@MushroomTravel
ถ้าพูดถึงหนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติของจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของภูเขา ลำธาร น้ำตก และทะเลสาบที่งดงามราวกับสรวงสวรรค์ ก็ต้องนึกถึงจิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) อุทยานแห่งชาติกลางหุบเขาแห่งเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน เป็นสถานที่ที่พี่เห็ด มัชรูมทราเวล แนะนำว่าต้องไปเที่ยวให้ได้สักครั้ง เพราะความสวยงามของที่นี่น่าหลงใหลไม่แพ้ที่ไหนในโลก ใครสนใจไป เที่ยวจิ่วจ้ายโกว เรามาทำความรู้จักที่นี่ พร้อมเก็บข้อมูลว่าจะไป เที่ยว จิ่วจ้ายโกว ช่วงไหนดี ?
จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติขนาดใหญ่ ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 500 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ A5 ของจีน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1992 คำว่า จิ่วจ้ายโกว หมายความว่า ธารน้ำเก้าหมู่บ้าน เนื่องจากในสมัยก่อนมีหมู่บ้านของชาวทิเบตอยู่ 9 หมู่บ้าน ภายในพื้นที่อุดมไปด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามและมีความหลากหลาย จนเรียกได้ว่าเป็น สวรรค์บนดิน สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู ซึ่งเราก็จะได้เห็นเสน่ห์และความสวยงามของจิ่วจ้ายโกวที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบอัลไพน์หลากสี น้ำตก ภูเขา และป่าไม้ แต่ช่วงเวลาที่ถือเป็นไฮไลท์ที่สุดของที่นี่ก็คือ ฤดูใบไม้ร่วง ที่ละลานตาไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีทั่วหุบเขา ใครอยากชวนครอบครัวไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว มาชมไฮไลท์ในแต่ละฤดูกันค่ะ
ฤดูกาลจิ่วจ้ายโกว
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
อุณหภูมิประมาณ : 4°C – 24°C
เริ่มต้น เที่ยวจิ่วจ้ายโกว กันที่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศดีๆ สำหรับที่ใครชอบบรรยากาศใบไม้ดอกไม้ต่างๆ ที่ผลิบานอีกครั้ง ขอแนะนำฤดูใบไม้ผลิเลยค่ะ เพราะจิ่วจ้ายโกวในช่วงนี้จะเริ่มกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นหลังจากหิมะในฤดูหนาวหมดไป ดอกไม้รอบๆ อุทยานเริ่มผลิบาน ต้นไม้ใบไม้ต่างๆ ก็เริ่มมีใบสีเขียว สะท้อนบนผืนน้ำทะเลสาบสีมรกตสดใส บางปีในช่วงต้นเดือนมีนาคม เราอาจจะได้เห็นหิมะที่ยังละลายไม่หมด ปกคลุมบางๆ อยู่บนยอดเขาด้วย ช่วยให้บรรยากาศดูสวยงามไปอีกแบบ
ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
อุณหภูมิประมาณ : 15°C – 29°C
ช่วงเวลาที่ จิ่วจ้ายโกว โอบล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมากที่สุด ภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ต่างๆ ผลิบานแล้วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทิวทัศน์ทั่วทั้งบริเวณก็เป็นสีเขียวชอุ่มสวยงาม บรรยากาศแบบนี้หาได้ในช่วงฤดูร้อน นอกจากอากาศจะสบายๆ กำลังดีแล้ว ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ จิ่วจ้ายโกว สดใสสุดๆ ท้องฟ้าเปิดและมีแสงแดด ส่องแสงระยิบระยับเมื่อกระทบกับทะเลสาบใส คุ้มค่าแก่การมาเยี่ยมชมสักครั้งจริงๆ
ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสี : เดือนกันยายน – เดือนตุลาคม
อุณหภูมิประมาณ : 9°C – 23°C
ถ้าถามว่า เที่ยว จิ่วจ้ายโกว ช่วงไหนดี ? แนะนำว่า ช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะนอกจากอากาศจะเย็นสบายแล้ว ทิวทัศน์รอบๆ หุบเขาจิ่วจ้ายโกวในช่วงนี้ยังรายล้อมไปด้วย ใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งสีส้ม แดง เหลือง ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา เป็นช่วงเวลาไฮไลท์ที่คนนิยมมา ทัวร์จิ่วจ้ายโกว โดยเฉพาะใน เดือนตุลาคม จะได้พบกับวิวที่สวยเป็นพิเศษกับภาพใบไม้สีนับหมื่นๆ ต้น ตัดสะท้อนน้ำในทะเลสาบสีมรกตที่ใสราวกับกระจก งดงามสมกับเป็นดินแดนสวรรค์บนดิน ทำให้ใครหลายๆ คนอยากไปชมสักครั้ง
ฤดูหนาว : เดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์
อุณหภูมิประมาณ : -2°C – 14°C
ใครชอบบรรยากาศหิมะสีขาว ต้องไป เที่ยวจิ่วจ้ายโกว ช่วงฤดูหนาว ในช่วงนี้อากาศบริเวณหุบเขาจิ่วจ้ายโกวจะหนาวเย็นจนถึงติดลบ ทั้งภูเขาและต้นไม้รอบๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทะเลสาบและน้ำตกจะกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นฤดูเดียวที่เราจะได้เห็นทะเลสาบสีฟ้าอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีขาว ดูสวยงามราวกับภาพวาด ใครอยากถ่ายรูปกับวิวหิมะต้องมา ทัวร์จิ่วจ้ายโกว ช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
ชมบรรยากาศครบทั้ง 4 ฤดูของ จิ่วจ้ายโกว แล้ว ก็วางแผนกันได้เลยว่าอยากจะเที่ยว จิ่วจ้ายโกว ช่วงไหนดี พี่เห็ดคอนเฟิร์มเลยว่าอุทยานแห่งนี้สวยงามราวกับสรวงสวรรค์ ลองดูได้จาก ที่เที่ยว จิ่วจ้ายโกว ตามจุดไฮไลท์ต่างๆ ดังนี้เลย
จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ในจิ่วจ้ายโกว
1. ทะเลสาบห้าสี (Five Flower Lake) ทะเลสาบที่จัดเป็นไฮไลท์ของจิ่วจ้ายโกว ด้วยผืนน้ำในทะเลสาบที่ไล่เฉดสีฟ้า-เขียว และเปล่งประกายเหมือนสีรุ้ง สีของน้ำทะเลสาบที่เห็นนี้เกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนตและพืชน้ำชนิดต่างๆ อีกทั้งน้ำยังใสจนเห็นพื้นทะเลสาบเลยทีเดียว ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ ด้วยสีสันจากธรรมชาติ จัดว่าสวยที่สุดในจิ่วจ้ายโกว
2. ทะเลสาบยาว (Long Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร พื้นที่กว่า 581 ไร่ อีกทั้งยังมีความลึกที่สุดอีกด้วย รูปร่างของทะเลสาบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสวยงาม มาจากหิมะบนภูเขาที่ละลายลงมา ล้อมรอบด้วยวิวภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นสน บรรยากาศดีงามมากๆ
3. ทะเลสาบแรด (Rhino Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอุทยานจิ่วจ้ายโกว แถมยังมีบรรยากาศที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน บรรยากาศรอบๆ จะเป็นสีเขียว พร้อมด้วยดอกไม้ใบหญ้า ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงจะเต็มไปด้วยสีส้มแดงของใบไม้เปลี่ยนสี ผืนน้ำในทะเลสาบใสสะท้อนวิวธรรมชาติโดยรอบ จัดว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีวิวเงาสะท้อนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยค่ะ
4. ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake) เป็นทะเลสาบที่ผืนน้ำใสและสะท้อนวิวธรรมชาติโดยรอบทั้งภูเขาและท้องฟ้าออกมาได้สวยงามราวกับกระจก ยิ่งในวันที่ฟ้าเปิดและมีแสงแดดอ่อนๆ ก็จะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษ
5. ทะเลสาบนกยูง (Peacock Lake) เป็นทะเลสาบที่มีรูปร่างคล้ายกับนกยูง จึงเป็นที่มาของชื่อ ความพิเศษก็คือ สีของน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ที่เป็นสีฟ้าและใสราวกับคริสตัล ไล่เฉดสีฟ้าเข้มและอ่อนโดยขึ้นอยู่กับระดับความลึกของน้ำนั่นเอง
6. น้ำตกธารไข่มุก (Pearl Shoals Waterfall) หรืออีกชื่อคือ น้ำตกนู่รือหลาง (Nuo Ri Lang Waterfall) เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านถ้ำลำธารน้อยใหญ่ และมีสายน้ำทอดยาวลดหลั่นกันมา ส่องประกายราวกับเส้นไข่มุก เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว รูปทรงคล้ายกับพัดจีน มีความสูง 40 เมตร และกว้าง 310 เมตร ถ้ามาเที่ยวในตอนเช้าจะได้เห็นสายรุ้งจากแสงแดดที่สะท้อนกับละอองน้ำ
7. หมู่บ้านซูเจิง (Shuzheng Village) เป็นหนึ่งใน 9 หมู่บ้านแห่งจิ่วจ้ายโกว เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวทิเบต ล้อมรอบด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกซูเจิง (Shuzheng Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีความกว้าง 62 เมตร และสูง 25 เมตร มีลักษณะเหมือนดอกบัว และมีสายน้ำไหลลงมาแยกออกเป็นเส้นเล็กๆ กว่าพันสาย ส่วนยอดของน้ำตกเป็นจุดรวมของสายน้ำ และยังมี ทะเลสาบซูเจิง (Shuzheng Lake) ที่ประกอบไปด้วยทะเลสาบน้อยใหญ่กว่า 19 แห่ง อยู่ตามโขดหินที่สลับกันเหมือนขั้นบันได ไล่ระดับต่างกันกว่า 100 เมตร มองจากมุมสูงจะสวยงามมาก
และนี่ก็คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจีนที่พี่เห็ดขอแนะนำเลยว่า ควรค่าแก่การไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะวิวธรรมชาติของที่นี่สวยงามราวกับสวรรค์จริงๆ ใครอยากพาครอบครัวไป ทัวร์จิ่วจ้ายโกว เที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ ชาร์จพลังให้ชีวิตด้วยวิวธรรมชาติสุดอลังการ ก็วางแผนและจองทัวร์กับพี่เห็ด Mushroom Travel ได้เลย เรามีโปรแกรมพาเที่ยวแบบสุดคุ้มรอทุกคนอยู่นะคะ