อิตาลี เป็นประเทศเล็กๆ ในยุโรปใต้ มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต ยื่นเข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงมีชายฝั่งที่ทั้งสวยและยาว รวมถึงเมืองริมทะเลที่สวยงาม เหมาะกับการพักผ่อน ในขณะเดียวกันก็ยังมี ที่เที่ยวอิตาลี เชิงศิลปะและประวัติศาสตร์มากมาย รายล้อมด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ยุโรปสีสันสดใส ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกมาก จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์การเที่ยวได้ทุกสไตล์ จะมากับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวก็สนุก

ก่อนไปเก็บแลนด์มาร์กน่าเที่ยว เรามาดูสภาพอากาศของอิตาลีกันก่อนดีว่า
อากาศของอิตาลีแบ่งได้ 4 ฤดู คือ
1. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) อุณหภูมิเฉลี่ย 5 – 25 องศาเซลเซียส
2. ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ย 18 – 38 องศาเซลเซียส
3. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อุณหภูมิเฉลี่ย 8 – 28 องศาเซลเซียส เดือนพฤษจิกายนมีฝนตกชุก
4. ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ย -5 ถึง 15 องศาเซลเซียส มีหิมะตกทางตอนเหนือ ส่วนตอนกลางและตอนใต้ อาจพบหิมะได้ที่บริเวณเทือกเขาสูง
สำหรับใครยังไม่เคยไป เที่ยวอิตาลี และกำลังวางแผนเที่ยว แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี หรือมีพิกัดไหนน่าเที่ยวบ้าง วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มี 11 ที่เที่ยวอิตาลี สวยๆ มาแนะนำ พร้อมแล้วตามไปดูกันเลย
1. โคลอสเซียม (Colosseum) – โรม

โคลอสเซียม สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่แห่งกรุงโรม ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 72 เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมัน รวมถึงความฉลาดปราดเปรื่องของคนสมัยก่อน ที่สามารถสร้างอัฒจันทร์ขนาดใหญ่โตมโหฬาร จุผู้คนได้ถึง 50,000 – 80,000 คน โดยไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ เดิมถูกใช้เป็นสนามประลองฝีมือของกษัตริย์และเหล่านักสู้กลาดิเอเตอร์ ซึ่งมีตั้งแต่การล่าสัตว์, ต่อสู้แบบกลุ่ม และแบบตัวต่อตัว แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความขลัง เหมือนได้ย้อนกลับไปในยุคโรมันเลย
เวลาเปิด – ปิด : มีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา สามารถตรวจสอบได้ >> ที่นี่
ค่าเข้าชม : 18 €
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/JY8BuyYxt6weFM6Y8
2. น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) – โรม

น้ำพุเทรวี เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในกรุงโรม ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของถนน 3 สาย จึงได้ชื่อว่า เทรวี ที่แปลว่า สามแยก มีขนาดกว้างประมาณ 49 เมตร สูง 26 เมตร ประดับประดาไปด้วยรูปปั้นขนาดใหญ่มากมายเหมือนฉากละครเวที ตำนานเชื่อกันว่าหากยืนหันหลังให้น้ำพุแล้วใช้มือขวาโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้าย จะได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง แต่หากถ้าโยน 2 เหรียญ จะได้พบรักแท้ และถ้าโยน 3 เหรียญจะได้แต่งงาน ทำให้ในแต่ละปีมีคนโยนเหรียญลงไปเกือบ 1 ล้านยูโร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 เป็นต้นมา จึงมีการเก็บเงินขึ้นมาและนำไปใช้เพื่อการกุศล
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 21.00 น.
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/o8J9PKJCRzMzVynx9
3. มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) – มิลาน

มหาวิหารดูโอโม่ เป็น ที่เที่ยวอิตาลี ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386 แต่ก็เผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาการเมืองและการเงิน กว่าจะเสร็จสมบูรณ์จึงใช้เวลาไปนานถึง 579 ปี มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่ดูสง่างาม โดดเด่นด้วยยอดแหลมสูงกว่า 135 ยอด ภายในประดับประดาไปด้วย กระจกสี, ภาพเขียน และรูปปั้นอีกกว่า 3,200 ชิ้น รวมถึงออร์แกนที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ที่มีถึง 15,800 ท่อ โดยท่อที่สูงที่สุดมีความยาวมากกว่า 9 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเพิ่มเพื่อเดินขึ้นบันได 50 ขั้น ไปยังระเบียงชมวิวได้
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 13.50 € / เด็ก (อายุ 6 – 18 ปี) 7.50 €
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/nJgtMYRddvG2i3Gm7
4. แกลเลอเรีย วิตตอริโอ เอมานูเอเล 2 (Galleria Vittorio Emanuele II) – มิลาน

ถัดจากมหาวิหารดูโอโม่ มีอีกหนึ่ง ที่เที่ยวอิตาลี ที่ไม่ควรพลาดคือ แกลเลอเรีย วิตตอริโอ เอมานูเอเล 2 เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ทั้งหรูหราและเก่าแก่ที่สุดในมิลาน ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1865 – 1877 โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรม Neo – Renaissance ด้านบนคลุมหลังคาโดมกระจก สวยงามราวกับพิพิธภัณฑ์ ภายในมีทางเดินแนวยาว 2 ทาง ที่ตัดกันเหมือนไม้กางเขน ปูด้วยพื้นหินอ่อนซึ่งมีภาพโมเสกที่เป็นตัวแทนของทวีปเอเชีย, แอฟริกา, ยุโรป และอเมริกา มีร้านแบรนด์หรูระดับโลกมากมายให้ช้อป เช่น Prada, Gucci, Louis Vuitton, Fendi, Rolex รวมถึงร้านอาหาร และคาเฟ่ที่เสิร์ฟเมนูแสนอร่อย ใครชอบเที่ยวชมห้างสวยๆ แบบนี้ นอกจากมิลาน ก็มียังมีห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่งทั่วยุโรปที่สวยงามไม่แพ้กัน พี่เห็ดรวบรวมไว้ให้แล้วที่ >> 12 ห้างหรูในยุโรป
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/Ag2kGupSrpo3qLNn8
5. หอเอนเมืองปิซา (Tower of Pisa) – ปิซา

มาเที่ยวอิตาลี แน่นอนว่าต้องไม่พลาดแลนด์มาร์กที่โด่งดังระดับโลกอย่าง หอเอนเมืองปิซา ตั้งอยู่ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1173 ด้วยหินอ่อนสีขาว โดยมีความสูงประมาณ 55.86 เมตร แต่เมื่อสร้างไปได้ประมาณ 3 ชั้น พื้นดินมีการยุบตัว ทำให้หอเกิดทรุดเอียง จึงหยุดชะงักการก่อสร้างไป แต่ท้ายที่สุดก็สร้างต่อจนเสร็จ และมีการใช้เทคนิคต่างๆ พร้อมกับการปรับปรุงฐานด้านล่างให้มีความปลอดภัย จนกลายมาเป็นหอเอนที่สามารถให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้แบบทุกวันนี้ ถือเป็นจุดเช็กอินที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวก็ต้องมาถ่ายรูปให้ได้เลยล่ะค่ะ
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 – 18.00 น. (เวลาปิดทำการแตกต่างกันไปตามวันหยุดและฤดูท่องเที่ยว)
ค่าเข้าชม : 24.50 – 27 € (ราคาอาจแตกต่างกันตามช่วงเวลาเข้าชม)
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/AbvCoUuPxf9zKKxS7
6. การนั่งเรือกอนโดลา (Gondola) – เวนิส

หากใครมา เที่ยวอิตาลี ที่เมืองเวนิส ต้องไม่พลาดกิจกรรมยอดฮิตอย่าง การนั่งเรือกอนโดลา ที่มีจุดเด่นคือ หัวเรือและท้ายเรือเป็นปลายแหลมโค้ง นั่งได้ประมาณ 5 – 6 คน เดิมถูกนำมาใช้ในสำหรับขนส่งสินค้าและผู้คน เนื่องจากเวนิสเป็นเมืองที่สร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ ในทะเลสาบเวนิเทีย พื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นคูคลอง และจำเป็นต้องใช้การคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก แต่ปัจจุบันนำมาให้บริการนักท่องเที่ยว พาลัดเลาะตามเส้นทางที่แสนโรแมนติก ผ่านอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส โบสถ์และสะพานเก่าแก่ ส่วนใหญ่จะใช้เวลารอบละ 30 นาที
ค่าโดยสาร : ประมาณ 80 – 90 € ในช่วงกลางวัน และ 110 – 120 € ในช่วงกลางคืน
7. จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค (Piazza San Marco) – เวนิส

อีกหนึ่ง ที่เที่ยวอิตาลี ในเมืองเวนิสที่ต้องไปเช็กอินคือ จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค หรือ จัตุรัสเซนต์มาร์ค เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเมือง รายล้อมด้วยอาคารสวยๆ มากมาย เช่น หอระฆังเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Campanile) สูง 99 เมตร ที่หุ้มด้วยอิฐดินเผาสีแดงแบบเวเนเชียน มีจุดชมวิวแบบ 360 องศาอยู่ด้านบน หอนาฬิกา Torre dell’Orologio ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 มีหน้าปัดสีน้ำเงิน ประดับสัญลักษณ์ 12 ราศีสีทอง และ มหาวิหารซานมาร์โค (Saint Mark’s Basilica) ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบ ทั้งโกธิก, ไบเซนไทน์ และโรมาเนสก์
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/zPV2pQN78PzDfeTq9
8. พระราชวังดอจ์ด (Doge’s Palace) – เวนิส

พระราชวังดอจ์ด หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) ตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำทางตอนใต้ของเวนิส ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเวนิสโกธิก เคยใช้เป็นที่พำนักของเหล่าดยุก หรือผู้ปกครองเวนิสมานานหลายศตวรรษ ภายในห้องต่างๆ ประดับประดาไปด้วยภาพจิตรกรรมทั้งบนผนังและเพดาน รวมถึงมีการนำวัตถุโบราณล้ำค่ามากมายมาจัดแสดงให้ได้ชมกันด้วย เช่น เสาหินแกะสลักที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง, เรือโบราณ, อาวุธยุทโธปกรณ์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถเยี่ยมชม สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) อันโด่งดังที่เป็นทางเชื่อมไปสู่เรือนจำได้ด้วย
เวลาเปิด – ปิด :
– เดือนเมษายน – ตุลาคม 09.00 – 19.00 น.
– เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม 09.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 30 € / เด็ก (อายุ 6 – 14 ปี), นักเรียน (อายุ 15 – 25 ปี) และผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 16 €
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/KwoiBXo4tKHDLMui9
9. เทือกเขาโดโลไมท์ (Dolomites)

เทือกเขาโดโลไมท์ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ ที่พาดผ่านหลายประเทศในทวีปยุโรป รวมถึงทางตอนเหนือของอิตาลีในเมือง Trento, Bolzano, Belluno, Verona, Vicenza, Udine และ Pordenone มีไฮไลต์หลายจุดให้เที่ยวชม เช่น Cadini di Misurina หนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเขตอุทยานโดโลไมท์ เส้นทางเดินไม่ยากมาก ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็จะได้พบกับวิวของเทือกเขา Tre Cime di Lavaredo ที่มียอดแหลมสูงและรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ สวยสะกดจนลืมหายใจเลยทีเดียว
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/Yw4Q1ckQy2b3W3oy7
10. ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) – โคโม่

ทะเลสาบโคโม่ เป็น ที่เที่ยวอิตาลี ที่วิวสวยและอากาศดีมาก ตั้งอยู่ในเมืองโคโม่ แคว้นลอมบาร์เดีย ห่างจากมิลานไม่ไกล มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอิตาลี และยังเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามที่สุด มีผืนน้ำสีฟ้าครามยาวไปจนจรดเส้นขอบฟ้า ล้อมรอบด้วยภูเขาสีเขียวชอุ่ม, หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ และวิลล่าสุดหรูที่มีอายุย้อนไปราวศตวรรษที่ 16 -17 เนื่องจากในอดีตเป็นสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของบรรดาขุนนางและชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมัน สามารถลงไปล่องเรือชมวิว หรือพายเรือคายักเล่นได้ด้วย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/14QWLUsruBLiUSPR7
11. หอศิลป์อุฟฟีซี (Galleria degli Uffizi) – ฟลอเรนซ์

ใครที่ชอบงานศิลปะ มา เที่ยวอิตาลี ต้องฟินมากแน่ๆ เพราะมีพิพิธภัณฑ์กระจายอยู่แทบทุกเมือง หนึ่งในนั้นคือ หอศิลป์อุฟฟีซี ซึ่งเป็นหอศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวบรวมผลงานชิ้นเอกของศิลปินระดับโลกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเอาไว้มากมาย เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี, ไมเคิลแองเจโล, ซันโดร บอตตีเชลลี, ฟีลิปปีโน ลิปปี ภายในมีขนาด 2 ชั้น แบ่งเป็นห้องต่างๆ กว่า 50 ห้อง จัดแสดงทั้งภาพวาด, วัตถุโบราณ และประติมากรรม รวมกว่า 100,000 ชิ้น
เวลาเปิด – ปิด : 08.15 – 18.30 น. (ปิดวันจันทร์)
ค่าเข้าชม : 12 – 25 € (ราคาอาจแตกต่างกันตามช่วงเวลาเข้าชม)
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/WbHVEPYqNhgEaDSL7
แต่ละเมืองของอิตาลีมีบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน แค่ข้ามเมืองไวบ์ก็เปลี่ยนเลย จะไปเที่ยวทั้งทีจึงแนะนำให้เที่ยวหลายๆ เมืองเลยค่ะ เพราะการเดินทางข้ามเมืองก็สะดวกสบายมาก มีทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟท้องถิ่น และรถบัสให้บริการ ถ้ายังไม่มีไอเดีย พี่เห็ดได้คัดเมืองน่าเที่ยวไว้ให้แล้ว >> 10 เมืองน่าเที่ยวในอิตาลี ส่วนใครไม่อยากเสียเวลาวางแผนการเดินทางเองให้ปวดหัว กดจอง ทัวร์อิตาลี ไปกับมัชรูมทราเวล พี่เห็ดจัดให้ครบทุกอย่าง แค่เก็บกระเป๋าก็พร้อมออกเดินทางได้เลย