อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวที่อยู่ใกล้ไทย แบบไม่ต้องรอวันหยุดยาวๆ ก็ไปได้ นั่นก็คือ ฮ่องกง บินจากไทยแค่เกือบๆ 3 ชั่วโมง มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความทันสมัย เต็มไปด้วยแสงสีเสียง โดดเด่นด้วยตึกสูงระฟ้า วัดศักดิ์สิทธิ์ที่สายมูห้ามพลาด สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และแหล่งช้อปปิ้งที่ดึงดูดนักช้อปจากทั่วทุกมุมโลก แต่ก็ยังผสมผสานความเป็นประเทศกสิกรรมได้อย่างลงตัว ทำให้ดินแดนแห่งนี้ร่ายมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย แต่ก่อนจะไปเที่ยว พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ขอพาเพื่อนๆ ไปเตรียมตัวกับ 18 ข้อต้องรู้ก่อนไป เที่ยวฮ่องกง ฉบับ Update! 2025 รวมมาให้ครบ อ่านจบแล้วรับรองว่าช่วยให้การเที่ยวฮ่องกงสนุก และสะดวกสบายขึ้นอย่างแน่นอน ว่าแต่ว่ามีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

1. คนไทยเที่ยวฮ่องกงได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า อยู่ได้ 30 วัน
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางไป เที่ยวฮ่องกง ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องไม่เกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งคนไทยมีกำหนดอยู่ที่ 30 วัน หากต้องการพำนักนานกว่านั้น หรือเดินทางด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะต่างๆ จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าอย่างน้อยสองสัปดาห์ก่อนการเดินทาง
2. เข้าฮ่องกง ไม่ต้องกรอก Arrival Card แล้ว
เมื่อปลายปี 2024 ฮ่องกงได้ประกาศยกเลิกการกรอก Arrival Card ทุกคนที่เดินทางเข้าฮ่องกงไม่ต้องกรอกใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบกระดาษหรือออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจคนเข้าเมือง ใช้แค่พาสปอร์ตอย่างเดียว แต่ถึงจะไม่ต้องใช้ใบตม. เพื่อนๆ ก็อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญอื่นๆ เช่น เที่ยวบินขากลับ หลักฐานการจองที่พัก หรือเอกสารสำคัญอื่นๆ เอาไว้ด้วยนะคะ เผื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ

3. เอกสารสำคัญ หนังสือเดินทาง (Passport) และเอกสารสำคัญอื่นๆ
ควรเตรียมสำเนาหนังสือเดินทางเก็บไว้ในกรณีที่หนังสือเดินทางของท่านสูญหาย ส่วนของมีค่านั้นไม่ควรนำติดตัวไปเยอะ และระมัดระวังกระเป๋าเงินของตัวเอง โดยเฉพาะช่วงที่เลือกซื้อสินค้าในย่านต่างๆ เพราะอาจสูญหายหรือถูกขโมยได้
4. เวลาที่ฮ่องกงต่างจากไทยกี่ชั่วโมง ?
เวลาฮ่องกง เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เท่านั้น ทำให้รู้สึกไม่ค่อยแตกต่างจากเมืองไทยมากนัก ไม่ต้องกังวลเรื่องอาการเจ็ตแล็ก (Jet lag)
5. การสื่อสาร
ด้านการสื่อสารก็ถือว่าสะดวกมาก เพราะคนฮ่องกงใช้ 3 ภาษาร่วมกัน คือ ภาษาจีนกวางตุ้งเป็นภาษาหลัก ส่วนภาษาจีนกลางและภาษาอังกฤษก็ใช้เช่นกัน ส่วนตามแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตแบ่งเป็น 3 เขต คือ เกาะฮ่องกง ฝั่งเกาลูน เขตนิวเทอร์ริทอรี่ส์ และหมู่เกาะต่างๆ นั่นก็สามารถพบชาวฮ่องกงที่คุยภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยได้ด้วย เพราะคนไทยไปเที่ยวเยอะจริงๆ ค่ะ

6. เงินตราฮ่องกง
หากพูดเรื่องช้อปปิ้ง ก็ไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ ดังนั้น ต้องศึกษาข้อมูลก็สักหน่อยมิเช่นนั้นอาจขาดทุนได้ สกุลเงินที่ใช้คือ ฮ่องกงดอลลาร์ (HKD) ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยน 1 HKD กับเงินบาท อยู่ที่ประมาณ 4 – 5 บาท นักท่องเที่ยวสามารถแลกเงินได้จากธนาคาร หรือ ร้านแลกเงินต่างประเทศ ในประเทศไทยค่ะ
7. สภาพอากาศ
อากาศที่ฮ่องกง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 26 – 30 องศาเซลเซียส เรียกว่า อากาศกำลังดี เหล่าแฟชั่นนิสต้าสายช้อปก็จัดเต็มกันได้อย่างจุใจ แต่หากอยากสัมผัสบรรยากาศความหนาวเย็น แนะนำช่วงกลางเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิอาจลดถึง 10 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย และแห้ง น้อยครั้งที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และส่วนเดือนพฤษภาคม – กันยายน มีฝนตกชุกและ ลมแรง ควรพกเสื้อกันฝน และในฤดูร้อนมักเกิดลมมรสุม ติดเสื้อสเวตเตอร์บางไปด้วยในช่วงนี้ พี่เห็ดรวบรวมข้อมูลแนะนำช่วงเวลาน่าเดินทางมาให้ที่ >> เที่ยวฮ่องกง เดือนไหนดี ? เก็บข้อมูลตลอดทั้งปี พร้อมแนะนำที่เที่ยวไฮไลต์

8. การโทรศัพท์
การใช้โทรศัพท์ภายในฮ่องกงนั้นไม่เสียค่าบริการ ซึ่งร้านค้าและที่พักส่วนใหญ่มี โทรศัพท์ไว้ให้บริการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ควรสอบถามจากทางโรงแรมก่อนว่ามีการคิดค่าบริการโทรศัพท์ และชาร์จอย่างไร ยังมีเครื่องโทรศัพท์สาธารณะระบบ IDD ท่านสามารถโทรออก นอกประเทศได้ มีทั้งแบบหยอดเหรียญ และใช้บัตร โดยสามารถหาซื้อได้จากร้านค้า ศูนย์บริการข้อมูลการท่องเที่ยว โทรศัพท์หยอดเหรียญสาธารณะคิดค่าบริการครั้งละ 1 HK$ ใช้ได้นาน 5 นาที สำหรับการโทรกลับเมืองไทยแบบอัตโนมัติ กด 00 + 66 + รหัสจังหวัด + เบอร์โทรศัพท์ แล้วกดโทรออก หากเปิดเบอร์มือถือมาจากประเทศไทย กด 0066 ต่อด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่ต้อง การโทรออกได้เลยเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่พี่เห็ดมักย้ำเสมอนั่นคือ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน กรุณาติดต่อ
– สถานกงสุลใหญ่ ฮ่องกง โทรศัพท์ 2521-6481-5 , โทรสาร 2521-8629
– กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โทรศัพท์ 0-2575-1046-51 , โทรสาร 0-2575-1052
9. การใช้อินเทอร์เน็ต
สำหรับสายโซเชียล สามารถเลือกใช้อินเทอร์เน็ตได้ตามความสะดวกเลยค่ะ เดี๋ยวนี้มีทางเลือกหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น การเปิดโรมมิ่ง การซื้อซิมเน็ต การซื้อซิมท้องถิ่น หรือ จะเช่า Pocket Wi-Fi ก็ได้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ปริมาณการใช้ และความสะดวกของแต่ละคน พี่เห็ดได้สรุปข้อมูลมาให้แล้ว >> 4 วิธี ใช้เน็ตต่างประเทศ แต่แอบบอกนิดนึงว่าบางแอปพลิเคชันอาจถูกบล็อกในฮ่องกง แนะนำให้ปิดโลเคชันของแอปพลิเคชันนั้นตั้งแต่ที่ไทย และไม่ควรเชื่อมต่อ Wi-Fi ท้องถิ่นที่ฮ่องกง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องค่ะ
10. การเดินทางในฮ่องกง
90% เป็นการใช้ขนส่งสาธารณะ ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพเมืองหนึ่งของโลก เพื่อความสะดวกสบายจึงมี บัตรเงินสด Octopus เป็นบัตรที่ไว้ใช้จ่ายค่าโดยสารรถไฟ, รถราง, รสบัส, เรือข้ามฟาก มีทั้งแบบเช่าและซื้อขาด โดยสามารถหาซื้อได้ง่ายๆ ตามร้านสะดวกซื้อ หรือที่สนามบินก็มีขายเช่นกันค่ะ

11. เดินทางด้วย Tram สะดวก แถมประหยัด
Hong Kong Tramways หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Ding Ding เป็นรถรางขนาด 2 ชั้น ไม่มีแอร์ ให้บริการทั้งหมด 6 เส้นทาง ตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะฮ่องกง ครอบคลุมตั้งแต่ย่าน Shau Kei Wan ไปจนถึงย่าน Kennedy Town ได้แก่
1. Shau Kei Wan – Western Market
2. Shau Kei Wan – Happy Valley
3. North Point – Shek Tong Tsui
4. Causeway Bay – Shek Tong Tsui
5. Happy Valley – Kennedy Town
6. Shau Kei Wan – Kennedy Town
โดยวิ่งตั้งแต่เวลา 06.00 – 00.00 น. ค่าโดยสาร 3 HKD ตลอดสาย ซึ่งถือว่าถูกมาก แต่ก็จะวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 25 – 30 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น ใครมีเวลาเยอะ อยากประหยัดงบ หรืออยากรับลมชมบรรยากาศ เที่ยวฮ่องกง แบบชิลๆ แนะนำเลยค่ะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.hktramways.com/
12. Octopus Card จำเป็นไหม หรือมีแค่ Travel Card ก็เพียงพอ
Octopus Card เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้แทนเงินสดในฮ่องกง ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายต่างๆ แทบทุกพื้นที่ในฮ่องกง สามารถใช้ได้ตั้งแต่ขึ้นรถไฟ MRT, รถราง ไปจนถึงรถเมล์ บางครั้งราคาถูกกว่าการชำระเงินในรูปแบบอื่นๆ รวมถึงร้านอาหาร ซื้อตั๋วหนัง จ่ายค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว จ่ายค่าจอดรถ ค่าบริการต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งการซื้อบัตร Octopus จะมีค่ามัดจำบัตรด้วย แต่ถ้าใครมี Travel Card อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมี Octopus Card ก็ได้ แต่อาจจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น รถเมล์บางสายยังไม่สามารถใช้ได้ โดยเฉพาะสายเล็กๆ ที่ออกมานอกเมือง และต้องเตรียมเงินให้พอดี เพราะไม่มีการทอนเงิน, ร้านอาหารบางร้านไม่รับบัตร Travel Card, ระบบ Travel Card ยังไม่เสถียรในบางจุด เป็นต้น
สรุปก็คือถ้าใครไม่อยากเสียเงินเพิ่ม ไปเที่ยวไม่กี่วัน หรือสะดวกพกเงินสด ก็สามารถใช้ Travel Card แต่ถ้าต้องการความสะดวกแบบบัตรเดียวเที่ยวได้ทั่วฮ่องกง จ่ายได้ทุกอย่าง พี่เห็ดก็แนะนำให้ซื้อ Octopus Card จะสะดวกกว่าค่ะ
13. เงินสดยังจำเป็น
แม้ปัจจุบันจะมีวิธีการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ แต่เงินสดก็ยังถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการ เที่ยวฮ่องกง โดยเฉพาะสายกินที่ชอบไปเดินชิมสตรีทฟู้ด เพราะบางร้านยังไม่รองรับการชำระเงินแบบดิจิทัล โดยเฉพาะร้านค้าเล็กๆ ร้านแผงลอย ร้านค้าริมถนน รวมไปถึงการใช้จ่ายในวัดต่างๆ อาทิ ทำบุญเช่าของบูชา เป็นต้น ดังนั้นควรมีเงินสดติดตัวไว้หน่อยจะดีกว่าค่ะ

14. บางร้านในฮ่องกงไม่รับเงินสด
ในขณะเดียวกัน การใช้จ่ายในฮ่องกง บางร้านค้าก็ไม่รับเงินสด อย่างเช่น ร้าน Vission Bakery โดยสามารถใช้จ่ายด้วย บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, Travel Card หรือ Octopus Card เป็นต้น เพราะฉะนั้นเพื่อความสะดวกควร เตรียมตัวเที่ยว ฮ่องกง เรื่องการใช้จ่ายทั้งเงินสดและบัตรต่างๆ

15. ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ
ฮ่องกงใช้ไฟฟ้าระบบ 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กแบบ G และ M ปัจจุบันในฮ่องกงนิยมใช้ปลั๊กตัวผู้แบบ G ปลายแบน แต่แบบปลายกลมก็ยังมีใช้อยู่ แนะนำให้พกปลั๊ก Universal Adapter ที่สามารถปรับหัวปลั๊กได้ทุกแบบ และถ้าจะให้ดีแนะนำให้พกปลั๊กพ่วงไปด้วย จะได้มีปลั๊กให้ใช้งานเพิ่ม
16. แอปพลิเคชันที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในฮ่องกง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางด้วยตัวเองในฮ่องกง แอปพลิเคชันที่พี่เห็ดแนะนำว่าต้องมีติดมือถือไว้ก็คือ Google Maps เพราะช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นมาก มีการบอกรายละเอียด วิธีการเดินทางชัดเจน คำนวณเวลาในการเดินทางให้เสร็จสรรพ ทำให้วางแผนเที่ยวได้ง่ายขึ้น รับรองไม่มีหลง รวมไปถึง MTR Mobile สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน และ CitybusNWFB สำหรับคนที่เดินทางโดยรถเมล์ ช่วยบอกสายที่ต้องขึ้น ตารางเวลาเดินรถ ค่าโดยสาร เป็นต้น โหลดเก็บไว้อุ่นใจแน่นอน

17. สายมูเตลูควรไปไหว้พระขอพรที่ไหนดี ?
ฮ่องกงมีพิกัดมูเตลูให้ได้ไปไหว้พระขอพรเยอะมาก เรียกได้ว่ามีสถานที่ที่มีพลังงานดีๆ อยู่เต็มไปหมด แถมหลายคนที่ไปขอก็สมหวังกันมาเยอะ สำหรับคนที่ไป เที่ยวฮ่องกง แล้วอยากไปไหว้พระขอพร พี่เห็ดขอแนะนำน 3 พิกัด ดังนี้
1. วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) มีเทพเจ้าแชกงที่สามารถขอพรได้ทั้งการเงิน การค้าขาย สุขภาพ โชคลาภเงินทอง การเดินทาง และความสมปรารถนา รวมทั้งมีเครื่องรางที่ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
2. วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) ขึ้นชื่อเรื่องการขอเนื้อคู่ คนนิยมมาผูกด้ายแดง ขอพรกับเทพหยุคโหลว หรือ เทพเฒ่าจันทรา และยังมีเทพอื่นๆ ขอพรได้ทุกเรื่ง
3. พระใหญ่วัดโปหลิน (Polin Temple) ไปไหว้พระพุทธรูปเทียนถาน (Tian Tan Buddha Statue) ที่ประดิษฐานอยู่บนภูเขา เป็นจุดรับพลังงานดีๆ ทำอะไรก็ปัง ซึ่งต้องเดินทางโดยนั่งกระเช้านองปิง 360 ทำให้ระหว่างทางไปวัดได้ชมวิวสวยๆ ด้วย
นอกจาก 3 วัดนี้ ในฮ่องกงยังมีวัดอีกมากมาย ถูกใจสายมูตัวจริง >> 9 วัดดังฮ่องกง ใครอยากไปไหว้พระขอพรเสริมดวงแบบเน้นๆ พี่เห็ดแนะนำว่าไปเที่ยวกับทัวร์จะสะดวกกว่าค่ะ เพราะมีไกด์คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดต่างๆ รวมถึงพาไหว้ขอพรอย่างถูกวิธีอีกด้วย รับรองว่าไหว้ครบ เป๊ะทุกจุดแน่นอน
18. วัฒนธรรมการให้ทิปในฮ่องกง
แม้ว่าการให้ทิปในฮ่องกงจะไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก ทำให้วัฒนธรรมการให้ทิปค่อยๆ กลายเป็นเรื่องปกติในฮ่องกงไปด้วย อย่างไรก็ตาม การให้ทิปส่วนมากมักจะมาจากความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ เช่น พนักงานช่วยยกกระเป๋า พนักงานทำความสะอาด พนักงานรูมเซอร์วิส เป็นต้น ส่วนมากจะให้ 10 – 20 HKD แต่ถ้าเป็นร้านอาหาร คลับ บาร์ แนะนำว่าให้ดูท้ายใบเสร็จก่อน เพราะบางครั้งค่าทิปจะรวมอยู่ในใบเสร็จแล้วค่ะ
สุดท้าย… ท้ายสุด ที่ทำให้ฮ่องกงเป็นท็อปลิสต์ที่ไม่ควรพลาด คือสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรม บรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ อาหารรสเลิศ และที่สำคัญคือแหล่งช้อปปิ้งที่ฮอตฮิตติดอันดับมากมาย บอกเลยว่าเอาไปเลย 5 ดาว! ใครกำลังวางแผน เตรียมตัวเที่ยว ฮ่องกง อ่านบทความนี้จบบอกเลยว่าพร้อมเที่ยวแน่นอน ถ้ามีวันว่างแล้ว ลองดู ทัวร์ฮ่องกง จากมัชรูมทราเวลได้เลย เพราะมีโปรแกรมให้เลือกทุกสไตล์ ทุกฤดู พี่เห็ดพร้อมพาเที่ยว!
