Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

เที่ยวญี่ปุ่น 3 เมือง วากายาม่า – นาโกย่า – โอซาก้า 6 วัน 5 คืน

โพสเมื่อ

ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะพาเราไปตะลุยญี่ปุ่นในเส้นทาง เที่ยววากายาม่า นาโกย่า และจบที่โอซาก้า 6 วัน 5 คืน ใครกำลังอยากเที่ยวเส้นทางนี้ ไปชมรีวิวกันค่ะ!


เที่ยวญี่ปุ่น 3 เมือง วากายาม่า – นาโกย่า – โอซาก้า 6 วัน 5 คืน

ทริปนี้เรา เที่ยวญี่ปุ่น กันยาวๆ แบบขาเดี้ยงกันไปเลย 3 เมืองของประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งมีจังหวัด วากายาม่า (Wakayama) นาโกย่า(Nagoya) และ โอซาก้า(Osaka)
ทริปนี้ใช้ระยะเวลา 22 สิงหาคม – 28 สิงหาคม 2561 เดินทาง 6 วัน 4 คืน
เราเดินทางโดยสายการบิน Airasia X Flight XJ612 จากสนามบินดอนเมือง เวลา 00.55 น. ถึงสนามบินนานาชาติคันไซ 08.40 น.

—–

ก่อนที่เราจะเดินทางมาญี่ปุ่นนั้น เราได้ซื้อตั๋ว JR Osaka – Nagoya Area Pass สำหรับ 5 วัน
และ Pocket Wifi สามารถซื้อผ่านแอป Klook ได้เลย

ตามมาเที่ยวเลยแล้วกัน


22/08/61

หลังจากมาถึงสนามบินนานาชาติคันไซ จังหวัดโอซาก้า(Osaka) แล้วเรามองหาบูธ Ninja Wifi เพื่อรับ Pocket Wifi และมองหาห้องแลกตั๋ว JR Ticket office เพื่อนำตั๋ว Japan Rail Pass ที่ได้มาจากไทยไปแลกเป็นตั๋วสำหรับการเดินทาง 5 วันระหว่าง
โอซาก้า(Osaka) – นาโกย่า(Nagoya)

เมื่อได้ตั๋วสำหรับการเดินทางมาแล้ว หน้าตาก็จะเป็นแบบที่เห็นนี่แหละจ้า

ได้ตั๋วแล้วเราก็เดินทางไป Wakayama กัน โดยใช้เวลาจาก Osaka Station เพียง 30 นาที ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ Wakayama Station
และนั่งรถไฟไปลงที่เมือง Kada เราจะไป เที่ยววากายาม่า สถานที่แรกก่อนเลย คือ
Awashima – Jinja Shrine (ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา)
ใช้เวลาแค่ 25 นาทีถึง Kada Station ** จาก Wakayama มา Kada ต้องซื้อตั๋วแยก เพราะเป็นเส้นทางนอกเหนือจาก Pass ที่เราซื้อ **
(ค่าตั๋วรถไฟคนละ 330 เยน)

มาถึง Kada Station แล้วเราเดินเท้าไปที่ Awashima Shrine กันต่อเลยจ้า เที่ยวญี่ปุ่น ถ้าร้อนก็ร้อนแบบสุดๆ จริงๆ
เราเดินไปศาลเจ้านี่คือแบบเหงื่อไหลเป็นน้ำเลยอ่ะ

ใช้เวลาเดินจากสถานีมาถึงศาลเจ้าประมาณ 20 นาทีโดยประมาณ แต่เป็น 20 นาทีแบบเหงื่อชุ่มเลย ฮ่าๆๆ

Awashima Shrine หรือศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา เป็นศาลเจ้าที่รู้จักกันสำหรับการขอพร ขอลูก ขอให้คลอดง่ายสำหรับผู้หญิง
และเป็นสถานที่กำเนิดของเทศกาลตุ๊กตา คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้านี้คือสรวงสวรรค์ของเหล่าตุ๊กตา สังเกตจะมีตุ๊กตาทั่วทั้งศาล
และยังมีการบริจาคตุ๊กตาที่ยังไม่ต้องการแล้วอีกด้วย ใครอยากขอพรเรื่องลูก เรื่องมีบุตรยาก ลองมาขอพรที่ศาลนี้กันได้นะ

อยู่ที่ศาลเจ้ากันได้สักพักนึง ก็กลับมาเอากระเป๋าที่ Wakayama Station และนั่งรถไฟมาที่ Kii-Katsuura Station
เข้าที่พัก Oyado Hana


23/08/61

เที่ยววากายาม่า วันนี้เราตั้งใจจะไป Kumanonachi Taisha Shrine (ศาลเจ้าคุมะโนะนะชิไทฉะ) แต่มีพายุไต้ฝุ่นเข้าทำให้รถไฟ JR หยุดให้บริการ
ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่เราต้องเดินทางไป Iseshi Station ทำให้อดไป Kumanonachi Taisha Shrine เลยตัดสินใจออกจาก
Kii-Katsuura Station มาถึง Iseshi Station ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. โดยประมาณ มาถึงก็เอากระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่พักก่อนเลย
เที่ยววากายาม่า เสร็จแล้ววันนี้เราเข้าพักกันที่ Senco Inn Ise-Ekimae

บรรยากาศระหว่างนั่งรถไฟ Iseshi Station

หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่พักเรียบร้อยเราไม่รอช้า ไปกันต่อที่ Geku mae (ศาลเจ้าอิเสะชั้นนอก) ใช้เวลาเดินเท้าจากที่พัก
ประมาณ 10 นาที ก่อนเข้าศาลต้องล้างมือก่อนเข้าให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งทุกๆ ศาลเจ้า เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก หรือสิ่งที่ไม่ดี
ก่อนเข้าศาลเจ้า เป็นประเพณีของที่ญี่ปุ่น

ศาลเจ้าที่นี่มีความเกี่ยวข้องกันกับที่ Ise Grand Shrine (ศาลเจ้าอิเสะชั้นใน) ที่เรากำลังจะไปต่อจากนี้ศาลเจ้านี้ ซึ่ง
เป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ได้ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

อยู่ที่ศาลเจ้านี้ได้สักพัก เราต้องหลบพายุไต้ฝุ่นเข้าที่พักกันอีกรอบ คือแอบนอยด์นะวันนึงตั้งใจจะไปให้ได้หลายๆ ที่ แต่กลับต้องเลื่อน
และยกเลิกบางสถานที่ไป เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจเอาซะเล้ย ก่อนเข้าที่พักเราไปซื้ออาหารมาตุนไว้ที่ห้อง ขอบอกว่าร่มที่ญี่ปุ่นดีจริง
ต้านแรงลมได้ดีจริงๆ ไม่หักด้วยนะเออ ฮ่าๆๆ ซื้อมาราคา 550 เยนเอง


24/08/61

วันที่สาม วันนี้ก็ยังคงมีพายุอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่า 2 วันที่แล้ว ก็ยังถือว่าเที่ยวได้อยู่ ฮ่าๆๆ
วันนี้เราจะไป Futamiokitama Shrine (ศาลเจ้าฟูทามิ โอกิทามะ) เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นจาก Iseshi Station ท่าที่ 10
สามารถซื้อตั๋ว 1 Day Pass ได้ที่ Iseshieki Information Centre หรือศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใน Iseshi Station ได้เลยจ้า

ขึ้นรถมาแล้ว รถจะมาจอดที่ท่าหน้า Ise Grand Shrine (ศาลเจ้าอิเสะชั้นใน) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าเมื่อวาน
ที่เราไปเมื่อวานนั่นเอง ถ้าจะไป Futamiokitama Shrine ต้องมาเปลี่ยนรถกันที่นี่ ขึ้นรถท่าที่ 1 เลย ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีก็ถึง

Futamiokitama Shrine หรือศาลเจ้าฟูทามิ โอกิทามะ เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพ Sarutahiko on Okami
ซึ่งเป็น 1 ใน 6 มหาเทพของญี่ปุ่น ความพิเศษของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือ Meoto Iwa ลักษณะเป็นหินสองก้อนที่มีขนาดเล็ก
และใหญ่ต่างกัน เปรียบเหมือนชายและหญิง ด้านบนของหินมีเชือกคล้องระหว่างกันไว้ นี่ที่โด่งดังในเรื่องความรัก
มีชาวญี่ปุ่นหลายคู่เดินทางมาที่นี่เพื่อสักการะ อธิษฐานขอพรให้ชีวิตคู่สมหวัง และมีความสุข

สังเกตบริเวณโดยรอบของศาลเจ้าจะเต็มไปด้วยรูปปั้นกบ เชื่อกันว่าเป็นสัตว์ประจำกายของเทพ Sarutahiko on Okami
และทุกๆ 3 ปีที่ศาลเจ้านี้จะมีงานใหญ่จัดขึ้นเพื่อทำพิธีการเปลี่ยนเชือกที่คล้องอยู่ระหว่างหินทั้งสองนั้น
(ตอนที่เราไปเชือกขาด! อดเก็บภาพสวยๆ มาให้ชมกันไปอีก เศร้าแปป)

ใกล้กับ Futamiokitama Shrine จะมี ISE Sea Paradise เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ใกล้ๆ กับท่ารถ ระหว่างเดินกลับมีการแสดง
ของวอลรัสหรือสิงโตทะเลพอดี เราเลยแวะดูกันก่อนกลับ จริงๆ เราก็ไม่เคยเห็นการแสดงของสิงโตทะเลนะ มันก็ดูน่ารักดี
ถ้ามีเด็กๆ มา เที่ยวญี่ปุ่น ในทริปด้วย แนะนำเลยนะสำหรับที่นี่เหมาะกับเด็กๆ มาก

หลังจากนั่งรถกลับมาจาก ISE Sea Paradise แล้วเราไปต่อกันที่ Ise Grand Shrine (ศาลเจ้าอิเสะชั้นใน) ศาลเจ้าที่นี่
มีชื่อเสียงมากสำหรับประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าศาลเจ้าอิเสะนั้นเป็นที่สถิตของเทพเจ้าพระอาทิตย์ และมีความเกี่ยวข้อง
โดยตรงกับราชวงศ์ญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ใครได้มาต้องได้มาสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิตนะ

เที่ยวกันเสร็จเข้าที่พักเอากระเป๋า ก็ต้องออกเดินทางไปต่อที่เมือง Nagoya จังหวัด Aichi โดยนั่งรถไฟจาก
Iseshi Station ไปลงที่ Nagoya Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ที่ Nagoya เราพักที่ Apa Hotel Nagoya Sakae


25/08/61

วันที่สี่ เราจะไปที่ Nagoya Castle (ปราสาทนาโกย่า) สถานีที่ใกล้ที่พักเราที่สุดคือ Sakae Station นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่ Shiyakusho Station ออกทางประตู 7 เดินไปอีกประมาณ 5 นาทีก็จะเจอปราสาทนาโกย่าเลย (ค่าเข้าปราสาทคนละ 500 เยน)

เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้วจะมีจุดแสตมป์บัตร สังเกตหมึกแสตมป์จะเป็นสีใส เมื่อเอาไฟฉายส่องแล้วจะเรืองแสงขึ้นมา

เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับกลุ่มเต้น เป็นเทศกาลการแข่งขันเต้นประจำปีของเมืองนาโกย่า จัดขึ้นทุกปี ปีละครั้ง
ซึ่งเรามาตรงกับเทศกาลนี้พอดีเลย

Nagoya Castle (ปราสาทนาโกย่า) สร้างขี้นโดยโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ ในปี ค.ศ.1612 แต่ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
และได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ.1959 ตัวปราสาทถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนาโกย่ารวม
ถึงรูปสลักปลาหัวเสือทองคำเรียกว่า “Kinshachi (คินชะจิ)” ที่อยู่บนปราสาทซึ่งเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัยของปราสาท

ภายในบริเวณปราสาทจะมี Hommaru palace เหมือนเป็นบ้านพักสำหรับผู้มาเยี่ยมเยือนของราชวงศ์สมัยนั้น
ปัจจุบันได้กลายเป็นปราสาทแห่งแรกที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมบัติของชาติ ทุกๆ ห้องจะตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผนังปกคลุม
ด้วยทองคำ และภาพเขียนที่สวยงาม คือมันสวยจริงๆ นะ ต้องไปเห็นกับตาตัวเองอ่ะ

จะมีมุมห้องนึง ถ้ามองออกมาจะเห็นยอดปราสาทนาโกย่า

หลังจากเดินชมปราสาทนาโกย่าเรียบร้อยแล้ว เราไปต่อกันที่ Nittaiji Temple (วัดนิตไตจิ)
ขึ้นรถไฟจาก Shiyakusho Station กลับไปที่ Sakae Station และเปลี่ยนเป็นสาย Higashiyama Station
ไปลงที่ Kakuozan Station ออกทางประตู 1 เดินไปอีกประมาณ 10 นาที

Nittaiji Temple (วัดนิตไตจิ) สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2447 ในสมัยรัชกาลที่ 5 จุดเริ่มต้นของการสร้างวัดนี้เพราะ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้เพื่อเป็นมิ่งขวัญชาวพุทธ
ในญี่ปุ่นปี พ.ศ.2443 นอกจากนี้ยังได้พระราชทานพระพุทธรูปสำริดอายุกว่าพันปีให้ด้วย หลังจากได้รับพระราชทานของ
สำคัญถึงสองอย่าง ทางญี่ปุ่นจึงได้สร้างวัดขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขึ้นในเมืองนาโกย่า และตั้งชื่อวัดนี้
ว่า “Nittaiji” ซึ่งคำว่า ‘Ni’ มาจากคำว่า Nihon (Japan) ‘Tai’ มาจากคำว่า Thailand และ ‘Ji’ แปลว่า Temple หรือวัด นั่นเอง

ด้านซ้ายของภาพจะเป็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ชมวัดเสร็จเราก็กลับที่พัก เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายเดิม ค่ำๆ ไปกันที่ Oasis 21 หาอาหารทานกันที่นั่น
ก่อนที่จะขึ้นไปบนดาดฟ้าของ Oasis 21 (ค่าเข้าดาดฟ้าคนละ 500 เยน)


26/08/61

วันที่ห้าของการเที่ยววว เราไปที่ Atsuta Shrine (ศาลเจ้าอัตสึตะ) ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน Sakae Station
ไปลงที่สถานี Jingunishi Station ออกทางประตู 2 เดินไปอีกประมาณ 5 นาที

Atsuta Shrine หรือศาลเจ้าอัตสึตะ ชื่อเสียงของศาลเจ้าแห่งนี้ ได้ถูกกล่าวขานว่าที่นี่ คือ ศาลเจ้าที่มาขอพร
แล้วได้รับชัยชนะ เนื่องจากในสมัยก่อนอดีตเจ้าเมืองเคยมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ให้ชนะในการทำศึก แล้วก็ได้ชัยกลับมาตามที่ขอ
ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมมาที่ศาลเจ้านี้เพื่อสักการะเทพเจ้า ขอพรให้ตนเอาชนะศัตรู คู่แข่ง หรืออุปสรรคของตนเอง

ใกล้กับศาลเจ้าจะมี Shirotori Garden ซึ่งห่างกันไม่มากนักสามารถเดินไปได้ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที
ใครได้มาเที่ยวที่ Atsuta Shrine แล้วก็ลองแวะมา Shirotori Garden กันดูนะ เพราะเป็นที่เที่ยวที่ใกล้ๆ กันเลย
ที่นี่นับได้ว่าเป็นสวนที่ได้รับบรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่นแบบเต็มๆ บรรยากาศตอนที่เราไปมันดีนะ สวนสวย ร่มรื่น
แต่เราคิดว่าเราร้อนอะ อยู่ได้ไม่นานเราก็กลับ ฮ่าๆๆๆ จริงๆ เหมาะมาตอนช่วงเย็นๆ มากกว่า
แต่ตอนที่เรามามันเป็นช่วงบ่ายๆ พอดี เลยร้อน (ค่าเข้าสวนคนละ 300 เยน)

ที่สุดท้ายของวันนี้คือ Osu Kannon (วัดโอสึคันนง) ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจาก Jingunishi Station และเปลี่ยนสาย
ที่ Kamimaezu Station ไปลงที่ Osu Kannon Station ออกทางประตู 2 เดินไปอีกประมาณ 3 นาทีเท่านั้นเอง

ข้อมูลที่ได้มาวัดนี้มีสั้นๆ เป็นวัดพระพุทธ ตัววัดดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1333 ที่จังหวัดโอวาริ เนื่องจากเดิมวัด
ถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง โชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ ได้ย้ายที่ตั้งของวัดมาไว้ที่เมืองนาโกย่า ในปี ค.ศ.1612 จบ สั้นจริงๆ
เดินดูรอบๆ แล้วไม่ต่างจากทั่วไป เราก็ไม่รู้ว่าวัดมีขอพรเรื่องใด เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ เลย

ตรงด้านข้างของ Osu Kannon ยังมี Osu Kannon Dori ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองนาโกย่าด้วย
ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้ามากมาย มี ร้านขนม ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านของมือสอง ที่นี่เหมาะสำหรับนักช้อปเลย
มีพันหมดพัน มีหมื่นหมดหมื่น เรียกว่าโซนละลายทรัพย์เลยล่ะ

อยู่เมืองนาโกย่าจนพอใจแล้ว เราเดินทางกลับไปเมืองโอซาก้ากันต่อ โดยขึ้นรถไฟจาก Nagoya Station
ลงที่ Osaka Station ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. และนั่งต่อไปลง Tamatsukuri Station เพื่อเข้าที่พัก ใครที่มีกระเป๋า
เดินทางล้อลากใบใหญ่ๆ แนะนำให้ลิฟท์ขึ้นลงนะ ไม่งั้นแบกกระเป๋าหลังหักแน่นวล และคืนนี้เราพักที่ Sun Village Tamatsukuri
(ค่าตั๋วค่ารถไฟ JR Tokaido Line คนละ 3,350 เยน)


26/08/61

วันที่หก วันสุดท้ายเราจะไปแอบเด็กกันที่ Universal Studio Japan กันเด้ออออ เรา check out
ออกจากที่พักกันแต่เช้า นั่งจาก Tamatsukuri Station ไปลงที่ Nishikujo Station เพื่อฝากกระเป๋า
และต่อจาก Nishikujo Station ไปลงที่ Universal-City Station

และตั๋วสำหรับเข้า Universal Studio Japan + บัตร Express Pass4 (สำหรับเข้าเล่นโดยไม่ต้องต่อคิวจำนวน
4 เครื่องเล่น) ก็ซื้อผ่านแอป Klook ก่อนมาญี่ปุ่นเช่นกัน ถ้าใครจองผ่านโทรศัพท์มือถือสามารถให้พนักงานยิงบาร์โค้ดผ่านมือถือ
ได้เลย ไม่จำเป็นต้องปริ้นใส่กระดาษมา หรือใครต้องการแบบไหนก็ตามสะดวกนะจ๊ะ หน้าตาของตั๋วที่ซื้อจะเป็นแบบนี้

เข้ามาก็จะเจอลูกโลกสัญลักษณ์ของ Universal ก่อนเลย แวะถ่ายรูปซะหน่อยย

ก่อนผ่านเข้าไปด้านใน ก็เอาตั๋วที่เราซื้อผ่านแอป Klook ยืนให้พนักงานยิงบาร์โค้ดเลย

บรรยากาศด้านใน Univaesal Studio Japan

ถึงเวลาหมดสนุกแล้ว เราไปรับกระเป๋าที่ Nishikujo Station และนั่งจาก Nishikujo Station ไปลง
JR Namda Stationเพื่อไปแลกตั๋วรถไฟ Nankai Line Airport Express ที่ซื้อจากทางแอป Klook สามารถไปแลกได้
ที่ศูนย์ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว Japan Holiday อาคาร OCAT สถานี JR Namda จากนั้นนั่งจาก NAMBA Station
มาลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ

เราเดินทางกลับโดยสายการบิน Airasia X Flight XJ611 จากสนามนานาชาติคันไซ เวลา 23.55 น.
ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 03.50 น.


การเดินทางในญี่ปุ่นโดยรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารควรเผื่อเวลา และเช็ครอบรถทุกครั้ง เพราะในแต่ละรอบ
แต่ละเวลา รถจะไปต่างสถานที่กันอาจจะทำให้หลงได้ และสิ่งสำคัญควรเช็คพยากรณ์อากาศก่อนเดินทางด้วยนะ
ถ้าไม่รอบคอบอาจจะทำให้เสียเวลาและเป็นอุปสรรคสำหรับการเที่ยวของเราได้

ขอบคุณท่านที่ติดตามอ่านจนจบทริปนะ ไม่ได้ถ่ายที่พักไว้ให้ดูเลย ซอรี่นะ
เราคิดว่าข้อมูลทั้งหมดที่มีนี้คงนำไปใช้ประโยชน์ได้กับหลายๆ คนนะ ถ้าผิดพลาดอะไรไป
ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


สถานที่ท่องเที่ยว

Wakayama : Awashima – Jinja Shrine , Ise Grand Shrine , Futamiokitama Shrine , ISE Sea Paradise

Nagoya : Nagoya Castle , Nittaiji Temple , Oasis 21 , Atsuta Shrine , Shirotori Garden , Osu Kannon

Osaka : Universal Studio Japan

ตั๋วต่างๆ (จองผ่าน Klook ทั้งหมด)

– ตั๋ว JR Osaka – Nagoya ‘Ise – Kumano – Wakayama Area Pass สำหรับ 5 วัน (3,302฿)

– ตั๋วรถไฟ Nankai Line Airport Express – สถานีนัมบะ – สนามบินคันไซ (335฿)

– บัตรเข้า Universal Studio Japan 1 Day (2,279฿)

– บัตร Express Pass 4 – Universal Studio Japan (3,280฿)

– Pocket Wifi (7วัน 1,603฿)

ที่พัก (จองผ่าน Booking.com ทั้งหมด)

– Oyado Hana (1 คืน 2,696฿)

– Sanco Inn Ise – Ekimae (1 คืน 2,770฿)

– APA Hotel Nagoya Sakae (2 คืน 6,089฿)

– Sun Village Tamatsukuri (1 คืน 585฿)

สวัสดีครับ

HangOut : ออกเที่ยว

ขอบคุณ Guest สุดพิเศษ สังกัด Pantip จากกระทู้ [CR] เที่ยวญี่ปุ่น 3 เมือง วากายาม่า – นาโกย่า – โอซาก้า 6 วัน 5คืน ที่มารีวิวญี่ปุ่น เที่ยววากายาม่า นาโกย่า โอซาก้า ให้ชมแบบจัดเต็ม ได้รับเสียงปรบมือจากเราไปเลย!!
ระดับความน่าไป :
✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : HangOut : ออกเที่ยว


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1.กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel

สินค้าที่เกี่ยวข้อง