@MushroomTravel
อีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจในภูมิภาคโทโฮกุ ตั้งอยู่ที่จังหวัดฟุกุชิมะค่ะ อ๊ะอ๊ะ ได้ยินชื่อจังหวัดแล้วไม่ต้องตกใจไปนะ เพราะว่าพื้นที่ในเมืองนี้ขอบอกว่าเที่ยวได้อย่างปลอดภัย สบายใจได้เลยค่ะ ซึ่งเมืองที่ว่าก็คือไอซุ วาคามัตสึ (Aizu Wakamatsu) หรือบางคนก็อาจจะเรียกเมืองอาอิซุ วาคามัตสึ แต่ไม่ว่าใครจะเรียกว่ายังไงก็แล้วแต่ สุดท้ายมันก็คือที่เดียวกันนั่นแหละค่ะ
เมืองเล็กที่มีความงดงามตามธรรมชาติ
ไม่เพียงเท่านั้น ไอซุยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่สำคัญยังมีอาหารอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอาหารพื้นเมืองของที่นี่ ขอบอกเลยว่าทุกจานนั้นรสชาติเด็ดจริงๆ ดังนั้นหากใครมีโอกาสได้มาเยือนที่นี่เราขอท้าให้คุณลองสักครั้ง แล้วจะติดใจ!! เมืองไอสุถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวญี่ปุ่นค่ะ ด้วยความสวยงามตามที่เกริ่นเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่เมืองนี้กลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนไทยเรา นั่นจึงให้เราคนนี้มีหน้าที่มาแนะนำให้คุณๆ รู้จักยังไงล่ะคะ
เริ่มต้นกันที่แหล่งท่องเที่ยวกันก่อนเลย ที่นี่แม้จะเป็นเมืองเล็กแต่ก็เต็มไปด้วยสถานที่เที่ยวมากมายนะคะ นับๆ ดูก็เป็น 10 แห่งแน่ะ แต่ถ้าคุณมีเวลาไม่พอ เราขอแนะนำจุดไฮไลท์ที่ต้องไปให้ได้ดังนี้ค่ะ
ปราสาทสึรุงะ ปราสาท 5 ชั้นแห่งนี้ในอดีตเป็นปราสาทขนาด 7 ชั้น ซึ่งมีชื่อเสียงในหน้าประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในช่วงสงครามไอซุ ที่มีจุดเด่นคือกระเบื้องสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น จนทำให้ที่นี่ได้รับฉายาว่าปราสาทนกกระเรียน ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมภายในปราสาท และขึ้นไปชมวิวบนชั้นบนสุดได้ นอกจากนั้นภายในยังพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรในยุคก่อนอีกด้วย หลังจากชมปราสาทเสร็จแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะสึรุงะที่อยู่รอบๆ ได้ค่ะ โดยในช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน ที่นี่คือจุดชมดอกซากุระที่ดีที่สุดอีกแห่งเลยทีเดียว
คฤหาสน์ซามูไรบูเคยาชิกิ ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของซามูไรขั้นสูงที่มีความสำคัญประจำภูมิภาคค่ะ ซึ่งอาคารที่เห็นกันในตอนนี้เป็นอาคารที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในช่วงสมัยเอโดะนะคะ เพราะของจริงถูกไฟไหม้ไปตั้งแต่ช่วงสงครามโบชินแล้ว โดยปัจจุบันที่นี่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงหุ่นคนที่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา
หมู่บ้านโออูจิจูคุ ที่นี่ในอดีตคือเส้นทางการค้าอาอิซุนิชิไคโดะที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองไอซุกับนิกโก้ในสมัยเอโดะ โดยปัจจุบันที่นี่ก็ยังคงสไตล์ของความเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นมุงหลังคาหญ้า แต่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านพักแบบโฮมสเตย์ นอกจากนั้นภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมรูปแบบการตกแต่งภายในแบบดั้งเดิมในสมัยเอโดะ และชมนิทรรศการคอลเลกชั่นจานชาม เสื้อผ้า และสิ่งของอื่นๆ มากมาย
ไฮไลท์ ไอซุ ชิมจานเด็ดพื้นเมือง หนึ่งเดียวที่ต้องลอง
หลังจากเที่ยวกันเสร็จแล้ว หลายๆ คนก็คงจะเริ่มหิวกันแล้วใช่ไหมคะ ที่นี่ก็เหมือนกับเมืองอื่นๆ ทั่วๆ ไปในญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ คือมีอาหารให้รับประทาน ไม่ว่าจะเป็นซูชิ อูด้ง ราเมง ข้าวหน้าต่างๆ ซุปมิโสะ แต่สิ่งหนึ่งที่ไอซุแตกต่างจากที่อื่นก็คืออาหารพื้นเมืองที่คุณไม่สามารถหาชิมที่ไหนได้อีกแล้ว นอกจากที่นี่เพียงที่เดียว ดังนั้นขอแนะนำว่า แม้คุณอาจจะไม่เคยลองมาก่อน แต่ในเมื่อสุภาษิตได้กล่าวเอาไว้ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ดังนั้นงานนี้เราต้องชิมค่ะ เพราะถ้าคุณไม่ลอง คุณก็ไม่มีทางรู้ว่ามันเด็ดสมคำร่ำลือจริงหรือเปล่า แล้วอีกเมื่อไหร่ล่ะที่คุณจะได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง…
นิชิน โนะ ซันโช ซุเกะ อาหารจานเด็ดที่พลาดไม่ได้!!!
นิชิน โนะ ซันโช ซุเกะ หรือปลาแฮร์ริ่งกับพริกซันโช นี่คืออาหารพื้นเมืองหรือท้องถิ่นที่ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของเมืองไอซุ เรียกง่าๆ ว่าถ้าใครมาที่นี่แล้วไม่ได้ลองชิม อาจเรียกว่ายังมาไม่ถึงจริงๆ ประมาณนั้นค่ะ
โดยส่วนประกอบของอาหารจานนี้ก็จะมีปลาแฮร์ริ่ง ซึ่งเป็นปลาที่มีขนาดตัวไม่ใหญ่มากนัก ขนาดก็พอๆ กับปลาทูบ้านเรานี่แหละค่ะ แต่จะตัวผอมๆ ยาวๆ ปลาแฮร์ริ่งเป็นปลาที่มีก้างเยอะนะคะ แต่มันจะอ่อนนิ่ม ดังนั้นหลายๆ คนจึงชอบเอาไปชุดเกล็ดขนมปังทอดแล้วกินทั้งตัวเหมือนปลาไข่นั่นแหละค่ะ เป็นปลาอีกชนิดที่คนญี่ปุ่นนิยมกันมากพอๆ กับชาวยุโรป เช่นที่ฮอลแลนด์หรือสวีเดน เป็นต้นค่ะ
ส่วนผสมที่สำคัญอีกอย่างก็คือพริกซันโช หรือก็คือพริกไทยเสฉวน พริกหอม ชวงเจีย หรือบางคนก็เรียกว่ามะแขว่นนั่นแหละค่ะ ทั้งหมดคือพริกชนิดเดียวกัน แต่ชื่อเรียกอาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ภูมิภาคหรือประเทศ อันนี้ก็ว่ากันไป ซึ่งในเมนูนิชิน โนะ ซันโช ซุเกะเนี่ยนอกจากพริกแล้ว เขายังใช้ใบของมันด้วยนะคะ
มาถึงขั้นตอนการทำกันบ้าง ชาวบ้านเขาก็จะนำปลาแฮร์ริ่งมาทำความสะอาดทั้งข้างนอกข้างใน จากนั้นก็แผ่ปลาออกคล้ายๆ ปลาแดดเดียวบ้านเรานั่นแหละค่ะ ก่อนจะนำไปดองกับพริกซันโช รวมถึงใบของพริก และซอสถั่วเหลือง จากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง โดยกลิ่นของพริกไทยเสฉวนหรือซันโชจะไปช่วยดับกลิ่นปลาแฮร์ริ่งให้มีความหอม ส่วนรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ที่ได้จากระบวนการดองปลาก็จะสามารถกลบกลิ่นและรสชาติของปลาให้สามารถกลิ่นได้ง่ายขึ้น โดยชาวไอซุถือว่านี่เป็นอาหารจานพิเศษที่ดีที่สุด โดยเขาจะเสิร์ฟมาในชามเซรามิก ซึ่งจะมาพร้อมกับข้าว และเครื่องดื่มประเภทสาเก
นี่ก็เป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวกับเมืองไอซุที่เรานำมาฝากทุกคนนะคะ ก็มีทั้งเรื่องที่เที่ยว และที่กิน ส่วนใครที่สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็สอบถามเข้ามาได้นะคะ พวกเรายินดีตอบคำถามของทุกท่านค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพบางส่วนจาก www.tif.ne.jp