@MushroomTravel
ถ้าถามว่าที่ฮอกไกโดมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง นอกจากหิมะในช่วงฤดูหน้าแล้ว พี่เห็ด มัชรูมทราเวล ขอแนะนำช่วงหน้าร้อนแสนสดใสกับการไปชม ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด นั่นเองค่ะ ทุ่งดอกไม้สีม่วงบานสะพรั่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการมา เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ที่ใครหลายคนอยากมาชื่นชมด้วยตัวเองสักครั้ง โดยปกติแล้ว ลาเวนเดอร์ ญี่ปุ่น จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วง กลางเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคมของทุกปี และเป็นช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่เราจะได้ชมทุ่งลาเวนเดอร์ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งสวนแบบเต็มๆ ตา บอกเลยว่าถ่ายรูปสวยสุดๆ !! ส่วนที่ฮอกไกโดจะมีทุ่งลาเวนเดอร์ที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง พี่เห็ดคัดมาให้ชมแล้ว ตามมาดูกันเลย!
1. ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) – เมืองฟุราโนะ
ขอเริ่มด้วย ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ที่โด่งดังที่สุดอย่างที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งที่นี่นอกจากจะมีทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงในพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแล้ว ยังมีทุ่งดอกไม้หลากสีที่ปลูกจัดเรียงไว้เหมือนสายรุ้ง และมีหอชมวิวให้เราขึ้นไปถ่ายรูปพร้อมชมวิวเมืองนากะฟุราโนะได้ทั้งเมือง ถ้าเดินเล่นถ่ายรูปกันจนเต็มอื่มแล้ว อย่าลืมแวะชิมซอฟท์ครีมรสลาเวนเดอร์กับพุดดิ้งลาเวนเดอร์ที่เป็นไฮไลท์ของฟาร์มกันด้วยนะคะ ว่ากันว่าใครมา ทัวร์ฮอกไกโด หน้าร้อน ที่ฟาร์มนี้แล้วไม่ได้ชิมเหมือนมาไม่ถึงเลยนะ
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : เข้าชมได้ตลอด (ร้านค้า 08.30 – 17.30 น.)
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Furano / สาย Furano-Biei Norokko มาลงที่สถานี Lavender Batake (ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5-10 นาที
แผนที่ :
2. เนินเขาแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of The Buddha) – เมืองซัปโปโร
ที่นี่คือ เนินเขาแห่งพระพุทธเจ้า หรือ Hill of The Buddha ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด แห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน อยู่ภายในสุสาน Makomanai Takino ในเมืองซัปโปโร สร้างขึ้นเพื่อปรับปรุงพื้นที่บริเวณรูปปั้นพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่สูง 13.5 เมตร น้ำหนัก 1,500 ตัน ที่ตั้งโดดๆ อยู่บนเนินเขากว่า 15 ปี ให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้มาเยี่ยมชมมากขึ้น
โดยการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่นี้ ใช้วิธีซ่อนองค์พระพุทธรูปตั้งแต่ใต้พระเศียรพระพุทธรูปลงมา ให้ดูเหมือนว่ามีเนินเขาลาเวนเดอร์ปกคลุมอยู่ เป็นภาพที่สวยงามสุดๆ เลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดอกลาเวนเดอร์กว่า 150,000 ต้นบานสะพรั่งพร้อมๆ กัน และหากใครอยากจะเข้าไปเยี่ยมชมความงามขององค์พระพุทธรูปให้ถึงด้านใน ก็ต้องเดินผ่านอุโมงค์เข้าไป รับรองว่าสวยงามอลังการไม่ผิดหวังแน่นอน มา ทัวร์ฮอกไกโด หน้าร้อน พลาดไม่ได้เลย
ค่าเข้าชม : 300 เยน
เวลาทำการ : เมษายน – ตุลาคม 09.00 – 16.00 น., พฤศจิกายน – มีนาคม 10.00 – 15.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Nanboku มาลงที่สถานี Makomanai แล้วต่อรถบัส Sapporo Chuo Bus 102 อีกประมาณ 23 นาที
แผนที่ :
3. สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka) – เมืองบิเอะ
ไม่พูดถึงไม่ได้เลยกับ ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองบิเอะ นั่นก็คือ สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ นอกจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์สวยๆ และทุ่งดอกไม้หลากสีที่พร้อมใจกันบานสะพรั่งให้เราได้ชมอย่างจุใจแล้ว ใกล้ๆ กันยังมีฟาร์มอัลปาก้าอีกด้วยนะ ส่วนใครอยากชมรอบสวนแบบสนุกๆ ก็มีรถ ATV ให้ขับได้ รวมถึงร้านอาหารและมุมขายผักผลไม้สดๆ จากเมืองบิเอะให้เลือกซื้อเลือกชมกันด้วย มา ทัวร์ฮอกไกโด ทั้งทีอย่าลืมแวะมากันนะ
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : ทุกวัน 9.00 – 17.00 น.
การเดินทาง :
-นั่งรถไฟสาย JR Furano มาลงที่สถานี Bibaushi แล้วเดินต่ออีกประมาณ 25 นาที
-นั่งรถไฟสาย JR Furano มาลงที่สถานี Biei แล้วต่อแท็กซี่อีกประมาณ 12 นาที
แผนที่ :
4. ไฮแลนด์ ฟุราโนะ (Highland Furano) – เมืองฟุราโนะ
กลับมาเที่ยว ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ที่เมืองฟุราโนะกันต่อ ที่นี่คือ ไฮแลนด์ ฟุราโนะ ฟาร์มขนาดใหญ่ที่พอย่างเข้าหน้าร้อน ทุ่งลาเวนเดอร์กว่า 30,000 ตารางเมตรก็จะบานสะพรั่งเป็นทะเลสีม่วงที่สวยสะดุดตา นอกจากนี้ยังมีออนเซ็นเล็กๆ ที่สามารถมองเห็นวิวทุ่งลาเวนเดอร์ให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการกันด้วย ใครอยากชมดอกไม้สวยๆ พร้อมแช่ออนเซ็นชิลๆ มาที่นี่เลยจ้า
ค่าเข้าชม : 500 เยน
เวลาทำการ : ออนเซ็น 09.00 – 22.00 น., ร้านอาหาร 11.00 – 20.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Furano แล้วต่อรถบัสท้องถิ่นมาลงที่ Highland Furano ป้ายสุดท้าย
แผนที่ :
5. ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ (Flower Land Kamifurano) – เมืองฟุราโนะ
ปิดท้ายกันที่ ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในเมืองฟุราโนะ นั่นก็คือ ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติสวยงามของเทือกเขาโทกาชิ สถานที่ที่จะได้เห็นทุ่งลาเวนเดอร์และดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งไล่เรียงกันอยู่บนเนินเขากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แถมที่นี่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรถแทรกเตอร์ชื่นชมความงามของทุ่งดอกไม้อย่างใกล้ชิด เก็บภาพยังไงก็ไม่มีเบื่อแน่นอน
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ : 9.00 – 18.00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Furano มาลงสถานี Kimifurano แล้วต่อแท็กซี่อีกประมาณ 10 นาที
แผนที่ :