@MushroomTravel
“คุณผู้อ่านเคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นบ้างหรือเปล่าคะ?” ถ้าคุณเคยอ่าน ก็อาจจะเคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้าง เกี่ยวกับตำนานของเทพเจ้าต่างๆ ที่อยู่ในการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่อง ซึ่งแน่นอนล่ะค่ะว่าคนเขียนการ์ตูนก็ต้องใช้ข้อมูลที่อ้างอิงมาจากความเชื่อจริงๆ ของชาวญี่ปุ่น แล้วนำมาสร้างสีสันเพื่อเพิ่มอรรถรสที่มากขึ้น นั่นจึงไม่แปลกหากญี่ปุ่นแม้จะมีเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้ามากมาย แต่ความเชื่อในเรื่องราวเหล่านี้ก็ฝังอยู่ในจิตสำนึกของพวกเขาเสมอ ดังจะเห็นได้จากจำนวนของศาลเจ้า และวัดวามากมายที่มีอยู่แทบจะทุกตารางนิ้วในประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้
ภูเขาฮะกุโระแห่งจังหวัดยะมะงะตะ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยตำนานเล่าขานเช่นกัน ซึ่งวันนี้มัชรูมทราเวลจะพาคุณไปทำความรู้จักกับภูเขาแห่งนี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น
ย่ำเส้นทางสนซีดาร์ ตามหาตำนานแห่ง ภูเขาฮะกุโระ
ภูเขาฮากุโระคือภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในเมืองสึรุโอะกะ จังหวัดยะมะงะตะในภูมิภาคโทโฮกุ โดยมีความสูงเฉลี่ย 414 เมตร ที่นี่คือภูเขาที่มีตำนานและความเชื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย นับตั้งแต่การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาในระยะทาง 1.7 กิโลเมตร ที่เป็นบันไดหินทอดยาวขึ้นไปจำนวน 2,446 ขั้น ซึ่งสองฟากฝั่งเต็มไปด้วยต้นสนซีดาร์อายุ 350 – 500 ปี กว่า 400 ต้นเรียงรายจนถึงยอดเขา ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า “เส้นทางต้นสนซีดาร์แห่งเขาฮะกุโระ” ที่ได้รับการไจดทะเบียนให้เป็นสมบัติพิเศษของชาติ และระหว่างทางขึ้นท่ามกลางต้นสนซีดาร์ยังมีเจดีย์เก่าแก่สูง 5 ชั้น ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติในปี 1966 เช่นกัน โดยข้างๆ เจดีย์จะมีต้นสนซีดาร์ยักษ์อายุกว่า 1,000 ปี ที่เรียกว่า Jiji Sugi ซึ่งมีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร ยืนเด่นเป็นสง่า ยิ่งเพิ่มความน่าศรัทธาให้สถานที่แห่งนี้มากยิ่งขึ้น
ตำนานแห่งภูเขาฮะกุโระเรื่องที่ 1
ขณะที่นักท่องเที่ยวเดินย่ำบันไดหินจำนวน 2,446 ขั้น ในระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางต้นสนซีดาร์นั้น มีตำนานกล่าวว่า บันไดหินที่สูงชันนั้นจริงๆ แล้วมีการแกะสลักเป็นรูปจอกเหล้า น้ำเต้า และดอกบัวอยู่จำนวน 33 จุด และใครที่สามารถมองเห็นครบทั้ง 33 จุด เมื่ออธิษฐานขออะไรก็จะสมหวังดังปรารถนาทุกประการ
ตำนานแห่งภูเขาฮะกุโระเรื่องที่ 2
เส้นทางต้นสนซีดาร์จะนำนักท่องเที่ยวข้ามผ่านเนินเขาจำนวน 3 แห่งคือ อิจิโนะซากะ นิโนะซากะ และซันโนะซากะ โดยเนินเขาเนินที่สอง (นิโนะซากะ) เป็นเนินเขาที่ชันที่สุด และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า อะบุระโกโบชิ (Aburakoboshi) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า น้ำมันที่กำลังหก โดยตำนานเรื่องนี้ได้กล่าวไว้ว่า ในช่วงสุดท้ายของยุคเฮอัน มีพระสงฆ์ที่แข็งแรงรูปหนึ่งซึ่งมีนามว่า Musashibo Benkei ได้ทำน้ำมันที่เขากำลังขนขึ้นไปนั้นหก เนื่องจากความชันของเนินเขาดังกล่าวนั่นเอง ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่อ่อนล้าสามารถนั่งพักดื่มชาเขียว และเพลิดเพลินไปกับโมจิทำมือบนร้านขายน้ำชาที่ตั้งอยู่บนเนินเขานิโนะซากะ พร้อมกับชมวิว Shonai Plain ที่สวยงามทางเบื้องล่างได้ ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
ตำนานแห่งภูเขาฮะกุโระเรื่องที่ 3
ฮะกุโระเป็นภูเขา 1 ใน 3 ลูกที่รู้จักกันดีว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งลัทธิศรัทธาภูเขามีชื่อเสียงในจังหวัดยามะงะตะ หรือที่เรียกว่า Three Mountains of Dewa ซึ่งภูเขาแต่ละลูกก็มีความหมายที่แตกต่างกันไป ได้แก่ ภูเขากัตซังที่หมายถึงอดีต ภูเขาฮะกุโระอันหมายถึงปัจจุบัน และภูขายูโดะโนะที่หมายถึงอนาคต ซึ่งในแต่ละปีจะมีเหล่านักพรตในระดับแนวหน้าของประเทศ เดินทางมาปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด และมนัสการศาลเจ้าเดวะซังซัน (Dewa Sanzan Shrin) อยู่เสมอ
ตำนานแห่งภูเขาฮะกุโระเรื่องที่ 4
ตำนานที่เก่าแก่ที่สุดของภูเขาฮะกุโระก็คือ ในอดีตเมื่อนานมาแล้วมีเจ้าชายองค์หนึ่งนามว่าฮะจิโกะ เดินทางมายังดินแดนแห่งเดวะ ซึ่งปัจจุบันก็คือบริเวณเทือกเขาทั้ง 3 อย่างกัตซัง ฮะกุโระ และยูโดะโนะ กระทั่งได้พบกับนก 3 ขาเรโจว ที่ต่อมามันก็ได้นำทางเจ้าชายขึ้นไปยังภูเขาฮะกุโระ และนั่นก็ทำให้เจ้าชายรู้สึกประทับใจจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างสิ่งตอบแทนให้แก่เจ้านกเรโจว ซึ่งก็คือการสร้างวัดบนภูเขาแห่งนี้นี่เอง
ตำนานแห่งภูเขาฮะกุโระเรื่องที่ 5
เทศกาล Shōreisai หรือเทศกาลแห่งไฟ (Fire Festival) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม – 1 มกราคม เป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่สำคัญที่สุดของภูเขาฮะกุโระ เกิดขึ้นจากตำนานที่พระสงฆ์ 2 รูป ได้มาฝึกฝนตัวเองเป็นเวลา 100 วัน โดยการไม่รับประทานเนื้อเพื่อเป็นการทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ และฝึกฝนการยับยั้งสติเพื่อจะแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งภายในงานเทศกาลก็จะมีการสวดมนต์เพื่อความสงบสุข ความปลอดภัย และการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ของปีที่กำลังก้าวเข้ามา
สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับตำนานแห่งภูเขาฮะกุโระ สามารถเดินทางมาสำรวจที่ตัวเองได้ง่ายๆ เพียงนั่งรถบัสไปยังภูเขาฮะกุโระจากสถานี Tsuruoka ของรถ JR และลงที่ป้ายสุดท้าย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) จากนั้นต่อรถไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเดินเขา โดยลงที่สถานี Haguro Center (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที)
Credit: hagurokanko.jp