม่ในสมัยเอโดะ จึงทำให้เราได้เห็นการก่อสร้างแบบดั้งเดิมทั้งปราสาท ป้อม ประตู ซึ่งบอกเลยว่าถ้าใครเป็นคนที่ชอบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม หรือว่าวัฒนธรรมดั้งเดิมตามแบบสมัยเอโดะ เราว่านั่งเล่นได้นานเชียวล่ะค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้อินกับความเก๋า ความเก่า ความดั้งเดิมของปราสาทก็อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีกันนะคะ เพราะว่าปราสาทฮิโรซากิ เป็นหนึ่งใน aomori ที่เที่ยว ที่ชมหรือเรียกว่าเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงสุดๆในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ว้าว..มั้ยหล่ะ ที่นี่ประกอบไปด้วยซากุระหลากหลายสายพันธุ์กว่า 2,500 ต้น คุณสามารถนั่งปิคนิคชมซากุระ เป็นกิจกรรมฮานาบิแบบคนญี่ปุ่นเก๋ๆก็ได้ หรือว่าเช่าเรือพายชมวิวรอบๆปราสาทก็ฟินได้ไม่แพ้กันค่ะ อยู่ที่ว่าจะชอบสไตล์ไหนเนอะ ใครจะเลือกทั้ง 2 แบบ ก็ไม่ว่ากันค่ะ

ช่วงเวลาที่แนะนำ : 23 เมษายน – 5 พฤษภาคม ของทุกปี (ก่อนเดินทางเช็คเวลาอีกทีนะ เพราะแต่ละปีอากาศก็ไม่เหมือนกัน ไม่สามารถคาดเดาได้จ้ะ)

ค่าใช้จ่าย : เข้าชมปราสาท หรือ สวนพฤกษศาสตร์ (เลือกอย่างเดียว) ราคา 310 เยน , เข้าชมปราสาท, สวนพฤกษศาสตร์ และสวนอนุสรณ์ฟูจิตะ ราคา 510 เยน

เพิ่มเติมที่ : www.hirosakipark.jp/en/

แผนที่ :

3. พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ (Nebuta Warasse)

คุ้นๆกันหรือเปล่าคะกับเทศกาลเนบูตะ เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดอาโอโมริ ถ้าหากคุณมาเที่ยวอาโอโมริในช่วงเดือนสิงหาคม ก็จะเห็นการตกแต่งที่แสนอลังการ แต่ถ้ามาไม่ทันเทศกาลก็ไม่เป็นไรนะคะ มัชรูมทราเวลจะพาไปดูความยิ่งใหญ่ของเนบูตะที่พิพิธศิลปะพื้นบ้านเนบูตะค่ะ

 

และนี่คือ aomori ที่เที่ยว ไฮไลท์ที่เรากำลังจะแนะนำกันค่ะ ซึ่งความโดดเด่นของที่นี่พูดเลยว่าสะดุดตาตั้งแต่อาคารที่ปกคลุมด้วยแผ่นโลหะสีแดงดูแปลกตาซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟอาโอโมริ ภายในพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะ ซึ่งอย่างที่บอกว่าเป็นเทกาลที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดอาโอโมริ ซึ่งมีมานานกว่า 300 ร้อยปีมาแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายเทศกาลเนบูตะ โคมไฟรูปปลาทองสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำงานเทศกาล เกี้ยวที่สวยงามและประณีตทั้ง 5 แบบที่เคยใช้ในขบวนเทศกาลในอดีต ซึ่งถ้านักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่ในช่วงวันหยุด ก็จะมีการแสดงการเต้นรำและดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นให้ได้ชมกันอีกด้วย (ซึ่งเราแนะนำให้มาวันหยุดจะคุ้มค่ามากกว่า >W<)

เวลาเปิด-ปิด : ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. (ในช่วงเดือนกันยายน-เมษายน จะปิดในเวลา 18.00 น.) และปิดทำการในช่วงวันที่ 31 ธันวาคม – 1 มกราคม และวันที่ 9-10 สิงหาคม

ค่าเข้าชม: 600 เยน

เพิ่มเติมที่ : www.nebuta.jp/warasse/foreign/english.html

แผนที่ :


เป็นยังไงกันบ้างคะ อาโอโมริ น่าสนใจสุดๆไปเลยใช่มั้ยหล่ะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวโทโฮกุ หรือว่าอีสานของประเทศญี่ปุ่น ขอแนะนำให้ลองไปเที่ยวกันดูนะคะ ที่นั่นอากาศดี ผู้คนเป็นมิตร อาหารอร่อย ค่าครองชีพไม่สูงเกินไป และนอกจากอาโอโมริแล้ว ขอแนะนำให้ตระเวณเที่ยวให้ครบทั่วทั้งโทโฮกุไปเลยนะคะ สำหรับใครที่สนใจอยากรู้ว่า โทโฮกุ มีอะไรให้เที่ยวอีกบ้าง ลองคลิกเข้ามาดูอ่าน มาทำความรู้จักกันให้มากอีกสักหน่อย ส่วนใครที่คิดว่าไม่ต้องอ่านอะไรให้มากไปกว่านี้แล้ว อยากจะขอแพคกระเป๋า จองตั๋วเที่ยวด่วน ก็ลองปรึกษาเรื่อง ทัวร์ญี่ปุ่น กับมัชรูมทราเวล กันได้เลยนะคะ

ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel