Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

ท่องโลกไปกับ 5 ที่เที่ยว unseen แปลกใหม่ ต้องไปสักครั้ง!!

โพสเมื่อ

เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนเมื่อได้เดินทางไปต่างประเทศ ก็คงมีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่โด่งดังซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของประเทศนั้นๆ กันมาแล้ว เพราะถ้าไม่ได้ถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คยอดฮิตก็เหมือนไปไม่ถึงเลยทีเดียว แต่ก็มีอีกหลายคนที่อยากไป เที่ยวต่างประเทศ เปิดประสบการณ์ใหม่กับที่เที่ยวแปลกๆ ที่คนไทยน้อยคนจะเคยไปเยือน ถ่ายรูปกลับมาอวดเพื่อนๆ คงจะน่าสนุกและตื่นเต้นไม่น้อย วันนี้ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล เลยรวบรวม 5 ที่เที่ยว unseen ในต่างแดนที่แปลกใหม่และน่าสนใจ มาให้ชม บอกเลยว่าถ้ามีโอกาสต้องไปให้ได้!! มีที่ไหนบ้างไปชมกัน


1. สาธารณรัฐวานูอาตู (Vanuatu)

เริ่มต้นกันที่ สาธารณรัฐวานูอาตู เป็นประเทศหมู่เกาะ ตั้งอยู่แถวมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ใกล้กับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งในอดีตที่นี่เคยถูกปกครองร่วมโดยประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส และในต่อมา วานูอาตูก็เรียกร้องเอกภาพได้สำเร็จ เป็นหนึ่งใน ที่เที่ยว unseen ที่สวยงามไปด้วยทะเลและธรรมชาติใต้น้ำ

Cr. facebook.com/VanuatuTourismOffice

วานูอาตูขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เพราะผู้คนบนเกาะอัธยาศัยดี ทุกคนดูอารมณ์ดี ไปไหนก็ยิ้มแย้มให้กัน คุยกันหัวเราะสนุกสนาน ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เข้ากับธรรมชาติ และประชากรประมาณ 80% บนเกาะแห่งนี้นับถือศาสนาคริสต์

ไฮไลท์ของการเที่ยววานูอาตู

ต้นกำเนิดบันจี้จัมพ์ (Bungee Jump)

Cr. vanuatu.travel

หลายคนอาจจะเคยกระโดดบันจี้จัมพ์ท้าความสูงกันมาแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่า บันจี้จัมพ์มีต้นกำเนิดอยู่ที่วานูอาตูนี่เอง ชาววานูอาตูกระโดดบันจี้จั๊มพ์มาหลายร้อยปี ซึ่งเป็นพิธีกรรมท้องถิ่นเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแยม (Yam Harvest) โดยพวกเขาจะสร้างโครงไม้สูงประมาณ 20-30 เมตร แล้วคนหนุ่มจะกระโดดลงมา ไล่ตั้งแต่ความสูงระดับไม่มาก ไปจนถึงชั้นที่สูงที่สุดจะกระโดดโดยผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุด โดยการกระโดดบันจี้จัมพ์ของชาววานูอาตูจะไม่มีตาข่ายหรืออุปกรณ์เสริมใดๆ รองรับนอกจากเถาวัลย์ 2 เส้น ชาววานูอาตูเชื่อว่า การกระโดด นอกจากจะช่วยขับไล่โรคภัยไข้เจ็บที่มักจะมากับฤดูฝนได้แล้ว ยิ่งกระโดดสูงและตกลงมาเรี่ยพื้นมากเท่าไร ยิ่งจะนำความอุดมสมบูรณ์มาสู่พื้นที่เกษตรกรรมของพวกเขาในปีนั้นๆ ด้วย

– ธรรมชาติใต้ท้องทะเลสวยงามสุดๆ

Cr. facebook.com/VanuatuTourismOffice

สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดเมื่อคุณเดินทางไป เที่ยววานูอาตู ก็คือ การดำน้ำดูปะการังและตามหาเจ้าปลานีโม ที่นี่มีจุดดำน้ำ Scuba Diving ให้คุณเลือกจากเกาะต่างๆ ทั้ง 83 เกาะ ซึ่งแต่ละที่ก็มีความสวยงามแตกต่างกันไปทั้งสิ้น ไฮไลท์ของการดำน้ำที่วานูอาตู นอกจากเจ้าปลานีโมนี้แล้ว ก็คือการไปดูเรือสมัยสงครามโลกครั้งที่สองใต้ทะเล ชื่อว่า SS President Coolidge เรือลำนี้เคยใช้ช่วยชีวิตทหารอเมริกันในสงครามที่ Pearl Harbour ก่อนที่มันจะจมลงในปี ค.ศ.1942 และคร่าชีวิตลูกเรือไป 2 นาย พร้อมกับสมบัติล้ำค่าที่สวยงามอีกมากมายบนเรือ ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาจากใต้ทะเลได้

– ภูเขาไฟ และ พิธีกรรมของชาววานูอาตู

Cr. vanuatu.travel

หนึ่งใน 83 เกาะของวานูอาตู มีเกาะหนึ่ง ชื่อว่า Ambrym ซึ่งถูกตั้งชื่อโดยกัปตัน James Cook นักสำรวจจากอังกฤษที่เหยียบผืนทรายออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นคนแรก ไฮไลท์ของเกาะนี้คือ บ่อลาวาเดือด ของภูเขาไฟที่คุณสามารถเดินขึ้นไปดูได้ด้วยตาตัวเอง หรือจะเป็นรูปแกะสลักไม้จากซุงทั้งท่อนที่ขึ้นชื่อของเกาะนี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของพิธีกรรมลึกลับที่ชาวบ้านวานูอาตูจะต้องเต้นระบำสวมหน้ากากที่เรียกว่า “Rom” เพื่อบูชากันมามากกว่าหลายร้อยปี


2. เกาะโซโคตร้า ประเทศเยเมน (Socotra Island, Yemen)

ไปชม ที่เที่ยว unseen สวยๆ กันต่อที่ เกาะโซโคตร้า เกาะเล็กๆ ที่อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ประเทศเยเมน สภาพแวดล้อมภายในเกาะมีความหลากหลาย ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอฟริกาและคาบสมุทรอาหรับ เมื่อ 20 ล้านปีก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือก ทำให้เกิดเกาะเล็กๆ ขึ้นมานอกชายฝั่ง จนมีเกาะโซโคตร้านี้ขึ้นมา

ลักษณะภูมิประเทศมีทั้งชายหาด ถ้ำขนาดใหญ่ ภูเขาสลับซับซ้อน มีพืชพันธุ์และต้นไม้หายากรูปทรงแปลกตา เช่น กุหลาบแห่งทะเลทราย (Desert Rose) และ ต้นเลือดมังกร (Dragon’s Blood Tree) ที่มีอายุกว่า 20 ล้านปีมาแล้ว รวมถึงสัตว์บางชนิดที่ไม่เคยพบที่ไหนในโลก ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว

อีกหนึ่งสถานที่บนเกาะที่ไม่ควรพลาดก็คือ Ayhaft Canyon National Park ที่มีสระน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ณ จุดต่างๆ ในอุทยาน นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำในสระเหล่านี้ได้ และหากโชคดีก็จะได้เห็นนกท้องถิ่นนานาชนิดมากินน้ำด้วย อย่างเช่น นกกระจอกโซโคตร้า และนกสุริยัน เป็นต้น


3. หลุมน้ำเงินคราม ประเทศเบลิซ (The Great Blue Hole, Belize)

หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อ ประเทศเบลิซ (Belize) ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลแคริบเบียน ที่นี่มีหนึ่งใน ที่เที่ยว unseen กับความมหัศจรรย์ของธรรมชาตินั่นก็คือ หลุมขนาดใหญ่กลางทะเล ที่เรียกกันว่า หลุมน้ำเงิน (Great Blue Hole) ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเบลิซประมาณ 70 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทรงกลมเกือบสมบูรณ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 300 เมตร กับความลึกประมาณ 124 เมตร

เชื่อกันว่าเป็นหลุมกลางทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สันนิษฐานกันว่าก่อตัวขึ้นในยุคน้ำแข็ง ซึ่งระดับน้ำทะเลในขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 100-120 ม. (330-390 ฟุต) ซึ่งต่ำกว่าในปัจจุบัน โดยคาดว่าเดิมทีหลุมนี้เคยเป็นถ้ำหิน Limestone มาก่อน แต่ต่อมาพอระดับน้ำทะเลสูงขึ้นก็เลยท่วมถ้ำจนหมด เพดานถ้ำก็โดนน้ำเซาะจนพังทลายและยุบตัวซ้ำๆ จนกลายเป็นหลุมกลวงอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

หลุมแห่งนี้มีนักประดาน้ำเข้าไปดำน้ำมากมาย โดยถูกจัดเป็น 1 ใน 7 หลุมที่เป็นสถานที่น่าดำน้ำมากที่สุดในโลก แต่ด้วยความลึกของหลุมก็ทำให้มีนักประดาน้ำหลายคนได้เสียชีวิตที่นี่ เนื่องจากอาการ Nitrogen narcosis หรือ อาการเมาไนโตรเจน และเกิดการหมดสติ มักเริ่มที่ระดับความลึก 60 เมตร เพราะฉะนั้นก่อนการไปดำน้ำไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องเตรียมตัวเตรียมร่างกายให้พร้อม และต้องปลอดภัยไว้ก่อนด้วยนะ


4. สุสานใต้ดินกาปูชิน แห่ง พาเลอร์โม, ประเทศอิตาลี (Catacombs of the Capuchins, Italy)

Cr. viator.com

ใครชอบความลึกลับน่าค้นหาปนสยองขวัญน่าจะถูกใจ ที่เที่ยว unseen แห่งนี้ เพราะที่นี่คือ สุสานใต้ดินกาปูชิน แห่ง พาเลอร์โม (Catacombs of the Capuchins) ที่ตั้งอยู่ใต้เมืองปาแลร์โม บนเกาะซิซิลี ทางเหนือของประเทศอิตาลี เป็นสถานที่เก็บรวบรวมศพมัมมี่มากกว่า 8,000 ศพ สถานที่แห่งนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ที่ชื่นชอบเรื่องสยองขวัญได้มากมายจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก

Cr. italianways.com

สุสานใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1599 โดยการขุดอุโมงค์ให้เป็นห้องโถงยาว ซึ่งในช่วงแรกต้องการเอาไว้เป็นที่เก็บศพของเหล่าพระคาปูชินหรือไฟรอาร์เท่านั้น แต่พอเวลาผ่านไปหลายร้อยปีจึงเริ่มรับศพของคนทั่วไป โดยมีการแบ่งออกเป็น 4 ห้อง ได้แก่ ห้องผู้ชาย, ห้องผู้หญิง, ห้องแพทย์และทนายความ และห้องนักบวช

สำหรับมัมมี่กว่า 8,000 ศพในสุสานแห่งนี้จะมีลักษณะแตกต่างกันไป ถ้าเป็นนักบวชจะแต่งกายเต็มยศ หรือถ้าเป็นคนธรรมดาจะแต่งตัวตามสมัย แต่ถ้าเป็นคนที่มีฐานะจะมีการเขียนพินัยกรรมว่าให้รักษาร่างกายและเสื้อผ้าเอาไว้ และจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นระยะ ส่วนร่างสุดท้ายที่ได้รับการบรรจุที่นี่คือร่างของ โรซาเลีย ลอมบาร์โด เด็กหญิงอายุ 2 ขวบ ที่เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมในปี ค.ศ. 1920 ซึ่งยังอยู่ในสภาพดี ส่วนสาเหตุที่สุสานแห่งนี้ได้รับความไว้วางใจจากญาติของผู้ตายให้ดูแลศพก็เพราะว่าที่นี่มีการดูแลศพอย่างดี มีสูตรการรักษาให้ศพคงสภาพไม่เน่าเปื่อย ใครที่ชอบความลึกลับสยองขวัญไม่ควรพลาด ที่เที่ยว unseen แห่งนี้เลยทีเดียว


5. ประเทศบูร์กินาฟาโซ (Burkina Faso)

ปิดท้ายไปท่องโลกกับ ที่เที่ยว unseen กันที่ ประเทศบูร์กินาฟาโซ ที่เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่เคยได้ยินชื่อ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีเมืองหลวงชื่อว่า วากาดูกู (Ouagadougou) ประชากรของที่นี่ครึ่งนึงนับถือศาสนาอิสลาม และอีกครึ่งนึงนับถือความเชื่อดั้งเดิมและศาสนาคริสต์ ที่นี่ยังมีเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า Nazinga ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ละมั่ง, ลิง, หมูป่า, จระเข้, ช้าง และอีกมากมาย

ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนบูร์กินาฟาโซ

– เทศกาล Dedougou Dancing Masks

Cr. Halyna Sharovarska / matzuri.com

เทศกาล Dedougou Dancing Masks เป็นเทศกาลเก่าแก่ประจำบูร์กินาฟาโซที่จะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี ในเดือนมีนาคม ซึ่งเทศกาลนี้เป็นการรวมตัวกันของนักเต้นจากในบูร์กินาฟาโซและประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะใส่หน้ากากรูปสัตว์หรือพุ่มไม้ พร้อมทั้งแต่งกายด้วยชุดที่มีสีสันมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก โดยพวกเขาจะเต้นไปพร้อมกับจังหวะจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองอย่างสนุกสนาน

– สุเหร่าโคลน (Burkina Faso Mosque)

มาชมสถาปัตยกรรมสุเหร่าแบบซูดาโน-ซาฮาเลียน ที่เรียกว่า สุเหร่าโคลน สร้างในศตวรรษที่ 19 สร้างขึ้นด้วยดินเหนียวหรือดินโคลนผสมกับฟางและขี้วัวก่อนขึ้นเป็นผนัง และสร้างหน้าต่างเป็นรูเล็กๆ พอให้แสงลอดเข้าได้บ้าง และมีไม้เสียบอยู่ทั่วตัวสุเหร่าเพื่อการสะดวกในการขึ้นไปซ่อมแซมนั่นเอง

– ทะเลสาบฮิปโป (Hippo lake)

มาชมเหล่าฮิปโปมากมายที่ ทะเลสาบฮิปโป เขตสงวนชีวมณฑลของ UNESCO ซึ่งเป็นที่อยู่ของฮิปโปโตเตมัสกว่า 100 ตัว โดยใช้ชีวิตอิสระตามแหล่งธรรมชาติ

– น้ำตก Karfiguela

ชมความสวยงามของน้ำตก Karfiguela ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่จะเห็นสายน้ำจากหลายทางตกจากหน้าผาสูง ดูสวยงามแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน

และนี่ก็คือ ที่เที่ยว unseen ในต่างแดนที่พี่เห็ดนำมาแนะนำ ใครถูกใจที่ไหนเป็นพิเศษก็ลองตั้งเป้าหมายออกไปเที่ยวกันให้ได้สักครั้งนะจ๊ะ


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง

2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel บริษัททัวร์ ที่มีโปรแกรมให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
Line id : @mushroomtravel