Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

ตะลุย โอซาก้า 2 วัน 2 คืน ในแบบฉบับมือใหม่

โพสเมื่อ

Rabbit

         รีวิวเล็กๆ นี้ผมตั้งใจทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับคนที่ยังไม่เคยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วอยากลองเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต โดยที่ไม่ต้องใช้เงินมากนักก็สามารถไปได้แบบไม่ต้องซื้อทัวร์ เพราะสำหรับตัวผมเองแล้วนี่ก็คือการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตด้วยเช่นกัน!!!

        สำหรับคนที่รู้วิธีไปแบบประหยัดแล้วก็ผ่านได้เลยครับ ผมเชื่อว่าคนที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงยังมีอีกมาก จึงอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้กับคนที่ยังไม่รู้เพื่อเป็นแนวทาง ตอนแรกคิดจะไปคนเดียวช่วงเดือนมิถุนายน แต่ดูแล้วมันตรงกับช่วงหน้าฝนคงเที่ยวไม่สนุกแน่ เลยเลื่อนมาเป็นเดือนตุลาคมแทน ซึ่งเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อน และหมดฝนแล้ว จัดการจองตั๋วเครื่องบิน + ที่พักเรียบร้อย พอบอกว่าจะไปเดือนตุลาคม น้องบอกว่าน่าสน และก็จองตั๋วไปด้วย ก็ดีที่จะได้มีเพื่อนคุยและก็เที่ยวด้วย

ตะลุย โอซาก้า 2 วัน 2 คืน ในแบบฉบับมือใหม่

ค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆ นะครับ

  • ผมจองตั๋วผ่านทาง AirAsiaGo เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมที่พัก 3 คืน ระหว่างวันที่ 3-6 ต.ค. 2558 จองช่วงเดือน มีนาคม 2558 ได้ราคา 13,000 บาท
  • ค่าตั๋วรถไฟใต้ดิน Osaka Amazing Pass 2015 2 Day Pass ซื้อจากงานไทยเที่ยวไทย ราคา 850 บาท
  • ค่ารถบัสจากสนามบินคันไซ-นัมบะ ราคา 472 บาท
  • ค่าตั๋วรถไฟ Nankai Airport ไปสนามบินคันไซขากลับ ราคา 280 บาท
  • ค่าเช่า Pocket WiFi 3 วัน 600 บาท หารกับน้องคนละ 300 บาท
  • รวมทั้งทริป (ไม่รวมค่ากิน และค่าของฝาก) 14,902 บาท

เมื่อทำบัญชีค่ากินและค่าของฝากหักลบกันเสร็จสรรพแล้ว ทริปนี้ผมแลกเงินไป 8,400 บาท เหลือกลับมาตีเป็นเลขกลมๆ 2,400 บาท เท่ากับว่าผมใช้เงินไป 6,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่เยอะมาก ได้กินของขึ้นชื่อของโอซาก้าครบครัน ได้ของฝากมาฝากที่บ้านและที่ทำงานพอสมควร

1444301129-1444139726-o

ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ AirAsia X พร้อมที่พัก 3 คืน ผมจองช่วงเดือนมีนาคม เดินทาง 3-6 ตะลาคม ไม่ได้ใช้แต้มอะไรแลก ที่ผมเลือกจองพร้อมกันเลยก็เพื่อความสะดวกครับ จะได้จบในที่เดียว ไม่ต้องไปจองแยก แต่ถ้าจองแยกกันและใช้แต้มแลกก็อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้ หรือถ้าใครสัมภาระไม่เยอะ ไม่ต้องหิ้วของที่ซื้อฝากและฝากซื้อ ก็จองโรงแรมแค่ 2 คืนก็พอ จะได้นอนจริงๆ คือคืนที่ไปถึงและคืนที่ 2 ส่วนวันกลับก็เที่ยวได้จนถึงราว 1 ทุ่ม แล้วไปขึ้นรถไฟ Nankai Airport เที่ยว 20.24 น. ตรงนัมบะ เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินคันไซ ส่วนผมจองไว้ 3 คืน เพราะของฝากซื้อเพียบ เอาห้องไว้เก็บของจะได้เที่ยวแบบสบายๆ ทิ้งทวน

1444140413-2015100619-o

Osaka Amazing Pass 2015 2 Day Pass ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินและรถบัสในโอซาก้า (ไม่รวมสาย JR และสายของเอกชน) แบบไม่จำกัดเที่ยว 2 วัน และใช้สำหรับเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในโอซาก้าฟรี 28 แห่ง แถมใช้เป็นส่วนลดร้านอาหารตามที่ระบุไว้ได้อีกด้วย คุ้มมากๆ แนะนำให้ซื้อจากไทยไปจะสะดวกกว่าครับ

1444142276-2015100620-o

ที่พักผมเลือกโรงแรม For Leaves Inn Uehonmachi เพราะเดินทางสะดวก โรงแรมนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Tanimachi 9-chome ประมาณ 200 เมตร และห่างจากย่านนัมบะเพียง 2 กิโลเมตร สามารถเดินไปได้ มีร้าน Lawson อยู่ใกล้ๆ 2 ร้าน เผื่อหิวยามดึก ผมจองห้องเตียงเดี่ยวเอาไว้เพราะตอนแรกคิดว่าจะไปคนเดียว

1444142352-2015100620-o

Pocket WiFi ค่าเช่าวันละ 195 บาท แต่ต้องเช่าขั้นต่ำ 3 วัน มีค่ามัดจำ 500 บาท เขามี Power Bank แถมในชุดให้ด้วย สัญญาณโอเคครับ ในรถไฟใต้ดินก็ยังใช้ได้ เอาไว้อัพรูป หรือติดต่อกับเพื่อนๆ ที่ฝากซื้อของ และเอาไว้หาเส้นทางเดินไปยังสถานที่ที่เราจะไป จะได้ไม่เสียเวลาเพราะหลงทาง จริงๆ ฟรี WiFi ที่โน่นก็มีให้ใช้ครับแต่ก็ต้องสมัคร เช่า WiFi ไปจะสะดวกกว่าครับ

1444146435-2015100621-o

การแลกเงิน ผมแลก แลกไปทั้งหมด 80,000 เยน (รวมที่น้องฝากแลก และของเพื่อนที่ฝากซื้อของ) เป็นเงินตัวเอง 27,540 เยน = 8,400 บาท ตั้งใจจะแลกไป 10,000 บาท แต่วันนั้นที่ร้านมีแต่แบงค์ 10,000 เยน ก็เลยแลกได้ไม่ถึง

          ไฟลท์ที่ผมเดินทาง วันที่ 3 ตุลาคมเครื่องออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 15.20 น. ตรงเป๊ะ ถึงสนามบินคันไซเวลาของญี่ปุ่น 22.40 น. ประตูเปิดปุ๊บก็เดินมารอขึ้นรถไฟไปอีกอาคารเพื่อทำการตรวจคนเข้าเมือง โชคไม่ดีที่เครื่องที่มาจากกัวลาลัมเปอร์ลงพร้อมกัน ทำให้คิวยาวเหยียด แล้วน้องที่มาด้วยกันดันไม่ได้รับเอกสารเข้าเมืองที่ให้กรอกบนเครื่อง เลยต้องมากรอกที่สนามบิน ผมใช้เวลาผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองไม่ถึง 1 นาที ก็เรียบร้อย แต่ต้องรอน้องที่ออกไปกรอกเอกสารแล้วกลับมาต่อแถวใหม่ค่อนข้างนาน ทำให้ไม่ทันรถไฟ Nankai เข้าเมืองเที่ยวสุดท้าย แต่ก็ยังมีรถบัสเข้าเมืองรอบ 00.30 น. ราคาตั๋ว 1,550 เยน นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงย่านนัมบะ

1444146566-2015100322-o 1444146792-2015100323-o

         พอถึงย่านนัมบะก่อนเข้าที่พักขอหาอะไรกินซักหน่อย ประเดิมมื้อแรกบนแผ่นดินญี่ปุ่นด้วยราเมงเจ้าดังที่ใครมาโอซาก้าต้องมาลิ้มลอง “ราเมงข้อสอบ” ร้านอยู่ริมคลองโดทงบุริ ตรงป้ายกูลิโกะ เดินไปนิดเดียวก็เจอร้านป้ายสีแดง มีบันไดเดินขึ้นไป ร้านจะออกแคบๆ ดีที่ไปช่วงดึกแล้วคนไม่ค่อยมี เจอแต่วัยรุ่นสาวๆ ญี่ปุ่นที่เพิ่งเลิกดื่มจากผับแถวนั้นมากินราเมงต่อ เหลือบไปเห็นร้านทาโกะยากิข้างๆ ดูน่ากินเลยซื้อใส่กล่องกลับไปกินที่โรงแรม ที่ร้านราเมงข้อสอบพอเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับตู้อัตโนมัติสำหรับให้สั่งราเมง กดเลือกว่าจะเอาเมนูไหน หยอดเงินใส่ตู้ จะมีกระดาษเล็กๆ ออกมา จากนั้นก็ไปหยิบกระดาษเพื่อวงว่าจะเอาเส้นแบบไหน ใส่ต้นหอมไหม ใส่กระเทียมไหม เอาความเผ็ดขนาดไหน ที่นั่งกินก็จะเป็นคอกมีไม้กั้นเป็นช่องๆ มีก๊อกน้ำเย็นให้กดกินเอง เอาใบออร์เดอร์ยื่นให้พ่อครัว รอแป๊บหนึ่งก็จะได้ราเมงชามโต หอมกรุ่น มาวางตรงหน้า อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ น้องที่ไปด้วยกันซดน้ำซุปเกลี้ยงชามเลย กินอิ่มแล้วก่อนเดินเข้าที่พักแวะซื้อของฝากที่ดองกี้บางส่วนก่อน

1444146895-1443904355-o 1444147050-2015100323-o

1444146049-1214325090-o 1444146089-1210913390-o

 เปิด GPS เดินจากโดทงบุริไปที่พัก เดินเรื่อยๆ ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน ใช้เวลาราว 20 นาที ก็ถึงที่พักตอนตี 3 ห้องพักใช้ได้ครับ เตียงนุ่ม ห้องน้ำอาจจะเล็กไปหน่อย แต่สำหรับผมไม่ใช่ปัญหา โรงแรมมี WiFi ฟรี ทีวี ตู้เย็นเล็ก ตู้เก็บของเล็ก กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า พัดลมตัวเล็ก แอร์แบบตั้งพื้น (แต่เอาไปวางตรงหน้าต่างเหนือหัวเตียง) พวกอุปกรณ์อาบน้ำ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เขาไม่มีให้นะครับ มีแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ให้ 1 ผืน พวกเซ็ตอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัวเขามีขายตรงเคาน์เตอร์ ราคาราว 150 บาท แนะนำให้เตรียมไปเองครับ

 วันที่ 1 : วัดชิเทนโนจิ – หอคอยโอซาก้า – ปราสาทโอซาก้า – ชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน – ชินไซบาชิ

         ไปคืนแรกก็เจอปัญหานอนไม่หลับเล่นงาน คงเพราะผิดเวลา ปกติอยู่ที่ไทยจะนอนโน่นตี 3- 4 ก็เลยตัดสินใจไม่นอนดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวหลับยาวจะอดเที่ยว เปิดทีวีดูการ์ตูนญี่ปุ่นไปเรื่อยเปื่อย ออกจากที่พัก 7 โมงกว่า หาอะไรกินรองท้องที่ Lawson ตรงหน้าปากซอย วันนี้เพื่อนของน้องที่ไปด้วยกัน ไปทำงานอยู่ที่โกเบ 3 ปี จะมาหาและไปเที่ยวด้วย

         วันนี้จะเริ่มที่แรกที่วัดชิเทนโนจิ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก เดินคุยกันไปแป๊บเดียวก็ถึงวัดชิเทนโนจิ ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่เจดีย์ 5 ชั้น แต่ช่วงนี้เขาปิดบูรณะอยู่ เลยเอาผ้าคลุมไว้ บริเวณวัดเงียบสงบ ในส่วนของโบสถ์ต่างๆ จะมีพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ทุกโบสถ์ พร้อมกับภาพเขียนสีโบราณบนผนังบอกเล่าประวัติต่างๆ มีอยู่โบสถ์หนึ่งที่เป็นภาพเล่าประวัติของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติจนปรินิพพาน ซึ่งในโบสถ์เขาห้ามถ่ายรูป

1444151337-2015100406-o 1444151355-2015100406-o

1444151420-2015100407-o 1444151436-2015100407-o

1444152859-2015100407-o 1444153107-2015100407-o

จากวัดชิเทนโนจิเดินไปอีกพอสมควรก็จะเป็นย่านชินเซไก ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยโอซาก้า บริเวณนี้ก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย การขึ้นชมต้องเดินลงบันไดไปขึ้นลิฟต์ที่ชั้นใต้ดินเพื่อไปยังชั้น 2 ก่อน และขึ้นลิฟต์ต่อไปยังชั้น 5 ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูง 87.5 เมตร แล้วค่อยเดินลงบันไดลงมาเพื่อชมชั้น 3 และชั้น 4 ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีจุดที่บอกเล่าเกี่ยวกับประวัติของหอคอยแห่งนี้ ร้านจำหน่ายสินค้า จุดสำหรับถ่ายรูป มี Pocky Cafe อยู่ข้างบนนี้ด้วย ถ้าสาวๆ ได้ไปเยือนน่าจะชอบ เพราะมองไปทางไหนก็จะเจอแต่ Pocky และก็ Pocky เต็มไปหมด ที่ผมชอบที่สุดในหอคอยนี้คือจุดที่เป็นพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ ของ “คินนิคุแมน” ซึ่งถ้าเป็นคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมน่าจะรู้จักดี ซึ่งจัดแสดงรูปจากการ์ตูนเรื่องนี้ โมเดลส่วนหัวของตัวละคร และโมเดลคินนิคุแมนขนาดเท่าตัวจริงเอาไว้ให้ถ่ายรูปกัน

โอซาก้า 1444153133-2015100409-o

         ลงจากหอคอยเดินผ่านสวนสัตว์โอซาก้าเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินมุ่งสู่ปราสาทโอซาก้า กว่าจะเดินเข้าถึงตัวปราสาทนั้นไกลพอสมควร เพราะต้องผ่านบริเวณที่เป็นสวนรอบๆ ปราสาทก่อน ปราสาทมีทั้งหมด 8 ชั้น จะเลือกขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 5 แล้วเดินต่อไปที่ชั้น 8 หรือจะเดินขึ้นบันไดไล่ชมไปทีละชั้นก็ได้ ส่วนผมขอเลือกที่จะขึ้นลิฟต์ละกัน บนชั้นต่างๆ ก็จะมีนิทรรศการจัดแสดงเพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมาของปราสาท ชุดเกราะซามูไร ดาบซามูไร ส่วนชั้นบนสุดก็จะเป็นจุดชมวิวและถ่ายรูป จุดถ่ายรูปยอดฮิตบนนี้ก็คือ รูปปั้นปลาสีทองที่อยู่บนจั่วหลังคาของปราสาทนั่นเอง

1444154304-2015100411-o 1444154322-2015100411-o

1444154402-2015100411-o 1444154352-2015100411-o

         ล่วงมาถึงเวลาเย็นย่ำ เหมาะแก่การกินลมชมวิว งั้นไปรำลึกวัยเด็กด้วยการขึ้นชิงช้าสวรรค์กันดีกว่า เดินจากปราสาทไปขึ้นรถไฟใต้ดินสู่ชิงช้าสวรรค์ยักษ์เทมโปซาน ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า และติดกับอ่าวโอซาก้า ตอนแรกว่าจะเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แต่ด้วยความที่เดินมาตั้งแต่เช้าจนขาเริ่มล้าเลยขอบายดีกว่า ชิงช้าสวรรค์นี้สูงถึง 112.5 เมตร เคยครองตำแหน่งชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลกมาแล้ว ใช้เวลาหมุน 17 นาที/รอบ บนนี้เราจะมองเห็นวิวของอ่าวโอซาก้ายามเย็นที่สวยงาม ลงมาจากชิงช้าสวรรค์กะว่าจะนั่งเรือซานต้ามาเรียต่อเสียหน่อย แต่รอบต่อไปต้องรออีกเป็นชั่วโมง เลยไม่รอ เอาเวลาไปตะลุยแสงสียามค่ำคืนย่านชินไซบาชิกันดีกว่า

1444155497-2015100414-o 1444155570-2015100414-o

         มาถึงไฮไลต์ยามค่ำคืนของโอซากา ที่ถ้าใครมาแล้วไม่ได้มาเดินที่นี่ ถือว่ายังมาไม่ถึงโอซาก้าอย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ “ชินไซบาชิ” ซึ่งเป็นแหล่งรวมของร้านรวงต่างๆ มากมายให้ขาช้อปได้ระบายเงินออกจากกระเป๋าจนตัวเบากันไปเลย นอกจากนั้นยังมีร้านของกินแสนอร่อยที่ขึ้นชื่ออยู่หลายร้าน ทั้งทาโกะยากิร้านดัง ขาปูย่างร้านปูยักษ์ ชีสทาร์ตร้าน PABLO เรียกว่ากินกันไม่ห่วงน้ำหนักขึ้นเลย วันที่ไปขาดอยู่อย่างเดียวที่อดกินคือ ขาปูย่างที่ขึ้นป้าย Sold Out ไปแล้ว อะไรมันจะขายดีขนาดนั้น อีกอย่างที่จะลืมไม่ได้เลยถ้ามาตรงนี้คือป้ายไฟกูลิโกะ ที่ต้องถ่ายรูปเพื่อบอกชาวโลกว่าฉันมาถึงโอซากาแล้วนะ โชคดีที่ตอนที่ไปถึงบนป้ายไฟกำลังเป็นภาพเคลื่อนไหวแสดงภาพตั้งแต่กูลิโกะแมนเป็นทารกไล่ตามวัยต่างๆ มาจนเป็นกูลิโกะแมนอย่างที่เราเห็นกัน

 1444157454-2015100417-o 1444157495-2015100417-o

1444157511-2015100417-o 1444157525-2015100512-o

วันที่ 2 : Endo Sushi ตลาดปลาโอซาก้า – HEP Five – Temma ซอยละลายทรัพย์ – Den Den Town

         วันที่ 2 วางโปรแกรมเอาไว้ว่าจะไปกินซูชิชื่อดัง Endo ที่ตลาดปลาโอซาก้า ตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพราะกลัวว่าถ้าไปถึงช้าจะต้องรอคิวยาว งานนี้ลุยเดี่ยว เพราะน้องกับเพื่อนน้องที่มาจากโกเบเมื่อคืนไปฉลองการเจอกันในรอบ 6-7 ปีหนักไปหน่อย ตื่นไม่ไหวเลยขอบาย การเดินทางไปตลาดปลาง่ายแสนง่าย ขึ้นรถไฟใต้ดินสถานีใกล้ที่พักยาวไปถึงตลาดปลาโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสาย เดินตามที่ GPS บอกมาจนถึงร้าน เฮ้ย…ทำไมร้านดูเงียบๆ อ่ะ ไม่เห็นมีคนต่อแถวอย่างที่เขาว่ากันมาเลย หรือว่าร้านปิด แต่หาข้อมูลมาแล้วเขาบอกว่าวันจันทร์เปิด จึงลองเอามือเลื่อนประตู อ้าว… เปิดไม่ออก คิดในแง่ดีอีก หรือยังไม่ถึงเวลาเปิด แต่จากข้อมูลเขาบอกเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่งนี่ เลยนั่งรอหน้าร้าน สักพักมีคนไทยเป็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คนเดินคุยกันมา เดินไปเปิดประตูร้าน พนักงานร้านก็ถามว่ามากี่คน หายไปสักพัก ก็ออกมาเรียกให้เข้าไป เราก็เดินตามต้อยๆ เข้าไปนั่งตรงหน้าบาร์ สั่งมา 2 ชุด พร้อมซุปหอยตลับ และชาเขียว ขอบอกว่ามันอร่อยสมกับที่เขาพูดกันจริงๆ อยากจะยัด 4 เซ็ตแต่กระเพาะฯ ไม่ไหว ระหว่างที่นั่งกินก็มีคนไทยทยอยเข้าร้านมาอีก 4 คน นึกในใจว่านี่ตูนั่งกินอยู่ที่ไทยเหรอเนี่ย

1444159172-2015100504-o 1444159191-2015100504-o

1444159222-2015100505-o 1444159361-2015100505-o

1444160402-2015100508-o

กินเสร็จแล้วเพิ่งจะ 8 โมงเช้า จะไปเที่ยวที่ไหนต่อก็ไม่ได้ เพราะสถานที่เที่ยวส่วนใหญ่กว่าจะเปิดก็ 10 โมง 11 โมง เลยกลับมานั่งพักที่โรงแรมก่อนค่อยไปลุยต่อ ที่ต่อไปที่จะไปคือชิงช้าสวรรค์สีแดง HEP Five ย่านอูเมดะ ซึ่งชิงช้าสวรรค์แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดตึก เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงปราสาทโอซาก้า วิวของที่นี่จะเป็นคนละแบบกับชิงช้าสวรรค์เทมโปซาน คือจะเป็นวิวในเขตเมืองที่เต็มไปด้วยตึก

          ลงมาจาก HEP Five แล้วเดินเล่นย่านอูเมดะนิดหน่อย แล้วขึ้นรถไฟใต้ดินไปย่านที่เขาเรียกกันว่าเป็นซอยละลายทรัพย์ของโอซาก้า คือย่าน Temma ย่านนี้จะเป็นทางเดินยาวราว 2 กิโลเมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของ ร้านขายอาหารราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับย่านอื่นๆ ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยสักรูปเพราะทั้งสองมือเต็มไปด้วยถุงของฝาก จากนั้นผมเอาของกลับมาเก็บที่โรงแรม แล้วไปเดินย่าน Den Den Town ที่เป็นแหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านขายโมเดล ฟิกเกอร์ ของเล่น หนังสือการ์ตูน DVD การ์ตูน เพราะน้องที่ทำงานฝากซื้อฟิกเกอร์ ถ้าไม่ได้ไปให้เธอ เธอคงกินไม่ได้ นอนไม่หลับแหงๆ จะว่าไปแล้วย่านนี้น่าจะเหมือนคลองถม หรือสะพานเหล็กของบ้านเรา แต่ดูจะเป็นระเบียบกว่ามาก คือไม่ได้มีแผงลอยตั้งระเกะระกะ เขาจะขายกันอยู่เฉพาะในร้านเท่านั้น สุดท้ายก็ได้ฟิกเกอร์มา 5 กล่อง เป็นอันจบการช้อปปิ้ง เตรียมแพ็กกระเป๋ากลับไทยตอนเที่ยงคืน

1444161296-2015100513-o 1444161336-2015100514-o

         จบทริปเที่ยวโอซาก้า 2 วัน 2 คืน ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ไม่ยาก ผมหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ไม่เคยไปต่างประเทศ และไม่เคยไปสัมผัสประเทศญี่ปุ่นได้ลองหาโอกาสไปสักครั้งหนึ่ง