Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

ปักหมุด 12 ประเทศ ดูแสงเหนือ ต้องไปให้ได้สักครั้ง!

โพสเมื่อ

อีกหนึ่งทริปท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ ก็คือการไป ดูแสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่จะมีแสงสีเขียวเป็นริ้ว พริ้วไหวอยู่บนท้องฟ้า พบได้ในแถบขั้วโลกเหนือและใต้ โดยนักวิทยาศาสตร์อธิบายไว้ว่า แสงเหนือ เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกและอนุภาคไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดลำแสงสีต่างๆ ทั้งสีเขียว สีฟ้า สีชมพู สีแดง สีเหลือง หรือสีม่วงก็มี ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่จะมองเห็นได้ง่ายในช่วงที่ท้องฟ้ามืดสนิท หรือในช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนยาวนานเป็นพิเศษ ประมาณเดือนกันยายน – เมษายน เวลาประมาณ 18.00 – 02.00 น. จัดเป็นอีกหนึ่งทริปที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะต้องไปชมด้วยตัวเองให้ได้สักครั้ง ใครกำลังสงสัยว่า แล้วจะไปชมแสงเหนือที่ไหนในโลกได้บ้าง? พี่เห็ด มัชรูมทราเวล รวบรวม 12 ประเทศ ล่าแสงเหนือ พร้อมจุดชมแนะนำ มาให้แล้วค่ะ!

1. สวีเดน (Sweden)

Credit : Adnan Bubalo / canva.com

เริ่มกันที่ สวีเดน ประเทศเมืองสวยในแถบสแกนดิเนเวียที่เต็มไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติ เป็นหนึ่งใน ประเทศที่มีแสงเหนือ และเป็นจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด ไปชมได้ที่ อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko National Park) ตั้งอยู่ในเขตเมืองคิรูน่า (Kiruna) ทางตอนเหนือของสวีเดน ห่างจากเมืองหลวงสต็อกโฮล์มประมาณ 1,200 กิโลเมตร อลังการด้วยฉากภูเขาและทะเลสาบ และยังเป็นที่ตั้งของ ออโรร่าสกายสเตชั่น (Aurora Sky Station) สามารถนั่งเครื่องบินในประเทศมาลงที่สนามบิน Kiruna Airport หรือนั่งรถบัสมาก็ได้ อีกหนึ่งแห่งที่อยู่ใกล้กันก็คือ ทะสาบ Tornetrask Lake ที่มีความยาวกว่า 70 กิโลเมตร ทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้โล่งๆ เหมาะกับการชมแสงเหนือค่ะ
ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนกันยายน – ปลายเดือนมีนาคม

2. รัสเซีย (Russia)

Credit : MinghaiYang / canva.com

มาต่อกันที่พิกัด ดูแสงเหนือ ในประเทศ รัสเซีย ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า ก็จัดว่าเป็นพิกัดที่ไปล่าแสงเหนือได้ไม่ยุ่งยาก นอกจากบ้านเมืองจะสวยงาม เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสุดหรูแล้ว ถ้ามาในจังหวะเวลาเป็นใจก็ยังมีแสงออโรร่าธรรมชาติให้ชมอีกด้วย โดยพิกัดที่ชมได้อยู่ที่ เมืองมูรมานสก์ (Murmansk) ทางตอนเหนือของรัสเซียใกล้กับประเทศฟินแลนด์ นอกจากไป ล่าแสงเหนือ แล้ว ยังมีกิจกรรมฤดูหนาวสนุกๆ รออยู่อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ตกปลาน้ำแข็ง ขับรถสโนโมบิลลุยหิมะ หรือจะนั่งรถลากเลื่อนด้วยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้และกวางเรนเดีย และอีกที่หนึ่งก็คือ เมืองกีรอฟสก์ (Kirovsk) ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองมูรมานสก์ มีสภาพอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งในเขตที่สูงตามเทือกเขาท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ง่าย เป็นทริปสนุกๆ ที่เหมาะกับคนเริ่มต้นเป็นนักล่าแสงเหนือเลยค่ะ
ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนกันยายน – ปลายเดือนมีนาคม

3. ไอซ์แลนด์ (Iceland)

Credit : Bragi Kort / canva.com

ถ้าพูดถึง ประเทศที่มีแสงเหนือ เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึง ไอซ์แลนด์ เป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะมองเห็นแสงออโรร่าฟุ้งกระจายเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแบบไม่มีอะไรกั้น สามารถมองเห็นได้ทุกพื้นที่ในประเทศ อย่างเช่นในเมืองหลวงอย่าง กรุงเรคจาวิค (Reykjavik) หรือจะไป ดูแสงเหนือ ที่ อุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Thingvellir National Park) พื้นที่ทางธรณีวิทยาและเป็นมรดกโลก ห่างจากเมืองหลวงประมาณ 45 นาที ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติได้เต็มอิ่มเลยค่ะ
ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนเมษายน

4. ฟินแลนด์ (Finland)

Credit : Ollie Taylor / canva.com

บอกเลยว่ามา ดูแสงเหนือ ที่นี่ฟินสมชื่อ กับอีกหนึ่ง ประเทศที่มีแสงเหนือ อย่าง ฟินแลนด์ ซึ่งส่วนใหญ่นัก ล่าแสงเหนือ จะชื่นชอบที่นี่มากๆ เพราะมีโอกาสพบเห็นปรากฏการณ์นี้ได้บ่อยครั้ง ซึ่งจุดชมยอดนิยมอยู่ที่ แลปแลนด์ (Lapland) ภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศ ตามเมืองต่างๆ จะมีโรงแรมสำหรับการเข้าพักเพื่อชมแสงเหนือโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อเกิดแสงเหนือบนท้องฟ้า ทางโรงแรมก็จะประกาศให้ผู้เข้าพักได้ทราบ รวมถึงมีห้องพักแบบ อิกลู (Igloo) ซึ่งเป็นโดมหลังคากระจกใส นอนชมแสงเหนือจากห้องพักได้สบายๆ เลยค่ะ
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนกันยายน – มีนาคม

5. นอร์เวย์ (Norway)

Credit : blueorangestudio / canva.com

นอร์เวย์ ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีปรากฏการณ์แสงออโรร่าเช่นกัน แนะนำจุดชมจะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ อย่างเช่น เมืองทรอมโซ (Tromso) สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม สามารถชมแสงเหนือได้สวยงามเพราะอยู่ท่ามกลางวงแหวนแสงออโรร่าพอดี เหมาะสำหรับคนรักความสงบ นอกจากนี้ก็ยังชมได้ที่ เมือง Andenes หรือจะ นั่งเรือ Hurtigruten ดูแสงเหนือ ไปตามรอบๆ ชายฝั่ง ก็น่าสนุกเช่นกัน
ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนกันยายน – มีนาคม

6. กรีนแลนด์ (Greenland)

Credit : nevereverro / canva.com

ไปต่อที่ ประเทศกรีนแลนด์ เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุด และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภูมิประเทศส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ ซึ่งแน่นอนว่าอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี และเป็นประเทศที่ชมแสงเหนือได้ทั่วประเทศ พิกัดแนะนำอย่างเช่น เมืองหลวง Nuuk, Lake Aurora, เมือง Ilulissat Town, เมือง Kulusuk และ เมือง Ammassalik
ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนกันยายน – เมษายน

7. สก็อตแลนด์ (Scotland)

Credit : Ollie Taylor / canva.com

อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวของโลก ถ้าคุณได้มาเยือน สก็อตแลนด์ ประเทศเล็กๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทวีปยุโรป บอกเลยว่าจะต้องหลงรักที่นี่แน่นอน เพราะเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ทั้งบ้านเมือง ธรรมชาติ แถมยังมีปรากฏการณ์แสงเหนือให้ชมอีกด้วย สำหรับโลเคชั่นดูแสงออโรร่าที่ดีที่สุดได้แก่ เมืองแอเบอร์ดีน (Aberdeen), เกาะ Isle of Skye, Northern Highlands และประภาคาร Dunnet Head
ช่วงเวลาแนะนำ : กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนมีนาคม

8. เดนมาร์ก (Denmark)

Credit : Nicolas Vera-Ortiz / canva.com

เดนมาร์ก ก็เป็นหนึ่งใน ประเทศที่มีแสงเหนือ ถึงแม้ว่าในบางช่วงสภาพอากาศอาจจะไม่เอื้ออำนวยหรือมีพายุเข้าเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังมีพิกัดดูแสงเหนือสวยๆ อย่าง หมู่เกาะแฟโร (Faroe) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ยังไงก่อนการเดินทางต้องเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะคะ
ช่วงเวลาแนะนำ : กลางเดือนสิงหาคม – ปลายเมษายน

9. อลาสก้า, สหรัฐอเมริกา (Alaska America)

Credit : lhongfoto / canva.com

ประเทศแสนกว้างใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา ก็สามารถไปชมแสงเหนือได้ในพื้นที่อลาสก้า ที่เมือง แฟร์แบงค์ (Fairbanks) ว่ากันว่าที่นี่เป็นมุมดูแสงเหนือที่สวยที่สุดในโลก! เนื่องจากตั้งอยู่ในตำแหน่งใต้วงแหวนออโรร่า ถ้าอยากรู้ว่าจะสวยจริงมั้ยคงต้องออกเดินทางไปพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเองสักครั้ง!
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนสิงหาคม – เมษายน

10. แคนาดา (Canada)

Credit : mericsso / canva.com

อยากไปชมแสงเหนือที่ แคนาดา ต้องไปที่ เมืองออนทาริโอ (Ontario) ทางตอนกลางของประเทศ บริเวณรอบ ทะเลสาบพริสไทน์ (Pristine Lake) สามารถชมแสงเหนือได้สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของที่นี่ ตามด้วยสถานที่ที่ไม่ไกลกันอย่าง รัฐแมนิโทบา (Manitoba) และ เมืองทุนดรา (Tundra)
ช่วงเวลาแนะนำ : ปลายเดือนสิงหาคม – ต้นเดือนเมษายน

11. นิวซีแลนด์ (New Zealand)

Credit : Skyimages / canva.com

ดูแสงเหนือกันไปแล้ว มาปิดท้ายกันด้วย แสงใต้ เดินทางท่องโลกออกไปล่าแสงออโรร่าใกล้แถบขั้วโลกใต้กันที่ ประเทศนิวซีแลนด์ ที่นอกจากจะมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์น่าเที่ยวแล้ว หากคุณมีโอกาสได้เที่ยวทางเกาะใต้และโชคดีหน่อย ก็อาจจะได้เจอแสงใต้รูปวงรีแนวกว้างสูงสุดถึง 5,000 กิโลเมตร ซึ่งไม่ได้พบบ่อยครั้งนัก โดยช่วงเวลาการชมแสงใต้ในแถบนี้จะอยู่ในช่วงกลางปี สลับกับแถบขั้วโลกเหนือ โลเคชั่นแนะนำ ได้แก่ ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo), เมือง Invercargill, เกาะไซส์เล็ก Stewart Island, เมืองแคทลินส์ (The Catlins) และเมืองยอดนิยม Dunedin
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนมีนาคม – กันยายน

12. ออสเตรเลีย (Australia)

Credit : Toby Frost / canva.com

อีกหนึ่งประเทศชมแสงใต้ก็คือ ออสเตรเลีย ซึ่งจะมองเห็นได้ใน รัฐแทสเมเนีย (Tasmania) เป็นหมู่เกาะทางตอนใต้ของประเทศ และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 26 ของโลก มาสัมผัสบรรยากาศเมืองที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ และมีโอกาสชมแสงใต้ได้ด้วย
ช่วงเวลาแนะนำ : เดือนมีนาคม – กันยายน

และนี้ก็คือหลากหลายประเทศที่สามารถไปชมแสงออโรร่าได้ อย่างที่พี่เห็ดบอกไปข้างต้นว่าแสงออโรร่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่จะมองเห็นได้ชัดในช่วงเวลากลางคืนที่ท้องฟ้ามืดและปลอดโปร่ง แนะนำเดินทางในช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนยาวนาน ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการดูแสงเหนือได้มากขึ้นนั่นเอง ยังไงก่อนเดินทางก็เช็คสภาพอากาศและวางแผนกันให้พร้อม แล้วทริปนี้จะมีความสุขกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ใครๆ ก็อยากเจอนี้แน่นอน


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง

2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel บริษัททัวร์ ที่มีโปรแกรมให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel

สินค้าที่เกี่ยวข้อง