ใครเป็นสายถ่ายรูป หรือชอบทำคอนเทนต์ลงโซเชียล บอกเลยว่าโตเกียวนี่แหละเป็นเมืองที่ตอบโจทย์สุดๆ! เพราะเมืองหลวงแห่งญี่ปุ่นนี้มีมุมให้เก็บภาพสวยๆ เยอะมาก ทั้งโลเคชันคาวาอี้สไตล์ญี่ปุ่น มุมสตรีทเท่ๆ หรือแลนด์มาร์กดังที่เห็นบ่อยๆ ในโซเชียลทั้ง Instagram และ TikTok ชนิดที่ว่าไปทีไรก็ต้องมีรูปเช็กอินกลับมาแน่ๆ ล่ะ ซึ่งพี่เห็ด มัชรูมทราเวล ก็รู้ใจสายเที่ยวเลยขอเปิดวาร์ป 15 จุดถ่ายรูป โตเกียว มุมสวยไวรัล ลงโซเชียลได้ทุกช็อต รวมไว้ให้ครบในที่เดียว เหมาะมากสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากได้ภาพปังๆ เตรียมเมมให้พร้อมแล้วไป ถ่ายรูป ญี่ปุ่น ตามรอยมุมฮิตในโตเกียวกัน
1. ห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)

ถ้าใครมาโตเกียวครั้งแรกแล้วไม่ได้มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึงกับ จุดถ่ายรูป โตเกียว ตรง ห้าแยกชิบูย่า แลนด์มาร์กที่ทุกคนต้องมาเช็กอิน หนึ่งในทางแยกที่คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น ถือว่าเป็นภาพจำของโตเกียว เพราะเห็นบ่อยในซีรีส์ งานโฆษณา หรือคลิปไวรัลเต็มโซเชียล บรรยากาศคนเดินตัดกันหลายทิศ เวลาสัญญาณไฟเปลี่ยนปุ๊บก็กลายเป็นวินาทีที่สุดแสนจะวุ่นวายทันที แต่ก็เป็นสีสันของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
มุมถ่ายรูป : มุมฮิตที่เห็นบ่อยที่สุดคือช็อตมองลงมาจากมุมสูง แนะนำให้ขึ้นไปที่ Starbucks ฝั่งตรงข้าม หรือดาดฟ้าห้าง Magnet รับรองเห็นภาพแยกแบบเต็มตา หรือช็อตที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ตอนสัญญาณไฟแดงก็หยุดยืนกลางแยกได้เลย แชะออกมายังไงก็ขึ้นฟีด Instagram แบบเท่ๆ แต่อย่าถ่ายเพลินจนไปรบกวนคนที่สัญจรไปมานะคะ
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Ginza, Hanzomon หรือ Fukutoshin มาลงที่สถานี Shibuya
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/PSwTQFiLLKqU3CNVA
2. ชิบูย่าสกาย (Shibuya Sky)

ถ้าอยากได้วิวเมืองแบบปังจนต้องร้องว้าว แนะนำให้ขึ้นไปที่ Shibuya Sky จุดชมวิวชื่อดังบนดาดฟ้าของตึก Shibuya Scramble Square ไม่ว่าจะเปิด IG หรือ TikTok ก็ต้องเห็นคนถ่ายรูปบนดาดฟ้ากระจกที่มองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา 360 องศา ด้วยความสูง 229 เมตร ทำให้เห็นทั้ง โตเกียวทาวเวอร์, โตเกียวสกายทรี ถ้าวันไหนอากาศดีๆ ก็จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย ใครอยากได้รูปวิวเมืองสวยๆ จากมุมสูง ที่นี่คือที่สุดแล้ว
มุมถ่ายรูป : มุมฮิตของที่นี่คือ มุมกระจก เป็นช็อตนั่งหรือยืนริมกระจก หันหลังให้วิวเมือง แล้วปล่อยให้เส้นขอบฟ้ากว้างๆ เติมเต็มฉากหลัง กับอีกมุมคือ มุมบันไดเลื่อน แนะนำให้ไปช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก แสงอุ่นๆ โทนกำลังดีมาก อยู่จนถึงฟ้ามืด ได้เก็บทั้งสองบรรยากาศ ถ้ามีขาตั้งกล้องก็ควรพกไปด้วย จะช่วยให้ภาพนิ่งแถมเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น
เวลาทำการ : 10.00 – 22.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) เวลา 10.00 – 14.59 น. 2,500 เยน, เข้าชมหลัง 15.00 น. 3,400 เยน / เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 1,200 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shibuya จากนั้นเดินต่อไปยังอาคาร Shibuya Scramble Square
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/AJFCivktZPs9ZVaP6
3. ถนนเซ็นเตอร์ไก (Center Gai – Shibuya)

ชาวเจนซีอยากได้มุมเก๋ๆ ต้องมาที่ ถนนเซ็นเตอร์ไก หัวใจของวัยรุ่นชิบูย่า เต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ ร้านเสื้อผ้า ไฟนีออน และคนเดินพลุกพล่านตลอดเวลา บรรยากาศให้ฟีลโตเกียวสตรีทมากๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ภาพแนวสนุก คึกคัก และมีความเป็นเมืองแบบจัดเต็ม ภาพออกมาจะได้โทนหลากหลาย ทั้งไฟสีสดๆ โปสเตอร์ญี่ปุ่น มีความวุ่นวายเบาๆ แต่ ถ่ายรูป ญี่ปุ่น ออกมาแล้วดูมีเรื่องราว
มุมถ่ายรูป : ถ่ายกลางถนน ให้ป้ายไฟด้านหลังเป็นฉากดึงสายตา หรือจะยืนชิดข้างทางให้มีคนเดินผ่านไปมาก็ได้ จับโมเมนต์ออกมาเป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวาสุดๆ ถ้ามาช่วงกลางคืน แสงไฟนีออนจะเด่นสุดๆ โทนภาพออกมาสวยมากแทบไม่ต้องแต่ง
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shibuya จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 120 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/uQt1PhqUaaaxFGMQA
4. วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple)

อยากได้ฟีลโตเกียวแบบดั้งเดิมแท้ๆ ต้องมาที่ วัดเซ็นโซจิ หรือที่คนไทยเรียกว่า วัดอาซากุสะ วัดเก่าแก่ประจำเมืองโตเกียว บรรยากาศคึกคักแต่ยังอบอุ่นมาก โด่งดังในเรื่องโคมแดงยักษ์ที่อยู่ตรงประตูทางเข้า ภายในวัดยังเต็มไปด้วยมุมสวยๆ เพียบ ทั้งเจดีย์ห้าชั้น รูปปั้น ศาลเจ้าเล็กๆ และรายละเอียดงานศิลปะแบบโบราณที่ถ่ายยังไงก็ออกมาดีมาก เหมือนแค่เดินเข้าไปก็ได้ภาพลงไอจีได้หลายโพสต์เลยทีเดียว
มุมถ่ายรูป : มุมพลาดไม่ได้ก็คือ มุมซุ้มโคมแดงใหญ่ แชะภาพเสร็จก็เดินเข้าไปในวัด ถ่ายยาวเข้าไปให้เห็น ถนนนากามิเซะ(Nagamise) ถนนช็อปปิ้งที่ด้านข้างเต้มไปด้วยร้านค้า สุดปลายถนนเป็นตัววัดด้านใน ใครอยากได้ฟีลญี่ปุ่นสุดๆ แนะนำให้เช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่นในย่านนี้ บอกเลยว่าน่ารักมาก และถ้าอยากได้รูปตัววัดแบบโล่งๆ ให้ตื่นเช้านิดนึง ไปช่วงคนยังไม่แน่น จะได้เห็นโคมแดงใหญ่เต็มๆ แบบไม่ต้องหลบใคร หรือถ้าใครมาช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน ก็จะได้เห็นซากุระด้วย
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tokyo Metro Ginza, สาย Toei Asakusa หรือ Tobu Skytree มาลงที่สถานี Asakusa จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 80 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/QTPEDWGxSvMkVpKo6
5. ริมแม่น้ำสุมิดะ (Sumida River)

ตามมาเสิร์ฟความโรแมนติกกันที่ ริมแม่น้ำสุมิดะ หนึ่งในโลเคชันถ่ายรูปที่สวยที่สุดในโตเกียว จะถ่ายตอนกลางวันหรือกลางคืนก็สวยหมด โดยเฉพาะช่วงซากุระบาน ถ่ายรูปออกมาแล้วได้ฟีลญี่ปุ่นแท้ๆ บรรยากาศสบายๆ ชวนโรแมนติกได้อีก มองไปเห็น Tokyo Skytree ตั้งเด่นอยู่ไกลๆ ยิ่งช่วงเย็นๆ มีลมพัดอ่อนๆ เหมาะกับการนั่งพักและถ่ายรูปชิลๆ มาก ถือเป็นอีกมุมที่เห็นบ่อยในโซเชียล เพราะถ่ายง่าย โล่ง ไม่ต้องแย่งพื้นที่กับใครเยอะ
มุมถ่ายรูป : ยืนริมน้ำ แล้วจัดมุมให้ Tokyo Skytree อยู่ด้านหลัง หรือใช้เลนส์กว้าง เพื่อดึงความอลังของทั้งแม่น้ำและตึกไปพร้อมกัน ถ้ามาถ่ายช่วงพระอาทิตย์ตกดินคือที่สุด แสงจะสะท้อนผิวน้ำให้โทนภาพนุ่มมาก หรือถ้ามาช่วงกลางคืนก็จะเห็นไฟหลากสีสันจาก Tokyo Skytree สวยไปอีกแบบ
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tokyo Metro Ginza, Toei Asakusa หรือ Tobu Skytree มาลงที่สถานีอาซากุสะ จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 50 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/4bFrxA7tfotvZVoZ8
6. ชินจูกุ (Shinjuku)

แสงสีเสียงจัดเต็ม ต้องยกให้ย่าน ชินจูกุ อีกหนึ่ง จุดถ่ายรูป โตเกียว เมืองที่ไม่เคยหลับใหลแบบเต็มสิบ ทั้งไฟ เสียง และจอ 3D ที่มีน้องแมวสามสียักษ์สุดไวรัล อีกฝั่งก็มีหัวก็อตซิลล่าที่โผล่บนตึก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของชินจูกุ ยิ่งตอนกลางคืนทุกร้านจะเปิดสว่างไสวจนถ่ายมุมไหนก็ออกมาดูเหมือนฉากในเกมหรือหนังไซไฟ บรรยากาศคึกคักมาก เดินไปทางไหนก็เจอตึกระฟ้าหน้าตาเท่ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
มุมถ่ายรูป : ใครอยากถ่ายรูปกับแมว 3D ให้ยืนบริเวณฟุตพาทแล้วหันหลังให้จอได้เลย แต่ต้องกะจังหวะดีๆ เพราะน้องแมวออกมาเป็นรอบๆ ส่วนถ้าอยากได้ภาพกับน้องก็อตซิลล่า ให้ยืนตรงถนนแล้ววางเฟรมเสยหน่อย จะเห็นฉากหลังเป็นตึก มีก็อตซิลล่าโผล่ขึ้นมา หรือใครจะถ่ายเป็นแนวสตรีทแฟชั่น ปล่อยให้แสงเมืองเป็นฉากหลัง ไม่ต้องแต่งรูปเยอะก็เท่แล้ว
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Shinjuku ออกทางประตู East Exit จะเห็นจอขนาดยักษ์ติดอยู่กับตึก Cross Shinjuku Vision
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/BhGvkSB5hh9GmVbX8
7. ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Street – Harajuku)

สายแฟชั่นต้องชอบมุมหน้า ถนนทาเคชิตะ ในย่านฮาราจูกุ ถนนช้อปปิ้งความยาวประมาณ 400 เมตร ที่มีซุ้มชื่อถนนเด่นเป็นเอกลักษณ์ ถ่ายออกมาคือฟีลวัยรุ่นฮาราจูกุสุดๆ ในซอยก็จะเต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ สีสันจัดจ้านเต็มสองข้างทาง เหมาะกับสายแฟ สายคาเฟ่ และสายคอนเทนท์ที่อยากได้ภาพมู้ดสดใสสไตล์วัยรุ่นญี่ปุ่น เป็นจุดที่คนชอบลงรูปใน IG เพราะแค่ยืนเฉยๆ ริมถนน ภาพก็ออกมาน่ารักแล้ว
มุมถ่ายรูป : ถ่ายที่ซุ้มตรงทางเข้า Takeshita Street หรือถ่ายแบบเดินเล่นกลางทางก็ได้ฟีลเป็นธรรมชาติดี หรือจะถ่ายแบบมองลงจากบันไดฝั่งทางเข้า ก็จะได้ภาพคนเดินเต็มถนนสวยๆ เหมือนโปสเตอร์เลย อีกอย่างคือในย่านนี้จะดังเรื่องของหวานอย่าง เครปเย็น ซื้อมาชิมและเป็นพร็อพถ่ายรูปได้ด้วย
เวลาทำการ : ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดประมาณ 10.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Yamanote Line มาลงที่สถานี Harajuku จากนั้นใช้ทางออก Takeshita แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/8n175yrb5wvkLiaE6
8. แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River)

มองไปทางไหนก็ชวนโรแมนติกกับ แม่น้ำเมกุโระ ยิ่งถ้าเป็นช่วงซากุระบาน จุดนี้คืออันดับหนึ่งในใจหลายคน ต้นซากุระเรียงยาวสองฝั่งคลองเป็นภาพที่เห็นบ่อยมากในโซเชียล จนกลายเป็นจุดเช็กอินที่ผู้คนต่างมาถ่ายรูปในช่วง ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก น่าชวนใครสักคนมาเดินข้างๆ เดินไปเรื่อยๆ จะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในฉากหนังเลยแหละ
มุมถ่ายรูป : ถ่ายจากสะพาน เพื่อให้เห็นซากุระโน้มลงมาทั้งสองฝั่ง หรือถ่ายใกล้ๆ ให้ดอกซากุระอยู่ด้านหน้า และให้ฉากหลังเป็นคลอง ถ้าไปช่วงเย็น ตอนที่ไฟเริ่มเปิดจะสวยมากๆ โทนออกชมพูๆ โรแมนติกมาก
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Tokyu Toyoko, Tokyo Metro Hibiya หรือ JR Meguro มาลงสถานี Naka-Meguro หรือ สถานี Meguro
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/PT1JFK7Nt1Zn3qDn8
9. ยูนิคอร์น กันดั้ม (Unicorn Gundam)

มาที่นี่ที่เดียว เหมือนได้วาร์ปไปอเมริกา! เพราะตรง ยูนิคอร์น กันดั้ม หน้าห้าง DiverCity Tokyo Plaza แห่งย่านโอไดบะ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ฮิตสุดๆ แถมในโซนนี้ยังมีทั้ง เทพีเสรีภาพ, สะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) และ ตึก Fuji TV Building รูปทรงล้ำๆ ให้หามุมถ่ายรูปอีกด้วย ถือได้ว่ามีความเป็นเมืองทันสมัย ความโมเดิร์น และบรรยากาศริมทะเลที่ครบสุดๆ อยากได้มุมไหนก็ไปแชะมุมนั้น มีให้เลือกหลายมุมมาก
มุมถ่ายรูป : ถ่ายเทพีเสรีภาพให้เห็นสะพานเรนโบว์อยู่ด้านหลัง หรือถ่ายกันดั้มแบบมุมเงยเล็กน้อย ให้หุ่นดูสูงยักษ์อลังการ ถ้ารอจังหวะดีๆ จะได้ช็อตเปลี่ยนท่า เท่มาก
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Yurikamome มาลงสถานี Daiba จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 700 เมตร หรือนั่งรถไฟสาย Rinkai มาลงสถานี Tokyo Teleport จากนั้นต่ออีกประมาณ 600 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/vJGrCzCvBHqXQpEb6
10. โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)

ตะเวนหา จุดถ่ายรูป โตเกียว ทั้งที จะพลาด โตเกียวทาวเวอร์ ได้ยังไง หอคอยสีส้มอมแดง โดดเด่นเป็นซิกเนเจอร์ของโตเกียวเชียวนะ เอาจริงๆ ถ่ายมุมไหนก็สวยกันไปคนละแบบ แต่ที่ฮิตสุดๆ ก็ต้องมุมในซอย หรือถ่ายกันตรงด้านหน้าหอคอยเลยก็ได้ แต่ถ้าใครอยากขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้าชมวิว ก็สวยไปอีกแบบ วันไหนฟ้าเปิดอาจได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ
มุมถ่ายรูป : จริงๆ ถ่ายจากตรงไหนก็ดี แต่ที่โซเชียลฮิตมากคือมุมในซอย Zenpukuji ที่เป็นถนนตรงยาวๆ มองเห็นทาวเวอร์ตั้งเด่นเป็นสง่าเหมือนจัดเฟรมมาให้แล้ว บรรยากาศละมุนมาก แนะนำให้มาถ่ายช่วงพระอาทิตย์ตก แสงกำลังสวยเลย หรือถ้ามาช่วง 20.00 – 22.00 น. หอคอยจะเปิดไฟสีสันต่างๆ ก็จะได้รูปอีกมู้ดเลย อีกจุดคือที่สถานีรถไฟ Akabanebashi บริเวณสี่แยก มีป้ายบอกทางเขียนว่า Tokyo Tower มองเห็นหอคอยอยู่ด้านหลัง ฮิตในโซเชียลสุดๆ
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 23.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย 1,200 เมตร / นักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น 900 เยน / เด็ก (4 ปีขึ้นไป) 600 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo ลงสถานี Akabanebashi จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร หรือสาย Toei Mita ลงสถานี Onarimon จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร หรือสาย Tokyo Metro Hibiya ลงสถานี Kamiyacho แล้วเดินต่ออีก 500 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/A6mBV5CYY2wBgMNm9
11. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

แฟนๆ ดิสนีย์ต้องไม่พลาดถ่ายรูปที่ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เพราะเป็นสวนสนุกที่เต็มไปด้วยความสดใสและความเป็นเทพนิยาย จุดที่ทุกคนต้องถ่ายก่อนเลย “ปราสาทเจ้าหญิง” สีพาสเทลและดีไซน์เหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์จริงๆ เดินไปทางไหนก็มีแต่ความน่ารักๆ ไหนจะปราสาท ไหนจะคาแรคเตอร์แต่ละเรื่องอีก เหมาะกับสายคอนเทนท์ที่อยากได้ภาพฟีลชวนฝัน อยู่ในโลกแฟนตาซีสุดๆ
มุมถ่ายรูป : มุมปราสาทเจ้าหญิง ยกให้เป็นจุดเช็กอินอันดับหนึ่งเลย ถ่ายตรงหน้าปราสาทแบบเต็มเฟรม หรือถ่ายไกลๆ ให้เห็นสวนสนุกเป็นฉากหลัง พร้อมใส่หมวก หรือที่คาดผม ช่วยให้ภาพดูน่ารักขึ้นทันที
เวลาทำการ : 09.00 – 21.00 น. (เวลาเปิด-ปิดแต่ละฤดูกาลอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้เช็กที่เว็บไซต์ของสวนสนุก)
ค่าเข้าชม : ราคาแตกต่างกันไปตามแพ็กเกจ สามารถเช็กได้ >> ที่นี่
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Keiyo Line, Musashino Line หรือ Tozai Line มาลงยังสถานี Maihama จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 600 เมตร หรือสาย JR Disney Resort Line ลง Tokyo Disneyland
เว็บไซต์ : https://www.tokyodisneyresort.jp/en/index.html
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/T8tbjyGJGAY5FTFX7
12. โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo DisneySea)

ยังคงอยู่กับสวนสนุก โตเกียวดิสนีย์ซี ถึงมู้ดแอนด์โทนจะแตกต่างจากดิสนีย์แลนด์นิดหน่อย แต่ก็ถ่ายรูปออกมาสวยจึ้งเหมือนกัน มาเป็นธีมยุโรปคลาสสิก มีทั้งเรือใหญ่ น้ำพุ เมืองสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน และภูเขาไฟ ที่เป็นเอกลักษณ์ บอกเลยว่ามุมนี้ลงโซเชียลแล้วคนรู้เลยว่าอยู่ที่นี่แน่นอน
มุมถ่ายรูป : จุดที่นิยมคือแถว Mediterranean Harbor ถ่ายให้เห็นทะเลสาบและภูเขาไฟ Mount Prometheus ด้านหลัง หรือถ่ายริมอาคารให้ฟีลอยู่ยุโรป
เวลาทำการ : 09.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม : ราคาแตกต่างกันไปตามแพ็กเกจ สามารถเช็กได้ >> ที่นี่
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สาย Keiyo หรือสาย Musashino มาลงที่สถานี Maihama จากนั้นให้เดินมาขึ้นรถไฟสาย Disney Resort มาลงที่สถานี Tokyo DisneySea
เว็บไซต์ : https://www.tokyodisneyresort.jp/en/tds/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/QcdLH1taVjDj8JwV7
13. โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

ยังอยู่ในตัวเมืองกับอีกหนึ่งหอคอยสูงที่สุดในญี่ปุ่น โตเกียวสกายทรี โดดเด่นมากจนถ่ายจากมุมไหนก็รู้ว่าเป็นโตเกียว ถ้าอยากเห็นวิวมุมสูง ชมเมืองแบบพาโนรามาก็ต้องขึ้นไปดาดฟ้าชมวิว แต่ถ้าอยากได้รูปคู่กับหอคอยสวยๆ ก็ต้องไปในซอย Solamachi ถนนเล็กๆ ที่มองเห็นสกายทรีตั้งเด่นอยู่ตรงกลางพอดี เหมือนโปสการ์ด เก็บช็อตนี้คือจบเลย ถือว่ามาถึงโตเกียวแล้ว
มุมถ่ายรูป : จุดที่คนชอบถ่ายลงโซเชียลคือแถววัดเซ็นโซจิที่มี Tokyo Skytree โผล่ด้านหลังแบบพอดี หรือถ่ายจากถนนใน Solamachi ที่เต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ แนะนำให้ไปช่วงพระอาทิตย์ตก มุมสวย ฟ้าเป็นสีส้มๆ ถ่ายออกมาแล้วว้าวแน่นอน
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟ สาย Tobu Skytree ลงสถานี Tokyo Skytree หรือสาย Tokyo Metro Hanzomon, Toei Asakusa, Keisei Oshiage ลงสถานี Oshiage จากนั้นเดินต่ออีก 500 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/DNizQKYarp7SXSKf6
14. ทีมแล็บ แพลนเน็ต โตเกียว (TeamLab Planets Tokyo)

ถ้าอยาก ถ่ายรูป ญี่ปุ่น แบบจัดเต็มต้องแวะไป ทีมแล็บ แพลนเน็ต โตเกียว นิทรรศการดิจิตอลอาร์ตสุดล้ำที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น เป็นพิกัดที่ไวรัลใน TikTok ประจำเลย ภาพแสงสะท้อน เบลอๆ ฟีลลอยๆ สวยหลุดโลกมาก ห้องลูกบอลกระจกและห้องน้ำลึกระดับข้อเท้า เป็นสองห้องที่คนถ่ายลงโซเชียลเยอะที่สุด เพราะแสงข้างในมันนุ่มมาก ถ่ายยังไงก็สวยเหมือนแต่งมาแล้ว
มุมถ่ายรูป : มุมฮิตคือ The Infinite Crystal Universe ม่านไฟคริสตัลที่สามารถเปลี่ยนสีเองได้ผ่านแอปพลิเคชัน กับห้องกระจกลูกบอลยักษ์ ถ่ายออกมามีความล้ำสมัยนิดๆ แนะนำใส่เสื้อโทนขาว หรือพาสเทล เพราะจะเข้ากับแสงในห้องที่สุด ทำให้ภาพออกมาละมุนมาก
เวลาทำการ : 08.30 – 22.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 3,800 เยน / นักเรียนมัธยมต้น และนักเรียนมัธยมปลาย 2,800 เยน / เด็ก (อายุ 4 – 12 ปี) 1,500 เยน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Yurikamome ลงสถานี Shin-Toyosu หรือนั่งสาย Yurakucho ลงสถานี Toyosu แล้วเดินต่ออีกประมาณ 800 เมตร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/kfv9YQcjhGHpGiqY6
15. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine)

ปิดท้ายด้วยศาลเจ้ากลางป่าต้นไม้ใหญ่กับ ศาลเจ้าเมจิ สถานที่เงียบสงบที่สุดในย่านฮาราจูกุ เดินผ่านประตูโทริอิไม้ใหญ่แล้วเข้าสู่เส้นทางที่รายล้อมด้วยต้นไม้สูง ให้ความรู้สึกสงบ ตัดจากความวุ่นวายของเมืองโตเกียวไปเลย ภาพที่ได้จะออกมานิ่งๆ ละมุนๆ เป็นอีกโลเคชันที่ถูกแชร์ใน IG เยอะ เพราะให้ฟีลญี่ปุ่นแบบชิลๆ เรียบง่าย ที่สำคัญมีพื้นที่กว้างมาก เดินหน่อยก็เจอมุมเงียบๆ ไว้ถ่ายรูปแบบไม่ติดคนได้สบายๆ เลย
มุมถ่ายรูป : ถ่ายช่วงที่แดดลอดต้นไม้ลงมาจะได้แสงระยิบสวยมีมิติ เหมาะกับสายสโลวไลฟ์ ไม่หวือหวา ด้านหน้าประตูโทริอิไม้ขนาดใหญ่กับเส้นทางเดินทอดยาว ก็เป็นอีกมุมฮิตที่เก็บได้ทั้งคนและวิว
เวลาทำการ : 09.00 – 16.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Yamanote ลงสถานี Harajuku แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตร หรือจะขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda และ Fukutoshin ลงสถานี Meiji-jingumae
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/mYrEZcPqw5p3Wz9U8
โตเกียวเป็นเมืองที่เหมือนมีมุมสวยอยู่แทบทุกซอกซอยจริงๆ ไม่ว่าเพื่อนๆ จะชอบถ่ายรูปแบบไหน ก็หา จุดถ่ายรูป โตเกียว ได้ไม่ยากเลย บางที่ขึ้นชื่อในโซเชียลอยู่แล้ว ยิ่งช่วยให้ทำคอนเทนต์ได้ง่ายแบบไม่ต้องคิดเยอะ จะถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปก็ตอบโจทย์หมด แต่อย่าลืมเตรียมแบตเตอรี่กล้องและเมมให้พร้อม เพราะโตเกียวถ่ายเท่าไหร่ ก็ไม่เคยพอจริงๆ
