ถ้าพูดถึงเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ในญี่ปุ่น เชื่อได้เลยว่าชื่อของ “เกียวโต” จะต้องติดโผล่มาเป็นอันดับต้นๆ เสมอ เพราะเมืองหลวงเก่าแห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม ศาลเจ้าโบราณ และย่านเมืองเก่าที่เรียงรายด้วยบ้านไม้สุดคลาสสิก อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่สวยงามและจุดถ่ายรูปสวยๆ อีกเพียบ ซึ่งบทความนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ได้รวบรวม 15 ที่เที่ยวเกียวโต น่าไปที่ทั้งฮิต ใหม่ และมาแรงมาแนะนำ ถ้าไม่อยากพลาดจุดเช็กอินเด็ดๆ ล่ะก็ ตามไปดูพร้อมกันได้เลย!
1. ป่าไผ่แห่งอาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Grove)

สายธรรมชาติ อยากได้รูปสวยพร้อมเดินเล่นชิลๆ ต้องมาที่นี่เลย ป่าไผ่แห่งอาราชิยาม่า ปล่อยอารมณ์ไปกับความสวยงามของป่าไผ่ที่เรียงรายขนานทางเดินเล็กๆ ยาวสุดลูกหูลูกตา นับเป็น ที่เที่ยวเกียวโต ที่ต้องนึกถึงเป็นที่แรกๆ ทั้งบรรยากาศร่มรื่น อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไม้ไผ่ที่โชยมาตามลมเป็นระยะๆ ถ่ายรูปกับป่าไผ่เฉยๆ ก็ว่าสวยแล้ว แต่ถ้าอยากได้รูปที่ดูเก๋เข้าไปอีก แนะนำให้เช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่นถ่ายรูปที่นี่เลยค่ะ นอกจากจะได้ภาพวิวดีๆ แล้ว ยังได้ภาพ Portrait สวยๆ ที่มีฉากหลังเป็นป่าไผ่สุดอลังด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะรอบๆ ยังมีร้านขนมและของที่ระลึกที่ทำจากไม้ไผ่ให้ลิ้มลองและจับจองเป็นเจ้าของกันด้วย มา ทัวร์ญี่ปุ่น ที่เมืองเกียวโต ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Hankyu มาลงที่สถานี Arashiyama จากนั้นเดินต่ออีก 800 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/5yWzM2tavYaNK7KE6
2. วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

ที่เที่ยวเกียวโต ถัดมา วัดคิโยมิซุ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดน้ำใส ใครมาเที่ยวเกียวโตแล้วแล้วไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงเลยนะ เป็นวัดที่มีความงดงามระดับมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกการันตี ใครอยากได้รูปสวยมาถึงที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะนอกจากจะได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมโบราณที่ไม่เหมือนที่ไหนแล้ว ถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเจอกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ พร้อมกับวิวเมืองเกียวโตที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ใครมองหาที่เที่ยวถ่ายรูป สวมชุดกิโมโนมาเดินเล่นได้ฟีลแบบญี่ปุ่นๆ แนะนำเลยค่ะ สวยงามประทับใจแน่นอน
เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 18.00 น.
ค่าเข้า : 400 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 100, 206 มาลงที่ป้าย Gojo-zaka หรือป้าย Kiyomizu-michi จากนั้นเดินต่ออีก 650 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/yr3p61UPgDcbprjr5
3. วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)

ใครมา ทัวร์ญี่ปุ่น ที่เมืองหลวงเก่าเกียวโต หนึ่งใน Destination List ต้องมี วัดคินคะคุจิ หรือวัดทอง แห่งนี้ด้วยแน่ๆ เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะมาชื่นชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ของวัดที่มีอายุนับร้อยปี และถ่ายรูปกับมุมฮิตที่มีฉากหลังเป็นวิหาร 3 ชั้นสีทองอร่ามกลางน้ำกันทั้งนั้น นอกจากนี้รอบๆ ตัววัดก็ยังรายล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่น ทั้งสวนญี่ปุ่นดั้งเดิม และเรือนชงชาสมัยเอโดะ ที่ช่วยให้คุณได้ซึมซับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มที่ จะมาเที่ยวช่วงไหนก็บอกได้เลยว่าสวยสุดๆ !!
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้า : 500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 12, 59, 101, 205 มาลงที่ป้าย Kinkakuji-mae, Kinkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/Nkik9hhYiVkP1Yp48
4. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)

มาถึง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอกแดงในตำนาน นอกจากความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เล่าขาน ทำให้หลายๆ คนนิยมมาไหว้ขอพรแล้ว จุดไฮไลต์ของที่นี่ที่ดึงดูดใจคนชอบถ่ายรูปทุกคนก็คือ ประตูโทริอิสีแดงที่เรียงตัวกันนับหมื่นๆ ต้น ตลอดทางเดินขึ้นภูเขาอินาริ ระหว่างทางเดินก็จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์และกลิ่นอายธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ไว้เต็มปอด ไปพร้อมๆ กับถ่ายรูปชมวิวต่างๆ ยิ่งเช่าชุดกิโมโนมาใส่ถ่ายรูปที่นี่ด้วยนะ เราจะอินประหนึ่งได้ย้อนเวลาไปอยู่ในญี่ปุ่นสมัยก่อนเลยล่ะค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Nara มาลงที่สถานี JR Inari ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริจะอยู่ด้านหน้าสถานีเลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/P3L2FkzyUWXTnn8K9
5. ศาลเจ้าเฮอัง (Heian Shrine)

ต่อด้วย ที่เที่ยวเกียวโต ที่จัดว่าเป็น Photo Spot เราขอพาไปที่ ศาลเจ้าเฮอัง ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบปี 1,100 ของเมืองเกียวโตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีจุดไฮไลต์คือ ประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าศาลเจ้า ใครผ่านไปมาก็จะเห็นสิ่งนี้มาแต่ไกล และก็ต้องแวะถ่ายรูปกันสักหน่อย นอกจากนี้บริเวณด้านหลังศาลเจ้ายังเป็นที่ตั้งของสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น เป็นทั้งจุดชมวิวในช่วงใบไม้แดงและช่วงซากุระที่งดงามมากๆ รับรองว่ามาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน
เวลาเปิด – ปิด :
– ศาลเจ้าประมาณ 06.00 – 17.00 น.
– สวนเฮอังประมาณ 08.30 – 17.00 น.
ค่าเข้า :ฝั่งศาลเจ้า เข้าชมฟรี – ฝั่งสวนเฮอัง ด้านหลังศาลเจ้า 600 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5, 100 มาลงที่ป้าย Kyoto Kaikan Bijitusu-kan Maei จากนั้นเดินต่ออีก 250 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/gz1NBf8WFTCuJuNB8
6. อิเนะ (Ine)

ใครอยากสัมผัสบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ต้องลองแวะมาที่ หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ หมู่บ้านเล็กๆ ริมอ่าวที่ล้อมรอบด้วยน้ำใสและภูเขาเขียวชอุ่มตลอดปี โดดเด่นด้วยบ้านทรงฟุนะยะกว่า 230 หลังเรียงรายเป็นเส้นยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของสายชิลและสายถ่ายภาพ ซึ่งนอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้วยังมีกิจกรรมล่องเรือชมหมู่บ้าน ให้อาหารนกนางนวล และจุดชมวิวมุมสูงที่เห็นแนวบ้านฟุนะยะเรียงรายสุดสายตา ถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้เปลี่ยนสีฉากหลังจะยิ่งสวยเข้าไปอีก พี่เห็ดบอกเลยว่าการมา เที่ยวเกียวโต ครั้งนี้จะได้ฟีลชนบทญี่ปุ่นแท้ๆ แบบที่หลายคนตามหาแน่นอน
เวลาเปิด – ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ร้านค้าและคาเฟ่ส่วนใหญ่เปิดประมาณ 09.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ล่องเรือ Ine Bay Sightseeing Boat ประมาณ 600 – 1,000 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Kyoto ไปลงที่สถานี Amanohashidate แล้วต่อรถบัสสาย Tankai จากหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Ine
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/cJbUs8idTPJ67Ywn6
7. อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate)

อามาโนะฮาชิดาเตะ เป็นสันทรายธรรมชาติยาวกว่า 3 กิโลเมตรที่ทอดยาวโค้งผ่านอ่าวมิยาซุ จนเกิดเป็นภาพคล้าย “สะพานสู่สวรรค์” อันงดงามแปลกตา หากได้มาเยือนที่นี่ต้องไม่พลาดขึ้นกระเช้าเก้าอี้เดี่ยว Chairlift หรือ Cable Car ซึ่งจะพาเพื่อนๆ ขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนเพื่อสัมผัสทิวทัศน์ของสันทรายในมุมสูงสุดอลังการ และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทุกคนต้องลองก็คือ การทำท่ามองลอดหว่างขา เพราะว่ากันว่าจะเห็นวิวเหมือนมังกรบินอยู่บนฟ้า สวยงามไปอีกแบบ นอกจากนี้เมื่อกลับลงมาด้านล่าง ยังสามารถปั่นจักรยานหรือเดินเล่นตามแนวสันทราย เพื่อสูดอากาศทะเลเบาๆ ไปพร้อมกับเก็บภาพริมน้ำแบบชิลๆ ได้อีกด้วย
เวลาเปิด – ปิด : ประมาณ 09.00 – 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
ค่าเข้ากระเช้ารวมค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 1,000 เยน (ไป – กลับ) / เด็ก (อายุ 6 ปีขึ้นไป) 500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Hashidate จากสถานี Kyoto มาลงที่สถานี Amanohashidate
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/4zkYG95YAZeXwPXr6
8. พิพิธภัณฑ์ทีมแล็บ (Teamlab Biovortex Kyoto)

ใครที่หลงใหลงานศิลปะดิจิทัลและโลกแห่งแสงสีต้องห้ามพลาด TeamLab Biovortex Kyoto โปรเจกต์ใหม่ล่าสุดจากทีมแล็บที่เปิดตัวในเกียวโตเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 นิทรรศการนี้ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “ชีววัฏจักรและกระแสน้ำหมุนเวียนของธรรมชาติ” ซึ่งทำให้ผู้เข้าชมได้เดินผ่านผลงาน Interactive ที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ โดยแสง สี และลวดลายบนผนังจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา จนรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกอีกใบที่น่าตื่นเต้น ภายในยังมีกิจกรรมให้ลองเล่นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบกับแสงสีบนพื้น, ผนังที่เปลี่ยนรูปทรงตามการเดิน, การสัมผัสวัตถุเสมือนที่ลอยหมุนไปตามแรงและทิศทางมือของเรา ไปจนถึงการถ่ายภาพและวิดีโอแบบมุม 360 องศาที่ให้ภาพเหมือนอยู่ในจักรวาลแห่งชีวิต ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปใหม่สุดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะสายคอนเทนต์ที่ชอบงานศิลปะแบบล้ำสมัย
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 3,600 – 5,200 เยน / นักเรียน ( อายุ 13 – 17 ปี) 2,800 เยน / เด็ก (อายุ 4 -12 ปี) 1,800 เยน
เว็บไซต์ : https://www.teamlab.art/e/kyoto/
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Kyoto ออกประตู Hachijo East Gate จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/jzGgpy2QZ1CmvphP6
9. วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji)

วัดกินคะคุจิ หรือ วัดเงิน หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดจิโชจิ (Jishoji Temple) เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวเกียวโต ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไม้เก่าแก่และสวนญี่ปุ่นที่จัดแต่งอย่างประณีต ทั้งสวนทรายที่มีเอกลักษณ์คือ ภูเขาทรายทรงกรวย สื่อถึงภูเขาไฟฟูจิ และสวนมอสเขียวที่ให้ความรู้สึกร่มรื่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป ส้นทางภายในวัดจะค่อยๆ พาขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน ซึ่งสามารถมองเห็นตัววัดท่ามกลางฉากหลังเป็นเทือกเขาได้อย่างงดงาม พี่เห็ดกระซิบเลยว่าถ่ายรูปด้านบนสวยสุดๆ อีกทั้งบรรยากาศยังค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับการเดินเล่นช้าๆ เพื่อซึมซับความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้นเมเปิลรอบวัดจะกลายเป็นสีแดง – ส้มสดใส ทำให้ภาพของวัดดูมีชีวิตชีวาและเป็นมุมถ่ายรูปสุดประทับใจที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเด็ดขาด!
เวลาเปิด – ปิด :
– มีนาคม – พฤศจิกายน : 08.30 – 17.00 น.
– ธันวาคม – กุมภาพันธ์ : 09.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน / นักเรียนประถม – มัธยมต้น 300 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5 หรือ 17 จากสถานี Kyoto ไปลงที่ป้าย Ginkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/vL9sv8ZDFnpdNbnD8
10. ถนนสายนักปราชญ์ (Philosopher’s Path)

ถนนสายนักปราชญ์ เป็นเส้นทางเดินริมคลองที่มีชื่อเสียงของเกียวโต โดยมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณใกล้กับวัดกินคะคุจิไปจนถึงบริเวณวัดนันเซนจิ ซึ่งถนนเส้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักปรัชญาชื่อดัง “นิชิดะ คิทาโร่ (Nishida Kitaro)” ที่เคยใช้เส้นทางนี้เดินเล่นและทำสมาธิเป็นประจำในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จึงได้ชื่อว่าเป็นทางเดิน “นักปราชญ์” มาจนถึงทุกวันนี้ ตลอดเส้นทางร่มรื่นด้วยต้นไม้และคลองเล็กๆ เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของเกียวโต โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเมษายน ที่จะมีต้นซากุระบานเป็นอุโมงค์สีชมพูให้เดินชมอย่างโรแมนติก นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลาง– ปลายพฤศจิกายน ใบไม้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง – ทอง ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและงดงามต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล
เว็บไซต์ : https://tetsugakunomichi.jp/
การเดินทาง : นั่งบัสสาย5 หรือ 17 จากสถานี Kyoto ไปลงที่ป้าย Ginkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/bAnCRvhCQfhSdfcH6
11. ย่านกิออน (Gion)

มา เที่ยวเกียวโต ทั้งทีต้องห้ามพลาด ย่านกิออน เพราะเป็นหัวใจสำคัญของเมืองเกียวโตที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์แบบญี่ปุ่นโบราณ เมื่อก้าวเข้าสู่ย่านนี้จะได้พบกับบ้านไม้สไตล์มาจิยะ ถนนหินแคบๆ ที่ชวนให้เดินเล่นไปเรื่อยๆ รวมถึงร้านชา ร้านขนม และร้านอาหารท้องถิ่นที่ให้บรรยากาศย้อนยุคสุดคลาสสิก ยิ่งในช่วงเย็นบรรยากาศจะมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เพราะอาจได้เห็นไมโกะหรือเกอิชาเดินผ่านระหว่างไปทำงาน ซึ่งเป็นภาพที่หาชมได้ไม่ง่ายและน่าประทับใจสุดๆ นอกจากนี้ยังสามารถเดินต่อไปยังถนนฮานามิโคจิและศาลเจ้ายาซากะที่อยู่ใกล้กันได้อีกด้วย ทำให้กิออนเป็นย่านที่เหมาะทั้งสำหรับเดินเล่น ถ่ายรูป หาของกิน และสัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มอิ่ม
เวลาเปิด – ปิด : ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดประมาณ 11.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Nara มาลงที่สถานี Tofukuji แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Keihan Main มาลงที่สถานี Gion-Shijo จากนั้นเดินต่ออีก 450 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/PKidpzDqV3dc2dzW6
12. สะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)

สะพานโทเก็ตสึเคียว เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ก ที่เที่ยวเกียวโต สำคัญของอาราชิยามะและเป็นจุดชมวิวสุดฮิตที่ใครมาเกียวโตก็ต้องแวะ เพราะสะพานไม้แห่งนี้ทอดยาวข้ามแม่น้ำคัตสึระโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาอาราชิยามะที่งดงามตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวสดในฤดูร้อน ซากุระที่บานพร้อมกันในฤดูใบไม้ผลิ หรือสีแดง-ทองของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและให้ฟีลญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบที่หลายคนหลงรัก เหมาะสำหรับการเดินเล่นริมแม่น้ำ นั่งพักชมวิวแบบชิลๆ หรือจะเช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบอาราชิยามะก็เพลินไปอีกแบบ หากมาในช่วงค่ำบริเวณสะพานจะมีการเปิดไฟส่องสะพานและต้นไม้โดยรอบ ช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้ภาพยามค่ำคืน จนกลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่มาเกียวโตแล้วไม่ควรพลาดเลยค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sagano มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/3hmt4FUKk6wFH6fp9
13. หมู่บ้านมิยามะ (Miyama)

หมู่บ้านมิยามะเป็น ที่เที่ยวเกียวโต เล็กๆ กลางหุบเขาที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเกียวโตเพียงชั่วโมงกว่าๆ แต่ยังคงเก็บบรรยากาศชนบทญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ โดดเด่นด้วยบ้านหลังคามุงจาก “คายาบูกิ (Kayabuki)” กว่า 30 หลังที่กระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน โดยเฉพาะโซน Miyama Kayabuki no Sato ที่ยังคงรักษารูปแบบบ้านโบราณไว้ครบถ้วน ทำให้บรรยากาศโดยรอบเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปยังญี่ปุ่นยุคเก่าอย่างแท้จริง ยิ่งในฤดูหนาวบรรยากาศจะงดงามเป็นพิเศษเมื่อหลังคามุงจากถูกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นฉากสุดโรแมนติก นอกจากนี้เพื่อนๆ สามารถแวะชม Miyama Folk Museum ซึ่งเป็นบ้านมุงจากที่ดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น โดยภายในจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เครื่องมือทำฟาร์ม และภาพวิถีชีวิตชาวบ้านในอดีต เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจความเป็นอยู่ของชุมชนแห่งนี้ได้ดียิ่งขึ้น
เวลาเปิด – ปิด : หมู่บ้านเปิดให้เดินชมได้ตลอดทั้งวัน / พิพิธภัณฑ์เปิด 10.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : เดินชมหมู่บ้านฟรี / Miyama Folk Museum (พิพิธภัณฑ์บ้านมุงจาก) ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก (อายุ 15 ปีหรือต่ำกว่า) ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sagono มาลงที่สถานี Hiyoshi จากนั้นนั่งรถบัส Nantan Bus ไปยัง Miyama
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/K9QCSUtpfb6Q1DXeA
14. รถไฟสายโรแมนติก (Sagano Romantic Train)

รถไฟท่องเที่ยวสุดคลาสสิกของอาราชิยามะ เส้นทางจะวิ่งเลียบแม่น้ำโฮซุกาวะผ่านหุบเขาและธรรมชาติอันสมบูรณ์ตลอดทาง จุดเด่นของรถไฟสายนี้คือโบกี้ไม้แบบวินเทจที่เปิดโล่ง ทำให้สัมผัสสายลมและชมวิวสองข้างทางได้เต็มตา ไม่ว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำ หรือผืนป่า โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้นไม้ทั้งสองฟากจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม – แดงสวยงามจนเป็นภาพประทับใจไม่รู้ลืม ซึ่งรถไฟแต่ละเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เพื่อนๆ สามารถไปต่อกิจกรรมล่องเรือ Hozugawa River Boat ตอนขากลับได้อีกด้วย พี่เห็ดบอกเลยว่าใครอยากเปิดประสบการณ์ชมวิวแบบใหม่แบบสับที่แสนโรแมนติกในคราวเดียวกันต้องห้ามพลาดเลย!
เวลาเปิด – ปิด :
– เดินรถระหว่าง 09.00 – 16.00 น. (รอบออกทุก 30 – 60 นาที) หยุดให้บริการวันพุธในบางสัปดาห์
– ปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว ประมาณปลายธันวาคม – กุมภาพันธ์ (เปิดอีกครั้งช่วงเดือนมีนาคม)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 880 เยน / เด็ก 440 เยน
เว็บไซต์ : https://www.sagano-kanko.co.jp/
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sagano จากสถานี Kyoto มาลงที่สถานี Saga‑Arashiyama
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/onoxUqtphuQpFXLZA
15. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)

ที่เที่ยวเกียวโต ที่สุดท้ายพี่เห็ดขอแนะนำ ศาลเจ้าคิฟุเนะ หนึ่งในศาลเจ้าที่มีเสน่ห์ที่สุดของย่านคุรามะ-คิฟุเนะ โดดเด่นด้วยบันไดหินที่ทอดยาวขึ้นไปยังศาลเจ้าหลักพร้อมโคมไฟสีแดงสองข้างทางที่กลายเป็นภาพจำสุดคลาสสิก ศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรด้านความรัก การเดินทาง และความปลอดภัย นอกจากนี้หนึ่งในกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือการอ่าน “แผ่นเซียมซีแบบน้ำ” ซึ่งเป็นการทำนายโชคชะตาแบบพิเศษที่ต้องนำกระดาษเซียมซีไปจุ่มในน้ำศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า เพื่อให้ข้อความค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นราวกับมีเวทมนตร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่ทั้งสนุก แปลกใหม่ และหาได้เฉพาะที่ศาลเจ้าแห่งนี้เท่านั้น
เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Eizan Main มาลงที่สถานี Kibuneguchi แล้วต่อรถบัสสาย 33 มาลงที่ป้าย Kifune จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/gP8XEK9ZADxXLgW46
เกียวโตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งธรรมชาติ วัดวา ศาลเจ้า และย่านเมืองเก่าที่งดงามในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะมาเพื่อชมซากุระ ใบไม้แดง หิมะ หรือสัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นโบราณ ก็รับรองว่าประทับใจทุกรอบที่กลับมาแน่นอน และถ้าอยาก เที่ยวเกียวโต แบบสบายใจ ไม่ต้องวางแผนเองให้ยุ่งยาก มัชรูมทราเวลมีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกอีกมากมาย พร้อมจะพาเพื่อนๆ ออกเดินทางแบบฟีลกู๊ดสุดๆ รีบแพ็กกระเป๋าแล้วกดจองกันมาได้เลย!!!
