Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

15 ที่เที่ยวเกียวโต สวยคลาสสิกทุกฤดูกาล จุดถ่ายรูปเพียบ!

ถ้าพูดถึงเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ในญี่ปุ่น เชื่อได้เลยว่าชื่อของ “เกียวโต” จะต้องติดโผล่มาเป็นอันดับต้นๆ เสมอ เพราะเมืองหลวงเก่าแห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม ศาลเจ้าโบราณ และย่านเมืองเก่าที่เรียงรายด้วยบ้านไม้สุดคลาสสิก อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่สวยงามและจุดถ่ายรูปสวยๆ อีกเพียบ ซึ่งบทความนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ได้รวบรวม 15 ที่เที่ยวเกียวโต น่าไปที่ทั้งฮิต ใหม่ และมาแรงมาแนะนำ ถ้าไม่อยากพลาดจุดเช็กอินเด็ดๆ ล่ะก็ ตามไปดูพร้อมกันได้เลย!

1. ป่าไผ่แห่งอาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Grove)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : Taromon / shutterstock.com

สายธรรมชาติ อยากได้รูปสวยพร้อมเดินเล่นชิลๆ ต้องมาที่นี่เลย ป่าไผ่แห่งอาราชิยาม่า ปล่อยอารมณ์ไปกับความสวยงามของป่าไผ่ที่เรียงรายขนานทางเดินเล็กๆ ยาวสุดลูกหูลูกตา นับเป็น ที่เที่ยวเกียวโต ที่ต้องนึกถึงเป็นที่แรกๆ ทั้งบรรยากาศร่มรื่น อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไม้ไผ่ที่โชยมาตามลมเป็นระยะๆ ถ่ายรูปกับป่าไผ่เฉยๆ ก็ว่าสวยแล้ว แต่ถ้าอยากได้รูปที่ดูเก๋เข้าไปอีก แนะนำให้เช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่นถ่ายรูปที่นี่เลยค่ะ นอกจากจะได้ภาพวิวดีๆ แล้ว ยังได้ภาพ Portrait สวยๆ ที่มีฉากหลังเป็นป่าไผ่สุดอลังด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะรอบๆ ยังมีร้านขนมและของที่ระลึกที่ทำจากไม้ไผ่ให้ลิ้มลองและจับจองเป็นเจ้าของกันด้วย มา ทัวร์ญี่ปุ่น ที่เมืองเกียวโต ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟ Hankyu มาลงที่สถานี Arashiyama จากนั้นเดินต่ออีก 800 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/5yWzM2tavYaNK7KE6


2. วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : Richie Chan / shutterstock.com

ที่เที่ยวเกียวโต ถัดมา วัดคิโยมิซุ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดน้ำใส ใครมาเที่ยวเกียวโตแล้วแล้วไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงเลยนะ เป็นวัดที่มีความงดงามระดับมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกการันตี ใครอยากได้รูปสวยมาถึงที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะนอกจากจะได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมโบราณที่ไม่เหมือนที่ไหนแล้ว ถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเจอกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ พร้อมกับวิวเมืองเกียวโตที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ใครมองหาที่เที่ยวถ่ายรูป สวมชุดกิโมโนมาเดินเล่นได้ฟีลแบบญี่ปุ่นๆ แนะนำเลยค่ะ สวยงามประทับใจแน่นอน

เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 18.00 น.
ค่าเข้า : 400 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 100, 206 มาลงที่ป้าย Gojo-zaka หรือป้าย Kiyomizu-michi จากนั้นเดินต่ออีก 650 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/yr3p61UPgDcbprjr5


3. วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : martinho Smart / shutterstock.com

ใครมา ทัวร์ญี่ปุ่น ที่เมืองหลวงเก่าเกียวโต หนึ่งใน Destination List ต้องมี วัดคินคะคุจิ หรือวัดทอง แห่งนี้ด้วยแน่ๆ เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะมาชื่นชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ของวัดที่มีอายุนับร้อยปี และถ่ายรูปกับมุมฮิตที่มีฉากหลังเป็นวิหาร 3 ชั้นสีทองอร่ามกลางน้ำกันทั้งนั้น นอกจากนี้รอบๆ ตัววัดก็ยังรายล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่น ทั้งสวนญี่ปุ่นดั้งเดิม และเรือนชงชาสมัยเอโดะ ที่ช่วยให้คุณได้ซึมซับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเต็มที่ จะมาเที่ยวช่วงไหนก็บอกได้เลยว่าสวยสุดๆ !!

เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้า : 500 เยน
การเดินทาง :
นั่งรถบัสสาย 12, 59, 101, 205 มาลงที่ป้าย Kinkakuji-mae, Kinkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/Nkik9hhYiVkP1Yp48


4. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : lkunl / shutterstock.com

มาถึง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอกแดงในตำนาน นอกจากความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เล่าขาน ทำให้หลายๆ คนนิยมมาไหว้ขอพรแล้ว จุดไฮไลต์ของที่นี่ที่ดึงดูดใจคนชอบถ่ายรูปทุกคนก็คือ ประตูโทริอิสีแดงที่เรียงตัวกันนับหมื่นๆ ต้น ตลอดทางเดินขึ้นภูเขาอินาริ ระหว่างทางเดินก็จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์และกลิ่นอายธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ไว้เต็มปอด ไปพร้อมๆ กับถ่ายรูปชมวิวต่างๆ ยิ่งเช่าชุดกิโมโนมาใส่ถ่ายรูปที่นี่ด้วยนะ เราจะอินประหนึ่งได้ย้อนเวลาไปอยู่ในญี่ปุ่นสมัยก่อนเลยล่ะค่ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Nara มาลงที่สถานี JR Inari ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริจะอยู่ด้านหน้าสถานีเลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/P3L2FkzyUWXTnn8K9


5. ศาลเจ้าเฮอัง (Heian Shrine)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : ItzaVU / shutterstock.com

ต่อด้วย ที่เที่ยวเกียวโต ที่จัดว่าเป็น Photo Spot เราขอพาไปที่ ศาลเจ้าเฮอัง ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบปี 1,100 ของเมืองเกียวโตเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีจุดไฮไลต์คือ ประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าศาลเจ้า ใครผ่านไปมาก็จะเห็นสิ่งนี้มาแต่ไกล และก็ต้องแวะถ่ายรูปกันสักหน่อย นอกจากนี้บริเวณด้านหลังศาลเจ้ายังเป็นที่ตั้งของสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น เป็นทั้งจุดชมวิวในช่วงใบไม้แดงและช่วงซากุระที่งดงามมากๆ รับรองว่ามาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

เวลาเปิด – ปิด :
– ศาลเจ้าประมาณ 06.00 – 17.00 น.
– สวนเฮอังประมาณ 08.30 – 17.00 น.
ค่าเข้า :ฝั่งศาลเจ้า เข้าชมฟรี – ฝั่งสวนเฮอัง ด้านหลังศาลเจ้า 600 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5, 100 มาลงที่ป้าย Kyoto Kaikan Bijitusu-kan Maei จากนั้นเดินต่ออีก 250 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/gz1NBf8WFTCuJuNB8


6. อิเนะ (Ine)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : rolling rock / shutterstock.com

ใครอยากสัมผัสบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ต้องลองแวะมาที่ หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ หมู่บ้านเล็กๆ ริมอ่าวที่ล้อมรอบด้วยน้ำใสและภูเขาเขียวชอุ่มตลอดปี โดดเด่นด้วยบ้านทรงฟุนะยะกว่า 230 หลังเรียงรายเป็นเส้นยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของสายชิลและสายถ่ายภาพ ซึ่งนอกจากจะถ่ายรูปสวยแล้วยังมีกิจกรรมล่องเรือชมหมู่บ้าน ให้อาหารนกนางนวล และจุดชมวิวมุมสูงที่เห็นแนวบ้านฟุนะยะเรียงรายสุดสายตา ถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้เปลี่ยนสีฉากหลังจะยิ่งสวยเข้าไปอีก พี่เห็ดบอกเลยว่าการมา เที่ยวเกียวโต ครั้งนี้จะได้ฟีลชนบทญี่ปุ่นแท้ๆ แบบที่หลายคนตามหาแน่นอน

เวลาเปิด – ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่ร้านค้าและคาเฟ่ส่วนใหญ่เปิดประมาณ 09.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : ล่องเรือ Ine Bay Sightseeing Boat ประมาณ 600 – 1,000 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานี Kyoto ไปลงที่สถานี Amanohashidate แล้วต่อรถบัสสาย Tankai จากหน้าสถานีไปลงที่ป้าย Ine
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/cJbUs8idTPJ67Ywn6


7. อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate)

ที่เที่ยวเกียวโต
Credit : beeboys / shutterstock.com

อามาโนะฮาชิดาเตะ เป็นสันทรายธรรมชาติยาวกว่า 3 กิโลเมตรที่ทอดยาวโค้งผ่านอ่าวมิยาซุ จนเกิดเป็นภาพคล้าย “สะพานสู่สวรรค์” อันงดงามแปลกตา หากได้มาเยือนที่นี่ต้องไม่พลาดขึ้นกระเช้าเก้าอี้เดี่ยว Chairlift หรือ Cable Car ซึ่งจะพาเพื่อนๆ ขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนเพื่อสัมผัสทิวทัศน์ของสันทรายในมุมสูงสุดอลังการ และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทุกคนต้องลองก็คือ การทำท่ามองลอดหว่างขา เพราะว่ากันว่าจะเห็นวิวเหมือนมังกรบินอยู่บนฟ้า สวยงามไปอีกแบบ นอกจากนี้เมื่อกลับลงมาด้านล่าง ยังสามารถปั่นจักรยานหรือเดินเล่นตามแนวสันทราย เพื่อสูดอากาศทะเลเบาๆ ไปพร้อมกับเก็บภาพริมน้ำแบบชิลๆ ได้อีกด้วย

เวลาเปิด – ปิด : ประมาณ 09.00 – 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
ค่าเข้ากระเช้ารวมค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 1,000 เยน (ไป – กลับ) / เด็ก (อายุ 6 ปีขึ้นไป) 500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Hashidate จากสถานี Kyoto มาลงที่สถานี Amanohashidate
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/4zkYG95YAZeXwPXr6


8. พิพิธภัณฑ์ทีมแล็บ (Teamlab Biovortex Kyoto)

Credit : teamlab.artthekyoto

ใครที่หลงใหลงานศิลปะดิจิทัลและโลกแห่งแสงสีต้องห้ามพลาด TeamLab Biovortex Kyoto โปรเจกต์ใหม่ล่าสุดจากทีมแล็บที่เปิดตัวในเกียวโตเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 นิทรรศการนี้ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “ชีววัฏจักรและกระแสน้ำหมุนเวียนของธรรมชาติ” ซึ่งทำให้ผู้เข้าชมได้เดินผ่านผลงาน Interactive ที่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ โดยแสง สี และลวดลายบนผนังจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา จนรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกอีกใบที่น่าตื่นเต้น ภายในยังมีกิจกรรมให้ลองเล่นหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบกับแสงสีบนพื้น, ผนังที่เปลี่ยนรูปทรงตามการเดิน, การสัมผัสวัตถุเสมือนที่ลอยหมุนไปตามแรงและทิศทางมือของเรา ไปจนถึงการถ่ายภาพและวิดีโอแบบมุม 360 องศาที่ให้ภาพเหมือนอยู่ในจักรวาลแห่งชีวิต ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปใหม่สุดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะสายคอนเทนต์ที่ชอบงานศิลปะแบบล้ำสมัย

เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 3,600 – 5,200 เยน / นักเรียน ( อายุ 13 – 17 ปี) 2,800 เยน / เด็ก (อายุ 4 -12 ปี) 1,800 เยน
เว็บไซต์ : https://www.teamlab.art/e/kyoto/
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Kyoto ออกประตู Hachijo East Gate จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/jzGgpy2QZ1CmvphP6


9. วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji) 

Credit : Thomas_HB / shutterstock.com

วัดกินคะคุจิ หรือ วัดเงิน หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดจิโชจิ (Jishoji Temple) เป็นอีกหนึ่ง ที่เที่ยวเกียวโต ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไม้เก่าแก่และสวนญี่ปุ่นที่จัดแต่งอย่างประณีต ทั้งสวนทรายที่มีเอกลักษณ์คือ ภูเขาทรายทรงกรวย สื่อถึงภูเขาไฟฟูจิ และสวนมอสเขียวที่ให้ความรู้สึกร่มรื่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป ส้นทางภายในวัดจะค่อยๆ พาขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน ซึ่งสามารถมองเห็นตัววัดท่ามกลางฉากหลังเป็นเทือกเขาได้อย่างงดงาม พี่เห็ดกระซิบเลยว่าถ่ายรูปด้านบนสวยสุดๆ  อีกทั้งบรรยากาศยังค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับการเดินเล่นช้าๆ เพื่อซึมซับความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้นเมเปิลรอบวัดจะกลายเป็นสีแดง – ส้มสดใส ทำให้ภาพของวัดดูมีชีวิตชีวาและเป็นมุมถ่ายรูปสุดประทับใจที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเด็ดขาด!

เวลาเปิด – ปิด :
– มีนาคม – พฤศจิกายน : 08.30 – 17.00 น.
– ธันวาคม – กุมภาพันธ์ : 09.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน / นักเรียนประถม – มัธยมต้น 300 เยน
การเดินทาง : นั่งรถบัสสาย 5 หรือ 17 จากสถานี Kyoto ไปลงที่ป้าย Ginkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/vL9sv8ZDFnpdNbnD8


10. ถนนสายนักปราชญ์ (Philosopher’s Path)

Credit : Shawn.ccf  / canva.com

ถนนสายนักปราชญ์ เป็นเส้นทางเดินริมคลองที่มีชื่อเสียงของเกียวโต โดยมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณใกล้กับวัดกินคะคุจิไปจนถึงบริเวณวัดนันเซนจิ ซึ่งถนนเส้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักปรัชญาชื่อดัง “นิชิดะ คิทาโร่ (Nishida Kitaro)” ที่เคยใช้เส้นทางนี้เดินเล่นและทำสมาธิเป็นประจำในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จึงได้ชื่อว่าเป็นทางเดิน “นักปราชญ์” มาจนถึงทุกวันนี้ ตลอดเส้นทางร่มรื่นด้วยต้นไม้และคลองเล็กๆ เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระยอดนิยมของเกียวโต โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเมษายน ที่จะมีต้นซากุระบานเป็นอุโมงค์สีชมพูให้เดินชมอย่างโรแมนติก นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณกลาง– ปลายพฤศจิกายน ใบไม้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง – ทอง ทำให้บรรยากาศอบอุ่นและงดงามต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล

เว็บไซต์ : https://tetsugakunomichi.jp/
การเดินทาง : นั่งบัสสาย5 หรือ 17 จากสถานี Kyoto ไปลงที่ป้าย Ginkakuji-michi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/bAnCRvhCQfhSdfcH6


11. ย่านกิออน (Gion) 

Credit : indahlestar29 | Indah Lestari / canva.com

มา เที่ยวเกียวโต ทั้งทีต้องห้ามพลาด ย่านกิออน เพราะเป็นหัวใจสำคัญของเมืองเกียวโตที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์แบบญี่ปุ่นโบราณ เมื่อก้าวเข้าสู่ย่านนี้จะได้พบกับบ้านไม้สไตล์มาจิยะ ถนนหินแคบๆ ที่ชวนให้เดินเล่นไปเรื่อยๆ รวมถึงร้านชา ร้านขนม และร้านอาหารท้องถิ่นที่ให้บรรยากาศย้อนยุคสุดคลาสสิก ยิ่งในช่วงเย็นบรรยากาศจะมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เพราะอาจได้เห็นไมโกะหรือเกอิชาเดินผ่านระหว่างไปทำงาน ซึ่งเป็นภาพที่หาชมได้ไม่ง่ายและน่าประทับใจสุดๆ นอกจากนี้ยังสามารถเดินต่อไปยังถนนฮานามิโคจิและศาลเจ้ายาซากะที่อยู่ใกล้กันได้อีกด้วย ทำให้กิออนเป็นย่านที่เหมาะทั้งสำหรับเดินเล่น ถ่ายรูป หาของกิน และสัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นได้อย่างเต็มอิ่ม

เวลาเปิด – ปิด : ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดประมาณ 11.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Nara มาลงที่สถานี Tofukuji แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Keihan Main มาลงที่สถานี Gion-Shijo จากนั้นเดินต่ออีก 450 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/PKidpzDqV3dc2dzW6


12. สะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)

Credit : sho-fuku / shutterstock.com

สะพานโทเก็ตสึเคียว เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ก ที่เที่ยวเกียวโต สำคัญของอาราชิยามะและเป็นจุดชมวิวสุดฮิตที่ใครมาเกียวโตก็ต้องแวะ เพราะสะพานไม้แห่งนี้ทอดยาวข้ามแม่น้ำคัตสึระโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาอาราชิยามะที่งดงามตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวสดในฤดูร้อน ซากุระที่บานพร้อมกันในฤดูใบไม้ผลิ หรือสีแดง-ทองของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและให้ฟีลญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบที่หลายคนหลงรัก เหมาะสำหรับการเดินเล่นริมแม่น้ำ นั่งพักชมวิวแบบชิลๆ หรือจะเช่าจักรยานปั่นเที่ยวรอบอาราชิยามะก็เพลินไปอีกแบบ หากมาในช่วงค่ำบริเวณสะพานจะมีการเปิดไฟส่องสะพานและต้นไม้โดยรอบ ช่วยเพิ่มความโรแมนติกให้ภาพยามค่ำคืน จนกลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่มาเกียวโตแล้วไม่ควรพลาดเลยค่ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sagano มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/3hmt4FUKk6wFH6fp9


13. หมู่บ้านมิยามะ (Miyama) 

Credit : Alon Adika / shutterstock.com

หมู่บ้านมิยามะเป็น ที่เที่ยวเกียวโต เล็กๆ กลางหุบเขาที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเกียวโตเพียงชั่วโมงกว่าๆ แต่ยังคงเก็บบรรยากาศชนบทญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ โดดเด่นด้วยบ้านหลังคามุงจาก “คายาบูกิ (Kayabuki)”  กว่า 30 หลังที่กระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน โดยเฉพาะโซน Miyama Kayabuki no Sato ที่ยังคงรักษารูปแบบบ้านโบราณไว้ครบถ้วน ทำให้บรรยากาศโดยรอบเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปยังญี่ปุ่นยุคเก่าอย่างแท้จริง ยิ่งในฤดูหนาวบรรยากาศจะงดงามเป็นพิเศษเมื่อหลังคามุงจากถูกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นฉากสุดโรแมนติก นอกจากนี้เพื่อนๆ สามารถแวะชม Miyama Folk Museum ซึ่งเป็นบ้านมุงจากที่ดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น โดยภายในจะจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เครื่องมือทำฟาร์ม และภาพวิถีชีวิตชาวบ้านในอดีต เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจความเป็นอยู่ของชุมชนแห่งนี้ได้ดียิ่งขึ้น

เวลาเปิด – ปิด : หมู่บ้านเปิดให้เดินชมได้ตลอดทั้งวัน / พิพิธภัณฑ์เปิด 10.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม : เดินชมหมู่บ้านฟรี / Miyama Folk Museum (พิพิธภัณฑ์บ้านมุงจาก) ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก (อายุ 15 ปีหรือต่ำกว่า) ฟรี
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sagono มาลงที่สถานี Hiyoshi จากนั้นนั่งรถบัส Nantan Bus ไปยัง Miyama
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/K9QCSUtpfb6Q1DXeA


14. รถไฟสายโรแมนติก (Sagano Romantic Train)

Credit : Lee Yiu Tung / shutterstock.com

รถไฟท่องเที่ยวสุดคลาสสิกของอาราชิยามะ เส้นทางจะวิ่งเลียบแม่น้ำโฮซุกาวะผ่านหุบเขาและธรรมชาติอันสมบูรณ์ตลอดทาง จุดเด่นของรถไฟสายนี้คือโบกี้ไม้แบบวินเทจที่เปิดโล่ง ทำให้สัมผัสสายลมและชมวิวสองข้างทางได้เต็มตา ไม่ว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำ หรือผืนป่า โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่ต้นไม้ทั้งสองฟากจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม – แดงสวยงามจนเป็นภาพประทับใจไม่รู้ลืม ซึ่งรถไฟแต่ละเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 25 นาที ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เพื่อนๆ สามารถไปต่อกิจกรรมล่องเรือ Hozugawa River Boat ตอนขากลับได้อีกด้วย พี่เห็ดบอกเลยว่าใครอยากเปิดประสบการณ์ชมวิวแบบใหม่แบบสับที่แสนโรแมนติกในคราวเดียวกันต้องห้ามพลาดเลย!

เวลาเปิด – ปิด :
– เดินรถระหว่าง 09.00 – 16.00 น. (รอบออกทุก 30 – 60 นาที) หยุดให้บริการวันพุธในบางสัปดาห์
– ปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว ประมาณปลายธันวาคม – กุมภาพันธ์ (เปิดอีกครั้งช่วงเดือนมีนาคม)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 880 เยน / เด็ก 440 เยน
เว็บไซต์ : https://www.sagano-kanko.co.jp/
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Sagano จากสถานี Kyoto มาลงที่สถานี Saga‑Arashiyama
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/onoxUqtphuQpFXLZA


15. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) 

Credit : Satoshi Hirayama / canva.com

ที่เที่ยวเกียวโต ที่สุดท้ายพี่เห็ดขอแนะนำ ศาลเจ้าคิฟุเนะ หนึ่งในศาลเจ้าที่มีเสน่ห์ที่สุดของย่านคุรามะ-คิฟุเนะ โดดเด่นด้วยบันไดหินที่ทอดยาวขึ้นไปยังศาลเจ้าหลักพร้อมโคมไฟสีแดงสองข้างทางที่กลายเป็นภาพจำสุดคลาสสิก ศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรด้านความรัก การเดินทาง และความปลอดภัย นอกจากนี้หนึ่งในกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยก็คือการอ่าน “แผ่นเซียมซีแบบน้ำ” ซึ่งเป็นการทำนายโชคชะตาแบบพิเศษที่ต้องนำกระดาษเซียมซีไปจุ่มในน้ำศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า เพื่อให้ข้อความค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นราวกับมีเวทมนตร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่ทั้งสนุก แปลกใหม่ และหาได้เฉพาะที่ศาลเจ้าแห่งนี้เท่านั้น

เวลาเปิด – ปิด : 06.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Eizan Main มาลงที่สถานี Kibuneguchi แล้วต่อรถบัสสาย 33 มาลงที่ป้าย Kifune จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/gP8XEK9ZADxXLgW46

เกียวโตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทั้งธรรมชาติ วัดวา ศาลเจ้า และย่านเมืองเก่าที่งดงามในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะมาเพื่อชมซากุระ ใบไม้แดง หิมะ หรือสัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นโบราณ ก็รับรองว่าประทับใจทุกรอบที่กลับมาแน่นอน และถ้าอยาก เที่ยวเกียวโต แบบสบายใจ ไม่ต้องวางแผนเองให้ยุ่งยาก มัชรูมทราเวลมีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกอีกมากมาย พร้อมจะพาเพื่อนๆ ออกเดินทางแบบฟีลกู๊ดสุดๆ รีบแพ็กกระเป๋าแล้วกดจองกันมาได้เลย!!!


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
CustomerService@Mushroomtravel.com
Line id : @mushroomtravel

สินค้าที่เกี่ยวข้อง