หนึ่งในประเทศเอเชียแต่ได้บรรยากาศแบบยุโรปที่นักท่องเที่ยวมากมายให้ความสนใจก็ต้องยกให้ จอร์เจีย ดินแดนที่ตั้งอยู่สุดขอบทวีปเอเชียและติดกับทวีปยุโรปนั่นเอง บรรยากาศบ้านเมืองในจอร์เจียมีความสวยงาม ด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่สุดยิ่งใหญ่ โอบล้อมด้วยธรรมชาติสุดอลังการ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และถ้าอยากรู้ว่า เที่ยวจอร์เจีย มีดียังไง วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จะมาไขข้อข้องใจว่า ทำไมคุณควรไป ทัวร์จอร์เจีย สักครั้งในชีวิต !

ทำความรู้จัก “จอร์เจีย”
ประเทศจอร์เจีย คือ ดินแดนแห่งขุนเขา ตั้งอยู่สุดขอบทวีปเอเชีย มีอาณาเขตทางเหนือติดกับรัสเซีย ส่วนทางใต้ติดกับตุรกี, อาร์มีเนีย และอาเซอร์ไบจาน
การเดินทาง จากไทยไป เที่ยวจอร์เจีย แม้ว่ายังไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ แต่ก็มีสายการบิน Full Service ให้บริการเที่ยวบินแบบต่อเครื่องถึงกรุงทบิลิซิ เมืองหลวงของจอร์เจีย ทั้งสายการบิน Turkish Airlines, Emirates, Qatar, Air Astana และยังมีสายการบิน Low-cost ราคาประหยัดอีกด้วย โดยใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยประมาณ 11-12 ชั่วโมง
ภาษาหลัก ที่คนจอร์เจียใช้สื่อสารกันคือ ภาษาจอร์เจีย และภาษารัสเซีย ซึ่งแม้ว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้าใครวางแผนจะไป เที่ยวจอร์เจียด้วยตัวเอง ก็ต้องเตรียมแผนการเดินทางให้พร้อม หรือถ้าใครอยากจะพาครอบครัวไปเที่ยวแบบสบายๆ ก็แนะนำให้จอง ทัวร์จอร์เจีย ไปเที่ยวเลยค่ะ จะสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีไกด์คอยแนะนำในทุกสถานที่
รู้จักจอร์เจียกันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว มาดูกันต่อกับ 11 เหตุผลที่คุณควรไป เที่ยวจอร์เจีย สักครั้งในชีวิต!
1. คนไทย ฟรีวีซ่า อยู่ได้ถึง 1 ปี!
ถูกใจสายเที่ยวแน่นอน เพราะคนไทยสามารถไป เที่ยวจอร์เจีย ได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า และอยู่ได้นานถึง 365 วัน! ใครวางแผนเดินทางยาวๆ อยากเที่ยวเมื่อไหร่ก็จัดได้เลย เพียงจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก และเตรียมแผนการเดินทางให้พร้อมเท่านั้น
2. ค่าครองชีพไม่สูง
ค่าเงินของจอร์เจีย 1 ลารีจอร์เจีย ประมาณ 11-12 บาท ค่าครองชีพไม่แพงมากนัก ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วก็พอๆ กับการใช้ชีวิตในกรุงเทพเลย อย่างอาหารในแมคโดนัลด์จะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 13 ลารีจอร์เจีย หรือประมาณ 150 บาท หรืออาหารทั่วๆ ไป มื้อนึงก็ประมาณ 60-80 บาท แถมยังถูกใจสายดื่มเพราะเบียร์และไวน์ยังราคาถูกมากอีกด้วย

3. เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
สภาพอากาศของประเทศจอร์เจีย มีทั้งหมด 4 ฤดูกาล คือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งโดยทั่วไปจะอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้เราสามารถไป เที่ยวจอร์เจีย ได้ทุกฤดู โดยแต่ละฤดูจะมีบรรยากาศที่แตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ
– ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10 – 24 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ดอกไม้ผลิบานสะพรั่ง ต้นไม้ในป่าเขากลับมาเป็นสีเขียวขจีหลังจากผ่านฤดูหนาว เหมาะกับการท่องเที่ยวมาก
– ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16 – 31 องศาเซลเซียส อากาศค่อนข้างร้อน แต่ก็ถือว่าสบายๆ สำหรับคนไทย ช่วงนี้เหมาะสำหรับการไปเที่ยวชมความเขียวขจีของธรรมชาติ ทั้งภูเขา ทุ่งดอกไม้ ทุ่งหญ้า เดินป่า และชายฝั่งทะเล
– ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 4 – 20 องศาเซลเซียส เป็นอีกหนึ่งช่วงน่าท่องเที่ยว อากาศเย็นสบายกำลังดี มีใบไม้เปลี่ยนสี
– ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -3 ถึง 8 องศาเซลเซียส อากาศหนาวเย็น มีหิมะปกคลุม เหมาะกับการเล่นสกี เลื่อนหิมะ และสโนว์บอร์ด มีเมืองสกีรีสอร์ตชื่อดังคือ เมืองกูเดาริ และ เมืองบอร์โจมิ

4. ภูมิประเทศและธรรมชาติสวยงาม
จอร์เจีย เป็นดินแดนที่โอบล้อมด้วยภูเขา ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเขาที่สวยงาม สามารถสัมผัสธรรมชาติที่หลากหลายได้อย่างเต็มที่ ทั้งเทือกเขาหิมะ ป่าไม้ โตรกผา ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า พร้อมด้วยกิจกรรมมากมาย เช่น เดินป่า ปีนเขา ล่องแก่ง เล่นสกี หรือเดินป่า บอกเลยว่านักท่องเที่ยวสายกรีนคนรักธรรมชาติและความผจญภัยต้องถูกใจแน่นอน ที่เที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น หมู่บ้านจูทา (Juta Valley) หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาในเทือกเขาคอเคซัส ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โอบล้อมด้วยขุนเขาและทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่ม สวยงามราวกับสวรรค์น้อยๆ อีกทั้งยังมี เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) เทือกเขาสูงที่ทำหน้าที่เป็นปราการธรรมชาติ แบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย สามารถมองเห็นได้จากหลายๆ เมืองในจอร์เจียด้วยค่ะ

5. สถาปัตยกรรมโบราณทรงคุณค่า
จอร์เจียมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี แถมยังเป็นประเทศที่แม้จะอยู่ในทวีปเอเชีย แต่ก็มีสถาปัตยกรรมเหมือนทางฝั่งยุโรปมากๆ การมาเที่ยวจอร์เจียก็จะได้ชมสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันซึ่ง ที่เที่ยวจอร์เจีย แนะนำได้แก่ โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) โบสถ์ชื่อดังที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจอร์เจีย ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส ที่ความสูง 2,710 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สวยงามและอลังการมาก และ ป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress) ป้อมปราการโบราณ ตั้งอยู่เหนือเขตเมืองเก่าของทบิลิซี สามารถขึ้นกระเช้ามาชมวิวจากมุมสูงได้ บอกเลยว่าเป็นวิวหลักล้านในราคาหลักหมื่น สายเที่ยวห้ามพลาด!
6. วัฒนธรรมที่เก่าแก่
อย่างที่บอกไปว่า จอร์เจีย เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และภาษาจอร์เจียก็เป็นหนึ่งในภาษาเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีการใช้อยู่ ซึ่งถึงแม้ว่าจะผ่านทั้งช่วงเวลาที่ถูกยึดครองโดยเปอร์เซีย ตุรกี อาหรับ มองโกล หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ปกครองโดยรัสเซียและเป็นหนึ่งในสหภาพโซเวียต แต่วัฒนธรรมเก่าแก่ของจอร์เจียก็ยังมีให้เห็นผ่านงานภาพยนตร์, จิตรกรรม และสถาปัตยกรรมต่างๆ รอบเมือง รวมถึงเมื่อมาท่องเที่ยวเราก็จะได้สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ เช่น การเต้นรำพื้นเมือง ดนตรีโบราณ และอีกมากมาย

7. มีเมืองน่าเที่ยวที่หลากหลาย
ด้วยภูมิประเทศที่แตกต่างกันในแต่ละฝั่ง ทำให้จอร์เจียมีเมืองน่าเที่ยวมากมาย ได้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเมืองไหนก็เหมือนได้สัมผัสเมืองเก่าที่ยังมีชีวิต และผสมผสานกับสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว พี่เห็ดแนะนำเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่
– เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงที่เก่าแก่และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นในการท่องเที่ยว เอกลักษณ์ของเมืองนี้ก็คือ เมืองสมัยใหม่ที่รายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 และธรรมชาติที่สวยงาม
– เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) หรือ เมืองสเตปันสมินดา (Stepansminda) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนภูเขาคาซเบก (Kazbek) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส มองเห็นวิวเทือกเขาหิมะที่สวยงาม
– เมืองบาทูมี (Batumi) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจอร์เจีย เป็นเมืองด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ทำให้ในตัวเมืองเต็มไปด้วยตึกทันสมัย แต่ก็ยังคงมีย่านเก่าแก่ของเมืองอยู่ด้วย
– เมืองกูดาอูรี (Gudauri) เมืองสกีรีสอร์ตที่มีชื่อเสียงที่สุดในจอร์เจีย ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาคอเคซัส ช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม – เมษายน) ถือเป็นไฮซีซั่น มีหิมะปกคลุมหนาแน่น เหมาะสำหรับการเล่นสกี ส่วนฤดูร้อนทิวเขาจะเป็นสีเขียวขจี เหมาะกับการเดินป่า
– เมืองบอร์จอมี (Borjomi) เมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำแร่และการแช่น้ำร้อน ที่มีการวิจัยว่าช่วยรักษาโรคได้

8. อาหารอร่อย
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และแน่นอนการมา เที่ยวจอร์เจีย ก็มีเมนูอร่อยๆ ให้ลิ้มลองเยอะเหลือเกิน รสชาติอาหารของจอร์เจียส่วนใหญ่คนไทยกินได้ อาหารที่นี่มีความหลากหลาย ผสมผสานระหว่างยุโรปกับเอเชีย โดยเฉพาะ 2 เมนู อาหารจอร์เจีย แนะนำอย่าง Khinkali เสี่ยวหลงเปาเวอร์ชั่นจอร์เจีย และ Khachapuri ขนมปังแป้งบางกรอบ ที่มีไข่ เนย ชีส อยู่ตรงกลาง เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ นี่ยังไม่รวมถึงของหวานนานาชนิด และ ไวน์จอร์เจีย รสนุ่มละมุนที่สุดในโลกนะ ใครเป็นสายกินรับรองเลยว่าจะติดใจ
9. ไวน์ดีราคาถูก
จอร์เจียเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตไวน์เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยาวนานกว่า 8,000 ปี จนได้ชื่อว่า “The Birth Place of Wine” ด้วยกรรมวิธีการหมักไวน์แบบโบราณที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยจะใช้ Qvevri ที่มีลักษณะคล้ายกับไหปั้นดินในการหมัก นำไปฝังใต้ดินและหมักตามระยะเวลา จนได้ไวน์ที่รสชาติดีมีคุณภาพและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งการทำไวน์ของจอร์เจียยังได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO แถมราคาไวน์ที่จอร์เจียยังถูกมาก ขวดละประมาณ 150-200 บาทเท่านั้น ถูกใจสายดื่มแน่นอน
10. คนจอร์เจียอัธยาศัยดีและเป็นมิตร
หลายคนที่เคยไปเที่ยวจอร์เจียจะรีวิวว่า คนจอร์เจียอัธยาศัยดีและเป็นมิตร เห็นได้จากสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ แม้ว่าลักษณะภายนอกอาจดูจริงจัง แต่โดยนิสัยแล้วเป็นคนที่ใจดีและจริงใจ ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวสบายๆ มากขึ้น
11. ค่าทริปหลักหมื่น บรรยากาศหลักล้าน
ด้วยบรรยากาศโดยรวมในประเทศจอร์เจีย ทั้งธรรมชาติสวยหลักล้านสุดอลังการ บ้านเมืองดูคลาสสิกเหมือนยุโรป อากาศเย็นสบายตลอดปี แต่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไม่ได้สูงมาก ไม่ต้องขอวีซ่า ยิ่งถ้าเที่ยวกับทัวร์ ก็มีโปรแกรม ทัวร์จอร์เจีย ที่พาเที่ยวครบทุกไฮไลต์ในราคาเริ่มต้นประมาณ 3 หมื่นต้นๆเท่านั้น ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องเก็บเงินจนเหนื่อยก็ไปได้ ได้ฟีลยุโรปแต่จ่ายในราคาเอเชีย มีแต่คุ้มกับคุ้ม พี่เห็ดแนะนำเลยว่าต้องไปสักครั้ง
และนี่ก็เป็นเหตุผลดีๆ ที่อยากแนะนำให้สายเที่ยวไปเยือนจอร์เจียกันสักครั้ง จัดว่าเป็นประเทศน่าเที่ยวน้องใหม่มาแรงที่ได้รับความสนใจมากๆ แต่ถ้าใครกังวลว่าไปเที่ยวเองจะไม่สะดวก แถมยังต้องหาข้อมูลที่เที่ยวและการเดินทางอีกมากมาย การซื้อทัวร์ไปเที่ยวแบบมีไกด์คอยดูแล มีรถรับส่งตลอดทริป ก็สะดวกสบายมากๆ ไม่ต้องกลัวหลงทาง หรือกลัวว่าจะสื่อสารกับคนท้องถิ่นไม่ได้ เที่ยวอย่างสบายใจ ทักมาจอง ทัวร์จอร์เจีย กับพี่เห็ด Mushroom Travel ได้เลย
