@MushroomTravel
มาพบกับพี่เห็ด มัชรูมทราเวล พาเที่ยวอีกแล้วค่า… วันนี้พี่เห็ดจะพาไปอีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวในโซนยุโรปที่หลายคนอยากไปเยือนด้วยตัวเองสักครั้ง แถมยังเป็นหนึ่งในโลเคชันถ่ายซีรีส์เรื่องดังอย่าง Game of thrones อีกด้วย ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึง สาธารณรัฐมอลตา (Republic of Malt) ที่อยู่ทางใต้ของยุโรปนั่นเอง เป็นประเทศที่มีความหลากหลายในด้านต่างๆ และวิวทะเลที่งดงาม ถ้าใครยังไม่รู้จักประเทศนี้ ตามเราไปชม ที่เที่ยวมอลตา สัมผัสเสน่ห์ยุโรปใต้ พร้อมกันเลย!
ทำความรู้จัก มอลตา
สาธารณรัฐมอลตา เป็นลักษณะหมู่เกาะที่อยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประกอบไปด้วย 3 เกาะใหญ่ๆ ก็คือ มอลตา โกโซ และ โคมิน่า โดยมีเมืองหลวงชื่อว่า วัลเลตตา (Valletta) มอลตาเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และมักจะถูกแย่งชิงเพื่อครอบครองจากอาณาจักรใหญ่ๆ ในอดีตอยู่หลายครั้ง ทำให้ที่นี่มีการสร้างกำแพงเมืองล้อมรอบเกาะ และหลงเหลือเป็นทัศนียภาพอันสวยงามจนถึงปัจจุบัน
สำหรับการ เที่ยวมอลตา เราจะได้ชมความยิ่งใหญ่ของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์, ป้อมปราการโบราณ, โบสถ์ประจำเมือง, ศาลาว่าการเมือง, ชมบรรยากาศสวยๆ ของท่าเรือเมืองเก่า รวมถึงบ้านเมืองอันมีเอกลักษณ์ที่สร้างด้วยการใช้โทนสีอ่อน ดูสบายตา และเป็นการคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมของที่นี่ มาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงพอจะทราบข้อมูลของมอลตากันบ้างแล้ว ทีนี้ก็ตามพี่เห็ดไปดู 10 ที่เที่ยวในมอลตา ที่พี่เห็ดแนะนำ จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง…!
1. มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral)
เริ่มทริป Malta ด้วยการไปชมความสวยงามของ มหาวิหารเซนต์จอห์น ที่สร้างโดย อัศวิน เซนต์จอห์น เพื่อมอบเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์เหล่าอัศวินทั้งหลาย ความพิเศษของวิหารแห่งนี้คือ ออกแบบตกแต่งโดยสถาปนิกและศิลปินชาวมอลต้าในช่วงศตวรรษที่ 16 เป็นสถาปัตยกรรมบารอคที่หรูหราและงดงาม แสดงให้เห็นถึงอำนาจของคริสต์ศาสนาในสมัยนั้น
เวลาเปิด – ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์: 09.30 – 16.30 น. / วันเสาร์: 09.30 – 12.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 – 59 ปี) 15 ยูโร / เด็ก (อายุ 12 – 17 ปี) และผู้สูงอายุ 12 ยูโร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/ucdfmDEA8UH871DM9
2. สวนบารัคคา (Barrakka Garden)
ต่อด้วยการพาไปชมวิวทะเลสวยๆ กันที่ สวนบารัคคา สวนสวยที่ในอดีตเคยเป็นสถานที่ส่วนบุคคล แต่ภายหลังในปี ค.ศ. 1824 ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชม พื้นที่ภายในสวนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Upper Barracca และ Lower Barracca ซึ่งในส่วน Upper Barracca นั้นได้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1661 โดยอัศวินชาวอิตาเลียน จากบริเวณสวนจะสามารถเห็นวิวของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ได้ชัดเจน เหมาะแก่การมาดื่มด่ำประวัติศาสตร์เก่าแก่ และชมวิวสวยๆ ถืเป็นการพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดีเลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/FH21yqFcbsWzNq9G9
3. หมู่บ้านป๊อปอาย (Popeye’s Village)
ไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของการ์ตูนในตำนานอย่างป๊อปอายกันที่ หมู่บ้านป๊อปอาย หรืออีกชื่อคือ สวีทเฮฟเว่น วิลเลจ (Sweethaven Village) สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 เพื่อใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Popeye ปัจจุบันมีการพัฒนาจนกลายเป็น ที่เที่ยวมอลตา ที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว อาคารบ้านเรือนต่างๆ มีความละเอียด ประณีต สมจริง ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในภาพยนตร์ ภายในพื้นที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ การแสดง มินิกอล์ฟ เกม และกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำเพียบ เที่ยวได้ทั้งวันเลยล่ะค่ะ
เวลาเปิด – ปิด : 09.30 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่และวัยรุ่น: 15 – 25 ยูโร / เด็ก (อายุ 3 – 12 ปี) และผู้สูงอายุ 12.5 – 16 ยูโร (ราคาแตกต่างกันตามฤดูกาล)
เว็บไซต์ : https://popeyemalta.com/
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/djqqheMCZW31jgzFA
4. มาร์ซักลอกก์ (Marsaxlokk)
เปลี่ยนบรรยากาศมาชมวิถีชีวิตของชาวมอลตากันบ้าง มาร์ซักลอกก์ เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองวัลเลตตา บรรยากาศสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เพราะเต็มไปด้วยเรือประมงสีสันสดใสลอยตัวอยู่ท่ามกลางผืนน้ำสีฟ้าครามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยจึ้ง ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ อาหารทะเลสดๆ ที่ปรุงอย่างเชี่ยวชาญ เสิร์ฟพร้อมกลิ่นอายแบบมอลตาแท้ๆ บอกเลยว่าที่นี่มีร้านอาหารเพียบ! แถมทุกวันอาทิตย์ยังมีตลาดปลาให้ได้เลือกช้อปวัตถุดิบสดๆ กันอีกด้วย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/2Di1kX5kwP6mMwWL9
5. น้ำพุไทรทัน (Triton Fountain)
น้ำพุไทรทัน ตั้งอยู่บริเวณนอกประตูเมืองวัลเลตตา เป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเช็กอินกัน รูปปั้นนี้สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1959 ประกอบด้วยไทรทัน (เทพเจ้าแห่งท้องทะเล) ในตำนานที่ทำด้วยสำริด 3 องค์ กำลังถืออ่างขนาดใหญ่ไว้ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างมอลตาและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในเวลากลางคืนน้ำพุจะประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน สวยงามไม่แพ้ช่วงกลางวันเลย
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/Fm4VhkD4S5XLYYedA
6. พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grand Master’s Palace)
อีกหนึ่ง ที่เที่ยวมอลตา ที่ต้องไม่พลาดก็คือ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ อดีตพระราชวังในยุคศตวรรษที่ 16 ซึ่งถือครองโดย อุสตาจิโอ้ เดล มอนเต้ ญาติคนสนิทของผู้ครองแคว้นมอลตาที่ชื่อว่า ฌองป์ เดอลา วาเลตเต้ แต่เดิมที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบของอัศวินในยุคนั้น และภายหลังเสร็จสิ้นสงคราม ได้ถูกต่อเติมเป็นพระราชวัง แต่แล้วในช่วงศตวรรษที่ 19 ก็ได้ถูกโอนย้ายเปลี่ยนมือเป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองจากประเทศอังกฤษ และกลับมาถือครองโดยประเทศมอลตาอีกครั้งภายหลังประกาศเอกราชในปี ค.ศ. 1964 พระราชวังแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นอาคารรัฐสภาแห่งมอลตา สถานที่ทำงานของประธานาธิบดี แต่ปัจจุบันเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ แลชมความงดงามของสถาปัตยกรรม
เวลาเปิด – ปิด : 10.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 12 ยูโร / เยาวชน (12-17 ปี) และผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) 10 ยูโร / 10 ยูโร / เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 8 ยูโร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/G4WVJqpEiUXaXHjY6
7. วิหารกันติจา (Ggantija Temples)
มา เที่ยวมอลตา กันต่อ โดยเราจะข้ามมาที่ เกาะโกโซ เกาะแห่งนี้ก็มีที่เที่ยวยอดฮิตของมอลตาอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ วิหารกันติจา อีกหนึ่งวิหารเก่าแก่ สร้างขึ้นจากหินขนาดใหญ่ และถือว่าเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์หินใหญ่ที่สามารถย้อนกลับไปในยุคสมัยหินใหม่ (ประมาณ 3,600 – 3,200 ก่อนคริสตกาล) เชื่อกันว่าเป็นวิหารทางศาสนาที่มีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1980 อีกด้วยค่ะ
เวลาเปิด – ปิด :
– มีนาคม – ธันวาคม 10.00 – 18.00 น.
– มกราคม – กุมภาพันธ์ 09.00 – 17.00 น. (ปิดวันอังคาร)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่: 10 ยูโร / เด็ก (อายุ 12 – 17 ปี) และผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) 8 ยูโร / เด็กเล็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 6 ยูโร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/r2fQRiSMveLaeraQ9
8. ป้อมปราการวิคตอเรีย (Victoria Fortress)
ถัดมากับที่เที่ยว Malta บนเกาะโกโซอย่าง ป้อมปราการวิคตอเรีย หรือ ป้อมปราการในรัฐวิคตอเรีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะโกโซ ในอดีตบริเวณนี้เป็นพื้นที่อาศัยมาตั้งแต่ยุคสำริด และยังเชื่อกันว่าที่นี่เป็นเมืองบริวารของกรุงโรม ป้อมปราการใหญ่แห่งนี้สร้างอยู่บนที่สูงของเกาะตั้งแต่ในสมัยยุคกลาง ภายในมีที่อยู่ของผู้ปกครองเมือง ห้องเก็บอาวุธของอัศวิน คุกของทาสและนักโทษ รวมถึงในปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีให้ได้เยี่ยมชมอีกด้วย
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 5 ยูโร / ผู้สูงอายุ 3.5 ยูโร / เด็ก 2.5 ยูโร
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/1DTf6baHGXM3oRsy6
9. วิหารทาพินู (Ta Pinu Cathedral)
วิหารทาพินู เป็นวิหารโรมันคาธอลิกซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้หน้าผาบนเกาะโกโซ ในอดีตที่นี่เป็นเพียงโบสถ์หินขนาดเล็กในยุคศตวรรษที่ 15 และต่อมาได้ถูกต่อเติมและสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1922 – 1932 แบบสไตล์นีโอโรมาเนสก์ มีความโอ่อ่าสวยงามมาก ใครชอบถ่ายรูปบอกเลยว่าห้ามพลาด ด้านในโบสถ์เป็นที่ตั้งของพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงเครื่องบูชาต่างๆ นักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธานิยมเดินทางมาเพื่อสักการะ ขอพร เรียกได้ว่าเป็น ที่เที่ยวมอลตา อีกหนึ่งที่ที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวชม
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/dWxZYtWWisdGQMcs7
10. ถ้ำบลูกร็อตโต้ (Blue Grotto)
ปิดท้ายกันที่หนึ่งในไฮไลต์ของการเที่ยว Malta นั่นก็คือ ถ้ำบลูกร็อตโต้ มาที่นี่ต้องไม่พลาดการล่องเรือชมทัศนียภาพความสวยงามของน้ำทะเล เพราะที่นี่มีน้ำสีฟ้าใสราวกับกระจก ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบทางเคมีของแร่ธาตุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้มองเห็นทัศนียภาพภายในถ้ำได้อย่างเต็มตา ระหว่างล่องเรือจะผ่านถ้ำที่มีช่องทางแคบๆ และมีแสงส่องผ่าน ทำให้ภายในถ้ำเรืองแสงเป็นประกายสีฟ้า เป็นที่มาของชื่อถ้ำแห่งนี้นั่นเอง เป็นประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้แน่นอน
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/FTX5tym1aZW4jAnUA
และนี่ก็คือ ที่เที่ยวมอลตา ที่พี่เห็ดคัดมาแล้วว่าไปแล้วไม่มีผิดหวัง!! อีกหนึ่งประเทศสวยๆ กับที่เที่ยวสุด unseen ที่พี่เห็ดอยากแนะนำให้ไปเที่ยวสักครั้ง ไปสัมผัสเสน่ห์แห่งยุโรปใต้ที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน กับสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ แล้วจะหลงรักหนึ่งในเมืองที่อากาศดีที่สุดในโลกอย่างมอลตาโดยไม่รู้ตัว ใครสนใจสามารถคลิกชมโปรแกรม ทัวร์มอลตา แล้วไปเที่ยวกับ มัชรูมทราเวล ได้เลยนะคะ