Mushroom Travel LINE
เราช่วยคุณได้
@mushroomtour
จันทร์ - เสาร์
9:00-22:00
อาทิตย์
9:00-18:00
Call Mushroom Travel
Call Center
02 105 6234
จอง 6 คนขึ้นไป
จอง 6 คนขึ้นไป
02 105 6244
Loading...

มัดรวม 10 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น น่าเที่ยว สัมผัสวัฒนธรรม แถมได้รูปปังๆ ไปลงโซเชียล!

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทันสมัย เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้ามากมาย แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังคงอนุรักษ์เมืองเก่าเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้หนึ่งในที่เที่ยวที่ต้องไปของการ ทัวร์ญี่ปุ่น ก็คือการเยี่ยมชมหมู่บ้านโบราณต่างๆ ชื่นชมความสวยงามของอาคารบ้านเรือนจากสมัยก่อน รวมถึงยังได้สัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม วันนี้พี่เห็ด มัชรูมทราเวล จึงอยากชวนทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเดินเที่ยวแบบชิลๆ กันที่ 10 หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น ที่ได้ทั้งสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ แถมยังได้รูปสวยไม่ซ้ำใครไปลงโซเชียลด้วย พร้อมแล้วออกเดินทางกันได้เลย!

1. หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค – จ.ยามานาชิ

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น
Credit : Sean Pavone / shutterstock.com

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น แห่งแรกที่อยากแนะนำก็คือ หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค (Oshino Hakkai Village) แห่งจังหวัดยามานาชิ ไม่ใกล้ไม่ไกลโตเกียว ที่วิวสวยมาก วันไหนอากาศดีท้องฟ้าเปิดจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน หมู่บ้านนี้ได้ฉายาว่าเป็น “หมู่บ้านน้ำใส” เพราะตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะ และทะเลสาบยามานากะโกะ ซึ่งเป็น 2 ใน 5 ของทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ และในหมู่บ้านยังมีบ่อน้ำใสสะอาดถึง 8 บ่อ ที่ไหลมาจากภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ดื่มแล้วจะมีอายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มาแล้วอย่าลืมลองชิม เมนูปลา ของที่นี่ เพราะเขาใช้ปลาที่จับได้จากบ่อน้ำในหมู่บ้าน เนื้อหวานอร่อย ไม่มีกลิ่นคาว ตบท้ายด้วยขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม บอกได้คำเดียวว่า สุดยอด! นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านขายของฝากให้ได้ช้อปปิ้งกันอีกด้วย

การเดินทาง : นั่งรถไฟจากโตเกียว ลงสถานี Kawaguchiko จากนั้นต่อรถบัสสาย Mishima-Gotemba-Kawaguchiko ลงป้าย Oshino Hakkai
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/VPR8umkd3M5hYenM7


2. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ – จ.กิฟุ

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น
Credit : vichie81 / shutterstock.com

ตามมาติดๆ กับ หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น พิกัดสุดฮิตอย่าง หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) เป็นหมู่บ้านชาวนาเก่าแก่ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO พื้นที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยภูเขา ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์สุดๆ มาฤดูไหนก็สวย โดยเฉพาะฤดูหนาว ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนา บ้านแต่ละหลังมีหลังคาแหลมสูง เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “กัสโชซูคุริ (Gassho-zukuri)” สร้างเพื่อให้น้ำฝนและหิมะไหลลงจากหลังคาได้ง่าย ที่สำคัญคือสร้างโดยไม่ได้ใช้ตะปูสักตัว! มาที่นี่นอกจากจะได้ชมความสวยงามของหมู่บ้าน และสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว แนะนำให้แวะไปเช็กอินที่ “วัดเมียวเซนจิ” ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และ “จุดชมวิวเท็นชุคาคุ” บนเนินเขา ที่มองเห็นวิวได้ทั้งหมู่บ้านเลย

การเดินทาง :
– นั่ง Thunderbird Express จากโอซาก้า (Osaka) มาลง คานาซาวา (Kanazawa) ประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แล้วต่อรถบัส ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็จะถึงหมู่บ้าน
– จากนาโกย่า (Nagoya) นั่งรถไฟเข้าเมืองทาคายาม่า (Takayama) จากนั้นต่อรถบัส Takayama Nohi Bus Center ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/S7UYUvaWf4jFcWch9


3. กินซัน ออนเซ็น – จ.ยามากาตะ

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น
Credit : weniliou / shutterstock.com

เห็นชื่อ กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) คงรู้แล้วว่าหมู่บ้านนี้โด่งดังเรื่องการแช่ออนเซ็น จริงๆ ที่นี่เคยเป็นเหมืองเงินแห่งยามากาตะที่เจริญรุ่งเรืองมากในอดีต แต่เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ทำให้ทุกสิ่งพังทลายไปหมด จนกระทั่งต้นปีโชวะได้มีการสร้างที่พักสไตล์เรียวกังขึ้นใหม่ เป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิมสูง 3-4 ชั้น ตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำ Ginzan ที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน และที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ชื่อดังอย่าง โอชิน (Oshin) อีกด้วย กิจกรรมหลักเมื่อมาที่นี่คือการสวมยูกาตะถ่ายรูป เดินชมบรรยากาศย้อนยุค แช่ออนเซ็น และกินเนื้อวัวโอบานาซาวะสุดพรีเมียม ผลผลิตชั้นยอดของเมืองนี้

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Yamagata Shinkansen ไปลงสถานี โออิชิดะ (Oishida) จากนั้นต่อรถบัสไปยัง กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) ใช้เวลาประมาณ 30-35 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/WTpMCv5PVYjx9oX68


4. นาราอิ จูกุ – จ.นากาโนะ

Credit : blanscape  / canva.com

มาต่อกันที่ นาราอิ จูกุ (Narai Juku) เมืองเก่าญี่ปุ่น สมัยเอโดะ ในจังหวัดนากาโนะ ที่ในอดีตบรรยากาศคึกคักและเป็นเมืองที่มั่งคั่งมาก เพราะเป็นเส้นทางผ่านระหว่างเมืองเกียวโตและโตเกียว แม้ปัจจุบันจะไม่ได้มีผู้คนหนาแน่นเหมือนก่อน แต่ตลอดเส้นทาง 1 กม. ก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายโซบะ ร้านสาเก คาเฟ่ และที่พักแบบเรียวกัง มีการคงสภาพและอนุรักษ์บรรยากาศแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินช้อป ชิม หรือจะพักค้างคืนแบบชิลๆ ได้ จุดเช็กอินยอดฮิตของที่นี่คือ “สะพานคิโซะ โอฮาชิ” สะพานไม้โบราณที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1990 เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น และ “คฤหาสน์นากามูระ” ที่มีอายุกว่า 200 ปี

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR Chuo Line ลงที่สถานีนาราอิ (Narai Station)
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/kr7UeVNEodLEdD837


5. โออุจิจูคุ – จ.ฟุกุชิมะ

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น
Credit : Suchart Boonyavech / shutterstock.com

หมู่บ้านโออุจิจูคุ (Ouchi-juku) แห่งเมืองฟุกุชิมะ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ในอดีตเคยเป็นเมืองสำคัญในยุคเอโดะ บ้านเรือนกว่า 50 หลัง ยังคงรูปแบบดั้งเดิม มีจุดเด่นคือการมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก แต่ส่วนใหญ่ถูกปรับปรุงให้เป็นที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร หลังที่เป็นไฮไลต์คือ “โออุชิจูคุ มะชินะมิ เท็นจิคัง” ที่ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ในอดีตเป็นที่พักรับรองของโชกุนและขุนนางจากแคว้นต่างๆ ปัจจุบันจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน และยังมีของใช้โบราณหลายพันชิ้นให้ชม ก่อนกลับต้องไม่พลาดความอร่อยของ “เนงิโซบะ (Negi Soba)” โซบะที่โรยหน้าด้วยหัวไชเท้าขูดและปลาโอแห้งขูดฝอย ซึ่งเขาจะใช้ต้นหอมญี่ปุ่นเส้นใหญ่ๆ แทนตะเกียบในการคีบหรือเกี่ยวเส้นเข้าปาก และทานไปพร้อมกัน รสชาติหอมหวาน กินแล้วสดชื่นมาก

การเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Yunokami Onsen แล้วต่อรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/E95edczpYY1gjxkz6


6. เมืองเก่าซันมาจิ – จ.กิฟุ

Credit : Alexander Hagseth / shutterstock.com

ซันมาจิ (Sanmachi Suji) แห่งเมืองทาคายาม่า ในจังหวัดกิฟุ คือพื้นที่ถนน 3 สาย เป็น เมืองเก่าญี่ปุ่น ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “Little Kyoto” เพราะในอดีตเป็นศูนย์กลางการค้าของเมือง ลักษณะจึงเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนเรียงกันหนาแน่น ทุกหลังตกแต่งด้วยโทนสีดำน้ำตาล เป็นบ้านสไตล์ดั้งเดิมที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ ปัจจุบันมีการปรับปรุงและพัฒนากลายเป็นร้านค้าต่างๆ ขายของของที่ระลึก มีสินค้าแฮนด์เมด งานหัตถกรรม จานชามกระเบื้อง ชุดยูกาตะ ตุ๊กตาซารุโบะโบะ สัญลักษณ์ของเมืองทาคายามา ของใช้ต่างๆ รวมถึงของขึ้นชื่ออย่าง “สาเก” ที่ในย่านนี้มีโรงงานผลิตอยู่ถึง 7 แห่ง บางแห่งเปิดให้เที่ยวชม รวมถึงยังมีคาเฟ่และร้านอาหารให้ได้นั่งพักชิมของอร่อยด้วย

การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR  Limited Express Wide View Hida ลงที่สถานีทาคายาม่า (Takayama) จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/xpuLwG29x9jknN5J8


7. ย่านโรงน้ำชาฮิงาชิ ชายะ – จ.อิชิคาวะ

Credit : mura / canva.com

หลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “เกอิชา” มาบ้าง เหล่าเกอิชาจะทำหน้าที่ให้ความบันเทิงอยู่ในโรงน้ำชา ซึ่ง ย่านโรงน้ำชาฮิงาชิ ชายะ (Higashi Chaya) ในจังหวัดอิชิคาวะแห่งนี้ ถือเป็นย่านโรงน้ำชาที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด หลายแห่งเปิดให้เข้าชม โดยภายในมีข้าวของต่างๆ ที่เคยใช้ในอดีตจัดแสดงไว้ บางแห่งเปลี่ยนเป็นร้านขายน้ำชาและขนมหวาน บางแห่งก็มีการแสดงจากเกอิชาด้วย นอกจากเดินเที่ยวเล่น ช้อปปิ้ง กินของอร่อย กิจกรรมยอดฮิตที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การเช่าชุดยูกาตะมาใส่ถ่ายรูปท่ามกลางบรรยากาศ เมืองเก่าญี่ปุ่น เหมือนได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยเอโดะจริงๆ

การเดินทาง : จากสถานีคานาซาวา (Kanazawa Station) นั่ง Kanazawa Loop bus ลงที่ป้ายฮะชิบะโจ จากนั้นเดินต่อประมาณ 5 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/gMHdaWX3r5LDjprZ7


8. หมู่บ้านซูกานุมะ – จ.โทยามะ

Credit : Amstk / canva.com

ใครที่ชอบเที่ยวธรรมชาติ อยากชมวิวสวยๆ แนะนำให้มาเที่ยว “หมู่บ้านซูกานุมะ” หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ที่นี่แบ่งงออกเป็น 2 พื้นที่ คือ หมู่บ้านซูกานุมะ(Suganuma Village) และ โกคายาม่ากัสโช โนะ ซาโตะ(Gokayama Gassho no Sato) ซึ่งเชื่อมถึงกันด้วยอุโมงค์ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมทั้งสองหมู่บ้านได้แบบสบายๆ มีไฮไลต์คือ “บ้านกัสโชซูคุริ 9 หลัง” ที่ยังถูกอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี  ส่วนหลังอื่นๆ ดัดแปลงเป็นร้านค้า และที่พักแบบ “มินชุคุ (Minshuku)” หรือ โฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับบรรยากาศชนบท ชมวิวขุนเขาและสายน้ำ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่จัดแสดงเรื่องราววิถีชีวิตของคนในชุมชน มีข้าวของเครื่องใช้โบราณ อุปกรณ์การเกษตร การเลี้ยงหนอนไหม การผลิตกระดาษวาชิ และ พิพิธภัณฑ์ดินประสิว ที่ใช้ทำดินปืน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในสมัยเอโดะ และมีชื่อเสียงในภูมิภาคนี้

การเดินทาง : นั่งรถบัสจาก Shirakawago ลงสถานี Suganuma ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/j8CZbpXx9FGV83Kn7


9. หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ –  จ.เกียวโต

Credit : Kwannokprom / shutterstock.com

มาต่อกันที่หมู่บ้านน่ารักๆ อย่าง หมู่บ้านโบราณมิยามะ คายาบูกิ โนะ ซาโตะ (Miyama Kayabuki no Sato) แห่งเมืองเกียวโต หมู่บ้านเกษตรกรรม ทุกหลังสร้างหลังคาแบบคายาบูกิ ซึ่งเป็นเทคนิคดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อ 200 ปีมาแล้ว ปัจจุบันหลงเหลือให้ชมเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่น ภายในหมู่บ้านมีที่พักแบบโฮมสเตย์ ร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น รวมถึง ศาลเจ้าจิอิฮะจิมัง (Chii Hachiman Shrine) ที่เชื่อกันว่าช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและนำความสุขมาให้ รวมถึง “พิพิธภัณฑ์คายาบูกิ โนะ ซาโตะ” ที่จัดแสดงของใช้โบราณ เครื่องมือทำการเกษตรแบบดั้งเดิม และ “พิพิธภัณฑ์ผ้าคราม” ที่จัดแสดงการย้อมผ้าแบบดั้งเดิม แต่ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ “ไข่ไก่และถั่วดำ” วัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อที่ร้านอาหารและคาเฟ่นำมาดัดแปลงเป็นเมนูหลากหลาย สามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้

การเดินทาง : จากสถานี เกียวโต (Kyoto) ขึ้นรถไฟ JR Sagano Line ลงสถานี โซโนเบะ (Sonobe Station) และเปลี่ยนมาขึ้นรถไฟ JR San-In Line ลงสถานีฮิโยชิ (Hiyoshi) จากนั้นต่อรถบัสสาย Nantan Bus ลงป้าย Kayabuki-no Sato
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/NVu3gdx27ejMNr5v5


10. หมู่บ้านประมง​อิเนะ – จ.เกียวโต

Credit : beeboys / shutterstock.com

ปิดท้ายกันด้วย หมู่บ้านประมง​อิเนะ (Ine Fishing Village) แห่งเกียวโต หมู่บ้านที่เรียงเป็นรูปตัว U ล้อมอ่าวอิเนะ บรรยากาศน่ารัก เงียบสงบ เหมาะสำหรับชาวสโลว์ไลฟ์ บ้านที่เห็นจะยกสูง และมีอู่เก็บเรืออยู่ด้านล่าง เรียกบ้านแบบนี้ว่า “ฟุนายะ (Funaya)” เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เพราะส่วนใหญ่คนที่อาศัยอยู่ทำอาชีพประมง ช่วยให้ออกไปหาปลาได้สะดวก ปัจจุบันมีบางแห่งที่เปิดเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวมานอนเล่นชมวิวสวยๆ พร้อมชิมอาหารทะเลสดๆ หรือจะไปนั่งเรือชมวิวรอบอ่าวก็ได้ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ และ “โรงกลั่นเหล้ามุไคชุโซ” ที่มีชื่อเสียง เปิดมานานถึง 260 ปี มีเหล้าที่ได้รับความนิยมคือ “เหล้าอิเนะมังไค” (Ine Mankai) ที่มีรสหวาน มีสีเหลืองเหมือนกับไวน์โรเซ่ และยังคงใช้วิธีขนส่งผ่านทางน้ำเหมือนในอดีต สามารถเข้าชมและซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปได้

การเดินทาง : จากสถานี อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate Station) ต่อ Tankai Bus ที่หน้าสถานี มาลงป้ายอิเนะ (Ine)
แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/U4G5D1NdxgVbEHen8

หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น เพราะสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอช่วงเทศกาล แต่ละที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ความสวยงามแตกต่างกันไปตามฤดูกาลอีกด้วย ใครเที่ยวในตัวเมืองบ่อยแล้ว หรืออยากหลบมุมมาพักผ่อนแบบชิลๆ เดินทอดน่องสบายๆ บ้าง ก็ตามรอยพี่เห็ดมาได้เลย เลือกเส้นทางที่ถูกใจแล้วจองทัวร์ไปกับพี่เห็ด รับรองว่าสนุกฟินได้กินของอร่อยทุกทริป!


ชอบ บทความ มัชรูมทราเวล ทำไงดี…?
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านบ้าง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

—————

Mushroom Travel มีโปรแกรม ทัวร์ญี่ปุ่น ให้เลือกมากที่สุด
โทร. 02-105-6234 (30 คู่สาย)
[email protected]
Line id : @mushroomtravel

สินค้าที่เกี่ยวข้อง