สวิตเซอร์แลนด์ ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งภูเขา และก็มียอดเขาสวยๆ หลายแห่งที่น่าไปเที่ยวชม แต่ถ้าพูดถึงยอดเขาที่วิวสวยและเดินทางสะดวกสบายด้วย ไปกับเด็กๆ หรือครอบครัวได้ พี่เห็ดยกให้ ยอดเขาริกิ เลยค่าา ! ยอดเขาแห่งนี้ได้ฉายาว่าเป็น “ราชินีแห่งเทือกเขา” เพราะมีวิวพาโนรามาที่สวยงามอลังการ บอกเลยว่าต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่จะสวยขนาดไหน มีอะไรให้เที่ยวบ้าง และควรไปเดือนไหนดี พี่เห็ด มัชรูมทราเวล มีข้อมูลดีๆ มาฝาก ตามไปอ่านกันได้เลย
ทำความรู้จักยอดเขาริกิ
ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองลูเซิร์น (Lucerne) มีความสูง 1,797 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ เพราะการเดินทางขึ้นไปชมวิวนั้นสะดวกสบายมาก มีรถไฟแบบฟันเฟือง (Cogwheel Train) ซึ่งเป็นรถไฟขึ้นเขาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป พาไปถึงยอดเขาด้านบน นอกจากจะได้ชมทัศนียภาพสวยๆ ของป่า ภูเขา น้ำตก ทุ่งหญ้า ฯลฯ ระหว่างทาง ด้านบนยังมีทางเดินและจุดชมวิวที่หลากหลาย ให้ได้เพลิดเพลินกับวิวของเทือกเขาแอลป์ และทะเลสาบที่อยู่รอบๆ อีกกว่า 13 แห่ง แบบ 360 องศา ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งก็จะสามารถเห็น ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงสุดในทวีปยุโรปได้ด้วย
เที่ยว ยอดเขาริกิ เดือนไหนดี
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเยี่ยมชม ยอดเขาริกิ อากาศกำลังเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5 – 15 องศาเซลเซียส หิมะเริ่มละลายแต่ยังมีให้เห็นในช่วงต้นฤดู พอกลางฤดูลงไปก็จะได้สัมผัสกับทิวทัศน์สวยๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้าเขียวขจี เหมาะสำหรับการเดินป่าและมาปิกนิก
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
ใครสู้อากาศหนาวไม่ไหวมาเที่ยว เขาริกิ ฤดูร้อนได้เลยค่ะ อุณหภูมิช่วงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 15 – 25 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนกรกฎาคม บางช่วงอาจมีฝนตกด้วย แต่จะทำให้ทิวทัศน์รอบๆ เป็นสีเขียวชอุ่ม ดูสดชื่นมีชีวิตชีวา ทุ่งหญ้าเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าหลากสี เหมาะสำหรับการเดินป่า ปีนเขา ชมธรรมชาติ นอนอาบแดดในทุ่งหญ้า รวมถึงกิจกรรมสุดมันส์อย่างพาราไกลด์ดิ้ง
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอากาศก็จะเริ่มเย็นลงอีกครั้ง อุณหภูมิช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 10 – 18 องศาเซลเซียส ภูเขาจะถูกปกคลุมด้วยหญ้าสีเหลือง แต่งแต้มด้วยสีสันของต้นไม้ที่ผลัดใบเป็นสีส้ม แดง ใครอยากเที่ยวแบบคนไม่เยอะ แนะนำมาช่วงนี้ค่ะ
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
บรรยากาศในฤดูหนาวของ ยอดเขาริกิ แตกต่างจากฤดูอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกพื้นที่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ -3 ถึง 3 องศาเซลเซียส มีลมแรง เดือนที่หนาวที่สุดคือเดือนมกราคม ช่วงนี้จะได้สนุกกับกิจกรรมฤดูหนาว เช่น เล่นสกี รถเลื่อนหิมะ สโนว์บอร์ด รวมทั้งเดินป่าท่ามกลางวิวภูเขาหิมะด้วยค่ะ
สรุปแล้ว ยอดเขาริกิสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลขึ้นอยู่กับความชอบ และสไตล์การเที่ยวของแต่ละคน ใครชอบสภาพอากาศ บรรยากาศแบบไหน ก็เลือกช่วงเวลาให้ตรงกับความต้องการได้เลย แต่ก็อย่าลืมตรวจสอบสภาพอากาศก่อนด้วยนะคะ
การเดินทาง
– ขึ้นเรือที่ท่าเรือ Luzern Bahnhofquai ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟลูเซิร์น มาลงที่ท่าเรือเมืองวิทซ์นาว (Vitznau) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถไฟฟันเฟืองขบวนสีแดงประมาณ 30 นาทีขึ้นไปยัง ยอดเขาริกิ ราคารวมเรือและรถไฟฟันเฟือง ไป – กลับ อยู่ที่ประมาณ 131 CHF (ใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นฟรี)
– ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานี อาร์ธ-โกเดา (Arth Goldau) ต่อรถไฟฟันเฟืองขบวนสีน้ำเงินอีกประมาณ 45 นาทีถึง ยอดเขาริกิ โดยค่ารถไฟฟันเฟืองไป – กลับ จะอยู่ที่ประมาณ 78 CHF (ใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นฟรี)
– ขึ้นกระเช้ากอนโดล่าในเมืองเวกกิส (Weggis) ไปยังสถานี Rigi Kaltbad ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่าตั๋วกระเช้าไป – กลับประมาณ 58 CHF (ใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นฟรี) จากนั้นต่อรถไฟฟันเฟืองขบวนสีแดงไป ยอดเขาริกิ อีกประมาณ 12 นาที
*** หมายเหตุ : กระเช้าเปิดให้บริการในวันหยุดสุสัปดาห์ตลอดทั้งปี แต่จะมีการปิดปรับปรุงประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน และปลายเดือนพฤศจิกายน
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
1. ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm)
รถไฟฟันเฟืองจะพาเรามาส่งที่ ยอดเขาริกิ ซึ่งถือเป็นจุดที่สูงที่สุดและสวยที่สุดเลยค่ะ จากบนนี้จะได้เห็นวิวพาโนรามาของเทือกเขาแอลป์ที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ 13 แห่ง เช่น ทะเลสาบ Aegeri, ทะเลสาบ Lauerz, ทะเลสาบ Zug ทั้งยังมองเห็นเมืองลูเซิร์น, เมืองซุก (Zug) รวมไปถึงประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศสอีกด้วย
2. สถานี ริกิ สตาฟเฟิล (Rigi Staffel)
สถานี ริกิ สตาฟเฟิล อยู่ห่างจาก ยอดเขาริกิ ประมาณ 1 กิโลเมตร มีการออกแบบทางเดินให้มีความสะดวกสบาย มีรั้วกั้นช่วยเพิ่มความปลอดภัย ทำให้ได้ชมวิวสวยๆ ไปตลอดทางเลยค่ะ บริเวณชานชาลาจะมองเห็นวิวของเมืองลูเซิร์นได้ด้วย และถ้าข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านอาหารชื่อว่า Bahnhöfli ที่สามารถนั่งทานอาหารริมระเบียง พร้อมชมวิวยอดเขาริกิไชเด็ค (Rigi Scheidegg) และร็อสท็อค (Rotstock) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภู เขาริกิ ได้ ช่วงเย็นจะมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตก บรรยากาศดีมาก
3. ร็อสท็อค (Rotstock)
ถ้าเดินลงมาจากสถานี ริกิ สตาฟเฟิลจะเจอกับ จุดชมวิวร็อสท็อค เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ ที่มองเห็นทะเลสาบลูเซิร์น และวิวทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา บริเวณนี้คนไม่เยอะมาก สามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติและภาพสวยๆ ตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ ในฤดูหนาวทุ่งหญ้าทั้งหมดจะถูกปกคลุมหิมะ สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ
4. เส้นทางเดินป่า Rigi Kaltbad – Känzeli – Rigi Kaltbad
เส้นทางเดินป่าที่นี่มีหลายเส้นทางมาก สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นนักเดินป่าตัวยง พี่เห็ดแนะนำเส้นทางสั้นๆ ง่ายๆ เป็นเหมือนการเดินเล่น ชมนกชมไม้มากกว่าการเดินป่า ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ระยะทางรวมประมาณ 1.9 กิโลเมตร จาก ริกิ คาลท์บาด ผ่านโบสถ์ St. Michael`s chapel และพื้นที่ป่าอันเงียบสงบ ไปยัง จุดชมวิว Kaenzeli ที่ระดับความสูง 1,464 เมตร จะได้ชมวิวพาโนรามาของทะเลสาบลูเซิร์น, เมืองลูเซิร์น และเทือกเขาแอลป์ นอกจากนี้บริเวณริกิ คาลท์บาด ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และสนามกอล์ฟไซส์มินิด้วย แต่ถ้าใครอยากตีกอล์ฟแนะนำว่าให้จองล่วงหน้านะคะ เพราะไม้กอล์ฟมีให้บริการจำนวนจำกัด
5. โรงอาบน้ำแร่และสปา ริกิ คาลท์บาด (Rigi KaltbadMineral Baths & Spa Rigi Kaltbad)
กิจกรรมยอดฮิตอีกหนึ่งอย่างบน เขาริกิ คือการมานอนแช่น้ำพร้อมชมวิวเทือกเขาแอลป์ในมุมสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ โรงอาบน้ำแร่และสปา ริกิ คาลท์บาด ซึ่งได้รับการออกแบบโดย Mario Botta สถาปนิกชื่อดังชาวสวิส บรรยากาศหรูหรา แต่เงียบสงบผ่อนคลาย มีสระในร่มและสระกลางแจ้งที่อุดมด้วยน้ำแร่จากแหล่งน้ำพุธรรมชาติ รวมถึงสปา, ห้องอบไอน้ำ, ซาวน่า และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย
ความสวยงามแบบนี้มีให้ชมตลอดทั้งปีเลยนะคะ เคลียร์คิวให้ว่าง เลือกช่วงเวลาที่ถูกใจ แล้วกดจอง ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ ไปกับมัชรูมทราเวลได้เลย นอกจากจะได้ไปเที่ยว ยอดเขาริกิ ยังจะได้เช็กอินแลนด์มาร์กเด็ดๆ กินของอร่อย ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศฟินๆ รับรองเลยว่าจะเป็นอีกหนึ่งทริปที่เพื่อนๆ ประทับใจไม่ลืม !