@MushroomTravel
มาเอาใจแฟนซีรีส์ฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง หลังจากอัปเดตของฝั่งเกาหลีและจีนกันไปแล้ว บอกเลยว่าซีรีส์ญี่ปุ่นก็สนุกและมีการดำเนินเรื่องสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ น่าติดตามมากๆ ซึ่งอีกหนึ่งช่องทางออนไลน์ที่ให้เราดูซีรีส์ญี่ปุ่นได้เพลินๆ ก็คือ Netflix นั่นเอง ไม่รอช้าเลยค่ะ พี่เห็ด มัชรูมทราเวล คัดเรื่องเด็ด 20 ซีรีส์ญี่ปุ่น Netflix 2024 มาให้ชมหลากหลายแนว สนุกครบรสแน่นอน! วันหยุดอยู่บ้านชิลๆ ก็หาซีรีส์มาดูให้ฉ่ำใจกันดีกว่า หรือมีเรื่องไหนรอให้ชมก็ตามมาจดลิสต์กันได้เลย
1. House of Ninjas (เฮาส์ ออฟ นินจา)
เริ่มด้วย ซีรีส์ญี่ปุ่น ใหม่แกะกล่องอย่าง House of Ninjas (เฮาส์ ออฟ นินจา) ซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของตระกูลทาวาระ ครอบครัวนินจากลุ่มสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าพวกเขาจะหันหลังให้ชีวิตอันตรายของเหล่านินจาไปแล้ว แต่เพราะครอบครัวมีปัญหารุมเร้ามากมาย ทำให้ต้องกลับมาปฏิบัติภารกิจลับเพื่อหาทางหยุดยั้งภัยคุกคามที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา สุดท้ายแล้วระหว่างครอบครัวธรรมดา หรือครอบครัวนินจา เขาจะเลือกทางไหน มาร่วมลุ้นไปด้วยกัน เริ่มตอนแรก 15 กุมภาพันธ์นี้
แนวซีรีส์ : แอ็คชั่น
จำนวนตอน : 6 ตอน
ปีที่ฉาย : 2024
ช่องทางรับชม : House of Ninjas
ตัวอย่าง :
2. Burn the House Down (ไฟแค้น ไฟอดีต)
ต่อด้วยผลงานออริจินัลซีรีส์ของ Netflix ที่สร้างจากมังงะอย่าง Burn the House Down (ไฟแค้น ไฟอดีต) เรื่องราวของ อันซึ (รับบทโดย นากาโนะ เมอิ) ที่บ้านถูกไฟไหม้ ทำให้แม่ตกเป็นจำเลยในคดีการวางแผนโดยไม่ได้ตั้งใจ และต้องติดคุก หลังเหตุการณ์นั้นพ่อก็ขอหย่ากับแม่ และไปแต่งงานใหม่กับ มากิโกะ (รับบทโดย เคียวกะ ซูซูกิ) เพื่อนสนิทของแม่เธอ ซึ่งเป็นคนที่เธอสงสัยว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องเพลิงไหม้ 13 ปีผ่านไปเธอจึงปลอมตัวเข้าไปเป็นแม่บ้านให้กับมากิโกะที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าของเธอเพื่อสืบหาความจริง เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์แนวดราม่าที่สนุกเข้มข้น น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง แถมตอนจบก็หักมุมจนหลายคนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว
แนวซีรีส์ : ดราม่า
จำนวนตอน : 8 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : Burn the House Down
ตัวอย่าง :
3. Rebooting (ชีวิตใหม่)
ถือเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่เรตติ้งจากผู้ชม และผลตอบรับจากวิจารณ์เลยค่ะ สำหรับ Rebooting (ชีวิตใหม่) หรือชื่อเดิมคือ Brush Up Life เรื่องราวของ อาซามิ คนโดะ (นำแสดงโดย ซากุระ อันโดะ) หญิงสาวชนชั้นกลางที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ได้พบกับพนักงานในโลกหลังความตาย เธอได้โอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ยังมีความทรงจำเดิมหลงเหลืออยู่ เพื่อทำความดี สะสมแต้มบุญให้เพียงพอต่อการไปเกิดเป็นมนุษย์ ตัวซีรีส์ดำเนินเรื่องได้กลมกล่อม ทั้งดราม่า คอมเมดี้ มีแก่นเรื่องให้ได้ขบคิด ตีความ ทั้งยังหยิบยกเอารายละเอียดต่างๆ มาเล่าได้สนุกมากสมคำร่ำลือจริงๆ
แนวซีรีส์ : ดราม่า
จำนวนตอน : 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : Rebooting
4. From Me to You (ฝากใจไปถึงเธอ)
ไปต่อกับ From Me to You (ฝากใจไปถึงเธอ) ซีรีส์แนวรักใสๆ โรแมนติกแบบสุดๆ สไตล์วัยรุ่นวัยเรียนที่สร้างมาจากผลงานมังงะยอดฮิตอย่าง Kimi ni Todoke เรื่องราวของ คุโรนุมะ ซาวาโกะ (นำแสดงโดย ซาระ มินามิ) สาวน้อยผมหน้าม้าที่มีบุคลิกขี้อาย ใบหน้านิ่ง ไม่สุงสิงกับใคร จนเพื่อนๆ เรียกว่า “ซาดาโกะ” ซึ่งเปรียบเสมือนผีเด็ก แต่แท้จริงแล้วมีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดี และมีเพียง คาเสะฮายะ โชตะ (นำแสดงโดย โอจิ ซึสึกะ) หนุ่มฮอต อัธยาศัยดี ที่เข้ามาทักทาย และปฏิบัติกับเธอเหมือนที่ปฏิบัติกับเพื่อนคนอื่นๆ เมื่อทั้งคู่ได้รู้จักกัน จึงสนิทสนมและพัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ใครอยากรู้ว่าเรื่องราวของทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรต่อไปสามารถติดตามต่อได้ในซีรีส์เลย
แนวซีรีส์ : โรแมนติก ดราม่า
จำนวนตอน : 12 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : From Me to You
ตัวอย่าง :
5. The Days (วันวิบัติ)
เอาใจคนชอบความตื่นเต้นลุ้นระทึกด้วย The Days (วันวิบัติ) ซีรีส์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของภัยพิบัติสึนามิถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเมื่อปี ค.ศ.2011 ถ่ายทอดเรื่องราวตลอด 7 วันของหายนะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ผลงานกำกับของ มาซากิ นิชิอุระ และ ฮิเดโอะ นาคาตะ ทั้งยังรวมนักแสดงมากฝีมือไว้อย่างคับคั่ง อาทิ โคจิ ยาคุโช, ยูทากะ ทาเคโนะอุจิ, ฟูมิโยะ โคฮินาตะ และ คาโอรุ โคบายาชิ บอกเลยว่าตัวซีรีส์เล่าเรื่องได้สนุก ครบรส สมจริง มีรายละเอียดจากทุกแง่มุม ทำให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นระทึก ตื่นเต้น น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ใครที่ชื่นชอบซีรีส์แนวประวัติศาสตร์ การเมือง และประเด็นทางสังคมไม่ควรพลาด
แนวซีรีส์ : สะเทือนขวัญ / ภัยพิบัติ / ดราม่า
จำนวนตอน : 8 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : The Days
ตัวอย่าง :
6. Sanctuary (สังเวียนศักดิ์สิทธิ์)
Sanctuary (สังเวียนศักดิ์สิทธิ์) เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวกีฬาที่เล่าเรื่องของกีฬาซูโม่ผ่านอันธพาลอย่าง โอเซ คิโยชิ (รับบทโดย วาตารุ อิจิโนะเสะ) เด็กหนุ่มที่ต้องการหาเงินมาช่วยเหลือครอบครัว เข้ามาในวงการซูโม่แบบไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ขาดแรงฮึดในการฝึกซ้อม ทั้งยังฝ่าฝืนกฎ และธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ แต่อุปสรรคเหล่านี้กลับทำให้เขาแทรกซึมเข้าไปในวงการซูโม่อันทรงเกียรติมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นซีรีส์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี ใครที่อยากรู้ว่าเด็กหนุ่ม ม.ปลาย จะมาเป็นขวัญใจผู้ชมได้อย่างไร ก็ไปหาคำตอบได้ที่ Netflix เลย
แนวซีรีส์ : ดราม่า / กีฬา
จำนวนตอน : 8 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : Sanctuary
ตัวอย่าง :
7. Trillion Game (เกมชีวิตพิชิตล้าน)
ใครชอบซีรีส์แนวชิงไหวชิงพริบ ก็ต้องเรื่องนี้เลย Trillion Game (เกมชีวิตพิชิตล้าน) อีกหนึ่งซีรีส์ที่ถูกดัดแปลงมาจากมังงะ เรื่องราวของสองเพื่อนซี้อย่าง เท็นโนจิ ฮารุ (นำแสดงโดย เมกุโระ เร็น) หนุ่มหล่อมีเสน่ห์ มีทักษะด้านการสื่อสารที่ดีเยี่ยม กับ ไทระ มานาบุ (นำแสดงโดย ซาโนะ ฮายาโตะ) วิศวกรหนุ่มผู้มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ เก่งกาจเรื่องไอที แต่ขาดทักษะด้านการสื่อสาร ขี้อาย และไม่ค่อยเข้าสังคม แม้ทั้งสองจะมีนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้ว แต่ก็ตัดสินใจสร้างธุรกิจร่วมกันจากเงินทุนของพวกเขาเอง โดยมีเป้าหมายคือการสร้างเงินล้านล้านดอลลาร์ให้ได้ ใครได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะได้เห็นถึงแง่มุมต่างๆ ในการทำธุรกิจ การต่อสู้ทางความคิด อุปสรรคระหว่างทาง รวมถึงมิตรภาพของเพื่อนร่วมงานอีกด้วย
แนวซีรีส์ : ดราม่า
จำนวนตอน : 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : Trillion Game
ตัวอย่าง :
8. Let’s Get Divorced (หย่ากันดีกว่า)
ซีรีส์ญี่ปุ่น แนวโรแมนติก คอมเมดี้ ผลงานการสร้างของ Netflix Japan อย่าง Let’s Get Divorced (หย่ากันดีกว่า) เรื่องราวของ ไทชิ โชจิ (นำแสดงโดย โทริ มัตสึซากะ) หนุ่มนักการเมืองผู้มีหน้าตาทางสังคม และภรรยาอย่าง ยูอิ คุโรซาว่า (นำแสดงโดย ริสะ นากะ) ดาราสาวแถวหน้าของญี่ปุ่น ทั้งคู่แต่งงานกันท่ามกลางความยินดีของใครหลายคน เพราะถูกมองว่าเป็นคู่ที่มีความเหมาะสมกันอย่างมาก แต่หลังจากแต่งงานได้ 5 ปี พวกเขาก็ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตคู่ จนตัดสินใจที่จะหย่าร้างกัน แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะทั้งหน้าตาทางสังคม และผลประโยชน์มากมาย จึงต้องหาวิธีให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงอย่างสวยงามที่สุด ร่วมลุ้นและเอาใจช่วยทั้งคู่ได้ต่อในซีรีส์เลย
แนวซีรีส์ : โรแมนติก / คอมเมดี้
จำนวนตอน : 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : Let’s Get Divorced
ตัวอย่าง :
9. Turn to me Mukai-kun
Turn to me Mukai-kun ซีรีส์แนวฟีลกู๊ดที่สร้างจากมังงะชื่อดังของ โยโกะ เนมุ (Yoko Nemu) ว่าด้วยเรื่องราวของ มุไค ซาโตรุ (นำแสดงโดย เอจิ อากะโสะ) หนุ่มออฟฟิศธรรมดา ๆ วัย 33 ปี ที่ครองโสดมานานกว่า 10 ปี และเพิ่งรู้ตัวว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ยังครองโสด จึงตั้งใจว่าจะมีแฟนให้ได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่อย่างไร ซีรีส์เรื่องนี้จะนำเสนอมุมมองความรักที่แตกต่างกันของชายและหญิง ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น แถมยังให้ความสำคัญกับเรื่องมิตรภาพ และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอีกด้วย
แนวซีรีส์ : โรแมนติก / คอมเมดี้ / ความรัก
จำนวนตอน : 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : Turn to me Mukai-kun
ตัวอย่าง :
10. The Makanai: Cooking for the Maiko House (แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ)
ซีรีส์ Netflix ญี่ปุ่น ที่ดูเผินๆ เหมือนเป็นซีรีส์ทำอาหารแต่ความจริงแล้วมีเรื่องราวแฝงอยู่ในเรื่องนี้มากกว่าที่คิด! The Makanai: Cooking for the Maiko House (แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ) ซีรีส์ที่จะทำให้ทุกคนยิ้มและหิวไปพร้อมๆ กัน เรื่องราวของ คิโยะ (รับบทโดย นานะ โมริ) กับ ซุมิเระ (รับบทโดย นัตสึกิ เดกุจิ) เด็กสาวสองคนที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็น ไมโกะ หรือ เกอิชาฝึกหัด พวกเธอจึงได้ออกเดินทางไปยังเกียวโตในตอนที่อายุ 16 ปี เพื่อทำตามความฝันด้วยกัน แต่ระหว่างทางกลับเจอเรื่องราวที่ไม่เป็นอย่างใจหวัง จึงทำให้ความฝันต้องเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าเป็น ซีรีส์ญี่ปุ่น ที่ดูเรียบง่ายแต่อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
แนวซีรีส์ : วัยรุ่น / ความฝัน
จำนวนตอน : 9 ตอน
ปีที่ฉาย : 2023
ช่องทางรับชม : The Makanai: Cooking for the Maiko House
ตัวอย่าง :
11. Alice in Borderland Season 2 (อลิสในแดนมรณะ ซีซั่น 2)
มาถึง ซีรีส์ญี่ปุ่น ที่กระแสดีอยู่เสมออย่าง Alice in Borderland Season 2 (อลิสในแดนมรณะ ซีซั่น 2) แค่เปิดเรื่องมา ก็มีเรื่องให้ต้องลุ้นแบบไม่ให้พักหายใจ แอคชั่นดุเดือดเกินคาด เล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรกของ อะริสุ (รับบทโดย เคนโตะ ยามาซากิ) และ อุซางิ (รับบทโดย ทาโอะ ซึชิยะ) ที่ต้องฝ่าฟันเกมสุดหฤโหดในด่านต่างๆ ไปกับผองเพื่อน ซึ่งมีระดับความยากที่มากกว่าเดิม โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน เป้าหมายหลักของพวกเขาคือการได้รู้ความจริงว่าทำไมถึงต้องมาเล่นเกมเหล่านี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แล้วจะได้กลับไปสู่โลกแห่งความจริงได้รึเปล่า ใครที่ดูซีซั่นแรกมาแล้วต้องรีบตามไปดูต่อด่วนๆ
แนวซีรีส์ : ผจญภัย / ปริศนา / แอ็คชั่น
จำนวนตอน : มีทั้งหมด 2 ซีซั่น ซีซั่นละ 8 ตอน
ปีที่ฉาย : 2020 และ 2022
ช่องทางรับชม : Alice in Borderland
ตัวอย่าง :
12. Gudetama: An Eggcellent Adventure (กุเดทามะ ไข่ขี้เกียจผจญภัย)
ปล่อยหัวให้โล่งๆ ปล่อยใจให้สบาย แล้วเปิด ซีรีส์ Netflix เรื่อง Gudetama: An Eggcellent Adventure (กุเดทามะ ไข่ขี้เกียจผจญภัย) การเดินทางสุดแสนน่ารักของไข่ขี้เกียจกับลูกเจี๊ยบตัวน้อย คาแรคเตอร์การ์ตูนสุดน่ารักโดนใจคนญี่ปุ่น ที่กลายมาเป็นมินิซีรีส์แอนิเมชั่นไลฟ์-แอ็กชัน ทั่งคู่ได้ผจญภัยในโลกที่ระหว่างทางได้เจอเรื่องราวมากมาย โดยมีความขี้เกียจเป็นอุปสรรค เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม ใช้เวลาดูไม่นานแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็จบแล้ว นอกจากความน่ารักของตัวการ์ตูนแล้วยังได้แง่คิดให้เราได้คิดตามอีก บอกเลยว่าดูไปอมยิ้มไปอย่างแน่นอน
แนวซีรีส์ : ผจญภัย / คอมเมดี้
จำนวนตอน : 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2022
ช่องทางรับชม : Gudetama: An Eggcellent Adventure
ตัวอย่าง :
13. Love You as the World Ends (รักเธอตราบวันสิ้นโลก)
ถ้าใครกำลังมองหา ซีรีส์ญี่ปุ่น ที่เกี่ยวกับซอมบี้ และมีพล็อตเรื่องน่าตื่นเต้น เน้นการดำเนินเรื่องแบบซับซ้อน ต้องห้ามพลาด Love You as the World Ends เรื่องนี้เด็ดขาดเลยค่ะ ดูจบแล้วอาจจะทำให้ทุกคนต้องขยาดกับการลอดอุโมงค์ใต้ดินไปเลย เรื่องนี้ได้นักแสดงหนุ่มรูปหล่อ ฮิบิกิ มามิยะ (รับบทโดย เรียวมะ ทาเคอูชิ) ชายหนุ่มช่างซ่อมรถ ที่มีแพลนจะขอแฟนสาวอย่าง คุรุมิ โอกาซาวาระ (รับบทโดย อายามิ อากะโจ) แต่งงานในวันนี้
แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบได้ ทำให้เขาต้องติดอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินนานถึง 4 วัน เมื่อออกมาก็พบกับบ้านเมืองที่ว่าง ร้างผู้คน และคนรู้จักหลายคนก็กลายเป็นซอมบี้กันไปหมด ความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของเขา คือ ต้องหาแฟนสาวให้พบ ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่าเธอจะยังปลอดภัย ตามลุ้นกันต่อในซีรีส์เลยค่ะ
แนวซีรีส์ : ดราม่า / ลึกลับ / แอคชั่น
จำนวนตอน : 16 ตอน
ปีที่ฉาย : 2021
ช่องทางรับชม : Love You as the World Ends
14. First Love (รักแรก)
ใครที่ยังฝังใจกับรักครั้งแรกต้องดูเรื่องนี้ First Love (รักแรก) ซีรีส์ญี่ปุ่น รักโรแมนติกสุดซึ้ง จากเพลงฮิตยุค 90 สู่ความทรงจำดีๆ ที่อยากจะลืม เป็นซีรีส์ที่ผู้เขียนบทและผู้กำกับได้แรงบันดาลใจจากเพลงของนักร้องดังแห่งยุค อูทาดะ ฮิคารุ แถมยังได้พระเอกตัวท็อปอย่าง ทาเครุ ซาโตะ มารับบทเป็น นามิกิ ประกบคู่กับนักแสดงมากฝีมืออย่าง ฮิคาริ มิตสึชิมะ รับบทเป็น ยูเอะ โนกุจุ งานนี้เตรียมทิชชู่ไว้ซับน้ำตาให้ดี เพราะซีรีส์นี้จะทำให้เพื่อนๆ เสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
แนวซีรีส์ : ดราม่า / โรแมนติก
จำนวนตอน : 9 ตอน
ปีที่ฉาย : 2022
ช่องทางรับชม : First Love
ตัวอย่าง :
15. Doctor X (หมอซ่าส์พันธุ์เอ็กซ์)
ซีรีส์ญี่ปุ่นที่มีกระแสมาแรง และเคยคว้าเรตติ้งอันดับ 1 ในญี่ปุ่นมาแล้ว กับเรื่อง Doctor X แถมยังมีภาคต่อให้ดูถึง 7 ซีซั่น เป็นเรื่องราวของ ไดมอน มิจิโกะ (รับบทโดย เรียวโกะ โยเนะคุระ) ศัลยแพทย์หญิงอิสระ ผู้เกลียดชังการใช้อำนาจและการบังคับ เธอไม่ได้สังกัดอยู่ที่โรงพยาบาลใดเป็นประจำ จนถูกจ้างให้มาทำงานที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ซึ่งกำลังขาดแคลนบุคลากร เนื่องจากมีศัลยแพทย์ลาออกอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ด้วยความโดดเด่นของเธอที่เป็นศัลยแพทย์ฝีมือดี ทำงานไม่เคยพลาด รักษาได้อย่างแม่นยำ ผ่านประสบการณ์ผ่าตัดมามากมายหลายรูปแบบ และหลายครั้งที่กล้าผ่าตัดในเคสที่อันตรายหรือเปลี่ยนแผนการผ่าตัดจนทำให้เกิดข้อพิพาท แถมตัวเธอเองยังมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนใคร แต่งตัวเซ็กซี่ เลิกงานตรงเวลาเป๊ะ จนทำให้มีบุคลากรมากมายที่ไม่ชอบเธอ มองว่าเธอเป็นแกะดำที่ขัดต่อวัฒธรรมขององค์กร แต่ก็ยังมี ฮิโรมิ โจโนอุจิ (รับบทโดย ยูกิ อูชิดะ) วิสัญญีแพทย์ที่สามารถทำงานร่วมกับเธอได้โดยไม่ติดขัด มิจิโกะต้องยืนหยัดเพื่อรักษาคนไข้ และทำลายขนบธรรมเนียมเก่าแก่ในองค์กรเพื่อให้เหล่าแทพย์ได้รับรู้หน้าที่ของหมอที่แท้จริง
แนวซีรีส์ : การแพทย์ / ดราม่า
จำนวนตอน : มีทั้งหมด 7 ซีซั่น, ซีซั่น 7 มี 10 ตอน
ปีที่ฉาย : ซีซั่น 7 ปี 2021
ช่องทางรับชม : Doctor X
ตัวอย่าง :
16. Kakegurui (โคตรเซียนโรงเรียนพนัน)
อีกหนึ่งซีรีส์ญี่ปุ่นที่สร้างมาจากมังงะและอนิเมะชื่อดัง Kakegurui มาถ่ายทอดเรื่องราวแบบ Live Action เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ ยูเมโกะ จาบามิ (รับบทโดย มินามิ ฮามาเบะ) ที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียน Hyakkaou Private Academy ซึ่งเป็นโรงเรียนของลูกคนรวยและชนชั้นสูงผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในญี่ปุ่น แต่โรงเรียนนี้ไม่ได้จัดลำดับนักเรียนตามผลการเรียนแบบปกติ แต่จัดลำดับจากการชนะเกมการพนัน นักเรียนจะได้รับการจัดอันดับด้วยการบริจาคเงินให้กับสภานักเรียน ผู้ชนะที่อยู่อันดับต้นๆ จะได้รับชื่อเสียงและเงินทอง ส่วนผู้แพ้และผู้ที่เป็นหนี้สินจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยง และถ้ายังไม่สามารถล้างหนี้ได้ หลังจบการศึกษาจะได้รับ ตารางชีวิต ที่กำหนดอนาคตให้ต้องใช้หนี้ด้วยตัวเอง
แนวซีรีส์ : ดราม่า / ลึกลับ / ตื่นเต้น
จำนวนตอน : 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2018
ช่องทางรับชม : Kakegurui
ตัวอย่าง :
17. Midnight Diner: Tokyo Stories (ร้านอาหารเที่ยงคืน: บันทึกโตเกียว)
อีกหนึ่ง ซีรีส์ Netflix ที่หลายคนมักหยิบยกมาพูดถึงอยู่บ่อยๆ กับ Midnight Diner: Tokyo Stories (ร้านอาหารเที่ยงคืน: บันทึกโตเกียว) ที่ไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์ร้านอาหารทั่วๆ ไป แต่เป็นร้านอาหารของผู้คน บอกเล่าเรื่องราวของลูกค้าแต่ละคนผ่านเมนูอาหารในแต่ละตอน โดยร้านนี้จะเปิดต้อนรับลูกค้าช่วงเที่ยงคืนถึง 7 โมงเช้าเท่านั้น นอกจากเมนูเด็ดของร้านแล้ว ยังเปิดให้ลูกค้าสั่งอาหารอะไรก็ได้ที่มีวัตถุดิบในวันนั้น หรือนำวัตถุดิบมาให้ทำก็ได้เช่นกัน เรื่องราวชีวิตของใครบางคนอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอได้แบ่งปันเรื่องราวให้ใครสักคนฟัง กลับเป็นเรื่องไม่ธรรมดาซะอย่างนั้น หากใครชอบสำรวจชีวิตของผู้คน หลากหลายอาชีพ แนะนำเรื่องนี้เลย มีทั้งหมด 3 ซีซั่นนะคะ
แนวซีรีส์ : ดราม่า / อาหาร
จำนวนตอน : มีทั้งหมด 3 ซีซั่น ซีซั่นละ 10 ตอน
ปีที่ฉาย : 2009, 2011 และ 2014
ช่องทางรับชม : Midnight Diner
ตัวอย่าง :
18. What Did You Eat Yesterday? (เมื่อวานคุณทานอะไร?)
มาเปิดมุมมองการใช้ชีวิตคู่ของชายรักชายในวัยที่เติบโตขึ้นกับ What Did You Eat Yesterday? (เมื่อวานคุณทานอะไร?) ซีรีส์ที่จะทำให้หัวใจพองโต เรื่องราวของ คาเคอิ ชิโร่ (รับบทโดย ฮิเดโทชิ นิชิจิมะ) ทนายหนุ่มมาดขรึม ที่ใช้ชีวิตอยู่อาศัยร่วมกับแฟนของเขา อย่าง ยาบุกิ เคนจิ (รับบทโดย เซย์โนะ อุจิโนะ) ช่างตัดผมอารมณ์ดี ทั้งคู่ต้องปิดบังความสัมพันธ์ไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้ เพราะสังคมไม่ได้เปิดกว้างขนาดนั้น ถึงแม้เรื่องราวอาจดูดราม่าเข้มข้น แต่ซีรีส์กลับเล่าเรื่องออกมาในรูปแบบที่เรียบง่าย ออกไปทำงาน กลับบ้านมาทำอาหารกินร่วมกัน เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฟีลกู้ด ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้สมจริง และชวนให้ติดตามเกินคาด
แนวซีรีส์ : ดราม่า / ตลก
จำนวนตอน : ซีซั่น 1 มี 12 ตอน และตอนพิเศษ 3 ตอน
ปีที่ฉาย : 2019 และ 2020
ช่องทางรับชม : What Did You Eat Yesterday?
19. Switched (ผลัดกันเป็นสาวป๊อป)
มาที่ซีรีส์วัยนักเรียนอีกเรื่องกับ Switched ผลัดกันเป็นสาวป๊อป หรือ ปุ๊บปั๊บ สลับร่าง ความอลเวงน่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น เนื้อเรื่องจะเล่าเกี่ยวกับ โลกที่แสนสมบูรณ์แบบของ อายูมิ (รับบทโดย คายะ คิโยฮาระ) สาวน้อยมัธยมปลาย แต่แล้ววันหนึ่งโลกของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อจู่ ๆ เพื่อนร่วมชั้นที่คอยอิจฉาเธอในทุกๆ เรื่องอย่าง เซนโกะ (รับบทโดย โทมิตะ มิอุ) ได้ขโมยทั้งร่างกาย แฟนหนุ่ม และชีวิตของเธอไป เกิดเรื่องราวการสลับร่างที่ทำให้ชวนติดตามว่าจะจบอย่างไร ไปลุ้นกันได้ค่ะ
แนวซีรีส์ : ดราม่า
จำนวนตอน : 6 ตอน
ปีที่ฉาย : 2018
ช่องทางรับชม : Switched
ตัวอย่าง :
20. Our Sister’s Soulmate (พี่สาวลุ้นรัก)
ปิดท้ายกันที่ซีรีส์ญี่ปุ่นอบอุ่นหัวใจกับความรักโรแมนติก เรื่อง Our Sister’s Soulmate เรื่องราวของ โมโมโกะ (รับบทโดย คาสุมิ อาริมุระ) พี่สาวที่ต้องดูแลน้องชายทั้ง 3 คน หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต เธอยอมไม่เรียนต่อเพื่อทำงานเลี้ยงดูน้อง ๆ และถึงแม้ว่าเธอจะสู้ชีวิตอย่างเหนื่อยยาก แต่ก็ยังเป็นคนมองโลกในแง่ดี จนได้มาเจอกับ มานาโตะ (รับบทโดย เคนโตะ ฮายาชิ) อดีตนักโทษที่ตั้งใจจะกลับตัว แต่เขามีปมในอดีตที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวกับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน แต่โมโมโกะก็ได้ทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไป และเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้จะได้เห็นมุมมองต่าง ๆ รวมถึงรับรู้ถึงความคิดของผู้หญิงยุคใหม่ที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงขนมธรรมเนียมแบบเก่าของผู้หญิงในสังคมญี่ปุ่นอีกด้วย บอกได้เลยว่าดูเรื่องนี้แล้วจะได้ข้อคิดดี ๆ ทีเดียวค่ะ
แนวซีรีส์ : อัตชีวประวัติ / ดราม่า
จำนวนตอน : 9 ตอน
ปีที่ฉาย : 2020
ช่องทางรับชม : Our Sister’s Soulmate
และทั้งหมดนี้ก็คือ ซีรีส์ญี่ปุ่น สามารถดูได้ใน Netflix ที่พี่เห็ดได้คัดสรรมาแนะนำ คงจะถูกใจกันใช่ไหมคะ ใครสนใจเรื่องไหนก็สามารถติดตามชมกันได้เลยค่ะ รับรองว่าสนุกครบรสดูกันไปยาวๆ ไม่มีเบื่อแน่นอนค่ะ